เหลยหลันเห็นเช่นนั้นพลันขมวดคิ้วว พลางหันหน้าไปพูดกับไป๋ปี้
“เจ้าพวกนี้ดูเหมือนว่าจะยุ่งยากไม่น้อย ข้าจะไปช่วยพี่หญิงฉินอีกแรงเถิด” พูดไปพลางร่างของสตรีผู้นี้ก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ และชี้ไปที่จุดหนึ่งพร้อมกับหัวเราะอย่างขมขื่นและเอ่ยว่า
“ศิษย์น้องหญิงเหลยข้าว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยแม่หญิงฉินหรอก พวกเรามีอีกอย่างต้องจัดการ” เหลยหลันได้ยินพลันตกตะลึง มองไปทางทีไป๋ปี้ชี้ไป
ผลคือท่ามกลางความมืดมิด ปีศาจหมาป่าฝูงใหญ่เดินออกมาอย่างเงียบเชียบ มองทอดไกลออกไปทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยขน ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่ตัว
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น อีกด้านหนึ่งพลันมีเสียงร้องดังขึ้น
เหลยหลันหลันเหลือบตามองไป เห็นเพียงเงาสีดำทางด้านนั้นพลิ้วไหว เผยวานรน้ำแข็งสูงสองสามจั้งฝูงหนึ่งออกมา ทุกตัวล้วนมีขนที่ยาวมาก โค้งงอเล็กน้อย แต่ในมือของมันส่วนใหญ่ล้วนกลับมีไม้กระบองหินอยู่ ทุกตัวล้วนมีเขี้ยวแหลมคมท่าทางดุดัน
“ข้าจะไปจัดการฝูงหมาป่า วานรน้ำแข็งเหล่านั้นให้ศิษย์พี่ไป๋จัดการก็แล้วกัน” เหลยหลันกลับเอ่ยอย่างรวดเร็ว เสียงสวบดังขึ้น คนกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งพุ่งเข้าไปหาฝูงหมาป่า
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นประจุไฟฟ้าหนาๆ สิบกว่าสายระเบิดออกท่ามกลางฝูงหมาป่า จากนั้นก็ดีดตัวออก
ปีศาจหมาป่าที่ถูกประจุไฟฟ้าสีเงินกวาดไป ทอยยกันตัวสั่นเทาแล้วล้มลงกับพื้น ร่างกายมีกลิ่นไหม้โชยมา
ไป๋ปี้เห็นเช่นนั้นพลันสั่นศีรษะคารวะหานลี่ แล้วกลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไป
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฝูงวานรที่อยู่อีกด้านพลันเกิดเสียงอื้ออึงขึ้น ทันใดนั้นลำแสงสีทองกลุ่มหนึ่งก็ระเบิดออกกลางอากาศ เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มลงไปด้านล่าง
เสียงร้องอันน่าอนาถดังขึ้น!
หลังจากที่ปีศาจวานรกลุ่มใหญ่มีลำแสงสีทองสว่างวาบ ร่างก็ถูกเส้นไหมสีทองทะลุผ่านจุดตาย ทยอยกันล้มลงกับพื้นกลางบ่อโลหิต…
ไม่ว่าจะเป็นฝูงหมาป่าหรือว่าฝูงวานร หากเป็นแค่ปีศาจระดับต่ำล่ะก็ ล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลยหลันและพวก แต่ท่ามกลางฝูงอสูรระดับต่ำเหล่านั้น กลับมีปีศาจระดับกลางที่มีความสามารถไม่น้อยปรากฎขึ้น ทำให้พวกเขาและฉินเสี่ยวไม่อาจสังหารฝูงอสูรได้ทันที จึงทำได้เพียงค่อยๆ ต่อกรกับมันไปเท่านั้น
หานลี่ยืนมองดูสถานการณ์อยู่บนรถวิญญาณ หน้าเปลี่ยนสี ขบคิดว่าจะให้ทั้งสามคนถอยหลับมา อาศัยอานุภาพของเขตอาคมจับปีศาจเหล่านี้ทั้งหมดดีหรือไม่
แต่ในตอนนั้นเองฉับพลันนั้นกลางอากาศพลันมีเสียงประหลาดๆ ดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีอะไรสักอย่างบินมา
แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบจ้องเขม็งไป แต่ทันใดนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
เห็นเพียงกลางอากาศมีปีศาจน้ำแข็งทมิฬรูปร่างประหลาดๆ นับร้อยตัวบินมา ทุกตัวล้วนมีร่างกายสีดำแวววาว ขนาดใหญ่หน่อยก็มีขนาดถึงสิบจั้ง เล็กน้อยก็มีขนาดแค่สองสามจั้ง
ดูจากกลิ่นอายที่โชยออกไปข้างนอกเห็นได้ชัดว่าล้วนเป็นปีศาจที่อยู่ในหุบเหว
ปีศาจเหล่านี้ทุกตัวล้วนมีสีหน้าตื่นเต้นดีใจ บินตรงเข้ามาในเขตอาคมใหญ่ เห็นได้ชัดว่าถูกกลิ่นหอมของอสูรน้อยที่โชยออกไปล่อมา
หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชา ยืนนิ่งที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน มองเหล่าปีศาจที่บินเข้ามาในชั่วพริบตานิ่ง จากนั้นปากก็เปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมาขณะกระโจนเข้ามาในเขตอาคมใหญ่ หมายจะตรงเข้ามายังอสูรน้อยที่อยู่ตรงใจกลาง
เมื่อเห็นว่าปีศาจทมิฬนับร้อยตัวบินเข้ามากว่าครึ่ง หานลี่ถึงได้ลงมือ
เขาพลิกฝ่ามือมือหนึ่ง กลางฝ่ามือมีธงอาคมยาวสองสามชุ่นด้ามหนึ่งปรากฎขึ้น เป็นสีแดงเพลิงเปล่งแสงสว่างพร่าง
ใส่ลมปราณทั้งหมดเข้าไปในธงอาคม ปลายแหลมของธงชี้ไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว
หลังจากเสียง “ฟู่” ดังขึ้น พ่นลำแสงสีแดงสายหนึ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเขตอาคมอย่างไร้ร่องรอย
เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น เสาลำแสงสิบสายที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงขอบของเขตอาคมพลันสั่นคลอน อักขระต่างๆ ปรากฏขึ้น ม่านลำแสงสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนบินม้วนวนออกมาจากจุดต่างๆ ชั่วครู่ก็ล้อมรอบน้ำแข็งทมิฬในเขตอาคมเอาไว้ข้างใน
ปีศาจเหล่านี้พลันตกตะลึงบ้างก็อ้าปากพ่นวายุสีดำสนิทออกมา บ้างก็กะหรือปีกอย่างบ้าคลั่งเรียกหิมะสีดำและลูกเห็บออกมารอบกาย
แต่ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านน้ำแข็งชนิดใด หลังจากลำแสงสีแดงม้วนวนผ่านแล้ว ต่างก็ละลายหายไป ส่วนน้ำแข็งทมิฬเหล่านั้นเมื่อถูกลำแสงสีแดงกวาดผ่านไป น้ำแข็งบนร่างกายก็ค่อยๆ ละลายออกเป็นชั้นๆ
ชั่วพริบตา ปีศาจในเขตอาคมก็ทยอยกันหายไปเหลือเพียงไอน้ำแข็งทมิฬเป็นกลุ่มๆ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ปีศาจที่อยู่ด้านนอกเขตอาคมพลันตกตะลึง!
ปีศาจบางตัวที่เสียดายกลิ่นหอมนี้ จึงไม่อาจจากไปได้ยังคงวนเวียนอยู่ด้านนอกเขตอาคม บ้างที่มีสติปัญญาค่อนข้างสูงเห็นท่าไม่ดีจึงหันกลับหนีไป
หานลี่พลันขมวดคิ้วอ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งออกมา ด้านในมีหม้อเล็กๆ สีเขียวใบหนึ่งถูกห่อหุ้มอยู่
ของสิ่งนี้หมุนคว้างอยู่กลางอากาศไม่หยุด จากนั้นลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบกลายเป็นหม้อยักษ์ขนาดสองสามจั้ง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น หานลี่ตกไปที่หม้อใบยักษ์
หลังจากเสียงหึ่งๆ ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นฝาหม้อพลันปลิวกระเด็นออกไป เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกมาจากหม้อ หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้งก็หายวับไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมาด้านนอกเขตอาคมใกล้ๆ กับปีศาจน้ำแข็งทมิฬเหล่านั้น
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมาจากกลางอากาศ หลังจากพ่นไปทั่วทุกสารทิศ ชั่วขณะนั้นก็ทะลวงผ่านน้ำแข็งทมิฬเหล่านั้น แม้ว่าสองสามตัวจะหนีออกไปได้ไกลระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจหลบพ้นการโจมตีของเส้นไหมสีเขียวได้
หลังจากที่ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง ซากของปีศาจทั้งหมดก็กลายเป็นชิ้นๆ ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของหม้อนภาสูญนั้นเพิ่มขึ้นตามพลังยุทธ์ของหานลี่ ไม่เหมือนกับในวันวานแล้ว
ฉินเสี่ยวและพวกเองที่สำแดงความสามารถอยู่ไกลออกไปกำลังทยอยกันสังหารปีศาจระดับกลางเหล่านั้น ในที่สุดก็ทำให้ปีศาจแมลงเหล่าแตกฮือและล่าถอยไป
“คิดไม่ถึงว่าแดนน้ำแข็งทมิฬนี้จะมีปีศาจอยู่มากถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปซ่อนตัวอยู่ที่ใด” เหลยหลันและฉินเสี่ยวบินกลับเข้ามาในรถวิญญาณก็ส่งเสียงจุ๊ๆ เอ่ยอย่างชื่นชม
“หึๆ ที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลขนาดนี้ มีที่ซ่อนอยู่มากมายอยู่แล้ว ทว่าปีศาจเหล่านี้เป็นพวกที่อยู่ในระแวกนี้ อีกเดี๋ยวอสูรปีศาจที่อยู่ไกลออกไปก็คงจะมา ครานั้นอาจจะมีปีศาจระดับสูงปรากฏขึ้น” ลำแสงสีทองสว่างวาบ ไป๋ปี้เองก็เข้ามาในรถวิญญาณแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
หานลี่ได้ยินกลับมีสีหน้าเยือกเย็นเป็นพิเศษ
หลังจากนั้นไม่นาน รอบด้านก็มีเสียงร้องคำรามยาวบ้างสั้นบ้างคำรามขึ้น ปีศาจต่างๆ เริ่มทยอยกันปรากฏตัว พลางพุ่งเข้ามาที่เขตอาคม
ครั้งนี้หานลี่ไม่ได้ให้คนที่เหลือทั้งสามคนออกไป แต่เปิดการทำงานของเขตอาคม ไม่ว่าปีศาจชนิดใดที่กระโจนเข้ามาในเขตอาคมก็จะโดนลำแสงสีแดงม้วนเข้าไปแล้วเปล่งเสียงร้องอันน่าอนาถออกมากลายเป็นเถ้าถ่าน…
เช่นนั้นปีศาจระลอกแล้วระลอกเล่า ค่อยๆ โจมตีเข้ามาเวลาครึ่งวันจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แม้กระทั่งในช่วงเวลานั้นยังมีปีศาจระดับสูงปรากฏตัวขึ้นตัวหนึ่ง แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หานลี่ใช้เขตอาคมมหากระบี่ทองคำอย่างไม่ลังเลใจนั้นก็สังหารปีศาจตนนี้ได้อย่างง่ายดาย
ไม่รู้ว่าปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่มีชื่อเสียงในแดนน้ำแข็งทมิฬหรือไม่ จากนั้นก็ไม่มีปีศาจที่แข็งแกร่งปรากฏขึ้นในระยะเวลานั้นอีกเลย
หานลี่และพวกจึงรู้สึกยินดีมาก
สองสามชั่วยามต่อมาเมื่อกลิ่นหอมบนร่างของอสูรเกล็ดมิคาทนเริ่มเบาบางลง ฝูงวิหคประหลาดที่เดิมกำลังกระโจนเข้ามาหาเขตอาคมอย่างต่อเนื่องก็แตกฮือออกอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน คาดไม่ถึงว่าจะล้มเลิกการโจมตี
ขณะที่หานลี่กำลังตกตะลึงนั้นไกลออกไปก็มีเสียง “ตึงๆ” ของฝีเท้าอันหนักอึ้งดังขึ้น
ทุกย่างก้าวทำให้น้ำแข็งในบริเวณนั้นสั่นสะเทือนราวกับว่ามีสิ่งมหึมากำลังเดินมาทางนี้
เหลยหลันและพวกมองสบตากันแวบหนึ่งแล้วพลันเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แววตามีสีฟ้าสว่างจ้า
ครู่ต่อมาปีศาจยักษ์ส่วนสูงสองสามร้อยจั้งเรือนกายเป็นสีเขียวมรกตก็เดินออกมาจากความมืดมิด
“ปีศาจพฤกษามรกต คิดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจพฤกษาตนนี้” เมื่อเห็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดอย่างชัดเจน ไป๋ปี้ก็เอ่ยชื่อของปีศาจตนนี้ออกมาด้วยความตรึงเครียด
ปีศาจที่อยู่เบื้องหน้าช่างแปลกประหลาดนัก!
ร่างกายอันใหญ่โต ท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่างเป็นกวาง หัวด้านบนเป็นสีเขียวมรกต คาดไม่ถึงว่าจะเชื่อมกับต้นไม้ยักษ์ ด้านบนยังมีดอกและใบสีเขียวงอกอยู่ดูแล้วช่างน่าขันนัก
แต่สองมือของปีศาจตนนี้กลับถือค้อนขนาดเท่าภูเขาอยู่ไม่ว่าผู้ใดเห็นแล้วก็ไม่อาจหัวเราะเยาะได้
“ไม่เป็นไร แม้ว่าปีศาจพฤกษามรกตจะมีร่างกายใหญ่โต พลังมหาศาลแต่ร่างกายของมันค่อนข้างหนักขอแค่ไม่ถูกอาวุธของมันโจมตีก็ไม่เป็นไร” ไป๋ปี้เอ่ยเตือนและมองไปทางหานลี่แวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ผลคือกลับทำให้ตะลึงงัน!
เห็นเพียงหานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึมมาก คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมาครั้งแรกตั้งแต่ที่พบเหล่าปีศาจล้อมโจมตี
“พี่หาน เจ้า…” ไม่ใช่แค่ไป๋ปี้ ฉินเสี่ยวและพวกที่พบแล้วก็อดจะเอ่ยถามด้วยความฉงนไม่ได้
“ถ้าหากมีแค่ปีศาจตนนี้ก็พอจะต่อกรได้ แต่ปีศาจอีกตัวที่ยืนอยู่เกรงว่าคงยุ่งยากแล้ว” หานลี่เงียบขรึมไปเล็กน้อยคาดไม่ถึงว่าจะเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“อีกตัวหนึ่ง?” เมื่อได้ยินหานลี่และพวกเอ่ยเช่นนี้ไป๋ปี้และพวกพลันตกตะลึง รีบร้อนมองไปยังเหนือหัวของปีศาจพฤกษามรกต
ภายใต้การเพ่งพินิจมองอย่างละเอียดในที่สุดก็มองเห็นปีศาจอีกตนหนึ่ง
คาดไม่ถึงว่าปีศาจตนนี้จะมีความสูงไม่ถึงสองฉื่อ เป็นคนแคระเครายาวสวมชุดคลุมสีเขียวมรกต มือหนึ่งถือไม้เท้าเอาไว้ยืนนิ่งอยู่เหนือศีรษะปีศาจพฤกษามรกต ประกอบกับที่ถูกใบไม้ปกคลุมร่างเอาไว้เกือบครึ่ง คนอื่นๆ จึงไม่พบร่องรอยของเขาในคราแรก
“พวกเจ้าฟังให้ดี ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคือคนจากบนพื้นดิน และมีความสามารถ แต่พลังยุทธ์แค่นี้ล้วนไม่ใช่คู่มือของตาเฒ่า ขอแค่ยอมมอบอสูรวิญญาณที่กำลังจะพัฒนาระดับตัวนั้นให้แต่โดยดี ตาเฒ่าก็จะจากไปทันที มิเช่นนั้นที่นี่จะเป็นที่ตายของพวกเจ้า” เมื่อเห็นหานลี่และพวกพบตนเองแล้วคนแคระก็เอ่ยคำพูดอย่างโอหังออกมาโดยที่ดวงตาไม่กระพริบ
เหลยหลันได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยอย่างโอหังเช่นนี้ ก็ไม่แน่ใจพลังของอีกฝ่าย จึงอดที่จะมองสบตากันไม่ได้
หานลี่แววตาเปล่งประกายสองสามครั้ง มองปราดเดียวก็รู้พลังยุทธ์ของอีกฝ่าย จึงอดที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งไม่ได้
มิน่าล่ะคนแคระถึงได้พูดจาโอหังเช่นนี้ เขาสามารถควบคุมปีศาจระดับสูงอย่างปีศาจพฤกษามรกตได้ ตัวของเขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวโดยมีระดับเทียบเท่ากับระดับหลอมสูญขั้นกลาง ทว่าพลังยุทธ์เช่นนี้ หากเผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิญญาณเหาะเหินธรรมดาๆ ก็คงไม่อาจต่อกรได้ แต่สำหรับหานลี่ในครานี้ขอแค่อีกฝ่ายไม่ได้มีความสามารถเหนือชั้นก็ไม่ได้นับว่าเป็นศัตรูอะไร ดังนั้นหานลี่จึงขี้เกียจจะตอบอะไรกลับไป แค่ใช้สองมือประสานมือคารวะมองไปยังคนแคระด้วยท่าทีอมยิ้มไม่เอ่ยปากอะไรออกมา
แม้ว่าไป๋ปี้และพวกทั้งสามจะใจเต้นตึกตัก แต่แน่นอนว่าย่อมยอมให้หานลี่เป็นผู้นำ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ปิดปากเงียบอย่างรู้จักวางตัว
คนแคระที่อยู่บนร่างของปีศาจพฤกษามรกตเห็นเช่นนั้นพลันรู้สึกโกรธเกรี้ยว ดวงตาทั้งสองข้างค้อนปะหลักปะเหลือก เอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ในเมื่อพวกเจ้าเลือกหนทางแห่งความตาย งั้นตาเฒ่าก็จะส่งพวกเจ้าไปก็แล้วกัน!”
เมื่อเอ่ยจบไม้เท้าในมือของคนแคระก็แตะไปที่ปีศาจพฤกษามรกตใต้ล่าง
ชั่วขณะนั้น ปีศาจตนนี้พลันเปล่งเสียงร้องคำรามออกมา สาวเท้ายาวๆ เข้าไปที่เขตอาคม