เห็นเพียงลำแสงสีมรกตที่อยู่ไกลๆ คือสมบัติทรงกระสวย แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็พุ่งออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง หนีมาทางนี้ กลางลำแสงสีเหลืองสามกลุ่มที่อยู่ด้านหลังกลับมีคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินที่มีอักขระสีทองเปล่งประกายอยู่ด้านใน ใช้ความเร็วที่น่าตกตะลึงไล่ตามกระสวยสีเขียวมรกตมา
“แย่แล้ว! คนของเผ่าวายุเหลือง พวกเขาต่างแอบจับจ้องเผ่าวิหคสวรรค์เหมือนกับเผ่าแดงสดมาเนิ่นนานแล้ว” ไป๋ปี้มองเห็นคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินในลำแสงสีเหลืองอย่างชัดเจน กลับร้องอุทานด้วยน้ำเสียงแหบแห้งออกมา
เหลยหลันพลันเผยสีหน้าตกตะลึงเป็นอย่างมากออกมา
“เผ่าวายุเหลือง?” หานลี่กลับพิจารณาคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินสามคนด้วยท่าทีมีแผนการ
ปีกที่แผ่นหลังของคนเผ่าวิญญาณเหาะเหินทั้งสามนี้มีสีออกเหลือง ใบหน้ามีขน ด้านหลังมีหางยาวๆ ปกคลุมไปด้วยเส้นขนงอกออกมา ดูแล้วเหมือนกับปีศาจ!
คนที่ขับเคลื่อนกระสวยสีเขียวมรกตเห็นได้ชัดว่ามองเห็นหานลี่และพวกทั้งสาม หลังจากกระพริบวาบสองสามครั้ง ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าหานลี่และพวกทั้งสาม
ลำแสงหม่นแสงลง สตรีผู้งดงามมีปีกสีขาวที่แผ่นหลัง บนศีรษะมีเขาเล็กๆ สีเขียวมรกตปรากฎตัวขึ้นกลางสมบัติรูปกระสวย
“ทั้งสามคือคนของเผ่าวิหคสวรรค์สินะ ข้าน้อยฉินเสี่ยวของเผ่าราตรีเขียว พวกเราต่างเป็นพันธมิตรกัน หวังว่าทั้งสามจะลงมือช่วยเหลือสักหน่อย” เมื่อสตรีผู้นี้ปรากฎตัว ก็เอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
แต่ไม่รอให้หานลี่และพวกตอบอะไร คนของเผ่าวายุเหลืองสามคนก็ไล่ตามมาทัน แต่เมื่อเห็นหานลี่และพวกทั้งสาม ทันใดนั้นก็หยุดลำแสงหลีกหนีลงพร้อมกับหน้าที่เปลี่ยนสีไปยกใหญ่
“นี่มันเรื่องของเผ่าข้าและเผ่าราตรีเขียว เผ่าวิหคสวรรค์อย่าสอดจะดีกว่า มิเช่นนั้นจะหาเรื่องใส่ตัว” หนึ่งในนั้นเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ เผยเจตนาคุกคามออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อสตรีของเผ่าราตรีเขียวได้ยินแล้วก็หน้าซีดขาว ดวงตาคู่งามที่มองไปยังทั้งสามคนล้วนเต็มไปด้วยแววอ้อนวอน
“เผ่าเรามีสนธิสัญญาว่าจะช่วยเหลือเผ่าราตรีเขียวจริงๆ จึงไม่อาจเพิกเฉยได้ แต่กำลังของเผ่าวายุเหลืองนั้นยิ่งใหญ่ไม่ด้อยไปกว่าเผ่าแดงสด พวกเราเองก็ไม่กล้าหาเรื่อง สามคนที่ยืนตรงหน้านี้เป็นแค่บุตรศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่งที่เข้ามาทำการทดสอบของเผ่าวายุเหลืองเท่านั้น” เหลยหลันรู้ว่าหานลี่ไม่รู้เรื่องสนธิสัญญา จึงอธิบายอย่างแผ่วเบาอยู่ด้านข้าง น้ำเสียงเผยความลังเลออกมา
“งั้นหรือ?” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ พิจารณาสตรีชาวววังแวบหนึ่ง สายตากวาดไปยังเรือนร่างของคนเผ่าวายุเหลืองทั้งสามคน
ในบรรดาสามคนนั้นคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแม่ทัพวิญญาณระดับกลางถึงสองคน คนหนึ่งคือแม่ทัพวิญญาณระดับสูง กำลังใช้สายตาเย่อหยิ่งมองมายังพวกของหานลี่
หานลี่แววตาเปล่งประกายสว่างวาบ มุมปากขยับหมายจะเอ่ยอะไรนั้น ฉับพลันนั้นกลางท้องฟ้าไกลออกไปก็มีลำแสงวิญญาณสว่างวาบ วิหคไม้ขนาดยักษ์ยาวสิบจั้งเศษเปล่งแสงสว่างวาบปรากฎขึ้นที่ขอบฟ้า สีทองเรืองรอง พุ่งตรงมาทางนี้
หานลี่และพวกพลันตกตะลึง ไม่ทันได้รู้ว่าจุดสีดำๆ สองสามจุดที่นั่งอยู่บนวิหคไม้สีขาวนั้นเป็นใคร
คนของเผ่าวายุเหลืองสามคนเบื้องหน้าเห็นเช่นนั้น กลับเผยสีหน้ายินดีออกมา!
หลังจากที่พวกเขามองสบตากันแวบหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะขยับร่างกายพร้อมกัน ชั่วครู่ก็แยกออกมาล้อมหานลี่และพวกทั้งสามรวมทั้งสตรีเผ่าราตรีเขียวนามว่าฉินเสี่ยวเอาไว้ตรงกลาง การเคลื่อนไหวรวดเร็วดังภูตผี
“หมายความว่าอย่างไร?” ไป๋ปี้พลันตะลึงงัน ตะโกนด่าด้วยหน้าที่เหยเกไปเล็กน้อย
“หึๆ หมายความว่าอย่างไร? ยังไม่เข้าใจอีกหรือ เดิมทีก็ว่าจะปล่อยพวกเจ้าไป ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว” ชายร่างใหญ่เผ่าวายุเหลืองหัวเราะอย่างาบ้าคลั่งออกมา
หานลี่พลันใจเต้น แววตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ถึงได้มองเห็นคนของเผ่าวายุเหลืองที่เป็นจุดดำๆ อยู่บนหลังวิหคไม้อย่างชัดเจน
บุรุษสองสตรีหนึ่ง ระดับแม่ทัพวิญญาณขั้นกลางสองคนขั้นสูงหนึ่งคนเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเดิมทีสามคนนี้คิดจะสังหารคนของเผ่าราตรีเขียว แต่เมื่อเห็นว่าทัพเสริมมา ก็มีความคิดอยากจะสังหารหานลี่และพวกทั้งสามคนด้วยอย่างไม่ต้องกังวลใจใดๆ
หลังจากที่เหลยหลัน ไป๋ปี้รวมทั้งสตรีของเผ่าราตรีเขียวมองเห็นผู้ที่มาเยือนบนหลังของวิหคไม้ชัดเจนแล้ว ก็หน้าเปลี่ยนสีไปยกใหญ่
ความคิดของหานลี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นพวกเจ้าก็ตายไปก่อนเถิด!”
เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ร่างของหานลี่หายวับไปท่ามกลางลำแสงสีเขียวขาว
“ระวัง!”
แน่นอนว่าคนของเผ่าวายุเหลืองที่อยู่ในระดับแม่ทัพวิญญาณขั้นสูงย่อมต้องระวังหานลี่ผู้ซึ่งเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวิหคสวรรค์ที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดอยู่แล้ว เมื่อเห็นสถานการณ์นี้จึงร้องตะโกนออกมา
ครู่ต่อมาเหนือหัวของคนผู้นี้ก็มีระลอกคลื่นปรากฎขึ้น ร่างของหานลี่ปรากฎขึ้นนท่ามกลางลำแสงสีเขียว แขนขยับฝ่ามือสีดำราวกับน้ำหมึกข้างหนึ่ง ตบลงไปกลางอากาศ
ภูเขาขนาดย่อมสีดำสนิทลูกหนึ่งที่มีลำแสงสีเทาห่อหุ้มเอาไว้ปรากฎขึ้น ชั่วพริบตาก็ขยายขนาดขึ้นหลายเท่า กลายเป็นภูเขายักษ์ขนาดสิบจั้งเศษกดลงมา
เมื่อเห็นหานลี่มาหาตนเอง คนของวายุเหลืองพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างโหดเหี้ยมออกมา อ้าปากไปทางภูเขาขนาดเล็กที่อยู่กลางอากาศโดยไม่ปริปากใดๆ
เสียง “ฟู่” ดังขึ้น พ่นลำสแงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งออกมา ม้วนไปทางภูเขาขนาดย่อมลูกนั้น ในเวลาเดียวกันลำแสงสีขาวในมือก็สว่างวาบ สมบัติเป็นรูปจานกลมๆ สีเงินขาวพลันปรากฎขึ้น ดูเหมือนว่าหมายจะสำแดงออกมา
แต่ในตอนนั้นเองหานลี่พลันมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน แค่นเสียงอย่างเย็นชาในจมูก
เสียงหึนั้นไม่ดังนัก แต่ก็เข้าไปในโสตประสาทหูของคนเผ่าวายุเหลือง กลับมีเสียงราวกับฟ้าผ่าดังขึ้น ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างกายซวนเซจนเกือบจะโยนสมบัติในมือทิ้ง
จึงถือโอกาสนี้กวาดไปยังลำแสงสีเทาผืนใหญ่บนภูเขาสีดำ คาดไม่ถึงว่าจะกวาดไปถึงด้านข้างของลำแสงสีเหลืองได้อย่างง่ายดาย ทันใดนั้นก็ร่อนลงมาอย่างดุดัน กดทับร่างของคนเผ่าวายุเหลืองอย่างพอดิบพอดี
บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวายุเหลืองที่น่าสงสารผู้นี้ยังไม่ทันได้สำแดงความสามารถใดๆ ลำแสงวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างกายอยู่ก็ถูกลำแสงเทวะดูดปราณกวาดไปจนหมด จากนั้นพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งก็มากระทบร่าง ถูกภูเขายักษ์กดแล้วร่วงลงมา
หานลี่ใช้สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว
ภูเขาเทวะดูดปราณขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาก็กลายเป็นยอดเขายักษ์สีดำขนาดสิบจั้งเศษท่ามกลางลำแสงสีเทา
แม้ว่าคนเผ่าวายุเหลืองผู้นั้นจะอยู่ในระดับเทพแปลงขั้นปลายเหมือนกับหานลี่ แต่กายเนื้อก็แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น ท่ามกลางเสียงดังสนั่น พลันตกลงสู่พื้นดินถูกกดจนกลายเป็นซอสเนื้อ จิตวิญญาณดั้งเดิมถูกลำแสงเทวะดูดปราณกวาดผ่านไป แล้วแตกสลายออก
ตั้งแต่ที่หานลี่ใช้เคล็ดวิชาอัสนีหลีกหนีไปจนถึงตอนที่ใช้เข็มสูญจิตและภูเขาเทวะดูดปราณสังหารคนของเผ่าวายุเหลืองระดับแม่ทัพวิญญาณขั้นสูงนี้ เกิดขึ้นเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นฃ
ไม่ว่าจะเป็นคนของเผ่าวายุเหลืองอีกสองคน หรือว่าไป๋ปี้ เหลยหลันและสตรีเผ่าราตรีเขียวต่างก็ตกตะลึงจนตาค้าง แต่ทันใดนั้นคนของวายุเหลืองอีกสองคนก็ร้องอุทานว่า “แย่แล้ว” ในใจ ทันใดนั้นร่างกยพลันเปล่งอักขระสีทองออก กลายเป็นวิหคประหลาดสีเหลืองสองตัว กลับหลังพุ่งหนีไปทันที
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันเลิกคิ้ว สะบัดแขนเสื้อ สายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งดีดตัวออกมาจากแขนเสื้อ แค่สว่างวาบก็เริ่มบิดเบี้ยว ชั่วพริบตาวิหคประหลาดสีเหลืองตัวหนึ่งก็ปรากฎขึ้น
ไม่รอให้วิหคตัวนี้คิดจะหนีด้วยความตกตะลึง สายฟ้ากลับมีกรรไกรสีเขียวยาวสองสามฉื่อปรากฎขึ้น
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยงๆ” ดังขึ้น กรรไกรก็กลายเป็นมังกรวารีอัสนีสีเขียวความยาวสิบจั้งเศษสองตัว ทั้งสองกระโจนไปข้างหน้า หลังจากที่พัวพันเข้าด้วยกันแล้ว ชั่วขณะนั้นวิหคประหลาดสีเหลืองก็กลายเป็นซากศพสองส่วน ร่วงลงมาจากท้องฟ้า
วิหคประหลาดอีกตัวหนึ่งเห็นเช่นนั้น ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง เริ่มเปลี่ยนทิศทาง คิดจะกระโจนไปหาวิหคไม้ขนาดยักษ์ที่่บินเข้ามา
แต่ปีกของมันเพิ่งจะสะบัด ด้านหลังก็มีเสียงของบุรุษดังขึ้น
“นายท่านจะไปไหน เพิ่งจะหนีตอนนี้ ไม่คิดว่าสายไปหรือ!”
ยังไม่ทันเอ่ยจบก็ใช้ปีกวายุอัสนีไล่ตามมาอยู่ด้านข้างวิหคตัวนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และลงมือคว้าจุดสำคัญบนตัวของวิหคประหลาดซึ่งก็คือคนของเผ่าวายุเหลืองแปลงกายเอาไว้
วิหคตัวนี้มีปฏิภาณไหวพริบว่องไวมาก แต่ปฏิกิริยากลับไม่เชื่องช้านัก สะบัดปีกออก ขนนกขนาดใหญ่กลายเป็นมีดวายุจำนวนนับไม่ถ้วนดาหน้ากันพุ่งเข้ามา ในเวลาเดียวกันขนเล็กๆ ตรงลำคอก็ลุกชัน มันวาวราวกับทองคำอย่างไรอย่างนั้น ชั่วครู่ก็แทงเข้าที่ฝ่ามือของหานลี่ราวกับใบมีดที่แหลมคม
ไอสีดำสว่างวาบร่างของหานลี่มีเกราะสงครามที่หน้าตาดูเป็นเอกลักษณ์ปรากฎขึ้นชั้นหนึ่ง ใบมีดวายุทั้งหมดที่โจมตีออกมาเปล่งเสียงแหลมๆ ราวกับทองคำกระทบกัน ทยอยกันดีดตัวกลับไป
แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ฝ่ามือที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กทมิฬตรงลำคอของวิหคประหลาด ซึ่งถูกขนนกแหลมคมปักเอาไว้ กลับไม่ทิ้งร่องรอยการบาดเจ็บใดๆ ไม่มีผลเลยสักนิด
หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา ไม่รอให้คนของเผ่าวายุเหลืองสำแดงความสามารถอะไรอีก พลันสะบัดแขนนิ้วทั้งห้ามีพลังมหาศาลทะลักออกมา
เสียง “ก๊อก” ดังขึ้น คอของวิหคประหลาดถูกหักออกเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันเปลวเพลิงลำแสงห้าสีก็ทะลักออกมาจากนิ้วทั้งห้า ห่อหุ้มร่างของวิหคประหลาดตัวนี้เอาไว้ เปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้งแล้วกลายเป็นผุยผง
จากนั้นร่างของหานลี่ก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เงยหน้าขึ้นมองวิหคไม้ขนาดยักษ์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก แววตาฉายแววเย็นชา
แน่นอนว่าคนของวายุเหลืองสามคนที่อยู่บนวิหคไม้ย่อมมองเห็นฉากที่หานลี่สังหารคนของเผ่าเขาสามคนได้อย่างชัดเจน ทุกคนล้วนมีสีหน้าซีดขาวไร้สีโลหิต
ครั้นเมื่อหานลี่สังหารคนของเผ่าวายุเหลืองคนแรกนั้น ทั้งสามคงก็ยังมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว และพยายามกระตุ้นวิหคไม้ คิดจะสับหานลี่ให้เป็นชิ้นๆ แต่รอจนหานลี่สังหารอีกสองคนอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าภายในอึดใจเดียวกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าวายุเหลืองทั้งสามกลับร่างกายแข็งค้าง เมื่อหานลี่กวาดสายตาไปนั้น ทั้งสามก็แทบจะรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นพร้อมกัน!
“ไป คนผู้นี้มีความสามาถลึกล้ำยากจะคาดเดา พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” สตรีที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดร้องตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำๆ แล้วออกคำสั่งอย่างรีบร้อน
อีกสองคนพลันพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นทั้งสามคนก็ร่วมมือกันกระตุ้นวิหคไม้ใต้ร่าง ชั่วขณะนั้นก็หันหัวกลายเป็นลำแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งหนีเตลิดไป
หานลี่มองเห็นฉากนี้พลันขมวดคิ้ว กลับไม่ได้คิดจะไล่ตามไป แต่ปีกที่แผ่นหลังพลันกระพือ คนมาปรากฎตัวที่กลางอากาศอีกด้าน
สมบัติทรงกลมสีเงินในมือของชาวเผ่าวายุเหลืองที่ตายด้วยน้ำมือของเขาคนแรกกำลังลอยอยู่กลางอากาศ หานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกไป ม้วนเอาสมบัติชิ้นนั้นเข้ามาอยู่ในแขนเสื้อ
ครั้นเมื่อเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง ร่าของหานลี่ก็มาปรากฎข้างเหลยหลันและพวกอีกครั้ง
เหลยหลัน ไป๋ปี้รวมทั้งฉินเสี่ยวของเผ่าราตรีเขียวผู้นั้นกลับพากันตาถลน มองไปยังหานลี่ด้วยความตกตะลึงโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
ทั้งสามเห็นคนของเผ่าวายุเหลืองจำนวนมากขนาดนี้ หนึ่งในนั้นยังมีแม่ทัพวิญญาณระดับสูงสองคน เดิมทีก็คิดว่าคงหนีหายนะครั้งนี้ได้ยากแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหานลี่แค่ลงมือก็สังหารศัตรูที่แข็งแกร่งสามคนไปได้ในชั่วพริบตา และทำให้ศัตรูอีกกลุ่มหนึ่งล่าถอยไป
ส่วนหานลี่นั้นก็อยู่แค่ระดับแม่ทัพวิญญาณเท่านั้น มันน่าจะเหลือเชื่อเกินไปหน่อยกระมัง!
“ไปกันเถิด เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน รีบไปกันเถิด!” หานลี่กวาดตามองทั้งสามคนแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ขอรับ ทุกอย่างว่าตามที่พี่หานกล่าว!” ไป๋ปี้พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง และเป็นฝ่ายได้สติขึ้นมาเป็นคนแรก