A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1469 หุ่นเชิดโลหิตม่วง

หานลี่พลันเก็บกระบอกไม้ไผ่ ด้วยการต้อนรับอันแสนจะอบอุ่นสุดๆ ของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย หานลี่จึงอยู่ในตำหนักเพลิงทมิฬนี้ต่ออีกเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม งานเลี้ยงจึงจะสิ้นสุด

 

 

จากนั้นด้วยการนำทางของวิญญาณรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขา ก็ถูกพามาพักผ่อนในห้องสงบของตำหนักปีกข้าง

 

 

หานลี่ปิดประตูบานใหญ่ของห้องสงบเสร็จ ทันทีที่พลิกฝ่ามือก็หยิบธงเขตอาคมออกมาตั้งหนึ่ง

 

 

ครั้นชูมือแล้วโบกคราหนึ่ง ลำแสงสิบกว่าสายก็พวยพุ่งออกมาแล้วหายไปในอากาศ

 

 

ม่านแสงห้าสีสลัวๆ หนึ่งชั้นพลันปรากฏขึ้นบนผนังกำแพงสี่ด้านของห้องสงบ

 

 

ตอนนี้หานลี่จึงค่อยรู้สึกโล่งใจ พลันนั่งขัดสมาธิลงบนเสื่อกลมผืนหนึ่งที่อยู่กลางห้องสงบ แล้วหลับตาครุ่นคิดพิจารณา

 

 

ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยปฏิบัติกับเขาอย่างสุภาพในฐานะของราชาปีศาจระดับผสานอินทรีย์เช่นนี้ ออกจะไม่ค่อยปกติจริงๆ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

 

 

หรือว่าการช่วยหลอมหุ่นเชิดนี้จะยากเย็นอย่างเหลือหลาย ทำให้ตัวประหลาดเฒ่ามีความคิดเช่นนี้

 

 

หานลี่ส่ายหัวเบาๆ รู้สึกไม่น่าเป็นไปได้

 

 

ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ตนก็ไม่กล้าที่จะไม่พยายามเต็มที่ อีกทั้งพูดในมุมกลับ นอกจากคนลึกลับนามว่าลิ่วจู๋แล้ว ดูเหมือนมู่ชิงกับหญิงงามแซ่หลานที่มากับหยวนเหยาต่างก็มีเจตนาคิดจะดึงเขาเป็นพวกกันทั้งสิ้น

 

 

แม้แต่มู่ชิงยังไม่คิดจะให้เขายุ่งเกี่ยวหญิงงามผมขาวเลย

 

 

ดูเหมือนนอกจากให้เขาทำลายอาคมต้องห้ามแม่น้ำอเวจีแล้ว ในนั้นจะต้องมีสาเหตุอื่นๆ อย่างแน่นอน อย่างมากก็คงจะเกี่ยวข้องกับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่เขาครอบครองอยู่

 

 

ขณะที่หานลี่โคจรความคิดอย่างรวดเร็ว ครู่หนึ่งก็แยกแยะความเกี่ยวพันในนี้ได้เจ็ดแปดส่วนแล้ว

 

 

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เขาก็ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง แล้วหลับตาลงอีกครั้ง

 

 

แม้จะไม่รู้ว่าราชาปีศาจของเหวพสุธาเหล่านี้คิดวางแผนอะไรกันอยู่ แต่ถ้าหากหนึ่งในนั้นยังรู้จักบันยะบันยังอยู่ ความปลอดภัยของตนก็ยังไม่ต้องกังวลชั่วคราว

 

 

หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามหน พลันสั่นแขนเสื้อคราหนึ่ง หุ่นไม้หลากสีหลายสิบตัวก็พวยพุ่งออกมา แต่ละตัวต่างหมุนวนอยู่เบื้องหน้า ลอยคว้างอยู่กลางอากาศไม่ร่วงลงมา

 

 

เมื่อใช้มีข้างหนึ่งคว้าไป มนุษย์ไม้ตัวหนึ่งก็ร่วงลงมาในมือโดยตรง

 

 

ดวงตาของเขาเปล่งแสงสีน้ำเงินวาบหนึ่ง เริ่มตรวจสอบมนุษย์ไม้เหล่านี้อย่างละเอียด

 

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะระยะห่างไกลจึงไม่สามารถตรวจดูความมหัศจรรย์ล้ำลึกของหุ่นเชิดวิญญาณรับใช้เหล่านี้ได้ชัดเจน แต่ในตอนนี้เมื่อใช้มือสัมผัสดู และถ่ายจิตสัมผัสผ่านทางห้านิ้วซึมเข้าไปในร่างมนุษย์ไม้โดยตรง กลับไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย

 

 

ครู่ต่อมา หานลี่โยนมนุษย์ไม้ที่อยู่ในมือไปในอากาศด้วยสีหน้าประหลาด พลันคว้ามนุษย์ไม้อีกตัวหนึ่งมาไว้ในมือ

 

 

เพียงแค่ทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา! หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งเค่อ หานลี่ก็ตรวจสอบมนุษย์ไม้ทั้งหมดได้หนึ่งรอบ

 

 

แม้ว่าโครงสร้างเขตอาคมภายในมนุษย์ไม้จะลึกล้ำและซับซ้อนจนเกินไป ด้วยระดับของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถมองอะไรออกได้ในชั่วขณะ แต่ก็ไม่เหมือนกับถูกเล่นลูกไม้อะไร ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ให้อยู่

 

 

แน่นอนว่าตรงจุดนี้หานลี่ยังไม่สามารถแน่ใจได้ทั้งหมด

 

 

ถึงอย่างไรวิญญาณรับใช้ก็เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชาหุ่นเชิด เหนือกว่าที่เขาเรียนมาในแดนมนุษย์ก่อนหน้าเป็นอย่างมาก

 

 

โชคดีที่ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยนำวิธีการหลอมดังกล่าวมอบให้เขาครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงแค่เขาพากเพียรศึกษาเจาะลึกสักหน่อย ก็สามารถเข้าใจเคล็ดวิชาหุ่นเชิดนี้ได้แล้ว

 

 

ถึงเวลามนุษย์ไม้เหล่านี้จะเป็นปัญหาจริงหรือไม่ ย่อมรู้ได้อย่างชัดเจน

 

 

ก่อนที่จะถึงตรงนี้ เขาจะไม่ยอมใช้ของเหล่านี้ และเก็บไว้อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันบางสิ่งที่เกินคาด

 

 

เมื่อในใจคิดเช่นนี้ หานลี่ก็สะบัดกำไลเก็บของบนมือข้างหนึ่ง ในมือก็ปรากฏตลับไม้สีทองอ่อนออกมาหนึ่งใบ

 

 

พื้นผิวของตลับไม้นี้มีลวดลายแปลกตา มีอักขระพลิ้วไหวอยู่ลางๆ ดูแล้วไม่ใช่ของธรรมดา

 

 

เมื่อหานลี่เปิดฝาออก ก็กวักมือไปทางมนุษย์ไม้ที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

 

 

ทันใดนั้นม่านแสงสีเขียวสายหนึ่งก็พวยพุ่งออกมาจากตลับไม้ ม้วนเก็บหุ่นไม้ทั้งหมดเข้าไปในตลับสีทอง

 

 

ครั้นปิดฝาตลับเสร็จ ก็พลิกมืออีกข้างหนึ่ง ในมือของหานลี่ก็ปรากฏยันต์หลากสีออกมาหลายแผ่น

 

 

แสงวิญญาณพลันสว่างวาบ ยันต์เหล่านั้นก็ถูกติดซ้อนทับกันเป็นกากบาทบนตลับไม้ เพื่อปิดผนึกมันไว้

 

 

หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น หานลี่จึงค่อยรู้สึกโล่งใจได้อย่างแท้จริง พลันหยิบกระบอกไม้ไผ่ที่จดบันทึกวิธีการเรียกหลอมวิญญาณรับใช้ออกมา ก่อนที่จะใช้จิตสัมผัสแทรกซึมเข้าไป แล้วเริ่มเข้าฌานศึกษาอย่างละเอียด

 

 

เขาจมเข้าไปในความล้ำลึกของเคล็ดวิชาลับใหม่เอี่ยมนี้อย่างรวดเร็ว

 

 

ขณะที่ประตูใหญ่มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นหลายหน หานลี่จึงค่อยตื่นจากการเข้าฌานอย่างฉับพลัน นำกระบอกไม้ไผ่เก็บเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไม่เสียดายแล้วยืนขึ้น

 

 

ประตูใหญ่พลันเปิดออก ด้านนอกมีวิญญาณรับใช้ตัวหนึ่งที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีเทายืนอยู่

 

 

วิญญาณรับใช้ตัวนี้ไม่สามารถพูดได้ แต่มันชูมือข้างหนึ่งขึ้น ชั่วพริบตาแสงโลหิตดวงหนึ่งก็ระเบิดออกภายในฝ่ามือ เสียงของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยก็ดังออกมาอย่างช้าๆ

 

 

“สหายน้อย โปรดตามวิญญาณรับใช้นี้มารวมตัวที่โถงหลอมโลหิตเถิด พวกข้าจะหารือเรื่องหลอมหุ่นเชิดอย่างเป็นทางการแล้ว”

 

 

แค่ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียวเนี่ยนะ!

 

 

จากนั้นเสียงของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยก็ขาดหายไป แสงโลหิตก็สลายหายไปในเวลาเดียวกัน

 

 

“นำทางไป!” หานลี่กล่าวกำชับอย่างไม่เกรงใจ

 

 

วิญญาณรับใช้โค้งคำนับเล็กน้อย พลันหมุนกายแล้วเดินอย่างพลิ้วไหว คิดไม่ถึงว่าขณะเดินจะพลิ้วไหวไร้สุ้มเสียง เบาเหมือนไม่มีวัตถุกายภาพ

 

 

หากเมื่อวานนี้ไม่ได้เปิดหูเปิดตาเคล็ดวิชาลับหุ่นเชิดของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ย บางทีหานลี่อาจจะยังสนใจสิ่งนี้อยู่ แต่ตอนนี้เพียงแค่มองทีหนึ่ง ก็ไม่มีอารมณ์ใดๆ แล้ว

 

 

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หานลี่ก็มาปรากฏภายในพื้นที่ลับแห่งหนึ่งซึ่งอยู่เบื้องล่างของพระราชวังเพลิงโลหิต

 

 

เมื่อมองดูทุกอย่างที่อยู่รอบๆ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่

 

 

สถานที่ที่มีชื่อว่าโถงหลอมโลหิตแห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นโถงมหึมาที่หลอมมาจากผลึกก้อนหนึ่งที่ผ่าออกมาจากหินภูเขาไฟที่หลอมละลายใต้พิภพ

 

 

กว้างประมาณสามถึงสี่ร้อยจั้ง ผนังสี่ด้านล้วนเปล่งแสงสีขาวจางๆ

 

 

และเมื่อมองออกไปนอกผนังผลึกโปล่งแสงเหล่านี้ ทุกหนทุกแห่งล้วนเป็นหินหลอมละลายสีแดงฉานที่โหมซัดสาด แต่ผนังผลึกนี้กลับไม่สะเทือนแม้แต่น้อย ภายในโถงก็ไม่รู้สึกถึงความร้อนอบอ้าวใดๆ

 

 

แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ทำให้หานลี่รู้สึกตกตะลึง ที่ทำให้เขาถึงกับตาค้างก็คือ ภายในหินหลอมละลายเบื้องล่างโถงผลึกแห่งนี้ มีหุ่นเชิดมหึมาราวกับขุนเขา ร่างสูงพันจั้งกำลังอาบหินภูเขาไฟหลอมละลายอยู่

 

 

หุ่นเชิดตัวนี้ร่างของมันสวมเกราะศึกสีดำทมึน สองแขนยาวเลยเข่า ผิวหนังเปล่งแสงสีแดงม่วงระยิบระยับ มีแผ่นเกล็ดขนาดเท่าข้อมือขึ้นตามผิวหนัง

 

 

แต่เมื่อมองไปบนศีรษะของมัน หานลี่ก็รู้สึกหนาวยะเยือกในใจอีกครั้ง

 

 

ศีรษะของหุ่นเชิดตัวนี้ไม่เพียงแต่มีเขาสีขาวงอกข้างเดียว ยังมีปากเป็นเสือและจมูกสิงโต คิดไม่ถึงว่าบนหน้าจะมีดวงตาโลหิตประหลาดสีดวง ตาสองดวงไม่ต่างจากคนปกติ ส่วนอีกสองดวงโผล่ที่แก้มสองข้าง และยังมีตาอีกสองดวงปรากฏที่หลังศีรษะ

 

 

ดวงตาโลหิตเหล่านี้ ทุกดวงที่อยู่บนศีรษะต่างกลอกไปมาอย่างช้าๆ แผ่แสงเย็นยะเยือกอันน่าสะพรึงออกมา ให้ความรู้สึกขนพองสยองเกล้าอย่างน่าประหลาด

 

 

“นี่ก็คือหุ่นเชิดโลหิตม่วงของอาวุโส แต่ดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณแล้ว หรือว่าอาวุโสจะใช้เคล็ดวิชาลับหลอมวิญญาณเข้าสู่ร่างกับมันแล้ว!” หลังจากมองดูหุ่นเชิดมหึมาอย่างละเอียดอยู่นาน หานลี่จึงค่อยสูดหายใจลึกแล้วเอ่ยปากขึ้น

 

 

“หึๆ ดูเหมือนเมื่อคืนนี้สหายน้อยจะศึกษาเคล็ดวิชาลับหุ่นเชิดที่ผู้เฒ่าให้ไปจริงๆ ไม่ผิด หุ่นเชิดโลหิตม่วงตัวนี้ได้ทำการหลอมวิญญาณเข้าสู่ร่างแล้ว ทว่าภายในนั้นไม่ได้หลอมวิญญาณอ่อนแอเหมือนกับวิญญาณรับใช้ลงไป แต่เป็นจิตแยกของตัวผู้เฒ่าเอง” ภายในโถงผลึกปรากฏเพียงชายชุดโลหิตคนหนึ่ง เขามองเห็นความตกตะลึงบนใบหน้าของหานลี่ ก็หัวเราะประหลาดแล้วกล่าว

 

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ชนรุ่นหลังก็รู้สึกว่าหุ่นเชิดที่น่าตกตะลึงเช่นนี้ วิญญาณทั่วไปไม่สามารถควบคุมได้ตามใจนึก แต่ด้วยจิตสัมผัสที่แก่กล้าของอาวุโส แม้ว่าจะเป็นเพียงจิตแยกก็ไม่มีปัญหาอย่างเด็ดขาด” ในที่สุดหานลี่ก็เคลื่อนสายตาออกจากหุ่นเชิดโลหิตม่วง พลันกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน

 

 

“สหายน้อยเคยเห็นหุ่นเชิดตัวนี้แล้ว คงจะรู้แล้วสินะว่าเพราะเหตุใดผู้เฒ่าจำเป็นต้องให้สหายอยู่ที่พระราชวังเพลิงโลหิตเป็นเวลานานเช่นนี้ ข้าก็ไม่ได้ต้องการให้สหายน้อยทำเรื่องอะไรอย่างอื่นหรอก เพียงแต่ต้องการให้สหายน้อยกระตุ้นอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายบางส่วนเข้าไปในชุดเกราะนั้น จากนั้นข้าก็จะทำการแก้ไขเขตอาคมยันต์ที่อยู่บนนั้นทุกเมื่อตามที่มีการเปลี่ยนแปลงของเทวะอัสนี ในกระบวนการนี้ จะเสียสมาธิไม่ได้แม้แต่เสี้ยวเดียว ไม่เช่นนั้นความสำเร็จก่อนหน้าก็จะล้มเหลวทั้งหมด” น้ำเสียงของตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยดูจริงจังขึ้นมา

 

 

“ขอรับ ชนรุ่นหลังจะเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่างของอาวุโส จะพยายามเต็มที่อย่างแน่นอน” หานลี่รู้สึกใจหายวาบ พลันตกปากรับคำ

 

 

“ดีมาก สหายน้อยวางใจ ผู้เฒ่าจะไม่ให้เจ้าทำงานเปล่าๆ หรอก หลังจากหลอมหุ่นเชิดนี้เสร็จแล้ว นอกจากวิธีการหลอมวิญญาณรับใช้ก่อนหน้านี้แล้ว ผู้เฒ่ายังมีของบางส่วนมอบให้สหายด้วย” หลังจากตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยได้ยินก็ดูเหมือนจะดีใจสุดๆ พลันยิ้มกว้างแล้วกล่าวด้วยความดีอกดีใจ

 

 

ฉับพลันก็เห็นชายชุดโลหิตตั้งท่าร่ายคาถามือหนึ่ง พลางกล่าวคำร่ายจากปาก

 

 

ฉากที่คาดคิดไม่ถึงพลันปรากฏขึ้น

 

 

เห็นเพียงหุ่นเชิดมหึมาที่อยู่เบื้องล่าง จู่ๆ ศีรษะก็ขยับขึ้น ขณะที่ดวงตาโลหิตทั้งหกเปล่งประกายพร้อมกัน สองมือก็ตั้งท่าร่ายคาถาขึ้น ทันใดนั้นรอบกายก็ปลดปล่อยลำแสงสีม่วงออกมาหมื่นสาย

 

 

ทุกแห่งที่ลำแสงสีม่วงนี้พาดผ่าน หินหลอมละลายทั้งหมดก็พากันร่นถอยในทันที ชั่วพริบตาก็ปรากฏเขตแดนมหึมาสีม่วงที่เบื้องล่าง

 

 

เกือบจะในเวลาเดียวกัน ที่ใต้เท้าของชายชุดโลหิตกับหานลี่มีแสงสีขาวสว่างขึ้นวาบหนึ่ง พื้นผลึกที่แข็งทนทานผิดปกติในตอนแรกก็สลายหายไปราวกับภาพลวงตา

 

 

ทันใดนั้นร่างของทั้งสองก็ร่วงลงมายังเบื้องล่าง

 

 

แม้ว่าหานลี่จะค่อนข้างเกินคาด แต่ภายใต้ปีกสองข้างบนแผ่นหลังที่สั่นไหว สภาพที่กำลังร่วงลงมาก็เชื่องช้าลงในทันที

 

 

ส่วนตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยกลับเปล่งแสงโลหิตสว่างพร่างไปทั้งร่าง สภาพมั่นคงดั่งเขาไท่ซาน

 

 

ร่างของหานลี่เหาะลงมายังเบื้องล่าง ชั่วพริบตาก็ร่วงลงบนที่สูงระดับเดียวกับศีรษะของหุ่นเชิดโลหิตม่วง ขณะที่ผ่านตาโลหิตดวงหนึ่งของมันไป ตาดวงนี้ก็เคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ดวงตาสีโลหิตจ้องมองมาที่หานลี่

 

 

หานลี่รู้สึกเย็นสันหลังวาบ ร่างพลันแข็งค้าง ราวกับตลอดทั้งร่างถูกปกคลุมด้วยพลังไร้ลักษณ์มหาศาล

 

 

ภายในชั่วพริบตา หานลี่ก็หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ บนหน้าผากผุดเหงื่อกาฬออกมาแผงหนึ่ง

 

 

โชคดีที่ตาปีศาจมหึมาจั้งกว้าดวงนี้เพียงแค่เปล่งแสงประหลาดวูบหนึ่ง ก็ฟื้นคืนสู่สภาพปกติในทันที จ้องมองไปทางอื่น

 

 

ตอนนี้หานลี่จึงค่อยโล่งใจไปเปราะใหญ่ พลางซับเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากเบาๆ

 

 

ในตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า เหตุใดตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยถึงได้ให้ความสำคัญกับหุ่นเชิดตัวนี้เช่นนี้

 

 

พลังของหุ่นเชิดโลหิตม่วงตัวนี้ เกรงว่าจะเหนือกว่าตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยเองเสียอีก ไม่เช่นนั้นเพียงแค่มองไปคงไม่ส่งแรงกดดันอย่างหนักให้เขาเช่นนี้แน่

 

 

เมื่อครู่นี้เขาแทบคิดที่จะเปิดใช้เนตรอาคมสูญสลายเพื่อต้านทานดวงตาอันน่าหวาดกลัวนั้นด้วยความทนไม่ไหว

 

 

ยังดีที่สุดท้ายแล้วยังมีเคล็ดวิชาขับเคลื่อนสนับสนุนอยู่ จึงพอถูไถทนไปได้ เมื่อเห็นเช่นนี้ หุ่นเชิดตัวนี้ไม่เพียงร่างกายมหึมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดูเหมือนในด้านพลังของจิตสัมผัสจะมีสิ่งที่ล้ำลึกอยู่อีก

 

 

หานลี่ที่ค่อนข้างตกตะลึงพรึงเพริดในใจจึงไม่กล้าอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงของศีรษะหุ่นเชิด รีบถลาลงมายังเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

 

 

เพียงชั่วครู่เดียวก็มาถึงบริเวณหน้าอกของหุ่นเชิดแล้ว

 

 

ชายชุดโลหิตรออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว!

 

 

หานลี่ใช้สายตากวาดมองไปบนเกราะศึกสีดำทมึนนี้ พลันตกตะลึงเล็กน้อย ภายในดวงตาก็เผยความงุนงงออกมาเสี้ยวหนึ่ง

 

 

เมื่อเข้าไปดูเกราะศึกนี้ใกล้ๆ บนนั้นเรียบเนียนราวกับกระจก ไหนเลยจะมีเขตอาคมยันต์

 

 

“หรือว่าตัวประหลาดเฒ่านี้คิดจะ…” หานลี่รู้สึกระแวงในใจขึ้นมา

 

 

“น้องหาน เนื่องจากจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเจ้า ข้าจะอธิบายวิธีจารึกเขตอาคมยันต์บนชุดเกราะง่ายๆ ให้เจ้าฟัง จากนั้นในขณะที่เริ่มทำการจารึกเขตอาคมยันต์ เจ้าก็คอยสนับสนุนข้าใส่อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายเข้าไป สุดท้ายเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ข้าจึงค่อยปิดผนึกพลังของเขตอาคมยันต์กับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายพร้อมกัน ในระหว่างนั้นหากมีสิ่งใดไม่เหมาะสม ข้าก็จะคอยบอกเจ้าทุกเมื่อ” ตัวประหลาดเฒ่าตี้เซวี่ยอธิบายคำที่หานลี่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset