หานลี่ได้ยินคำนี้ ใบหน้าไม่ได้เผยความประหลาดใจออกมา
แม้ว่าเขาจะเก็บสมุนไพรในสวนสมุนไพรมาจนหมด แต่ตามกฎของสวนสมุนไพร ก็สามารถคาดเดาได้ว่ามันต้องปลูกเอาไว้จำนวนมาก
ดังนั้นเชียนจีจื่อถึงได้เอ่ยถามเช่นนี้ออกมา
“ข้าน้อยยังมีสมุนไพรอยู่จริงๆ แต่ท่านอาวุโสทั้งสามควรเอาความบริสุทธิ์ใจออกมาให้ชนรุ่นหลังดูก่อนหรือไม่ขอรับ” หานลี่กะพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยพร้อมกับกลั้วหัวเราะ
ได้ยินหานลี่กล่าวเช่นนี้ เชียนจีจื่อก็แววตาเปล่งประกาย สีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
“อันใด สหายหานไม่เชื่อตาเฒ่าอย่างพวกเราหรือ”
“ชนรุ่นหลังจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร แค่ชนรุ่นหลังหยิบสมุนไพรจากแดนกว้างเย็นออกมา ในมือก็ยังพอมี ทว่าเป็นแค่สมุนไพรชนิดเดียวกันเท่านั้น ยามนี้ชนรุ่นหลังอยากดูยาลูกกลอนในมือของท่านอาวุโสทั้งสามสักหน่อย น่าจะไม่ได้เป็นคำร้องขอที่มากเกินไปกระมัง” หานลี่เอ่ยอย่างแช่มช้า และไม่ได้มีเจตนาจะยอมให้
“สหายเชียนจีจื่อ ในเมื่อสหายหานกล่าวเช่นนี้ ก็นำยาลูกกลอนออกมาให้เขาดูเถิด จะได้ให้เขารู้ว่าพวกเราอยากแลกเปลี่ยนจริงๆ” ต้วนเทียนเริ่นถือผลประหลาดสีแดงสดขนาดเท่าหัวแม่มือเอาไว้ในมือ หลังจากถ่ายทอดเสียงให้กับไฉ่หลิวอิงแล้ว ก็เอ่ยขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกายวาวโรจน์
“สมุนไพรที่สหายหานนำออกมาครั้งนี้ มีสิ่งที่เจ้าและข้าต้องการอยู่ไม่น้อย มีคุณสมบัติที่จะทำการแลกเปลี่ยนกับพวกเราอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าก็จะโยนอิฐล่อหยก[1] ออกมาก่อน ให้สหายหานดูยาลูกกลอนที่จะแลกเปลี่ยน?” ไฉ่หลิวอิงเอ่ยด้วยแววตาสดใสพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เมื่อได้ยินที่เหลือทั้งสองคนกล่าวเช่นนี้ เชียนจีจื่อพลันตกตะลึง แต่หลังจากแววตาเปล่งประกายแล้ว ฉับพลันนั้นก็หัวเราะร่าออกมา
“สหายทั้งสองล้วนไม่มีความเห็น ข้าน้อยจะใจร้ายได้อย่างไร เอาละ เอาตามที่สหายหานกล่าว”
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสทั้งสาม!” หานลี่เองก็คารวะทั้งสามคนอย่างรู้จักวางตนเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้นทันใดนั้นไฉ่หลิวอิงก็พลิกฝ่ามือ ลำแสงสว่างวาบ ขวดยาลูกกลอนเพิ่มขึ้นมาสามขวด และโยนไปให้หานลี่
“ยาลูกกลอนสามชนิดนี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่ช่วยทะลวงจุดคอขวด มีชื่อเสียงไม่น้อย คิดดูแล้วสหายหานน่าจะเคยได้ยิน แบ่งเป็นยาลูกกลอนไหมสีเงิน ยาลูกกลอนชั้นเลิศ ผงบรรเทาความเจ็บปวด ตอนแรกข้าเสียแรงไปมากกว่าได้ยาลูกกลอนเหล่านี้มา และได้ใช้มันไปกว่าครึ่งแล้ว แต่ที่เหลืออีกครึ่งก็เพียงพอจะช่วยสหายได้ โดยเฉพาะยาลูกกลอนชั้นเลิศสามเม็ด มีประโยชน์ต่อการทะลวงจุดคอขวดมาก ไม่ธรรมดาจริงๆ”
เมื่อหานลี่รับขวดยาไป ก็เปิดฝาขวดออกพิจารณา ไฉ่หลิวอิงจึงอธิบายเสริม
จากความรู้ด้านการปรุงยาของหานลี่ จึงแยกแยะว่ายาลูกกลอนเหล่านี้เป็นของจริงหรือปลอมได้อย่างง่ายดาย หลังจากดูเสร็จก็พยักหน้าเบาๆ
ยามนี้ต้วนเทียนเริ่นเองก็หยิบยาลูกกลอนสองขวดและกล่องยาอีกสองกล่องออกมา ส่วนเชียนจีจื่อก็หยิบน้ำเต้าขนาดเท่าฝ่ามือสีแดงหนึ่งผลและสีฟ้าหนึ่งผลออกมา…
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งถ้วยน้ำชา หานลี่ก็ตรวจสอบของทั้งหมดเสร็จสิ้น
ต้วนเทียนเริ่นหยิบยาลูกกลอนและสมุนไพรออกมา ไม่ต่างอันใดกับไฉ่หลิวอิงนัก น้ำเต้าทั้งสองผลของเชียนจีจื่อกลับบรรจุของเหลววิญญาณที่หายากของแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนีไว้สองชนิด แม้ว่ากินไปแล้วจะไม่มีผลอันใด แต่กลับเป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมยาลูกกลอนสองสามชนิด เป็นสิ่งที่มีราคาแต่หาซื้อไม่ได้ในแดนวิญญาณเช่นกัน
หลังจากที่หานลี่เผยสีหน้าพึงพอใจออกมา ก็สะบัดข้อมือ กำไลเก็บของเปล่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง กล่องหยกจำนวนมากเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น
“ยาลูกกลอนและยาสมุนไพรของท่านอาวุโสทั้งสามล้วนเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ เชื่อว่าไม่ว่าอันใดก็เพียงพอจะทำให้ภายนอกเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ ทว่าแค่ยาลูกกลอนเหล่านี้จะมาแลกกับสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดของข้า กลับไม่เพียงพอ” หานลี่กวาดตามองกล่องที่ลอยอยู่กลางอากาศกว่าครึ่ง แล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ฮ่าๆ ต่อให้มีสมุนไพรวิญญาณมากขนาดไหน จากฐานะของพวกเราสามคนยังกลัวว่าจะเอาของที่สหายพอใจออกมาไม่ได้หรือ? สหายหานบอกมาเถิด อยากแลกกับสิ่งใด” ต้วนเทียนเริ่นเห็นหานลี่หยิบสมุนไพรออกมามากกว่าเดิมสองสามเท่า ก็หายโกรธแล้วเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิดทันที
“ใช่แล้ว! สมุนไพรเหล่านี้ พวกเราต้องการทั้งหมด สหายมีเงื่อนไขอันใดก็กล่าวมาเถิด”
แม้ว่าเชียนจีจื่อจะรู้ว่าหานลี่ยังมีสมุนไพรอีกจำนวนมาก แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเอาออกมาจำนวนมากขนาดนี้ได้อย่างง่ายดาย จึงเอ่ยด้วยความดีใจเช่นกัน
“สมบัติอาคมอะไรพวกนั้นก็ช่างเถิด ชนรุ่นหลังยังขาดวัตถุดิบล้ำค่าอยู่เล็กน้อย ข้ามีรายการอยู่ชุดหนึ่ง ต้องดูว่าท่านอาวุโสทั้งสามจะรวบรวมให้ชนรุ่นหลังได้กี่ชนิดและจำนวนเท่าไหร่ ว่ากันว่าของเหลวผลึกจันทราของเผ่าผลึกใช้ผสานอินทรีย์ศักดิ์สิทธิ์ได้ อยากขอกับท่านอาวุโสไฉ่สักขวด นอกจากนี้ชนรุ่นหลังสนใจสูตรปรุงยาชั้นเลิศและวิธีการหลอมหุ่นเชิดสะท้านฟ้าเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าท่านอาวุโสทั้งสามจะทำให้สมปรารถนาได้” หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ เอ่ยเงื่อนไขจำนวนมากออกมาก
หลังจากที่เชียนจีจื่อและพวกทั้งสามคนได้ยิน ก็อดที่จะมองสบตากันไม่ได้
“สหายหานเจ้าไม่ขอมากไปหรือ วัตถุดิบนั้นไม่ต้องพูดถึง ยาลูกกลอนชั้นเลิศมีแค่ปรมาจารย์การปรุงยาของเผ่าผลึกอย่างพวกเราที่จะเรียนรู้ได้ ของเหลวผลึกจันทรายิ่งเป็นสิ่งที่มีชีวิตระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากยังหาไม่ได้” ไฉ่หลิวอิงขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ชนรุ่นหลังกลับไม่คิดว่าเกินไป ยาสมุนไพรเหล่านี้แทบจะเป็นสมุนไพรในแดนเซียนที่ชนรุ่นหลังหาได้จากแดนกว้างเย็น ทุกต้นนั้นหากนำไปประมูลในโลกภายนอก เกรงว่าคงมีท่านอาวุโสระดับศักดิ์สิทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วนพากันแย่งชิง ที่นี่มีมากกว่าสองสามร้อย และยิ่งไปกว่านั้นหนึ่งในนั้นยังมีสมุนไพรที่สูญพันธุ์ไปจากแดนวิญญาณแล้วอยู่ไม่น้อย อายุก็ยากจะจินตนาการได้ เหนือกว่า ‘สมุนไพรหมื่นปี’ ทั่วๆ ไป จะว่าไปแล้วหลังจากแลกเปลี่ยนกันเช่นนี้ ชนรุ่นหลังก็ยังรู้สึกว่าเสียเปรียบ” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ
“สูตรปรุงยาชั้นเลิศนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ สูตรปรุงยานี้เป็นของเผ่าเมฆาสวรรค์ของพวกเรา ไม่อาจให้คนนอกเผ่ารู้ได้ เคล็ดวิชาการหลอมหุ่นเชิดสะท้านฟ้าก็เช่นกัน” เชียนจีจื่อใช้น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยปฏิเสธ
“กลับเป็นของเหลวผลึกจันทรา แม้ว่าจะเป็นของที่หายากเช่นกัน แต่ข้าก็น่าจะพอเอามาได้หนึ่งขวด ส่วนสิ่งอื่น สหายเปลี่ยนเงื่อนไขเถิด” ไฉ่หลิวอิงเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจเล็กน้อย
แม้ตามหลักการแล้วของเหลวผลึกจันทราขวดหนึ่งจะมีมูลค่าเหนือกว่าหุ่นเชิดสะท้านฟ้าและยาลูกกลอนชั้นเลิศ แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป
สีหน้าของต้วนเทียนเริ่นก็เคร่งขรึมขึ้นเช่นกัน
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น กลับไม่ได้วางใจนัก
เงื่อนไขของเขาเมื่อครู่ ความจริงแล้วก็แค่ลองใจเท่านั้น
ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อาจผ่อนผันได้ ได้ของเหลวผลึกจันทราหนึ่งขวดก็นับว่าเป็นประโยชน์ครั้งยิ่งใหญ่แล้ว
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ “ในเมื่อท่านอาวุโสทั้งสามท่านคิดว่าสูตรปรุงยาและเคล็ดวิชาหุ่นเชิดไม่อาจถ่ายทอดได้ ชนรุ่นหลังก็จะไม่บังคับ เช่นนั้นก็จ่ายค่าใช้เขตอาคมส่งตัวอีกครั้งหนึ่งให้ชนรุ่นหลังก็แล้วกัน เงื่อนไขนี้ น่าจะง่ายกว่าสินะ!”
“ศิลาวิญญาณ! ไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็แล้วกัน” ไฉ่หลิวอิงพลันตกตะลึง จากนั้นก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มบางๆ
เชียนจีจื่อและต้วนเทียนเริ่นครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบรับด้วยสีหน้าผ่อนคลายลง
เห็นว่าทำการค้าสำเร็จ สองมือของหานลี่ที่ประกบเข้าหากันก็แยกออก ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ คัมภีร์สีเขียวม้วนหนึ่งปรากฏออกมา
นิ้วชี้ไปที่คัมภีร์หยก คัมภีร์หยกบินมาหาไฉ่หลิวอิง
หญิงสาวคิ้วดำขลับขมวดคิ้วมุ่น นิ้วเรียวขยับดูดคัมภีร์เข้ามาอยู่ในมือ
ใช้จิตสัมผัสกวาดออกไป ด้านในมีบันทึกชื่อวัตถุดิบจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่นางได้ยินคุ้นหูดี
หญิงสาวผู้นี้มองหานลี่แวบหนึ่งด้วยแววตาเจือรอยยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม สะบัดข้อมือเรียว โยนคัมภีร์ไปให้ต้วนเทียนเริ่น ตนก็เริ่มตรวจสอบกล่องหยกที่หานลี่เอาออกมาใหม่
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ทั้งสามคนก็ตรวจสอบสมุนไพรวิญญาณที่นำออกมาใหม่เสร็จรอบหนึ่ง หลังจากไม่มีปัญหาอันใดแล้ว ทันใดนั้นก็เริ่มหยิบกล่องไม้ ขวดหยกรูปทรงต่างๆ ขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันออกมาจากกำไลเก็บของ
ผ่านไปชั่วครู่ก็รวบรวมวัตถุดิบตามบันทึกของหานลี่ได้เกือบครบ
หานลี่ดูเหมือนจะมีสีหน้าราบเรียบ แต่ในใจพลันตกตะลึง
รายการวัตถุดิบที่เขาเสนอแน่นอนว่าย่อมไม่ใช่สิ่งที่หามาได้ง่ายๆ กว่าครึ่งในนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ชิงหยวนจื่อขอให้เขาตามหาแต่ก็ยังหาไม่พบ
แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่วัตถุดิบที่สำคัญในรายการ แต่ก็เป็นของที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เชียนจีจื่อและพวกทั้งสามรวบรวมได้จำนวนมากเพียงนี้ภายในระยะเวลาอันสั้น หานลี่ย่อมรู้สึกตกตะลึงอยู่แล้ว
ทว่านั่นก็หมายความว่า สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ทั้งสามคน เตรียมตัวมาแล้วไม่น้อย และตั้งใจจะทำการแลกเปลี่ยนกับเขา มิเช่นนั้นคงไม่มีทางพกของจำนวนมากขนาดนี้ติดตัวมาแน่
หลังจากที่หานลี่ตรวจสอบวัตถุดิบแล้ว ก็วางสิ่งของลงไปในกำไลเก็บของอย่างพึงพอใจ
ยามนี้ต้วนเทียนเริ่นจึงเอ่ยว่า “วัตถุดิบที่เหลือ นอกจากสองสามชนิดที่ไม่อาจหาได้จริงๆ แล้ว ที่เหลือข้าจะส่งคนไปส่งให้ภายในสิบวัน สหายหานไม่มีความเห็นใดสินะ”
“ไม่มีปัญหา ชนรุ่นหลังย่อมเชื่อท่านอาวุโสทั้งสามอยู่แล้วขอรับ!” หานลี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“นี่คือศิลาวิญญาณและของเหลวผลึกจันทราที่เจ้าต้องการ สหายเก็บไว้ให้ดีเถิด ครั้งนี้สหายหานมีผลงานที่ยิ่งใหญ่จริงๆ อีกเดี๋ยวก็จะทำให้เราสามคนหมดตัวแล้ว กลับไปไม่แน่ว่าอาจจะต้องเป็นหนี้บุญคุณสหายเก่าคนอื่นๆ ด้วย” ไฉ่หลิวอิงฉีกยิ้มเบิกบาน แล้วสะบัดแขนเสื้อ
ชั่วขณะนั้นถุงหนังสีดำและขวดเล็กๆ สีฟ้าพลันถูกหมอกลำแสงห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ แล้วบินมาทางหานลี่อย่างแช่มช้า
“ท่านอาวุโสล้อเล่นแล้ว” หานลี่หัวเราะร่า หลังจากที่แววตามีแววดีใจฉายแวบผ่าน มือหนึ่งก็ตะปบออกไปกลางอากาศ แล้วคว้าขวดและถุงหนังเอาไว้ในมือ
ศิลาวิญญาณในถุงหนัง หานลี่แค่ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านไป ก็โยนเข้าไปในกำไลเก็บของส่งๆ กลับเป็นขวดสีฟ้าที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียด
ไม่เพียงเปิดฝาขวดออก ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่านไปสองสามครั้ง แล้วนำมาดมที่ปลายจมูก หลังจากรู้สึกว่าไม่ผิดแน่ถึงได้วางใจเก็บลงไป
ในเมื่อแลกเปลี่ยนเสร็จแล้ว หานลี่ย่อมไม่มีทางรั้งรออยู่ที่นี่อีก หลังจากคารวะเชียนจีจื่อและพวกแล้ว ก็เอ่ยปากขอตัวลา
ส่วนตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์สามคนก็เผยท่าทีไม่อยากให้หานลี่อยู่ที่นี่นานออกมา หลังจากพูดคุยกันสองสามประโยค ก็ส่งเขากลับ
เขตอาคมส่งตัวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างของหานลี่สลายหายไปในพริบตา
“พวกเจ้าสองคนก็ออกไปก่อนเถิด” ไฉ่หลิวอิงกวาดสายตาไปที่หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุน พลางออกคำสั่ง
“เจ้าค่ะ!”
“รับคำสั่งขอรับ!”
แน่นอนว่าหลิวสุ่ยเอ๋อร์ย่อมรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ส่วนสือคุนพลันมองต้วนเทียนเริ่นแวบหนึ่ง หลังจากเห็นเขาพยักหน้าก็ตอบรับอย่างเชื่อฟัง
ดังนั้นทั้งสองคนจึงก้าวเข้าไปในเขตอาคมส่งตัว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วออกจากห้องโถงไป
เมื่อสือคุนและพวกทั้งสามอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของหอคอย คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ไม่รู้ว่าวิ่งไปที่ใดกันแน่
ทั้งสองมองสบตากันแวบหนึ่ง อดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้
[1] โยนอิฐล่อหยก หมายถึง ใช้ความคิดเห็นที่ตื้นๆ เพื่อล่อให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นที่ลึกซึ้งและเฉียบแหลมออกมา