A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1466-1 ถ้ำแก่นพฤกษา

ไผ่อัสนีทองที่เขาเร่งโตโดยไม่ได้ตั้งใจในและหลอมเป็นกระบี่ไผ่เขียวผึ้งเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มในปีนั้น สามารถยืมพลังของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่อยู่ในกระบี่พิชิตศัตรูได้ แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่า อัสนีชนิดนี้จะมีที่มาใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งยังมีวิธีการควบคุมที่พิเศษอีกด้วย

 

 

หากเป็นอย่างที่ปีศาจในเหวพสุธาเหล่านี้กล่าวจริง อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายคือหนึ่งในอัสนีแท้ทั้งห้าวิถีในแดนวิญญาณที่เรียกว่า “อัสนีเทวาพฤกษา” อะไรนั่น หากอานุภาพสามารถเพิ่มขึ้นได้ถึงสิบเท่าขึ้นไป เช่นนั้นความยิ่งใหญ่ของอานุภาพก็ยากที่จะเชื่อได้แล้วจริงๆ สามารถเป็นหนึ่งในไม้ตายของเขาได้เลยทีเดียว

 

 

แต่ถึงแม้เรื่องอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่เขาต้องไปยังแม่น้ำอเวจีอะไรสักอย่าง อีกทั้งราชาปีศาจเหล่านี้ได้หลอมทหารภูตและหุ่นเชิดอย่างไม่หวาดหวั่นเช่นนี้ ความเสี่ยงที่ใหญ่โตน่าจะพอคาดคิดได้ หากหานลี่ไม่ระวังนิดเดียว เป็นไปได้มากว่าอาจจะร่วงตายอยู่ในนั้น

 

 

โชคดีที่ฟังจากการพูดของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ยังเตรียมตัวเป็นเวลาหกเจ็ดปี เขายังสามารถพิจารณาอย่างละเอียด ดูว่าจะมีวิธีอะไรที่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้

 

 

การที่ได้พบหยวนเหยาในที่แห่งนี้อีกครั้ง ไม่สามารถเรียกว่าเป็นวาสนาได้แม้แต่น้อย

 

 

ในปีนั้นหยวนเหยาทำลายตานทองของตัวเองอย่างไม่เสียดายเพื่อให้เหยียนลี่หวนคืนวิญญาณ ย่อมเป็นเรื่องที่คุ้มค่าแก่การเคารพเลื่อมใส อีกฝ่ายยังมีน้ำใจไมตรีหนักแน่นเช่นนี้หรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่นอน

 

 

ถึงอย่างไรใจคนก็เปลี่ยนง่ายที่สุด

 

 

แต่ดูจากเจตนาของหยวนเหยา จึงรู้ได้ว่านางไม่ยินดีที่จะเปิดเผยเรื่องที่รู้จักกับตน

 

 

เรื่องนี้ทำให้หานลี่แอบรู้สึกโล่งอก

 

 

แม้ว่าเรื่องที่สวมรอยเป็นเผ่าวิญญาณเหาะเหินจะไม่นับว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องปิดบัง แต่หานลี่ก็ยังไม่อยากให้ประวัติความเป็นมาที่แท้จริงของตัวเองถูกราชาปีศาจในเหวพสุธาพวกนี้รู้

 

 

หานลี่ครุ่นคิดในใจอย่างเงียบๆ

 

 

พูดถึงหยวนเหยา ในหัวเขาก็เริ่มคิดทบทวนถึงสถานการณ์ที่พบเจอนางหลายครั้งในตอนแรกอย่างละเอียด

 

 

พอนึกถึงสถานการณ์ที่เห็นหญิงผู้นี้อาบน้ำในน้ำพุวิญญาณภายในห้องลับของพระราชวังนภาสูญ เรือนร่างอันสมบูรณ์ไร้ตำหนิของหญิงผู้นี้ก็แล่นเข้ามาในหัวสมองอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้ในใจหานลี่เกิดอาการหวั่นไหว

 

 

แต่ทันใดนั้นร่างของหนานกงหว่านก็ปรากฏขึ้นในก้นบึ้งของจิตใจ ฉับพลันก็ชัดเจนขึ้นอย่างผิดปกติ ภาพก็เต็มอยู่ในหัวของหานลี่

 

 

ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ หากทุกอย่างราบรื่น นางก็น่าจะเข้าสู่ระดับเทพแปลงที่แดนมนุษย์แล้วกระมัง

 

 

ไม่รู้ว่าเมื่อใด เขาถึงจะได้พบกับภรรยาสุดที่รักในแดนวิญญาณอีกครั้ง

 

 

ใบหน้าและน้ำเสียงของหนานกงหว่านยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของหานลี่ไม่หยุด ฉากที่อยู่เคียงคู่กัน เหาะเหินคู่กับภรรยาที่รักในนภาทักษิณ ยิ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสาย

 

 

ใบหน้าของหานลี่ปรากฏรอยยิ้มออกมา ตัวเขาได้จมอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนอบอุ่น

 

 

ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากที่เสียงและใบหน้าของหนานกงหว่านค่อยๆ หายไป ใบหน้างดงามไร้ที่ติอีกหน้าหนึ่งก็ปรากฏภายในจิตใจของหานลี่ ทำให้เขาหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตเช่นกัน…

 

 

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด หลังจากที่ถอนหายใจยาวๆ ออกมาคราหนึ่ง ในที่สุดหานลี่ก็ได้สติกลับมา ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจื่อน

 

 

คิดไม่ถึงว่าจะถูกเรื่องในอดีตของหยวนเหยากระตุ้นแล้ว ถึงกับทำให้จิตสัมผัสของเขาเสียการป้องกันเป็นเวลานานเช่นนี้ โชคดีที่บริเวณใกล้ๆ นี้ไม่มีผู้ไม่หวังดีคอยจับตาอยู่ ไม่เช่นนั้นคงอันตรายแล้ว

 

 

ทว่าในเมื่อเขายังไม่สามารถออกจากเหวพสุธาได้ในขณะหนึ่ง จะต้องมีโอกาสได้พบกับหยวนเหยาอีกครั้งแน่ แต่เรื่องที่จะติดต่อกับนางอีกครั้ง ยังไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

 

 

หานลี่ครุ่นคิดในใจอย่างช้าๆ ใบหน้าก็ปรากฏสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาอีกครั้ง…

 

 

สามวันต่อมา หานลี่ยืนอยู่เบื้องหน้าภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่ง กำลังมองดูผนังภูเขาประหลาดสีเขียวมรกตที่ดูแล้วแม้แต่ก้อนหินก็แทบจะใสแจ๋ว ภายในดวงตาพลันมีสีของความประหลาดใจพาดผ่าน

 

 

“ที่นี่ก็คือถ้ำแก่นพฤกษาที่ข้าใช้เก็บตัวฝึกฝน ความเข้มข้นของปราณวิญญาณพฤกษาในที่แห่งนี้แม้ว่าทั่วทั้งแดนวิญญาณจะพบไม่มาก แต่สำหรับผู้ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไม้ เมื่อฝึกฝนในถ้ำแห่งนี้ สามารถเพิ่มผลการฝึกฝนได้หลายเท่า” มู่ชิงที่อยู่ข้างๆ กล่าวด้วยท่าทางทระนงตัว

 

 

สามวันให้หลังที่หานลี่มาพบมู่ชิงตามที่กำชับ หญิงผู้นี้ได้พาเขาอ้อมเขาใหญ่หลายลูก และหลังจากเข้ามาในหมอกหนาทึบที่เต็มไปด้วยอาคมต้องห้าม ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่สถานที่ประหลาดแห่งนี้

 

 

ที่นี่ห่างไกลจากที่พักก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าหญิงผู้นี้จะตั้งสถานที่ฝึกฝนไว้ที่นี่ เกิดความคาดหมายของคนทั่วไปเป็นอย่างมาก

 

 

ทว่าผนังหินสีเขียวเบื้องหน้าที่เรียบราวกับกระจกนี้ เป็นถ้ำได้ที่ไหนกัน

 

 

หานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดมองอยู่หลายรอบ ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร ใบหน้าก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

มู่ชิงก้าวเข้ามาข้างหน้าผนังภูเขาสองสามก้าว พลันสะบัดมือข้างหนึ่งใส่เบาๆ

 

 

หลังจากที่บนผนังหินมีม่านแสงสีเขียวปรากฏขึ้น ก็แตกออกเป็นโพรงกว้างอย่างไร้สุ้มเสียง เผยให้เห็นถึงเส้นทางสีเขียวมรกตทอดตรงเข้าไปในนั้น

