ระหว่างการกระตุ้นอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายเข้าไปในเขตอาคมยันต์โดยตรงกับกระตุ้นเข้าไปในระหว่างจารึกเขตอาคมยันต์นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
วิธีแรกนั้นทำได้ง่ายมาก แต่วิธีหลังจะต้องสนับสนุนจารึกเขตอาคมยันต์อย่างเป็นขั้นตอน จิตสัมผัสที่สูญเสียไปมากมายนั้นแค่คิดก็พอจะรู้ หรือว่านี่จะเป็นสาเหตุที่อีกฝ่ายแสดงความเมตตากับเขาเช่นนี้
แม้ว่าหานลี่จะยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่สีหน้าบนใบหน้าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง พลันรับปากอย่างเต็มคำ
เห็นหานลี่แสดงท่าทีเคารพนอบน้อมเช่นนี้ ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ร่างของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี้ยพลันเคลื่อนไหว ทยานเฉียงขึ้นไปข้างบนสองสามก้าว ร่างของเขาก็มาอยู่ที่ด้านข้างหน้าอกของหุ่นเชิดอย่างฉับพลัน
ครั้นสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง ขวดเล็กสีแดงอ่อนใบหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา
ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยชูมือขึ้น ใช้มือหนึ่งดีดขวดเล็กเบาๆ
ทันใดนั้นปากขวดก็เปิดออกด้วยตัวเอง ของเหลวสีม่วกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากข้างใน ครั้นหมุนวนรอบหนึ่งก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศในบริเวณใกล้เคียง พร้อมเปล่งแสงวิญญาณอ่อนๆ
ทั่วทั้งร่างของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยคลุมด้วยชุดคลุมยาวสีโลหิต แต่ภายใต้สายตาที่เคร่งขรึม คาถาภายในมือเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ลึกล้ำซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
“สหายหานต้องจับตาดูให้ละเอียดแล้ว! เคล็ดวิชาจารึกเขตอาคมยันต์ชุดนี้สามารถเพิ่มความยอดเยี่ยมให้กับหุ่นเชิดได้มากมาย อีกเดี๋ยวข้าจะอธิบายให้ฟังเล็กน้อย จะมีโอกาสเรียนรู้ความล้ำลึกได้มากเท่าไหร่ ต้องดูที่สติปัญญาของสหายน้อยแล้ว หากสามารถเรียนรู้ได้มากหน่อย ตอนที่ช่วยสนับสนุนเขตอาคมยันต์ของผู้เฒ่าก็จะสบายขึ้นมาบ้าง” จู่ๆ เสียงประหลาดก็ดังมาจากข้างหลังของหานลี่
หานลี่ตกตะลึง พลันหันกลับไป จึงพบว่าด้านหลังไม่รู้ว่าชายชุดโลหิตอีกคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
อีกฝ่ายราวกับว่าอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอด แต่เขากลับไม่ได้สังเกตถึงการมีอยู่แม้แต่น้อย
“ขอบคุณอาวุโสที่ถ่ายทอดศาสตร์แห่งเขตอาคมยันต์ ชนรุ่นหลังจะต้องตั้งใจอย่างแน่นอน” หานลี่ผสานหมัดคารวะทีหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม
ชายชุดโลหิตผู้นี้กลับโบกมือ แสดงเจตนาให้หานลี่สนใจการกระทำของชายชุดโลหิตอีกคนหนึ่ง
หานลี่มองไปข้างหน้าอีกครั้ง
เห็นเพียงชายชุดโลหิตอีกคนหนึ่ง มีหนึ่งตั้งท่าร่ายคาถา ส่วนอีกมือหนึ่งเหวี่ยงไปทางของเหลวสีม่วงกลางอากาศสองสามที
“ปัง!” ของเหลวสีม่วงแตกออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งแล้วระเบิดอย่างฉับพลัน กลายเป็นอักขระขนาดเท่ากำปั้นทยอยพุ่งไปยังเกราะศึกมหึมาทีละตัวๆ
แสงวิญญาณพลันสว่างวาบ อักขระแต่ละตัวก็พากันจมเข้าไปในเกราะศึกอย่างไร้ร่องรอย แต่ฉับพลันก็ส่งเสียงเพรียกเบาๆ ขึ้นเป็นระลอกๆ แล้วปรากฏออกมาบนพื้นผิวของเกราะศึกอีกครั้ง
