ฉากที่ทำให้ตื่นตะลึงพลันปรากฏขึ้น
หลังจากที่ลูกบอลลำแสงสีโลหิตสูบของสีดำแดงเข้าไป กลิ่นคาวเลือดพลันสลายหายไป กลับมีกลิ่นหอมฟุ้งโชยออกมาแทน
พลันเกิดเสียงฮือฮาขึ้นท่ามกลางเหล่าปีศาจที่อยู่ด้านล่าง!
ปีศาจระดับสูงเหล่านั้นยังพอว่า แม้จะรู้สึกโลภ แต่สุดท้ายก็ฝืนควบคุมอาการของตนเองเอาไว้
ปีศาจระดับต่ำอื่นๆ ที่สติปัญญาไม่สูงกลับทยอยกันเผยสีหน้าละโมบออกมา พากันสติหลุด ส่วนทหารภูตและหุ่นเชิดทั้งหมดที่อยู่ในพายุสีดำกลับนิ่งสงบไม่ได้ขยับเขยื้อน
ฉับพลันนั้นเสียงแค่นเสียงขึ้นจมูกอันเย็นชาพลันดังขึ้น
ความเย็นยะเยือกทะลุปอดพลันแผ่ซ่านออกมา ชั่วพริบตาก็ปกคลุมไปทั่ว ทำให้ปีศาจทั้งหมดตัวสั่นสะท้าน ความละโมบที่เพิ่งผุดขึ้นมาเมื่อครู่หายวับไป
คาดไม่ถึงว่าลิ่วจู๋จะดูเหมือนว่าคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว แรงกดดันระเบิดออกมาจากร่าง
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันใจกระตุกวูบ
ตั้งแต่ที่เขาบอกกับสิ่งมีชีวิตระดับหลอมร่างสองสามคน ลิ่วจู๋คือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
หรือว่าอยู่ในระดับยอดสุดของระดับหลอมร่างขั้นปลาย?
หานลี่เอ่ยพึมพำในใจ ในเวลาเดียวกันก็ตัดสินใจว่าจะไม่เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตรงๆ ใดๆ ทั้งสิ้น
บางทีจากความสามารถของเขา เผชิญหน้ากับราชันย์ปีศาจตนอื่นก็พอจะมีหวังในการหลบหนีได้ แต่กลับคนผู้นี้กลับไม่มีโอกาสใดๆ
ครานี้มู่ชิงกำลังเอ่ยพึมพำอยู่เบื้องหน้าลูกบอลโลหิตยักษ์ที่แผ่กลิ่นหอมฟุ้งออกมา
ปีศาจระดับสูงสิบกว่าตนกลับทยอยกันพุ่งลงไปด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีหนีหัวซุกหัวซุน
แทบจะในเวลาเดียวกันด้านบนลูกบอลโลหิตมีเสียงฟ้าฟาดดังสนั่นขึ้น ชั้นบรรยากาศรอบๆ สั่นสะเทือน เมฆหมอกสีเงินอ่อนปรากฏขึ้นเป็นกลุ่มๆ จากนั้นก็หมุนวน กลายเป็นกระแสน้ำวนยักษ์
กระแสน้ำวนมีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบจั้งเศษ ด้านในมีหมอกสีเงินหมุนวนเป็นเกลียว และยิ่งไปกว่านั้นยังเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องระเบิดออกมาในเวลาเดียวกัน ราวกับว่ามีอะไรสักอย่างพุ่งแหวกอากาศมาอย่างไรอย่างนั้น
หานลี่หน้าเหยเก ดวงตาที่มองไปกลางอากาศหรี่ลงเล็กน้อย ด้านในมีลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
บางทีคนอื่นอาจจะไม่รู้สึก แต่อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณวารีกระจ่างของหานลี่กลับมองเห็นสถานการณ์ในกระแสน้ำวนได้อย่างชัดแจ้ง
เห็นเพียงส่วนลึกที่สุดในกระแสน้ำวน ดูเหมือนกระดาษบางๆ ที่ยับยู่ยี่ ภายใต้หมอกสีเงินที่อัดลงไป และสั่นเทาอย่างรุนแรง
เสียงระเบิดก็คือเสียงชั้นบรรยากาศที่ผัวผวนอย่างรุนแรง จนเกิดเป็นเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา
ฉับพลันนั้นเสียงเครื่องลายครามปริแตกก็ดังสลับปะปนขึ้น รูม่านตาของหานลี่หดเล็กลง
ในที่สุดชั้นบรรยากาศในกระแสน้ำวนก็ปริแตก ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ แขนที่มีขนสีเงินปุกปุยข้างหนึ่งยื่นออกมา หลังจากที่ชั้นบรรยากาศพลิ้วไหวสองสามครั้ง ทันใดนั้นแขนอีกข้างที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วก็ยื่นออกมา
แขนยักษ์สองข้างที่มีเล็บสีทำสนิทยาวสองสามจั้งตะปบไปตรงขอบของหลุมดำทั้งซ้ายและขวา
ชั้นบรรยากาศรอบๆ ในระยะร้อยจั้งเศษแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
หลังจากนั้นกระแสน้ำวนสีเงินพลันมีเสียงคร่ำครวญดังขึ้น กลายเป็นดวงดาวสีเงินแล้วแตกพร่างพราวหายไป
กลางอากาศที่เดิมกลับมีหลุมดำที่ใหญ่กว่าเดิมสิบเท่าปรากฏขึ้น มือยักษ์คู่หนึ่งเกาะอยู่ตรงขอบของมันนิ่ง ในเวลาเดียวกันดวงตายักษ์ข้างหนึ่งที่อยู่กลางหลุมดำพลันกะพริบระยิบระยับ เปล่งลำแสงสีเขียวประหลาดๆ ออกมา
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าตกตะลึงนี้ นอกจากราชันย์ปีศาจทั้งสี่แล้ว ทุกคนต่างก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
มู่ชิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เขตอาคมลำแสงสีดำใต้ฝ่าเท้าเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วขณะนั้นพลันสลายหายไปท่ามกลางลูกบอลโลหิต
ครู่ต่อมาสตรีผู้นี้พลันมาปรากฏตัวเบื้องหน้าวานรสีทอง สีหน้าค่อยๆ ผ่อนคลายลง
เสียง “กุ๊กๆ” ราวกับเสียงไก่ขันดังออกมาจากหลุมดำยักษ์
หานลี่ได้ยินแล้วพลันตื่นตะลึงอย่างคาดไม่ถึง แต่เมื่อมองไปทางสายทีขวาทีกลับตกใจจนสะดุ้งเฮือก
หลังจากที่เหล่าปีศาจด้านล่างได้ยินเสียงประหลาดนี้ ก็ทยอยกันร่างกายสั่นเทา
พวกที่อยู่ในระดับต่ำหน่อยรู้สึกหมดเรี่ยวแรงล้มตึงลงไปกับพื้น ระดับสูงหน่อยก็ดูเหมือนว่าจะยืนได้อย่างไม่มั่นคง
แม้แต่สี่ราชันย์ปีศาจในครานี้ก็ยังมีลำแสงวิญญาณหลากสีสันกะพริบวาบอยู่บนผิวกาย ต่างใช้เคล็ดวิชาต่างๆ ออกมาป้องกัน
ส่วนหานลี่กลับปลอดภัยทุกระเบียบนิ้ว ท่าทางไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยสักนิด
หานลี่พลันตื่นตะลึงกับตนเองอย่างระงับไม่อยู่ แน่นอนว่าย่อมดึงดูดความสนใจของมู่ชิงและพวก
สตรีผู้งดงามเรือนผมสีขาวร้องอุทานออกมเบาๆ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยคิดจะเอ่ยถามอะไร แต่ลิ่วจู๋กลับชิงเอ่ยปากอย่างเย็นชาว่า
“ไม่ต้องตกใจ! เจ้าเด็กนั้นใช้สมบัติไผ่อัสนีสีทองมาเป็นสมบัติประจำกาย ประกอบที่ไม่ได้อยู่ในเหวพสุธานานนัก ไอทมิฬจึงยังไม่อาบย้อมไปบนเรือนร่าง จึงไม่กลัวเสียงร้องของมารเขย่าชั้นบรรยากาศก็ไม่แปลก”
เมื่อได้ยินลิ่วจู่เอ่ยเช่นนี้ หญิงงามก็เผยสีหน้าเข้าใจได้ แล้วปิดปากเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร
ผู้ที่สวมชุดคลุมสีโลหิตสองคนและมู่ชิงพลันหน้าเปลี่ยนสีขณะมองหานลี่แวบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หานลี่ได้ยินคำว่า ‘มารเขย่าชั้นบรรยากาศ’ พลันขมวดคิ้ว
ชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่สามารถแหวกอากาศมาได้ย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หรือว่าเเป็นนสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับวิญญาณเที่ยงแท้? แต่แม้ว่าสี่ราชันย์ปีศาจจะมีสีหน้าเคร่งขรึม แต่ก็ไม่เหมือนกับเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตระดับวิญญาณเที่ยงแท้ถือกำเนิด!
หานลี่กำลังรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก แขนสีเงินคู่นั้นตรงขอบของหลุมดำหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นดวงตาปีศาจในหลุมก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากด้านใน เผยหน้าตาที่แท้จริงของมันออกมา
ขณะที่หานลี่กำลังมองไป ก็มีสีหน้าตกตะลึง
ตัวประหลาดนี้มีหัวเป็นสีเงินขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง ผิวของมันเป็นตะปุ่มตะป่ำ ไม่มีขนเลยสักเส้น ตรงหว่างคิ้วมีดวงตาสีเขียวมรกตโผ่ออกมาครึ่งดวง ปากยาวใหญ่ เต็มไปด้วยฟันซี่เล็กๆ ดูแหลมคมเป็นพิเศษ ส่วนตรงจมูกกลับว่างเปล่า มีเพียงหลุมสีดำสองหลุม ไม่มีอะไรเลยสักนิด
แต่สิ่งที่ทำให้ขนพองสยองเกล้าก็คือ ตัวประหลาดตัวนี้มีหัวตั้งหัวนึง แต่กลับไม่มีตัว แขนที่มีขนปุกปุยคู่นั้นงอกออกมาจากตรงหูทั้งสองข้างบนหัว พลางเปล่งแสงสีเงินเรืองๆ ออกมา
“นี่คือมานจิงคง ท่าทางน่ากลัวเกินไปหน่อยแล้วกระมัง!”
แม้ว่าก่อนหน้านี้หานลี่จะเคยพบตัวปีศาจมารตัวประหลาดมาไม่น้อย แต่ก็ยังตกใจกับรูปร่างของมัน จนรู้สึกเย็นเยียบที่แผ่หลัง!
หลังจากที่ปีศาจตนนี้ปรากฏตัวด้านหน้าหลุมดำ ดวงตาข้างเดียวของมันก็หมุนวน ตกลงบนลูกบอลโลหิตยักษ์ทันที และเปล่งแสงประหลาดๆ ออกมา
ทำเหมือนมองไม่เห็นสี่ราชันย์ปีศาจรวมทั้งปีศาจหุ่นเชิดสองสามหมื่นตนที่อยู่ด้านล่าง
เห็นได้ชัดว่าที่มันฉีกชั้นบรรยากาศมาที่นี่ ก็เพราะถูกดื่มโลหิตดึงดูดมา
ครานี้ในที่สุดปีศาจระดับต่ำก็ทยอยกันปีกขึ้นมาหลังจากที่มารเขย่าชั้นบรรยากาศหยุดร้อง แต่พากันตัวสั่นเทาไม่กล้าเปล่งเสียงใดๆ ออกมาเลยสักนิด
สี่ราชันย์ปีศาจมองตัวประหลาดนี้ ล้วนมีท่าทีตึงเครียด แต่ไม่ได้เผยสีหน้าลนลานออกมา
หัวยักษ์เปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ออกมา อ้าปากออกพ่นหมอกสีเงินออกมา ชั่วครู่ก็ม้วนเอาลูกบอลโลหิตด้านล่างเข้าไป แล้วดึงกลับไป
เสียง “อึก” ดังขึ้น ลูกบอลโลหิตถูกตัวประหลาดกลืนลงไป
มารเขย่าชั้นบรรยากาศเปล่งแสงสว่างวาบ เรือนกายกลายเป็นสีแดงสด ราวกับว่ากลืนดื่มโลหิตเข้าไปแล้วก็ถูกย้อมเป็นสีแดงในชั่วพริบตา
เสียงอึกทึกราวเสียงเรอดังออกมาจากปาก หัวยักษ์เริ่มสั่นคลอน ทันใดนั้นก็หันกายจมหายเข้าไปในหลุมยักษ์สีดำ ชั่วพริบตาก็าหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คาดไม่ถึงว่ามารเขย่าชั้นบรรยากาศจะไปทั้งอย่างนั้น
สี่ราชันย์ปีศาจไม่ได้เข้าไปขัดขวางเลยสักนิด ไม่ได้มีเจตนาจะรั้งมันไว้ใดๆ เหลือเอาไว้เพียงหลุมดำที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เมื่อมองมาถึงตรงนี้ แววตาของหานลี่กลับฉายแววตกตะลึงออกมา รู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย!
แต่ในตอนนั้นเองลิ่วจู๋พลันเอ่ยปากขึ้นอย่างราบเรียบว่า
“เอาล่ะ มีมารเขย่าชั้นบรรยากาศช่วยฉีกชั้นบรรยากาศแทนพวกเรา การเข้าไปในแม่น้ำอเวจีของพวกเราก็สำเร็จไปครึ่งหนึ่งแล้ว สหายมู่เจ้ากับข้าเข้าไปก่อน ไปเชื่อมโยงชั้นบรรยากาศของแม่น้ำอเวจี จะได้ให้ตี้เสวี่ยและกองทัพของสหายหลันเข้าไปได้อย่างราบรื่น”
“เชิญสหายลิ่วจู๋! สหายหาน วิญญาณทอง พวกเจ้าตามข้ามาเถิด” มู่ชิงพยักหน้า และออกคำสั่งอย่างไม่ลังเล
“ขอรับ!” วานรสีทองตอบกลับ แล้วรีบร้อนค้อมตัวลง
หานลี่พลันตะลึงงัน ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างขมขื่นออกมาแล้วบินไป
ที่แท้ราชันย์ปีศาจสองสามตนก็ใช้ดื่มโลหิตดึงดูดให้มารเขย่าชั้นบรรยากาศปรากฏตัว แล้วใช้ชั้นบรรยากาศที่มันฉีกออก เข้าไปในแม่น้ำอเวจีเท่านั้น
ทว่าดูจากท่าทางคุ้นเคยในการวางดื่มโลหิตของมู่ชิงและพวก ก็เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่การสังเวยโลหิตครั้งแรก
ไม่รู้ว่ามารตนนี้มีอิทธิฤทธิ์ชนิดใด คาดไม่ถึงว่าหลังจากหายไปแล้ว จะทิ้งรอยแยกของชั้นบรรยากาศเอาไว้ ทันใดนั้นร่างของลิ่วจู๋และมู่ชิงก็พลิ้วไหว ชิงบินนำเข้าไปในหลุมยักษ์สีดำ
หานลี่ทำได้เพียงทำใจดีสู้เสือตามไปท่ามกลางสายตาของวานรสีเหลืองที่กำลังฉีกยิ้มโดยที่ดวงตาไม่กะพริบไปด้วย
เมื่อร่างกายมาปรากฏที่ขอบของหลุมดำ หานลี่ก็สัมผัสได้ถึงคลื่นชั้นบรรยากาศที่แข็งแกร่งมากด้านในพัดเข้ามาเป็นระลอกๆ เห็นเพียงรอยแยกของชั้นบรรยากาศไม่เหมือนกับรอยแยกอื่นๆ ที่เคยเห็นมาก่อน ราวกับเป็นอุโมงค์ยักษ์ที่ทอดตัวไปยังจุดที่ไกลแสนไกล
ตรงสีดำสนิทที่อยู่ไกลออกไป มีเสียงร้องคำรามต่ำๆ ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
ลิ่วจู๋และมู่ชิงกำลังบินอยู่ลิบๆ เบื้องหน้า ความเร็วเชื่องช้า ท่าทางระมัดระวังตัว
หานลี่และวานรสีทองเองก็ตามไปทันที
ทางเดินสีดำไม่ยาวนัก คนกลุ่มนั้นบินไปข้างหน้าไปพันจั้งเศษ ฉับพลันนั้นก็หยุดลง เบื้องหน้ามีหมอกสีเงินหมุนวน ไม่มีหนทางใดๆ ให้เคลื่อนไปอีก
“ถึงแล้ว ที่นี่แหล่ะ มารเขย่าชั้นบรรยากาศตนนั้นหลับไปแล้วดังคาด หลังจากกลับไปถึงแม่น้ำอเวจีก็ทำได้เพียงปิดทางเดินเล็กๆ เอาไว้เท่านั้น สหายมู่ชิงดื่มโลหิตที่เจ้าให้มันกินในครั้งนี้ น่าจะทำให้มันหลับสนิทไปได้เป็นเวลานานสินะ!” ลิ่วจู๋จ้องเขม็งไปยังหมอกสีเงินเบื้องหน้า เอ่ยถามด้วยสีหน้าเงียบสงบ
“วางใจ ดื่มโลหิตกลุ่มสุดท้ายนี้ ข้าไม่ได้แอบลดวัตถุดิบเลยสักนิด ทำตามที่สหายสั่งมาทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาข้าจึงแทบจะสูญเสียสภาพจิตใจทั้งหมดไป” มู่ชิงเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจมาก
“ดีมาก! แม้ว่ามารเขย่าชั้นบรรยากาศจะเป็นมารที่มีชื่อเสียงในเรื่องชั้นบรรยากาศ แต่มันไม่รู้สึกตัวเลย ก็ต้องพึ่งฝีมือในการจัดการเท่านั้น! แต่การบวงสรวงดื่มโลหิตสิบกว่าครั้งก่อน ประกอบกับการกลืนสมุนไพรมัวเมาหมื่นปีในดื่มโลหิตในครั้งนี้เข้าไป ก็เพียงพอจะทำให้มันหลับไปสองสามเดือนแล้ว ขอแค่มันไม่ตื่น ทางเดินก่อนหน้าก็จะยังผ่านเข้าออกได้ เพียงพอให้พวกเรากลับไปจากแม่น้ำอเวจี จะว่าไปแล้วครั้งที่แล้วหากไม่ใช่เพราะมารตนนี้มาปรากฏตัวในเหวพสุธาของพวกเรา พวกเราก็คงไม่มีทางแม่น้ำอเวจีได้” ลิ่วจู๋พยักหน้าขณะเอ่ย
“ทว่าหากไม่ใช่เพราะพี่ลิ่วจู๋เคยได้ยินเรื่องแม่น้ำอเวจีมาก่อน เกรงว่าพวกเราก็ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายเข้าไปในสถานที่อันตรายในครั้งนี้!” มู่ชิงหัวเราะบางๆ ออกมา
“หึ หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเองก็สนใจนมเทวะแม่น้ำอเวจีเช่นกัน ข้าก็ไม่พูดให้พวกเจ้าสนใจหรอก เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยกันเรื่องนี้ ลงมือ เปิดทางเดินเถิด!” ลิ่วจู๋แค่นเสียงหึแล้วออกคำสั่ง