 

 

ที่ปากทางเข้าเส้นทางถูกม่านแสงสีเขียวสลัวๆ ปิดผนึงอยู่ชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันรอบด้านของทางเข้า ก็มีอักขระแปลกประหลาดจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นเลือนรางบนผนังหินบริเวณใกล้เคียง แลดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

 

 

หานลี่เต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด

 

 

เบื้องหลังผนังหินมีเส้นทางเช่นนี้อยู่ ด้วยจิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไร

 

 

เป็นอย่างที่คาดไว้ ดูเหมือนราชาปีศาจในเหวพสุธาเหล่านี้จะมีอิทธิฤทธิ์ที่น่าอัศจรรย์บางอย่างอยู่ ต้องระวังมากขึ้นแล้วจริงๆ

 

 

หานลี่รู้สึกใจหายวาบ!

 

 

ร่างของมู่ชิงพลิ้วไหว รุดหน้าเข้าไปในเส้นทาง ม่านแสงสีเขียวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับนางแม้แต่น้อย

 

 

หานลี่ลังเลครู่หนึ่ง ย่อมต้องตามนางไปอยู่แล้ว

 

 

ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มู่ชิงใช้วิธีอะไร ม่านแสงจึงไม่ขัดขวางเขาแม้แต่น้อยเช่นกัน

 

 

หลังจากที่ทั้งสองคนเข้ามาในม่านแสงได้ไม่นาน กำแพงหินตลอดทั้งแถวเปล่งแสงเรืองรอง ทางเข้าเส้นทางก็หายไป

 

 

ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากผ่านไปไม่ใน แสงบนกำแพงหินสีมรกตทั้งแถวก็มือลงจนดูธรรมดาไม่แปลกตาขึ้นมา

 

 

อีกด้านหนึ่ง หานลี่เดินตามมู่ชิงในเส้นทางอยู่พักหนึ่งจึงค่อยเห็นแสงสว่างที่เบื้องหน้า และมาปรากฏภายในห้องโถงห้องหนึ่งที่ไม่ใหญ่นัก

 

 

ภายในโถงว่างเปล่าไร้ผู้คน นอกจากระเบียงเชื่อมต่อไปยังประตูสถานที่อื่นอีกเจ็ดแปดทางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก

 

 

แต่หานลี่ที่อยู่ในที่แห่งนี้ สามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากใต้ดินและผนังสี่ด้าน ในใจก็รู้สึกทั้งดีใจและกลุ้มใจ

 

 

ที่ดีใจก็คือ ปราณวิญญาณพฤกษาในสถานที่นี้เข้มข้นเช่นนี้ ภายในสองปีสามารถเชี่ยวชาญวิธีควบคุมอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายได้นั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ส่วนที่กลุ้มใจคือ มู่ชิงผู้นี้แม้แต่สถานที่วิญญาณเช่นนี้ก็ยอมสละให้ตนใช้ แสดงว่านางจำเป็นต้องใช้เขาจริงๆ ภายภาคหน้าคิดจะหลุดพ้นจากการควบคุมของราชาปีศาจตนนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างแน่นอน

 

 

“ตามข้ามา ข้าจะจัดการที่พักให้เจ้า ภายในเวลาสองปีหลังจากนี้ เจ้าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในที่แห่งนี้ ห้ามออกจากถ้ำแก่นพฤกษาแม้แต่ก้าวเดียว รอบๆ นี้ข้าได้วางอาคมต้องห้ามที่ร้ายกาจไว้ชนิดหนึ่ง หากข้าไม่เปิดมันด้วยตัวเอง เจ้าก็ออกจากที่นี่ไม่ได้” มู่ชิงกล่าวอย่างเรียบๆ ภายในน้ำเสียงเผยถึงความมั่นใจในตัวเอง

 

 

หานลี่มุมปากกระตุกคราหนึ่ง ไม่กล่าวอะไร เพียงแต่เดินตามหญิงผู้นี้เข้าไปอีกเส้นทางหนึ่งอย่างเงียบๆ

 

 

พอผ่านสวนดอกไม้ใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าแปลกประหลาด หานลี่ก็ถูกพามาอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่สีเหลืองอ่อนที่ไม่รู้ว่าหลอมมาจากโลหะชนิดใดบานหนึ่ง

 

 

มู่ชิงพลันหยุดฝีเท้า

 

 

“ที่นี่ก็คือห้องลับที่ข้าใช้ฝึกฝันเป็นประจำ ให้เจ้ายืมพักอาศัยและฝึกฝนเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ทุกเจ็ดวัน ข้าจะชี้แนะหลักแห่งการควบคุมอัสนีของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายให้เจ้าครั้งหนึ่ง ตอนกลางวันในเจ็ดวันให้หลัง เจ้ามาหาข้าที่โถงก็ได้แล้ว เอาล่ะ เจ้าเข้าไปเองเถอะ ข้าจะไปที่ห้องลับอีกแห่งหนึ่ง ที่นี่นอกจากอาคมต้องห้ามที่ข้าปูไว้ไม่กี่แห่งแล้ว สถานที่ที่เหลือเจ้าสามารถเข้าออกได้” มู่ชิงแสดงท่าทีใจกว้างอย่างผิดปกติ

 

 

“ขอบคุณพระคุณสำหรับความเมตตาของอาวุโสเป็นอย่างยิ่ง” หานลี่รีบกล่าวคำขอบคุณ

 

 

ทว่าหลังจากมู่ชิงพูดจบ นางแค่มองหานลี่อย่างเรียบเฉยคราหนึ่ง แล้วหมุนกายจากไป

 

 

เมื่อเห็นว่าหญิงผู้นี้เดินเลี้ยงบนเส้นทางเล็กๆ ร่างของนางก็หายไป หานลี่จึงค่อยถอนหายใจเบาๆ พลันผลักประตูโลหะสีทองบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วเข้าไปในห้องลับ

 

 

 

 

เวลาเปรียบดังกระสวยที่วิ่งพาดผ่าน ภายในชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว

 

 

ในวันนี้ ท่ามกลางหมอกหนาทึบ จู่ๆ บนท้องฟ้าเหนือยอดเขาขนาดเล็กที่ดูธรรมดาก็มีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน!

 

 

เมฆดำจำนวนนับไม่ถ้วนได้มารวมตัวที่ชั้นบรรยาต่ำ ตามด้วยประกายอัสนีสีเขียวเปล่งแสงวูบวาบ ส่งเสียงฟ้าร้องดังแผ่วๆ ออกมาจากเมฆเป็นระลอกๆ ราวกับภายในเมฆดำกำลังกำเนิดอสูรดุร้ายที่น่ากลัวตนหนึ่ง

 

 

ทันใดนั้นบนพื้นผิวของยอดเขาขนาดเล็ก มีเขตอาคมสีดำกว้างสิบจั้งเศษปรากฏขึ้น พื้นผิวเปล่งแสงสีดำวาบหนึ่ง ฉับพลันก็มีคนสองคนปรากฏตัวออกมาจากในนั้น

 

 

คนหนึ่งมีม่านแสงสีดำปกคลุม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น ส่วนอีกคนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีเขียว ใบหน้าอ่อนเยาว์

 

 

คือหานลี่กับมู่ชิงนั่นเอง!

 

 

พริบตาที่สองคนนี้ปรากฏตัว ในอากาศก็ส่งเสียงฟ้าร้องดังลั่น เมฆดำพลิกตัวอย่างรุนแรง ประกายอัสนีสีเขียวที่ปรากฏภายในเมฆเปลี่ยนเป็นหนาแน่น อานุภาพน่าสะพรึงอย่างผิดปกติ

 

 

มู่ชิงเงยหน้ามองไปยังชั้นบรรยากาศต่ำ พลางพูดด้วยท่าทางสงบนิ่งผิดปกติ “คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเช่นนี้ ทัณฑ์สวรรค์ของเจ้าจะมาถึงในเวลานี้ แต่เจ้ามีอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายอยู่กับตัว อีกทั้งเข้าใจหลักแห่งการควบคุมอัสนีขั้นแรกแล้ว คิดว่าทัณฑ์อัสนีระดับนี้น่าจะสามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย กลับยังสามารถฉวยโอกาสพิสูจน์การฝึกฝนเพิ่มได้อีก มีประโยชน์มากสำหรับอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายที่แท้จริงของเจ้า เจ้าดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกัน” มู่ชิงพูดคำนี้จบ เขตอาคมที่ใต้เท้าก็เปล่งแสงวาบ ร่างของนางก็หายไปอย่างฉับพลัน

 

 

ในชั่วพริบตา บนยอดเขาก็เหลือเพียงหานลี่คนเดียว

 

 

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ได้แต่หัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง

 

 

ทัณฑ์สวรรค์เล็กครั้งที่สองของตนมาเยือนที่แดนวิญญาณ คิดไม่ถึงว่าจะมาเวลานี้ ทำให้เขารู้สึกเกินคาดเป็นอย่างมาก

 

 

โชคดีที่เขากินยาสลายธุลีมาโดยตลอด อีกทั้งยังกินจนหมดเกลี้ยงแล้ว ทัณฑ์สวรรค์ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ทัณฑ์อัสนีสองสีที่น่ากลัวสุดๆ แต่เป็นอัสนีสวรรค์สีเขียวทั่วไปเท่านั้น

 

 

แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หานลี่ก็ยังไม่กล้าผ่อนคล้ายแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนี่ก็คือทัณฑ์อัสนีครั้งที่สองของเขา จึงไม่กล้าประมาทเกินไป

 

 

หานลี่อ้าปากออก ทันใดนั้นเตาจิ๋วสีเขียวใบหนึ่งก็ถูกพ่นออกมาด้านนอก ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็ลูบไปที่หลังศีรษะคราหนึ่ง ม่านแสงสีเทาสลัวๆ ก็ม้วนออกมา กลายเป็นม่านแสงปกป้องรอบก้ายหนึ่งชั้น

 

 

จากนั้นเขาจึงค่อยส่งเสียงร้องเบาๆ คราหนึ่ง สองมือพลันกำหมัด ทันใดนั้นก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น ประกายอัสนีสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนก็ดีดออกจากร่าง แล้วพวยพุ่งไปในอากาศ

 

 

ครู่ต่อมา ตาข่ายสายฟ้าสีทองผืนหนึ่งก็ปรากฏที่ชั้นนอก บนพื้นผิวเปล่งประกายสายฟ้าระยิบระยับ ส่งเสียงฟ้าแลบไม่หยุด

 

 

ในเวลาเดียวกัน ประกายอัสนีสีเขียวในอากาศมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และสว่างขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ส่งเสียงดังเกริกก้องไปทั่วพื้นปฐพี ประกายแสงสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนโหมจู่โจมลงมาจากกลางอากาศอย่างบ้าคลั่ง เป้าหมายคือหานลี่ที่อยู่บนยอดเขาเล็ก

 

 

ประกายอัสนีหนาเท่านิ้วหัวแม่โป้ง คล้ายกับงูเล็กสีเขียวที่กระโจนลงมาทีละตัวๆ ราวกับห่าฝน พุ่งเข้าใส่ตาข่ายสายฟ้าสีทองที่อยู่ชั้นนอกสุด

 

 

ดวงตาของหานลี่เปล่งแสงประหลาดวาบหนึ่ง พลันตั้งท่าร่ายคาถามือเดียว ตาข่ายสายฟ้าสีทองก็แผดเสียงฟ้าร้อง ก่อนที่บนตาข่ายจะมีอักขระสีทองปรากฏออกมาอย่างเลือนราง ครั้นหมุนโคจรรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นม่านแสงสีทองราวกับระลอกคลื่นเป็นผืนๆ อย่างฉับพลัน

 

 

ฉากที่น่าประหลาดพลันปรากฏขึ้น!

 

 

เมื่อกายอัสนีสีเขียวกับม่านแสงเหล่านี้แตะถูกกัน มีเพียงแสงอัสนีสว่างวาบ แล้วหายไปข้างในทั้งหมดอย่างไร้ร่องรอย

 

 

ตลอดขั้นตอนไร้สุ้มเสียง ราวกับถูกม่านแสงสีทองกลืนหายไป

 

 

ชั่วพริบตา ประกายอัสนีสีเขียวนับร้อยนับพันก็ถูกม่านแสงสีทองดูดกลืนเข้าไปภายในกว่าครึ่ง มีส่วนน้อยที่ถูกตาข่ายสายฟ้าสีทองดีดออก ส่งเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่น

 

 

ทัณฑ์อัสนีระลอกที่หนึ่งพลันตกลงมา หานลี่ไม่กะพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว สามารถรับเอาไว้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset