A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1442 ร้อยเผ่าแดนวิญญาณ

“ดูหน่อยก็ดี ไม่แน่ว่าอาจจะพบอะไรก็เป็นได้” หานลี่เอ่ยเห็นด้วยอย่างราบเรียบ

 

 

เมื่อเห็นว่าหานลี่ไม่มีท่าทีปฏิเสธ แม้ว่าไป๋ปี้จะรู้สึกไม่ยินยอม แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากแย้งอะไร

 

 

ดังนั้นทั้งสามคนจึงเปลี่ยนทิศ บินไปยังจุดที่มีกลิ่นอายโลหิตโชยมา

 

 

ผลคือบินไปได้สิบลี้เศษ เบื้องหน้าพลันมีสีประหลาดๆ ปรากฎขึ้น ทวีปสีเขียวขนาดสองสามลี้ปรากฎขึ้น

 

 

ชั่วพริบตาทั้งสามก็บินมาอยู่เหนือทวีปนั้น

 

 

ความจริงแล้วสีที่เรียกว่าทวีปสีเขียว ดูแล้วกลับเป็นสีดำเหลือง ในนั้นมีต้นไม้สูงใหญ่อยู่หร็อมแหร็ม ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ ที่วัชพืชที่ไม่รู้จักชื่อ

 

 

ตรงใจกลางของทวีปสีเขียวมีบ่อน้ำขนาดสิบจั้งเศษอยู่บ่อหนึ่ง ด้านในกลับมีวารีโลหิตสีแดงสดลอยคออยู่ ข้างบึงน้ำมีซากอสูรจากหุบเหวขนาดเล็กใหญ่ไม่เท่ากันอยู่สิบกว่าร่าง กำลังนอนหมอบคลานอยู่บนพื้น และถูกกรวยหินเป็นแท่งๆ พุ่งทะลุผ่านร่างไป

 

 

โลหิตสดๆ ที่ไหลอกมาจากซากศพเหล่านั้น กำลังไหลลงไปสู่บึงน้ำโลหิต

 

 

ทั้งทวีปสีเขียวมีกลิ่นอายโลหิตลอยตลบอบอวล เหม็นคาวน่าสะอิดสะเอียน

 

 

“อสูรเหล่านี้มาปรากฎตัวที่ทะเลทรายได้อย่างไร น่าจะปรากฎในผืนป่าก่อนหน้าถึงจะถูก” หลังจากที่เหลยหลันพิจารณาอยู่กลางอากาศแล้ว พลันรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา

 

 

“เพิ่งจะตายได้ไม่นานมิเช่นนั้นโลหิตคงจะแข็งตัวแล้ว” หลังจากที่ไป๋ปี้พิจารณาอย่างละเอียดสองสามแวบ ก็เอ่ยการคาดเดาของตนเองออกมา

 

 

หลังจากที่หานลี่พิจารณาสองสามแวบ ร่างกายพลันเคลื่อนไหว กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งบินวนรอบทวีปสีเขียว

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาถึงได้กลับมายังที่เดิมอีกครั้ง ดวงตาหรี่ลงขณะจ้องไปยังบึงน้ำโลหิตบึงนั้น

 

 

“อันใด พี่หานพบอะไรหรือ?” เหลยหลันเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

 

 

“อืม พบอะไรนิดหน่อยจริงๆ” หานลี่ดูเหมือนจะรำพึงกับตัวเอง แล้วสะบัดแขนเสื้อไปบนพื้นดิน

 

 

ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกไป พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นกระบี่ลำแสงเจ็ดแปดสาย ทยอยกันจมหายเข้าไปในพื้นดินใกล้ๆ บึงน้ำ

 

 

เหลยหลันและไป๋ปี้กลับตะลึงงัน ยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ฉับพลันนั้นตรงจุดที่กระบี่ลำแสงทะลุผ่านไปก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากนั้นวารีโลหิตสีดำก็ทะลักออกมาเป็นสายๆ ระเบิดออกที่พื้นดินรอบๆ ปีศาจที่ดูเหมือนวารรีสองสามตัวกระโดดออกมา

 

 

ทุกตัวมีความสูงประมาณสองสามฉื่อ มีสี่หู มือถือหอกหินหยาบๆ อยู่คนละด้าม แต่ปลายแหลมของมันกลับเปล่งแสงสีขาวจางๆ ออกมา

 

 

“เอ๋ อสูรวานรอาฆาต! แย่แล้ว ทวีปสีเขียวนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยดอกวิญญาณยักษ์” เมื่อมองเห็นรูปร่างของปีศาจเหล่านี้ชัดเจน ชั่วขณะนั้นไป๋ปี้กลับนึกอะไรขึ้นมาได้ พลางร้องอุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง

 

 

“ดอกวิญญาณยักษ์!” หานลี่แววตาเปล่งประกาย เหลยหลันร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา

 

 

ในตอนนั้นเองพื้นดินด้านล่างทั้งสามก็เกิดเสียงอึกทึกขึ้น ทันใดนั้นก็สั่นคลอนอย่างหนัก

 

 

และแทบจะในเวลาเดียวกัน วารีโลหิตในบึงน้ำของทวีปสีเขียวก็หมุนวนออกมาภายนอก เงาสีแดงสายหนึ่งบินออกมา

 

 

แค่เปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาอยู่เบื้องหน้าของหานลี่ กระโจนเข้ามาอย่างโหดเ**้ยม

 

 

เหลยหลันและไป๋ปี้พลันตกตะลึง เงาสีแดงเหล่านั้นรวดเร็วเกินไปแล้ว ต่อให้เขาสองคนคิดจะช่วยเหลือ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ทันการณ์

 

 

แต่เมื่อหานลี่เห็นเช่นนั้น พลันแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาออกมา แขนข้างหนึ่งพลันเลือนราง

 

 

“ปัง” เสียงดังขึ้น!

 

 

แขนหยกสีขาวบริสุทธิ์ข้างหนึ่งปรากฎขึ้นเบื้องหน้าอย่างแปลกประหลาด พลิกฝ่ามือตะปบออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า คว้าเงาสีแดงนั้นเอาไว้แน่น

 

 

บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองถึงได้มองเห็นอย่างชัดแจ้งว่าของสีแดงโลหิตรราวกับลิ้นยาวๆ หนาเท่าแขน ตรงส่วนหน้ามีติ่งเนื้อขนาดเท่ากำปั้นพร้อมกับหนามสีดำยาวสองสามชุ่นอยู่เต็มไปหมด กำลังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด

 

 

แต่ฝ่ามือของหานลี่กลับดูเหมือนไม่ใช่หนวด นิ้วผลึกทั้งห้าตะปบบนติ่งเนื้อตรงๆ ราวกับมองไม่เห็นหนามแหลมๆ สีดำเหล่านั้น และไม่อาจทำอันตรายผิวกายของเขาได้เลยสักนิด

 

 

และในตอนนั้นเองผิวบนนิ้วของหานลี่พลันมีหัวกะโหลกสีขาวห้าหัวปรากฎขึ้น อ้าปากออกพ่นเปลวเพลิงห้าสีออกมาพร้อมกัน ไล่ตามลิ้นยาวๆ ไป

 

 

แทบจะชั่วพริบตานั้นลิ้นก็กลายเป็นแท่งน้ำแข้งห้าสียาวๆ แท่งหนึ่ง

 

 

หานลี่พลิกฝ่ามือตบไปที่ปลายแท่งน้ำแข็งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

ลำแสงสีเขียวแผ่ระลอกคลื่นออกมา เสียง “เพล้ง” ดังขึ้น ราวกับเสียงของเครื่องลายครามปริแตก ชั่วพริบแท่งน้ำแข็งก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นผลึกลำแสงสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เสียงคำรามดังสนั่นของปีศาจดังออกมาจากใต้ดิน ดูเหมือนว่าจะมีท่าทางเจ็บปวด ลำแสงสีโลหิตในบึงน้ำพลันหมุนวน พริบตาวารีโลหิตก็ไม่เหลือสักหยด ทันใดนั้นเสียง “ครืน” พลันดังขึ้น ทวีปสีเขียวทั้งทวีปแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สิ่งมหึมาปรากฎขึ้นท่ามกลางรอยแยก

 

 

ด้านบนใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบ ด้านล่างเล็กบาง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นปีศาจดอกไม้ยักษ์ที่มีขนาดเท่ากับทวีปสีเขียว

 

 

กลีบของปีศาจดอกไม้นี้เป็นสีเงินอ่อนเหมือนกับทะเลทราย แต่ใจกลางของดอกกลับมีเป็นสีแดงสดราวกับโลหิตสดๆ คาดไม่ถึงว่าสร้างขึ้นจากบึงวารีโลหิต ส่วนลิ้นยาวๆ ที่พ่นออกมาโจมตีหานลี่เมื่อครู่ จะเป็นเกสรดอกไม้ใหญ่ๆ อันหนึ่งของดอกไม้ดอกนี้เท่านั้น

 

 

ไม่ใช่แค่นั้น กลีบยักษ์ของดอกปีศาจประหลาดนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘อสูรวานรอาฆาต’ ยืนอยู่ยี่สิบสามสิบตัว แต่ละตัวล้วนมีเขี้ยวแหลมๆ งอกออกมาจากปาก ในเวลาเดียวกันในมือยังถือหอกหินชูขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นกรวยหินยาวสองสามฉื่อยี่สิบสามสิบแท่งพลันปรากฎขึ้น พุ่งตรงเข้าไปหานลี่และพวกทั้งสาม

 

 

“นี่คือดอกวิญญาณยักษ์ น่าสนใจจริงๆ ดอกนี้น่าจะจะเป็นปีศาจระดับกลางสินะ ชั้นแรกไม่ได้มีปีศาจระดับกลางขึ้นไปอยู่น้อยมากมิใช่หรือ” เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ หานลี่ไม่ตกตะลึงแต่กลับหัวเราะออกมา

 

 

ครั้งนี้ไม่ต้องให้เขาลงมือ เหลยหลันและไป็ปี้ที่อยู่ด้านข้างพลันชูมือทั้งสี่ขึ้นพร้อมกัน ประจุไฟฟ้าสีเงินและเส้นไหมสีทองตัดสลับพัวพันเข้าด้วยกัน แล้วโจมตีกรวยหินจนแตกละเอียด

 

 

“พี่หาน! ปรากฎตัวน้อยมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ปรากฎ และยิ่งไปกว่านั้นเวลาในการทดสอบที่พวกเราเลือกนั้นก็ไม่ค่อยดีจริงๆ เป็นช่วงเวลาก่อนที่คลื่นปีศาจหุบเหวจะปะทุ ปีศาจระดับกลางมาปรากฎตัวที่ชั้นหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” เหลยหลันขมวดคิ้วตามความเคยชินแล้วเอ่ยอธิบาย

 

 

แม้ว่าครั้งนี้จะเผชิญหน้ากับปีศาจระดับกลาง แต่จากความยุ่งยากแล้วก็ไม่ได้ต่างจากแมงมุมตัวต่อทมิฬก่อนหน้านัก ดังนั้นหลังจากที่ตกตะลึงแล้วสตรีผู้นี้ก็มีสีหน้าราบเรียบ

 

 

“งั้นหรือ! ได้ยินว่าน้ำหวานของดอกไม้ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบในการปรุงยาชั้นเยี่ยม ในเมื่อพบแล้ว พวกเราก็เก็บไปสักหน่อยเถิด” หานลี่ฉีกยิ้มอย่างเงียบๆ นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางด้านล่าง

 

 

เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีทองสิบเล่มดีดออกมาจากหว่างนิ้ว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นสายรุ้งสีทองสิบสายพุ่งลงไป

 

 

ใจกลางของดอกไม้ยักษ์มีเสียงร้องคำรามประหลาดๆ ดังขึ้น ทันใดนั้นเงาสีแดงจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาอย่างหนาแน่น หมายจะโจมตีกระบี่บินเหล่านี้

 

 

หากพบกับคนของเผ่าวิญญาณเหาะเหินธรรมดาๆ เผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ ก็คงต้องปวดหัวยกใหญ่ แต่หานลี่แค่มีสีหน้าเคร่งขรึม มือหนึ่งชี้ไปที่กระบี่บินทั้งหมด

 

 

ชั่วขณะนั้นกระบี่บินสิบเล่มพลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน ก็กลืนเงาสีแดงเหล่านั้นเข้าไปในกระบี่ลำแสงจนหมด แล้วกวนให้เข้ากันจนแตกเป็นเสี่ยงๆ

 

 

ทันใดนั้นลำแสงสีทองพลันพลิ้วไหวอีกครั้ง กลายเป็นกระบี่ลำแสงที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วยี่สิบสามสิบเล่ม ร่อนลงมาเต็มท้องฟ้า

 

 

อสูรวานรอาฆาตเหล่านั้นเห็นสถานการณ์นี้ก็ดูเหมือนว่าจะรู้ว่าหายนะกำลังประชิดเข้ามาแล้ว ปากพลันเปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ทยอยกันขว้างหอกหินในมือออกไป คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่ลำแสงสีขาวยี่สิบสามสิบสาย

 

 

แม้ว่าหอกหินเหล่านี้จะผ่านการหลอมโดยปีศาจเหล่านี้มาอย่างตื้นเขิน แต่จะไปต้านทานความแหลมคมของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาได้อย่างไร ทันใดนั้นก็กลายเป็นเศษฝุ่นหินระเบิดออกท่ามกลางลำแสงเย็นเยียบ

 

 

จากนั้นสายรุ้งสีทองสิบกว่าสายก็รัดพันฝูงอสูรวานรอาฆาตเอาไว้ ร่างของปีศาจเหล่านั้นทยอยกันแยกออกเป็นสองส่วนแล้วล้มลงกับพื้น

 

 

ในเวลาเดียวกันกระบี่ลำแสงที่เหลือกลับล้อมดอกปีศาจทั้งดอกแล้วสับลงไปอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ชั่วพริบตาก็สับดอกไม้ดอกนั้นจนแหลกออกเป็นชิ้นๆ ร่อนลงสู่พื้น ของเหลวสีเขียวขนานใหญ่ไหลลงสู่พื้น

 

 

ดอกวิญญาณยักษ์ดอกนั้นและแม้กระทั่งสหายร่วมวิถีอย่างอสูรวานรอาฆาตเหล่านั้นต่างถูกหานลี่ใช้กระบี่บินสับขนสิ้นลมทั้งหมดแม้เพียงพบหน้า

 

 

เหลยหลันและไป๋ปี้ไม่เหลือที่ให้ลงมืออีก ทั้งสองอดที่จะรู้สึกมองสบตากันแวบหนึ่งแล้วหัวเราะอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้

 

 

 “เอาล่ะ จากนี้ก็เก็บน้ำหวานเหล่านี้ไปกันเถิด” หานลี่ใช้มือหนึ่งกวักเรียก เก็บกระบี่ลำแสงทั้งหมดเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็พลิ้วไหว ร่อนลงบนพื้นดินใกล้ๆ จากนั้นมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ ในมือมีขวดเล็กๆ สีเขียวมรกตปรากฎขึ้น สะบัดไปทางใจกลางของดอกไม้ที่ไม่สมบูรณ์ดอกนั้น

 

 

ชั่วขณะนั้นลำสแงสีเขียวพลันพุ่งออกไป ม้วนไปทางใจกลางดอกไม้ ชั่วขณะนั้นพลันนำของเหลวสีชมพูออกมา จากนั้นก็ม้วนวนหดกลับมาบรรจุเข้าไปในขวดเล็กๆ

 

 

หานลี่แกว่งขวดเล็กๆ ไปมา กลิ่นหอมของน้ำหวานลอยมา เขาแย้มยิ้มน้อยๆ ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ ขวดเล็กๆ หายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

 

เหลยหลันและไป๋ปี้เองก็ร่อนลงมา และหยิบยุทธภัณฑ์ออกมาเช่นกัน พลางเก็บน้ำหวานที่เหลือกลับไป

 

 

“พวกเราไปกันเถิด” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ ทันใดนั้นสองปีกก็สยายออก หมุนตัวบินขึ้นไปกลางอากาศอีกครั้ง

 

 

ไป๋ปี้ไม่ได้ปริปากใดๆ กลายเป็นลำแสงสีทองไล่ตามไปติดๆ เช่นกัน เหลยหลันฉีกยิ้มครั้นเมื่อคิดจะบินขึ้นไปนั้น สายตาพลันกวาดไปที่ดอกวิญญาณยักษ์บนพื้น แล้วพลันใจเต้น ดีดนิ้วออกไปอย่างไม้รู้สึกตัว

 

 

หลังจากเสียงฟ้าฟาดดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป โจมตีไปยังกิ่งไม้สีเหลืองที่ติดอยู่กับดอกปีศาจใกล้ๆ ชั่วขณะนั้นกิ่งไม้พลันหายวับไป

 

 

เหลยหลันลงมือเสร็จแล้ว สองปีกก็สยายออกพลางบินขึ้นไป พุ่งตรงไล่ตามหานลี่ไป

 

 

ชั่วพริบตาเงาร่างของหานลี่และพวกทั้งสามก็หายวับไปจากขอบฟ้า ที่นี่จึงไม่อาจมีเสียงใดๆ ดังขึ้นอีก

 

 

หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ ฉับพลันนั้นพื้นดินรอบๆ ก็สั่นไหว จากนั้นเสียงอึกทึกจากรอยแยกพลันดังขึ้น ใต้ดินมีหนวดสีดำราวกับเสายักษ์ค้ำฟ้าสองสามเส้นทะลุออกมา จากนั้นดอกไม้ปีศาจสีดำเข้มขนาดใหญ่กว่าดอกไม้วิญญาณยักษ์เดิมสองสามเท่าก็ปรากฎออกมาจากใต้ดิน

 

 

ดอกไม้นี้ดูเหมือนภูเขายักษ์ลูกหนึ่ง เมื่อหนวดสะบัดไปที่พื้นดิน ก็หยุดลงบนพื้นอย่างมั่นคง และในตอนนั้นเอง เสียงร้องอุทานเบาๆ ก็ดังออกมาจากในดอกไม้

 

 

“ผู้ใดช่างบังอาจนัก กล้าแตะต้องดอกไม้วิญญาณที่บวงสรวงอยู่ที่นี่ หรือว่าเป็นพวกหกขา!” เสียงของสตรีระเบิดออกมาด้วยความโมโห

 

 

มองตามเสียงขึ้นไปใจกลางของดอกไม้ยักษ์สีดำ ตรงใจกลางดอกไม้มีเก้าอี้ไม้สีเงินตัวหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ บนนั้นมีเงาร่างอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้าลางเลือนมือถือแส้หนังสีเขียวมรกตสายหนึ่งนั่งอยู่

 

 

“นายท่านอย่าโกรธเกรี้ยวไปเลย ที่นี่เพิ่งขาดโลหิตไปได้ไม่นาน คนเหล่านั้นน่าจะจากไปได้ไม่นาน ให้ข้าไปตรวจสอบแล้วค่อยว่ากันเถิดขอรับ” ลำแสงสีเหลืองสว่างจ้า ฉับพลันนั้นเงาร่างเตี้ยๆ ที่มีขนปกคลุมพลันปรากฎขึ้นเบื้องหน้าเก้าอี้สีเงิน นั่งคุกเข่าเอ่ยกับสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ดูเหมือนว่าจะนอบน้อมเป็นอย่างมาก

 

 

“อืม ข้าต้องดูแลการบวงสรวงต่อไป เรื่องนี้มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร กล้าทำร้ายเรื่องดีๆ ของข้า ก็ห้ามปล่อยไปแม้แต่คนเดียว” หญิงสาวเอ่ยอย่างเยือกเย็น เฆี่ยนแส้ในมือไปกลางอากาศ

 

 

หลังจากเสียงร้องแหลมๆ ดังขึ้น รอยแยกสีขาวสายหนึ่งพลันสว่างวาบแล้วหายวับไปป อากาศรอบๆ เกิดระลอกคลื่นขึ้นระลอกหนึ่ง ทันใดนั้นหมอกสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากรอยแยกสีขาว คาดไม่ถึงว่าจะฉีกห้วงเวลานี้ออกไปจริงๆ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset