หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนกล่องไม้ ใช้นิ้วลูบไปบนของชิ้นนี้เล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่เงียบๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เปิดฝากล่องออก ด้านในมีเสียง “สวบ” ดังขึ้น คิดไม่ถึงว่าจะมีไข่มุกกลมสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกเม็ดหนึ่งบินโฉบออกมา
ไข่มุกกลมเม็ดนี้หมุนตัวเป็นวงกลมอยู่ตรงหน้าหานลี่ แล้วกลายเป็นหมอกสีดำกลุ่มหนึ่งระเบิดออก เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น หานลี่พลันรู้สึกเพียงว่าคันฝ่ามือ
ขณะที่ใจกำลังเต้นระรัวเขาก็ยกมือขึ้น
เห็นเพียงตรงใจกลางฝ่ามือมีตัวอักษรประหลาดเล็กๆ ปรากฎขึ้นสองสามตัว มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดข้าวสาร เบลอๆ ไม่ชัดเจน
หานลี่มองไปปราดหนึ่งแล้วสะบัดข้อมือ
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ตัวอักษรสองสามตัวหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่เขาครุ่นคิดอีกชั่วครู่ ร่างกายก็เปล่งแสงสีเขียวออกมา กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไปจากห้องทำสมาธิ หมุนวนรอบหนึ่ง แล้วตรงไปยังประตูของถ้ำพำนัก
หนึ่งเค่อต่อมา กลางอากาศเหนือหุบเขานิรนามแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนของเทือกเขา สายรุ้งสีเขียวพุ่งเข้ามาราวกับมังกรที่แหวกว่ายอยู่กลางนภา
ลำแสงสีเขียวหม่นแสง ร่างของหานลี่ปรากฎขึ้นกลางอากาศเหนือยอดเขา
แววตาของเขาเปล่งแสงสว่างวาบพลางกวาดตามองไปสองสามแวบแล้วร่อนลงมาอย่างเชื่องช้า
พื้นที่ของหุบเขานี้มีแค่พันกว่าจั้งเท่านั้น มุมหนึ่งของหุบเขามีกองหินระเกะระกะวางอยู่
หานลี่กำลังร่อนลงบนเบื้องหน้ากองหินกองนั้น
“ผู้แซ่หานมาตามนัดแล้ว สหายทั้งสองปรากฎตัวเถิด” เมื่อสองเท้าของหานลี่แตะพื้น ก็เอ่ยกับหินก้อนยักษ์ท่ามกลางกองหินก้อนหนึ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ
“หึๆ ศิษย์พี่หญิงเหยียน ข้าบอกแล้ว เคล็ดวิชาอำพรางกายแค่นี้ไม่มีทางปิดบังพี่หานได้แน่”
“ข้าเองก็รู้ว่าสหายหานต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถไม่ธรรมดา ทำเช่นนี้ก็แค่อยากทดสอบเท่านั้น”
หลังจากหัวเราะน้อยๆ ออกมา เสียงสนทนาอันไพเราะของสตรีทั้งสองก็ดังออกมาจากก้อนหินยักษ์ก้อนนั้น
จากนั้นหมอกลำแสงสีเทาพลันสั่นกระเพื่อม สตรีวัยเยาว์หน้าตางดงามเฉิดฉันสองคนพลันปรากฏตัวขึ้นบนนั้น
คนหนึ่งมีผิวสีขาวราวกับหิมะ ร่างกายอรชนอ้อนแอ้นราวกับเทพเซียน สวยหยาดเยิ้ม ท่าทางกำลังหัวเราะต่อกระซิก
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหยวนเหยาและเหยียนลี่!
กล่องไม้ดำที่หานลี่ได้รับในถ้ำพำนัก ก็คือยุทธภัณฑ์ที่ทำมาจากไม้หล่อเลี้ยงวิญญาณที่ได้มาจากวิหารนภาสูญในตอนแรก
ดังนั้นเขามองปราดเดียวก็จำได้แล้ว
แต่แค่ไม่รู้ว่าสตรีทั้งสองสำแดงความสามารถที่ลึกลับอะไร คาดไม่ถึงว่าจะส่งกล่องไม้มาด้านนอกห้องลับของเขาโดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
“ที่แท้ก็สหายทั้งสองนี่เอง! แม่หญิงหยวน ตอนที่แยกกันในมหาสมุทรดาวคลั่ง สบายดีหรือ?” หานลี่มองสตรีทั้งสอง ใบหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่านไป แล้วเอ่ยถามอย่างเอื่อยเฉื่อย
“พี่หาน หรือว่าเจ้าล้อพวกเราเล่น เจ้าเห็นว่าข้าและศิษย์พี่หญิงเหยียนมีท่าทีไม่สบายหรือ?” หยวนเหยาหุบยิ้มบนใบหน้า แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“นั่นมันก็ใช่ ผู้แซ่หานพูดจาไม่เหมาะสมแล้ว ทว่าข้าว่าแม่หญิงทั้งสองดูไม่เหมือนพวกภูต มีความลับอะไรสินะ” หานลี่สัมผัสได้ถึงไอทมิฬที่แผ่ออกมาจากร่างของสตรีทั้งสอง ก็ขมวดคิ้วขณะเอ่ยถาม
“พี่หานเดาไม่ผิด วันนั้นเป็นเพราะศิษย์น้องหญิงพยายามช่วยชีวิตข้า จึงพลัดเข้าไปในหมอกภูตของมหาสมุทรดาวคลั่ง เราสองคนได้อาศัยไอยมโลกทมิฬของที่นั่น ฝึกฝนคาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร แต่เคล็ดวิชาการผสานร่างมนุษย์และภูตนั้น ก็ทำให้พวกเราสองคนกลายเป็นครึ่งคนครึ่งภูต จะว่าไปแล้วเป็นเพราะข้าไม่มีกายเนื้อ จึงต้องลำบากศิษย์น้องหญิงหยวน” เหยียนลี่มีสีหน้าละอายใจขณะเอ่ย
“ศิษย์พี่หญิง เจ้าพูดอะไรกัน ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะศิษย์พี่หญิงลงมือช่วย ข้าก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตายแล้ว ศิษย์พี่หญิงจะตกไปอยู่ในสถานการณ์นั้นได้อย่างไร เหยียนเหยากลับหน้าเปลี่ยนสี แล้วรีบร้อนเอ่ยอธิบาย
เหยียนลี่กลับทำได้เพียงสั่นศีรษะพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่น
“คาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร?” หานลี่กลับขมวดคิ้ว
“ไม่เลว! ดูแล้วพี่หานคงรู้จักเคล็ดวิชานี้ไม่น้อย” เหยียนลี่เอียงคอ แววตาคู่งามเปล่งประกายขณะเอ่ย
“ผู้แซ่หานรู้จักเคล็ดวิชานี้อยู่เล็กน้อย เช่นนั้นทั้งสองก็สูญเสียคุณสมบัติในการเข้าสู่วัฏสงสารไปแล้ว!” หานลี่กระแอมไอเบาๆ ขณะเอ่ย
เหยียนลี่นั้นพอว่า หานลี่ไม่ได้สนิทสนมกับนางนัก แต่สิ่งที่หยวนเหยาทำในตอนนั้น เขายังรู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างมาก
“ตอนนั้นหากข้าและศิษย์พี่หญิงไม่ฝึกฝนการผสานร่าง เกรงว่าคงกลายเป็นเถ้าธุลีไปนานแล้ว ดังนั้นการฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ หยวนเหยาจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร แต่ว่าการที่พี่หานบินมาขึ้นมายังแดนวิญญาณได้นั้นถึงจะเป็นเรื่องที่น่านับถือมาก” หยวนเหยาหัวเราะกับหานลี่เบาๆ
“จากการขาดแคลนไอวิญญาณในแดนมนุษย์ ข้าเองก็ไม่ได้ใช้วิธีการธรรมดาๆ ในการบินขึ้นมา ทว่าเหตุใดสหายทั้งสองถึงมาปรากฎตัวที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่เขตแดนของเผ่ามนุษย์ของพวกเรา” หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย
“พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ไม่รู้เหมือนกัน สองร้อยปีก่อน ข้าและศิษย์น้องหญิงฝึกฝนคาถาตะวันจันทราวัฏสงสารสำเร็จ เพิ่มจะบรรลุระดับเทพแปลง ก็ถูกพายุทะมึนลูกใหญ่พัดเข้าใส่จนออกจากแดนฝึกฝน และเป็นลมสลบไป รอจนพวกเราสองคนได้สติ ก็มาปรากฎตัวอยู่ในเหวพสุธา จากนั้นก็พบกับแม่เฒ่าภูตที่มีร่างเป็นภูต และถูกรับไว้เป็นศิษย์ใต้อาณัติ ข้าและเหยียนลี่อยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน ถึงได้รู้ว่าเราสองคนอยู่ในแดนวิญญาณ และไม่เคยมีโอกาสไปบนพื้นเลยสักครั้ง” เหยียนลี่มีสีหน้างงงวยฉายแวบผ่านขณะเอ่ยปากตอบ
หานลี่ได้ฟังคำพูดเหล่านี้กลับรู้สึกหมดคำพูด
ในแดนมนุษย์มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงจำนวนไม่น้อยที่ทุ่มเทแรงกายแรงกายในการข้ามไปยังแดนวิญญาณ แต่ผลคือไม่อาจสมหวังได้
แต่หยวนเหยาและพวกทั้งสองเพิ่งจะฝึกฝนสำเร็จ ก็มาถึงแดนวิญญาณอย่างงงๆ
ในโลกนี้ช่างมีเรื่องมหัศจรรย์มากมายจริงๆ!
“สหายทั้งสองมาถึงแดนวิญญาณได้อย่างไร จุดนี้ข้าเองก็อนุมานไม่ได้ แต่เหตุใดถึงไม่ตกไปที่แดนมนุษย์ ก็น่าจะเป็นเพราะคาถาตะวันจันทราวัฏสงสาร ถึงได้ทำให้แม่นางทั้งสองไม่ได้ถูกแท่นวิญญาณเหาะเหินรับเอาไว้” หานลี่ขบคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ปัญหานี้ข้าและศิษย์พี่หญิงหยวนเองก็เคยศึกษา และคิดว่าสาเหตุนี้เช่นกัน” เหยียนลี่พยักหน้าขณะเอ่ยสนับสนุน
“เอาล่ะเรื่องในอดีตพวกเราค่อยหาเวลาคุยกันได้ แต่จู่ๆ สหายทั้งสองมาหาผู้แซ่หานที่นี่ น่าจะมีธุระอะไรสินะ!” หานลี่เลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามขึ้น
หยวนเหยาและเหยียนลี่ได้ยินคำพูดนี้ก็อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าครานั้นจะเงียบกริบไม่มีคำพูดใดๆ
ชั่วครู่หลังจากที่เหยียนลี่ลังเลเล็กน้อย ก็เอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ตะลึงงันออกมา
“ในเมื่อพี่หานและศิษย์พี่หญิงหยวนเป็นสหายเก่ากัน ข้าเองก็จะไม่ปิดบัง ครั้งนี้ที่เราสองคนมาหานั้น เป็นเพราะพวกเรากำลังตกอยู่ในอันตราย อยากให้พี่หานช่วยเหลือ”
“ตกอยู่ในอันตราย! สหายเหยียนหมายความว่าอย่างไร? สหายทั้งสองเป็นลูกศิษย์ของแม่เฒ่าภูต ในเหวพสุธาน่าจะไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาวุ่นวายถึงจะถุูก!” หานลี่มีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน
“แต่ผู้ที่ต้องการชีวิตของข้าและศิษย์น้องหญิงหยวน ก็คือแม่เฒ่าภูตนั่นแหล่ะ!” เหยียนลี่ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แววตาฉายแววตกตะลึง
“แม่เฒ่าภูต! แม่หญิงหยวน เป็นเช่นนั้นจริงๆ หรือ!” หานลี่ใจหายวาบ แม้จะรู้สึกว่าเหยียนลี่ไม่น่าจะพูดจาโป้ปด แต่ก็ยังหันหน้าไปถามหยวนเหยา
“พี่หานหากไม่มีวิธีอื่นแล้ว ข้าและศิษย์พี่หญิงเหยียนคงไม่เสี่ยงถูกแม่เฒ่าภูตพบด้วยการมาหาเจ้าถึงที่นี่หรอก ทว่าพี่หานเองก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร แม่เฒ่าภูตกำลังหลอมราชันย์ภูตเกราะทมิฬเอาไว้ใช้ในแม่น้ำอเวจี น่าจะไม่ออกจากการกักตนในระยะเวลาอันสั้น นี่จึงเป็นโอกาสเดียวที่ข้าและะศิษย์พี่หญิงจะมาขอความช่วยเหลือได้ ปกติแล้วพวกเราสองคนไม่อาจออกจากวังพสุธาได้” หยวนเหยาพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“พี่หานเคยช่วยศิษย์น้องหญิงในแดนมนุษย์ และยังปกป้องจิตวิญญาณแทนน้องหญิงน้อย น้องหญิงเองก็เคยได้ยินศิษย์น้องหญิงเอ่ยถึงหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เราสองคนไม่มีทางเลือกจริงๆ จึงทำได้เพียงมาหาพี่หานที่นี่ หวังว่าวหายจะช่วยพวกเราศิษย์น้องศิษย์น้องสักครั้ง!” เหยียนลี่เอ่ยไปพลางดวงตาทั้งสองก็แดงก่ำ ฉับพลันนั้นพลันดึงหยวนเหยาที่อยู่ข้างกายมาคำนับให้หานลี่เบาๆ
หานลี่หน้าเปลี่ยนสีสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันส่งออกมาจากกลางอากาศ
หยวนเหยาและเหยียนลี่ที่กำลังจะคำนับพลันรู้สึกเพียงว่าอากาศรอบกายแข็งค้าง จากพลังยุทธ์ของทั้งสองคาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจคำนับได้
สตรีทั้งสองจึงอดที่จะรู้สึกตกตะลึงระคนดีใจไม่ได้!
ตกตะลึงนั้นแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องที่หานลี่มีความสามารถสูงส่ง เหนือกว่าที่พวกนางคาดเอาไว้ ส่วนที่ดีใจก็คือหากอีกฝ่ายลงมือ พวกนางก็ดูเหมือนว่าจะหนีได้จริงๆ
“แม่หญิงหยวน เจ้าสองคนอย่ามองผู้แซ่หานสูงส่งเกินไปนัก ภายในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเจ้าก็รู้ดีว่าผู้แซ่หานเองก็ถูกลงอาคมไว้ แล้วจะต่อกรกับแม่เฒ่าภูตได้อย่างไร และยิ่งไปกว่านั้นเหตุใดแม่เฒ่าภูตถึงจะเอาชีวิตของสหายทั้งสอง ต้องมีเหตุผลสิ? ทั้งสองแน่ใจเรื่องนี้แล้วหรือ?” หลังจากที่หานลี่ไม่ได้รับการคารวะของทั้งสอง กลับหน้าเปลี่ยนสีไปชั่วครู่แล้วถึงได้เอ่ยถามขึ้นด้วยเสียงเข้มงวด
“เข้าใจผิด? หากข้าและศิษย์น้องหญิงเข้าใจผิด คงเป็นเรื่องที่โชคดีมาก แต่ความจริงแล้วเราสองคนไปพบความชั่วที่แม่เฒ่าภูตซ่อนเอาไว้ด้วยตนเอง ส่วนเรื่องเป็นอย่างไรนั้นน้องหญิงน้อยจะไม่พูดก็แล้วกัน แต่บอกพี่หานได้ว่า ตอนแรกที่แม่เฒ่าภูตรับข้าและศิษย์น้องหญิงหยวนมาเป็นศิษย์นั้น ก็เพราะสนใจคาถาตะวันจันทราวัฏสงสารและไอทมิฬบริสุทธิ์ที่รวมตัวอยู่ในร่างของข้าและน้องหญิง เคล็ดวิชาหนึ่งของแม่เฒ่าภูตผู้นี้สามารถกลืนกืนไอทมิฬและจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพวกเราได้พร้อมกัน เพื่อช่วยให้พลังยุทธืของนางเพิ่มขึ้น” เหยียนลี่เอ่ยไปพลางอดที่จะร่างสั่นสะท้านไปพลางไม่ได้
“นอกจากนี้ข้าและศิษย์น้องหญิงเองก็แอบรู้ว่า ก่อนหน้าพวกเราแม่เฒ่าภูตเองก็เคยรับศิษย์ที่มีร่างเป็นภูตไว้เช่นกัน ผลคือล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นได้ชัดว่าหลักฐานที่พวกเรามีเป็นความจริง!” หยวนเหยาเอ่ยสนับสนุนด้วยสีหน้าซีดเผือด
“ต่อให้เป็นเช่นนั้นทั้งสองก็คงไม่คิดว่าแค่ข้าพูดคำหนึ่ง แม่เฒ่าภูตจะปล่อยไปหรอกนะ ต่อให้ข้าใช้ของที่มีค่า แต่แค่เข้าไปในแม่น้ำอเวจีข้าก็คงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ยาก” หานลี่เงียบขรึมไปแล้วถึงได้เอ่ยขึ้นด้วยดวงตาที่ฉายแววสว่างวาบ
“จุดนี้พี่หานไม่ต้องกังวล วิธีช่วยพวกเราน้องหญิงคิดออกแล้ว และน่าจะง่ายต่อพี่หานเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้หากพี่หานช่วยพวกเรา ความจริงแล้วก็เป็นเรื่องที่ได้โอกาสทั้งสองฝ่าย พวกเรามีวิธีที่สามารถกำจัดผนึกบนร่างของสหายได้ในระยะเวลาสั้นๆ” เหยียนลี่หยักมุมปาก ใบหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฎขึ้นขณะเอ่ย
“อะไรนะ พวกเจ้าทำได้จริงๆ หรือ!” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่
“จุ๊ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก น้องหญิงจะหลอกทำไม ยิ่งไปกว่านั้นข้าสามารถบอกวิธีกับพี่หานได้ จากนั้นก็ให้พี่หานเป็นตัดสินใจเองว่าจริงหรือเท็จ” เหยียนลี่พลันฉีกยิ้ม
“ตกลง! หากเป็นเรื่องจริง ข้าน้อยทำได้ ผู้แซ่หานจะลองเสี่ยงช่วยสหายทั้งสองดูสักตั้ง” หานลี่ลูบใต้คาง แววตากวาดไปทางใบหน้าของหยวนเหยา ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นอย่างแน่วแน่