หลายนิ้วของชายชุดโลหิตโยกไหวอย่างรุนแรงราวกับหนักเกินพันชั่ง อักขระเหล่านี้ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงและรวมกลุ่มขึ้นใหม่ ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเขตอาคมยันต์สีม่วงขนาดย่อมๆ ประมาณจั้งกว่าอย่างน่าอัศจรรย์
อักขระบางส่วนที่อยู่ภายในมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุด ราวกับว่ายังก่อรูปร่างไม่เสร็จ
ขณะที่หานลี่มองดูจนเคลิบเคลิ้ม ชายชุดโลหิตที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากอธิบายขึ้น “เขตอาคมยันต์นี้เรียกว่า “จารึกทองคำ” ประโยชน์ใช้สอยอื่นๆ ไม่มี แต่สามารถทำให้เกราะศึกแข็งแรงทนทานเป็นอย่างยิ่ง พอที่จะป้องกันการโจมตีของศาสตราอาคมทั่วไปได้โดยที่ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย เขตอาคมยันต์แบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นที่หนึ่งคือ…”
ระดับความรู้ในด้านเคล็ดวิชาหุ่นเชิดและศาสตร์ของเขตอาคมของหานลี่นั้นก็ไม่น้อยเช่นกัน ขณะที่เฝ้าดูกระบวนการจารึกเขตอาคมยันต์ของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย พลางฟังตัวประหลาดเฒ่าอีกคนหนึ่งอธิบายคร่าวๆ แววตาก็เปล่งประกายไม่หยุด
โอกาสที่ได้ฟังตัวตนระดับผสานอินทรีย์ถ่ายทอดและสาธิตด้วยตัวเองเช่นนี้ ย่อมหาได้ยากสุดๆ
แม้ว่าอีกฝ่ายแค่อธิบายอย่างผิวเผินมาก แต่ก็ทำให้ปัญหาด้านเขตอาคมและหุ่นเชิดที่รุมล้อมก่อกวนหานลี่เป็นเวลานานในตอนแรกกระจ่างช่างในบัดดล
เพียงเวลาชั่วหนึ่งมื้ออาหาร เขตอาคมยันต์ของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยก็สำเร็จไปกว่าครึ่ง และเริ่มเป็นรูปร่างที่แน่นอนขึ้นมาแล้ว
“สหายน้อย ตอนนี้เจ้าแค่กระตุ้นอัสนีเทาวาปัดเป่าภยันตรายเข้าไปข้างในจุดตายชั้นสุดท้ายของเขตอาคมยันต์ก็ได้แล้ว” ชายชุดโลหิตที่อยู่กับหานลี่พูดเร่งเร้าน้ำเสียงขรึม
แม้ว่าเสียงไม่ดัง แต่เมื่อเข้าไปในหูหานลี่ก็ทำให้เขาตื่นจากการเข้าฌานในทันที
เขาเหาะไปโดยไม่พูดจา
หานลี่ถูมือสองข้างคราหนึ่ง พลันเกิดเสียงฟ้าร้องดังเกริกก้อง ประกายอัสนีสีทองแต่ละสายก็พวยพุ่งออกมา แสงอัสนีอันน่าตื่นตะลึงก็ทำให้บริเวณรอบๆ สะท้อนแสงสีทองแวววาวขึ้นมา
ชายชุดโลหิตที่อยู่ข้างๆ หานลี่จ้องมองประกายสายฟ้าสีทองที่อยู่ในมือหานลี่ ดวงตาพลันเปล่งประกายประหลาดปราดหนึ่ง แต่ชั่วพริบตาก็หายไป
…
หนึ่งเดือนให้หลัง ร่างของหานลี่ก็มาปรากฏอยู่ในห้องสงบภายในถ้ำแก่นพฤกษาอีกครั้ง
เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะกลม สองมือหยิบป้ายหยกสีขาวใบหนึ่งที่อยู่ในมือขึ้นมาดูด้วยสีหน้าลังเล
ในระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่านี้ เขาแทบจะอาศัยอยู่ข้างๆ หุ่นเชิดมหึมาเบื้องล่างพระราชวังโลหิตเพลิงทั้งวันทั้งคืน ในที่สุดก็ช่วยตัวประหลาดเฒ่าหลอมเสร็จอย่างฉิวเฉียด
เมื่อถึงเวลา มู่ชิงก็มาหาที่พระราชวังเพลิงโลหิตอย่างไม่ขาดไปแม้แต่วันเดียวจริงๆ แล้วพาตัวเขากลับไป
จะว่าไปแล้ว แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะใช้อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายกระตุ้นพลังเข้าไปในเขตอาคมยันต์ตลอดทั้งวันทั้งคืน จนทำให้เขาสูญเสียจิตสัมผัสเป็นจำนวนมาก แต่หานลี่ก็ไม่รู้ว่าตนมีเรื่องใดที่เสียเปรียบ
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่วิธีการหลอมวิญญาณรับใช้กับศาสตร์แห่งเขตอาคมยันต์ที่ได้ฟังตัวประหลาดเฒ่าบรรยายในภายหลังก็ทำให้เขาได้รับประโยชน์ไม่น้อยแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่จะไป ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยยังมอบยาวิเศษหายากจำนวนหนึ่งและวัตถุดิบหุ่นเชิดที่มีอยู่ในเหวพสุธาอีกชุดหนึ่งด้วย
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจจะมีจุดประสงค์อื่น แต่ก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจแล้ว
ทว่าสิ่งที่หานลี่ครุ่นคิดในตอนนี้กลับไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นชิ้นส่วนปกนอกของตำราหยกพระราชวังทองคำแผ่นนี้
บนปกนอกนี้ได้บันทึกเกี่ยวกับยันต์ที่ทรงอานุภาพสุดๆ หลายชนิด
ยันต์ชำระพิสุทธิ์ที่เป็นหนึ่งในนั้น เขาได้เข้าฌานเรียนรู้แล้ว แม้กระทั่งยังมีติดตัวอยู่หลายแผ่น
อีกสามชนิดที่เหลือ แบ่งเป็น “ยันต์เก้าวิมานสวรรค์” สำหรับกักขังศัตรู “ยันต์ขวานนภา” ประเภทโจมตี และ “ยันต์เกราะปราณ” ซึ่งเป็นยันต์หุ่นเชิดเงา
ที่อานุภาพแข็งแกร่งที่สุดในนั้นคือ “ยันต์ขวานนภา” จนถึงตอนนี้หานลี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับมัน จึงได้แต่เก็บไว้อยู่ตลอด
ส่วน “ยันต์เก้าวิมานสวรรค์” กับ “ยันต์เกราะปราณ” ด้วยการเข้าฌานเรียนรู้อย่างตั้งอกตั้งใจในช่วงหลายปีมานี้ จากตอนแรกที่เข้าใจอยู่แล้วเจ็ดแปดส่วน ก็เหลือเพียงจุดสำคัญเท่านั้นที่ยังมองไม่ทะลุประโปร่ง
แต่ก่อนหน้านี้ จากการที่ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย บุคคลที่เรียกได้ว่าเป็นบรรพจารย์ผู้นี้ชี้แนะเรื่องศาสตร์ของหุ่นเชิดกับเขตอาคมเป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่า บวกกับหลายวันมานี้ได้พากเพียรศึกษาค้นคว้าเคล็ดวิชาเรียกหลอมวิญญาณรับใช้ในห้องสงบ ในที่สุดก็ทำให้เขาทะลวงจุดหนึ่งในปัญหาหลายข้อนี้ สามารถหลอมยันต์สองชนิดนี้ได้แล้ว
วัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับยันต์สองชนิดนี้ย่อมหายากเป็นอย่างยิ่ง แต่โชคดีที่ไม่ใช่ของมีราคาที่ขาดตลาด ตอนที่เขาอยู่ในเหวนภา ได้รวบรวมวัตถุของยันต์สองชนิดไว้จำนวนมาก
ตอนนี้สามารถทดสอบได้โดยตรงแล้ว
เดิมทีการหลอมยันต์ชนิดนี้ ยังต้องศึกษามากอีกหน่อย และหลังจากปฏิบัติจริงบางส่วนแล้ว จึงจะสามารถใช้วัตถุหายากพวกนั้นหลอมอย่างเป็นทางการ
แต่ภายใต้ราชาปีศาจระดับผสานอินทรีย์หลายคนที่จ้องตาเป็นมันเหล่านี้ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีเวลาจะยืดเยื้อต่อไปได้
แม้ว่าตอนนี้ดูแล้วน่าจะปลอดภัยเป็นเวลาหลายปีเพราะอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเขา แต่ใครจะรู้ว่าราชาปีศาจเหล่านี้จะเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหันเพราะสาเหตุอื่นหรือไม่
ตั้งแต่ที่หานลี่เริ่มฝึกฝนมา เขาพึ่งพาพลังของตัวเองทั้งหมดในการทยานขึ้นมาสู่แดนวิญญาณ ถึงได้มีพลังยุทธ์อย่างทุกวันนี้ ย่อมไม่มีทางนำโอกาสในชีวิตทั้งหมดมอบให้ผู้อื่นอย่างแน่นอน
พยายามหลอมยันต์สองชนิดนี้ให้เร็วที่สุด ย่อมเป็นการเพิ่มวิธีรักษาชีวิตขึ้นมาสองสามวิธี
ผ่านไปพักใหญ่สีหน้าที่ดูไม่สงบของหานลี่จึงค่อยฟื้นคืนกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
เขาหลับตาลงอย่างช้าๆ ใช้จิตสัมผัสแทรกซึมเข้าไปในป้ายหยก อ่านเคล็ดวิชาลับของยันต์สองชนิดนี้ตั้งแต่ต้นจนจบอีกหนึ่งรอบ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ เขาจึงค่อยลืมตาขึ้นอีกครั้ง!
ข้อมือข้างหนึ่งพลันสั่นไหวกลางอากาศ เกิดแสงวิญญาณเปล่งประกายวิบวับ ลำแสงสีเขียวดวงหนึ่งพลันพวยพุ่งออกมา แล้วหมุนโคจรกลางอากาศต่ำไม่หยุด
ที่แท้ก็คือกำลังเก็บของของหานลี่
หานลี่ใช้นิ้วแตะไปที่ของสิ่งนี้อย่างรวดเร็ว
“พรึ่บ!” ม่านแสงสีเขียวพลันกวาดออก ข้าวของจำพวกขวดและกระปุกหลายสิบชิ้นกับกล่องหยกและตลับไม้จำนวนหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนพื้น
พลันถือโอกาสตะปบลงบนกล่องไม้สีขาวที่อยู่ในนั้น
ฝากล่องหมุนคราหนึ่ง วัตถุสีเงินแวววาวชิ้นหนึ่งก็พวยพุ่งออกมา
หานลี่งอนิ้วทั้งห้าอีกครั้ง ทันใดนั้นสมบัติชิ้นนี้ก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าแล้วหยุดลง
คิดไม่ถึงว่าจะเป็นหนังอสูรงามละเอียดอ่อนชิ้นหนึ่งที่พื้นผิวเรียบลื่นราวกับผ้าแพร
หนังชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เปล่งแสงสีเงินแวววาว พื้นผิวของมันยังมีลวดลายธรรมชาติที่คล้ายกับอักขระขนาดเล็กใหญ่คละกัน ดูแล้วสวยสดงดงามเป็นอย่างยิ่ง
นี่ก็คือวัตถุดิบที่ดีที่สุดในการหลอมหุ่นเชิดเงา เป็นหนังอสูรของอสูรโบราณหายากชนิดหนึ่งที่เรียกว่าอสูรวายุอัคคี
อสูรโบราณชนิดนี้ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญอิทธิฤทธิ์วายุอัคคีสองชนิด แม้กระทั่งพลังของมันก็ยังเทียบได้กับตัวตนระดับเทพแปลง ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะชื่นชอบอากาศหนาวเย็นและนอนหลับ จึงนอนหลับในบึงที่ชื้นและมืดเป็นเวลานานไม่ยอมตื่น มีแค่เวลาที่ออกล่าเหยื่อหาอาหารเท่านั้น จึงจะมีคนพบเห็นร่องรอยของมันเป็นครั้งคราว
ยันต์หุ่นเชิดเงาที่ใช้หนังอสูรนี้หลอมขึ้นมานั้น ไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มอัตราสำเร็จ ยังสามารถทำให้อานุภาพของยันต์เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งส่วนด้วย ดังนั้นความสูงของมูลค่าแค่คิดดูก็รู้
ในตอนแรกหานลี่เองก็สิ้นเปลืองแรงไปมาก จึงจะสามารถใช้ยาวิญญาณหมื่นปีมาแลกได้หลายแผ่นในร้านวัตถุดิบที่ไม่เล็กแห่งหนึ่งในเมืองเหวนภา
สิ่งที่หานลี่คิดจะเริ่มหลอมเป็นอันดับแรกก็คือยันต์เกราะปราณ
ยันต์ชนิดนี้ก็เหมือนกับยันต์หุ่นเชิดเงาอื่นๆ เมื่อเรียกออกมาก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดเงาตัวหนึ่ง สามารถลอกเลียนแบบพลังยุทธ์และอิทธิฤทธิ์บางส่วนของผู้ควบคุมได้ สำหรับประสิทธิภาพจะมากจะน้อยนั้น ก็ต้องดูที่ระดับของยันต์ที่หลอมกับพลังยุทธ์ของผู้ควบคุม
ทว่ายันต์หุ่นเชิดเงาทั่วไปนั้น ทำได้เพียงลอกเลียนแบบพลังสองส่วนถึงห้าส่วนและอิทธิฤทธิ์ระดับต่ำสุดๆ ของผู้ควบคุมเท่านั้น ยันต์หุ่นเชิดเงาสมบูรณ์ที่สามารถลอกเลียนพลังได้ทั้งหมดในคำร่ำลือนั้น ได้ยินว่ามีเพียงดินแดนวิญญาณสวรรค์ของเผ่ามนุษย์เท่านั้นที่มี แต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน
แน่นอนว่าการลอกเลียนแบบของยันต์หุ่นเชิดเงาเหล่านี้ไม่ได้ไร้ขีดจำกัด มีประโยชน์แค่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสูญขั้นต้นและระดับต่ำลงมาเท่านั้น
อีกทั้งยังเป็นยันต์ที่ใช้ครั้งเดียว เมื่ออานุภาพถูกใช้หมดแล้ว หุ่นเชิดเงาก็จะหายไปเช่นกัน
ส่วนยันต์เกราะปราณของหานลี่ที่มาจากปกนอกของตำราพระราชวังทองคำแผ่นนี้ อานุภาพย่อมไม่มีทางที่ยันต์หุ่นเชิดเงาเหล่านั้นจะเทียบได้
ยันต์เกราะปราณนี้ดูจากระดับของผู้ที่หลอม หุ่นเชิดเงาไม่เพียงแต่สามารถช่วยเหลือผู้ควบคุมด้วยพลังเจ็ดถึงแปดส่วนขึ้นไปและมีอิทธิฤทธิ์กว่าครึ่ง แต่ยังสามารถลอกเลียนแบบผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นและระดับต่ำลงมาได้อีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ยันต์เกราะปราณจึงล้ำค่าอย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้และวิธีการหลอมนั้น ยันต์ชนิดนี้ล้วนเหนือกว่ายันต์หุ่นเชิดเงาทั่วไปอย่างไม่อาจเทียบได้
หากไม่ใช่เพราะเขาครอบครองเพลิงสวรรค์กลืนวิญญาณ เพลิงแท้ที่คลอบคลุมพลังขั้วร้อนและขั้วเย็นชนิดนี้ แม้ว่าจะเข้าใจวิธีการหลอมทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังหลอมไม่ง่ายอยู่ดี
หานลี่จ้องเขม็งหนังอสูรที่อยู่ตรงหน้า พลันเก็บความคิดในใจต่างๆ นานาออกไปแล้วอ้าปาก
“พึ่บ!” ลูกไฟสีเงินแวววาวลูกหนึ่งถูกพ่นออกมา
ที่แท้ก็คือเพลิงสวรรค์กลืนวิญญาณที่เชื่อมวิญญาณแล้ว
ภายในเพลิงสีเงินเปล่งเสียงนกร้องดังกระจ่างใส ฉับพลันก็กลายเป็นวิหคเพลิงขนาดใหญ่ฉื่อกว่าตัวหนึ่ง กางปีกสองข้างแล้วบินวนรอบหนังอสูรไม่หยุดนิ่ง
หานลี่เห็นดังนี้ ก็แอบร่ายคาถาในใจคราหนึ่ง
ทันใดนั้นวิหคเพลิงสีเงินก็เริงระบำสองสามรอบ ก่อนที่จะพุ่งกระโจนเข้าใส่หนังอสูร
“ฟู่ว!” เพลิงสีเงินห่อหุ้มหนังอสูรไว้ภายในอย่างดุดัน
ทว่าหนังอสูรที่อยู่ท่ามกลางเพลิงที่ลุกมอดไหม้นี้กลับไม่ถูกเผาทำลาย มิหนำซ้ำลวดลายคล้ายอักขระบนพื้นผิวเหล่านั้นยังเลื้อยขยุกขยิกขึ้นมาท่ามกลางแสงสีเงิน ราวกับทั้งหมดมีชีวิตขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง!