A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1429 ไข่มุกอัสนี

 

 

บินขึ้นไปอยู่ห่างจากเมฆดำไปร้อยจั้งเศษ เจ้าของร้านพลันหยุดลง อ้าออกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมากลุ่มหนึ่ง

 

 

นิ้วทั้งสิบของเขาชี้ไปที่โลหิตบริสุทธิ์สองสามครั้ง ชั่วขณะนั้นโลหิตพลันกลายเป็นยันต์โลหิตขนาดใหญ่สองสามแผ่น บินเข้าไปหาประจุไฟฟ้าทั้งห้าสีนั้น

 

 

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ยันต์โลหิตทั้งหมดจมหายเข้าไปในประจุไฟฟ้าห้าสี

 

 

ชั่วขณะนั้นประจุไฟฟ้าก็เปล่งเสียงปังๆ ออกมา เมฆสีดำสลายหายไปท่ามกลางลำแสงอัสนีเบญจสวรรค์

 

 

ประจุไฟฟ้าห้าสียักษ์บิดเบี้ยวหมุนวนอยู่กลางอากาศ หน้าตาหน้ากลัวเผยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

เจ้าของร้านเห็นท่าทางของอัสนีนี้ก็กลืนน้ำลายเข้าไปเฮือกหนึ่ง แล้วกัดฟันพ่นโลหิตบริสุทธิ์สองสามกลุ่มออกมาอีกครั้ง กลายเป็นยันต์โลหิตจมหายเข้าไปในอัสนีเบญจสวรรค์เช่นกัน

 

 

การสูญเสียโลหิตบริสุทธิ์จำนวนมากในเวลาเพียงชั่วครู่นี้ ทำให้บุรุษร่างกายผ่ายผอมที่เดิมทีมีสีหน้าซีดขาว ครานี้กลับไร้สีโลหิตแล้ว

 

 

แต่การกระทำที่เหมือนกับการทุ่มสุดตัวนี้ ก็ไม่ได้เสียเปล่า

 

 

หลังจากที่อัสนีเบญจสวรรค์มียันต์โลหิตจำนวนมากเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งเข้าไป ในที่สุดก็สั่นเทาและลดระดับลง ไม่เพียงเสียงหึ่งๆ จะเบาลงมาก ลำแสงอัสนียังเปลี่ยนยเป็นอ่อนโยนลง ผิวของประจุไฟฟ้ามีเส้นไหมสีโลหิตเป็นสายๆ ปรากฎขึ้น กระพริบวาบๆ แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

 

เจ้าของร้านพลันดีใจ ปากบริกรรมคาถาออกมา สองปีกสะบัดไปกลางอากาศ

 

 

เสียง “ฟิ้วๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพลันพุ่งออกมาจากปีกทั้งสอง ชั่วครู่ก็ทะลวงผ่านประจุไฟฟ้าห้าสี และรวมตัวกับเส้นไหมสีโลหิตที่ผิวของมัน

 

 

ห่อหุ้มอัสนีสวรรค์เอาไว้ข้างใน

 

 

สองมือของเจ้าของร้านพลันร่ายอาคม ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ อาคมเป็นสายๆ บินขึ้นไปท้องฟ้า

 

 

หลังจากที่เส้นไหมสีโลหิตในอัสนีเบญจสวรรค์เปล่งเสียงครืนๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะบิดเบี้ยวและหดเล็กลง ชั่วพริบตาก็กลายเป็นลูกบอลอัสนียักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามจั้ง

 

 

ผิวของมันมีตาข่ายเส้นไหมสีโลหิตทอดตัวอยู่ เปลวเพลิงลำแสงห้าสีไหลวนโคจรอยู่อย่างไม่แน่นอน

 

 

บุรุษร่างกายผ่ายผอมเห็นฉากนี้ ชั่วขณะนั้นพลันรู้สึกปิติยินดีขึ้นมา

 

 

มือหนึ่งกวักเรียกลูกบอลอัสนี

 

 

ลูกบอลอัสนีห้าที่น่ากลัวร่อนลงมาด้านล่างอย่างเชื่อฟัง

 

 

หานลี่และพวกเห็นเช่นนี้ ต่างก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

 

 

เจ้าของร้านไม่ให้โอกาสหานลี่และพวกได้ซักถาม ร่างกายพลันพลิ้วไหว คนหายวับไปจาที่เดิม

 

 

ครู่ต่อมาบนพื้นก็มีระลอกคลื่นปรากฎขึ้น ร่างของบุรุษร่างกายผ่ายผอมเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นด้านข้างอสูรอัสนี แล้วชูมือทั้งสองขึ้นไปกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ชั่วขณะนั้นก็พ่นเสาลำแสงหนาๆ สองสายออกไป ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในลูกบอลอัสนียักษ์ที่อยู่ห่างจากพื้นไปแค่ยี่สิบสามสิบจั้ง

 

 

ชั่วขณะนั้นอัสนีสวรรค์นี้พลันสั่นเทาขณะลอยอยู่กลางอากาศ

 

 

ระยะห่างแค่ไหนหานลี่และพวกทั้งสามจึงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แผ่ออกมกาจากลูกบอลอัสนีห้าสีได้อย่างชัดเจน ล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสี

 

 

โชคดีที่ลูกบอลอัสนีลูกนี้ถูกบุรุษร่างกายผ่ายผอมสำแดงความสามารถหยุดมันเอาไว้กลางอากาศในทันที มิเช่นนั้นทั้งสามคนก็อาจจะหยุดการกระทำแล้วหนีไปในทันทีอย่างไม่สนใจก็เป็นได้

 

 

พวกเขาไม่อยากเอาชีวิตน้อยๆ ของตนเองมาไว้ในมือของผู้อื่น

 

 

เจ้าของร้านไม่มีเวลามาสนใจความกังขาในใจของหานลี่และพวกทั้งสาม หลังจากที่ควบคุมลูกบอลอัสนีห้าสีได้แล้ว ปากก็ร้องตะโกนดังๆ ออกมา

 

 

ลูกบอลอัสนีหมุนติ้วๆ ชั่วขณะนั้นเส้นไหมสีโลหิตที่ผิวของมันพลันแยกออกเป็นรูเล็กๆ หลังจากเสียงฟ้าร้องต่ำๆ ดังขึ้น ประจุไฟฟ้าห้าสีบางๆ พลันพุ่งออกมา เป้าหมายก็คืออสูรอัสนีที่อยู่ด้านล่าง

 

 

ชั่วพริบตาที่ลูกบอลอัสนีห้าสีปรากฎขึ้น อสูรอัสนีตัวนั้นก็ดูเหมือนว่าจะรู้ว่าแย่แล้ว จึงพยายามร้องคำรามและดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์ คาดไม่ถึงว่าจะดิ้นรนจนโซ่สีดำบนร่างหลุดออกส่วนหนึ่ง และลุกขึ้นมานั่ง แต่ไม่รอให้มันได้สำแดงอะไรต่อ ประจุไฟฟ้าห้าสีก็มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น โจมตีไปยังหน้าผากของอสูรตัวนี้อย่างพอดิบพอดี

 

 

อสูรอัสนีไม่ทันได้แค่นเสียง ร่างกายก็เหยียดตรงล้มลงกับพื้นไปอีกครั้ง

 

 

เจ้าของร้านพลันดีอกดีใจ กระตุ้นลูกบอลอัสนีห้าสีเหนือหัวให้เปล่งประจุไฟฟ้าเป็นสายๆ ออกมาไปพลาง ก็สำแดงความสามารถออกมาไปพลาง ทำให้แผ่นป้ายไม้สีเขียวมรกตบนหัวของอสูรอัสนีพ่นเส้นไหมสีีเขียวออกมาอีกครั้ง

 

 

ครั้งนี้ภายใต้ประจุไฟฟ้าห้าสีและพลังอัสนีของหานลี่และพวกทั้งสามที่คอยสนับสนุนอยู่ เงาลวงตาอสูรอัสนีขนาดจิ๋วก็ถูกดึงออกจากร่างอีกครั้งด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว ลอยไปหาแผ่นป้ายไม้อย่างช้าๆ

 

 

แม้นว่าจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของอสูรอัสนีจะพยายามดิ้นรน แต่พลังอัสนีบนร่างกว่าครึ่งล้วนถูกกริชสีดำทั้งห้าเล่มตรึงเอาไว้ ส่วนกายเนื้อที่ถูกอัสนีเบญจสวรรค์และพวกของหานลี่กดอยู่ ก็ไม่อาจต้านทานอะไรได้อีก ถูกแผ่นป้ายไม้สีเขียวมรกตกดลงมาทีละนิ้วๆ

 

 

ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนแผ่นป้ายไม้ หลังจากนั้นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของอสูรอัสนีพลันไม่กล้าร้องคำรามอีก ถูกเส้นไหมสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้พลางดูดเข้าไปในแผ่นป้ายไม้

 

 

นิ้วทั้งสิบบนสองมือของบุรุษร่างกายผ่ายผอมร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว อาคมสายแล้วสายเล่าโจมตีไปยังแผ่นป้ายสีเขียวมรกต

 

 

ชั่วพริบตาแผ่นป้ายพลันเปล่งแสงห้าหกสีไม่แน่นอน ผนึกจิตวิญญาณบริสุทธิ์เอาไว้ข้างใน

 

 

บุรุษยื่นมือออกไปกวักเรียกด้วยความดีอกดีใจ ชั่วขณะนั้นพลันกลายเป็นลำแสงกลุ่มหนึ่งถูกดูดเข้าไปในมือ

 

 

“ฮ่าๆ ในที่สุดก็ทำสำเร็จแล้ว” เจ้าของร้านหัวเราะหัวเราะไม่หยุดด้วยความดีอดีใจ

 

 

หานลี่แววตาเปล่งประกายสว่างวาบ เสียงฟ้าฟาดในมือเบาลง ประจุไฟฟ้าสีทองหายวับไป

 

 

“นี่มันหมายความว่าอย่างไร พี่อวี๋ไม่ได้ต้องการกำราบอสูรตนนี้หรือ หรือว่าตอนนี้กำราบได้แล้ว” ชายหนุ่มหน้าหวานเก็บวรยุทธ์ มองไปยังร่างของอสูรอัสนีที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น มองไปยังแผ่นป้ายสีเขียวในมือของเจ้าของร้าน แล้วพลันขมวดคิ้วแน่น

 

 

คำถามนี้คือคำถามที่หานลี่และชายร่างใหญ่อยากถามอยู่พอดี

 

 

“หึๆ ขอแค่บีบจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของอสูรตัวนี้ออกมาได้ การกำราบมันก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายแล้ว จากนี้ก็ไม่ต้องรบกวนสหายทั้งสามแล้ว” บุรุษร่างกายผ่ายผอมเก็บแผ่นป้ายสีเขียวเข้าไปในกล่องหยกอย่างระมัดระวัง แล้วหัวเราะฮ่าๆ ออกมาด้วยสีหน้ามีความสุข

 

 

หานลี่และพวกทั้งสามมองสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนรู้สึกแปลกๆ ทันใดนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ใบหน้าเผยสีหน้าระวังภัยขึ้นมา

 

 

“ทั้งสามโปรดวางใจ ในเมื่อช่วยข้าทำการใหญ่สำเร็จแล้ว ข้าก็จะไม่กลืนคำพูดที่เคยตกลงกันไว้ รับไปเถิด” เมื่อเจ้าของร้านหัวเราะคิกคักและเอ่ยเสร็จ ก็สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งโจมตีม้วนวนออกมา

 

 

กล่องไม้สามกล่องที่ปรากฎขึ้นก่อน พุ่งตรงมาหาหานลี่และพวกทั้งสาม

 

 

แม้ว่าเมื่อครู่ชายหนุ่มหน้าหวานและชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะสีดำจะรู้สึกฉงน แต่เมื่อเห็นของที่ตนเองอยากได้ แน่นอนว่าย่อมดีใจเป็นอย่างมาก จึงไม่สนใจสิ่งอื่นอีกพลางทยอยกันยื่นมือออกไปคว้ากล่องไม้ของตนเอง

 

 

แต่หานลี่เห็นฉากนี้แววตาพลันฉายแววสีฟ้าสว่างวาบ ร่างกายหมุนคว้าง ชุดคลุมยาวสีทองเงินชุดหนึ่งบินออกมาจากร่าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายไป คาดไม่ถึงว่าห่อหุ้มกล่องไม้ที่บินเข้ามาเอาไว้

 

 

จากนั้นสองเท้าพลันแตะไปบนพื้น ชั่วครู่ก็พุ่งไปด้านหลัง

 

 

เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหานลี่ ชายหนุ่มหน้าหวานที่เพิ่งคว้ากล่องไม้ไว้ในมือพลันตะลึงงัน แต่ทันใดนั้นก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง ร้องอุทานว่าแย่แล้วออกมา แล้วโยนของในมือออกไปอีกครั้ง

 

 

แต่กลับสายไปเสียแล้ว

 

 

เห็นเพียงที่กล่องไม้มีลำแสงสีขาวพลิ้วไหว หายวับไปราวกับเม็ดทราย เผยไข่มุกผลึกขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา

 

 

“ไข่มุกดูดอัสนี!”

 

 

ชายหนุ่มร้องอุทานด้วยความตกตะลึงออกมา นิ้วมือร่ายไปมาคิดจะดีดไข่มุกเม็ดนั้นออกไป

 

 

แต่เสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ไข่มุกกลมๆ เม็ดนั้นก็ระเบิดออก ลำแสงสีขาวที่เจิดจ้าจนแสบตาปรากฎขึ้น

 

 

กลางอากาศยังเหลือลูกบอลอัสนีห้าสีขนาดเล็กลงกว่าครึ่งอยู่ ชั่วพริบตาที่ลำแสงสีขาวปรากฎขึ้น ก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสามสีลดระดับสับลงมาจากท้องฟ้า

 

 

ความเร็วของมันแค่เปล่งแสงสว่างวาบ ก็ทยอยกันสับลงมาที่เป้าหมาย

 

 

เสียง “ตูมๆๆ” ดังขึ้นสามครั้ง ชายหนุ่มและชายร่างใหญ่ด้านข้างที่ประสบกับสถานการณ์เดียวกันพลันถูกประจุไฟฟ้าห้าสีและลำแสงสีขาวตัดสลับกันเป็นลำแสงอันสีห่อหุ้มเอาไว้

 

 

ภายใต้ผนึกรวมกันของอานุภาพทั้งสองชนิด ลำแสงอัสนีพลันหม่นแสงลง ทั้งสองคนที่มีควันสีเขียวปรากฎขึ้นบนร่างพลันล้มตึงลง ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

 

 

ส่วนทางด้านของหานลี่นั้น ถูกชุดอัสนีห่อหุ้มอยู่ขณะที่ไข่มุกดูดอัสนีระเบิดออก ลำแสงสีขาวจึงถูกดูดเข้าไปจนเกลี้ยง จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วดีดออกมา

 

 

ประจุไฟฟ้าห้าสีที่ร่อนลงจากกลางอากาศพลันหักเลี้ยว กลับโจมตีไปยังพื้นที่ห่างออกไปสองสามจั้ง

 

 

พื้นทั้งผืนพลันสั่นไหว จุดที่ประจุไฟฟ้าห้าสีโจมตีไป พลันหายไปผืนใหญ่

 

 

หลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดสองสามจั้งพลันปรากฎขึ้นบนพื้นดิน

 

 

คาดไม่ถึงว่าประจุไฟฟ้านี้จะโจมตีทะลุผ่านชั้นผิวดินไปสองชั้น

 

 

หานลี่กลับพุ่งไปที่ขอบหลุมได้อย่างพอดิบพอดี ร่างกายกลันมามั่นคง มองไปยังบุรุษร่างกายผ่ายผอมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

“เอ๋” บุรุษหุบยิ้มบนใบหน้า เปล่งเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจออกมา แต่ทันใดนั้นมุมปากพลันกระตุก เผยรอยยิ้มเยาะออกมา

 

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ฉับพลันนั้นพลันกระพือปีกอย่างไม่มีค้างลางมาก่อน ชั่วพริบตาก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น กรงเล็บสีเขียวสองกรงเล็บก็แฉลบผ่านจุดที่หานลี่ยืนอยู่เดิมไป ปลายนิ้วทั้งสิบเปล่งแสงอัสนีสีแดงยาวสองสามชุ่นออกมา

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกายเนื้อของอสูรอัสนีที่ถูกโซ่สีดำล่ามเอาไว้ตัวนั้น ไม่รู้ว่าเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อไหร่ มันหนีมาอยู่ด้านหลังของหานลี่อย่างเงียบๆ และลอบโจมตีจากด้านหลังของหานลี่โดยไม่มีผู้ใดรู้

 

 

เห็นเพียงอสูรอัสสนีในครานี้ดวงตาสีดำทั้งสองเปล่งประกาย สติปัญญาเต็มเปี่ยม ไม่เหมือนกับก่อนหน้าเลยสักนิด

 

 

เจ้าของร้านเห็นอสูรอัสนีโจมตีไม่สำเร็จ ก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่พลันกลอกตาไปมา ร่างกายพลิ้วไหวพุ่งไปด้านข้างอย่างเงียบเชียบ

 

 

แต่ในตอนนั้นเอง เหนือศีรษะของบุรุษพลันมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ท่ามกลางลำแสงอัสนีสีเขียวขาว ร่างของหานลี่เปล่งแสงสว่างวาบพลางปรากฎขึ้น สะบัดแขนเสื้อไปทางเสาสำริดสองสามต้นที่อยู่รอบๆ โดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

 

 

ลำแสงสีทองเจิดจ้าสองสามสายเปล่งแสงสว่างวาบ สับเสาสองสามต้นจนเป็นเจ็ดแปดส่วน เขตอาคมทั้งเขตถูกหานลี่ทำลายลง

 

 

ร่างของเจ้าของร้านพลันแข็งค้าง ชั่วขณะนั้นพลันหยุุดลงแล้วถอยร่นไป มองมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

หานลี่ลอยอยู่ตัวอยู่กลางอากาศสองมือกอดอกโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

 

 

ครานี้ที่แผ่นหลังของเขามีเสียงอัสนีดังขึ้น อสูรอัสนีเปล่งแสงสว่างวาบกลางประจุไฟฟ้าสีสี่ ปรากฎขึ้นด้านหลังหานลี่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก โจมตีไปหาเจ้าของร้าน

 

 

“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมีแผนอะไร แต่อยากสยบอสูรอัสนีตัวนี้ ก็ต้องสนใจจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของอสูรอัสนี ขอแค่เอาของที่ข้าอยากได้มา เรื่องนี้ข้าก็จะทำเหมือนไม่เคยเห็น” ในที่สุดหานลี่ก็เอ่ยปาก

 

 

“เจ้าเป็นแค่แม่ทัพวิญญาณเหาะเหินคนหนึ่ง คิดว่ามีคุณสมบัติมาต่อรองกับข้าหรือ?” บุรุษร่างกายผ่ายผอมเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม

 

 

“หากนายท่านอยู่ในจุดที่มีพลังกำลังสมบูรณ์ ข้าน้อยก็อาจจะไม่มั่นใจ แต่ท่านอาวุโสเพิ่งจะสำแดงโลหิตบริสุทธิ์ไปอย่างไม่เสียดายเมื่อครู่ ตอนนี้พลังยุทธ์เหลือแค่ครึ่งหนึ่งก็ถือว่าไม่เลวแล้ว หรือว่าท่านอาวุโสสอวี๋คิดว่าอสูรวิญญาณที่ยังไม่โตเต็มวัยคนหนึ่งจะขวางข้าได้จริงๆ” หานลี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นมือหนึ่งก็ปัดไปที่ข้อมือ

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีดำสายหนึ่งพลันพุ่งออกมา หมุนวนรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นวานรน้อยปรากฎขึ้นบนพื้น

 

 

จากนั้นวานรน้อยพลันเอาสองมือทุบอก ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น ชั่วพริบตาก็มีความสูงยี่สิบสามสิบจั้ง เป็นภูตยักษ์หน้าตาน่ากลัว จ้องเขม็งไปยังอสูรอัสนีที่อยู่ด้านหลังเขม็ง

 

 

ในเวลาเดียวกัน ร่างของหานลี่พลันเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ กระบี่เล่มเล็กสีทองเจ็ดสิบสองเล่มพุ่งออกมาจากเรือนร่าง ล้อมรอบเอาไว้แล้วหมุนวนไปมาไม่แน่นอน ที่แผ่นหลังมีรูปมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามหัวหกแขนเปล่งแสงสีทองเรืองรองปรากฎขึ้น สองมือพลิกฝ่ามือพร้อมกัน มือหนึ่งมีภูเขาสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกมาปรากฎขึ้นที่ใจกลาง อีกมือหนึ่งกลับมีหัวกะโหลกขนาดจิ๋วห้าหัวสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกบินเริงระบำอยู่รอบๆ ฝ่ามือ

 

 

แผ่นหลังของด้านลี่สยายปีกออกอีกครั้ง ด้านข้างของภาพมารสีทองด้านหนึ่งเปล่งสีเขียวลอยหมุนวนเป็นเกลียว อีกด้านหลังเป็นลำแสงห้าแสงสิบสี วิหคลวงตายักษ์สีเขียวตัวหนึ่งและหงส์ลวงตาสวรรค์ห้าสีปรากฎออกมา

 

 

สามเคล็ดวิชาปรากฎขึ้นพร้อมกัน พลังที่แผ่ออกมาดููงดงาม ไอวิญญาณทะลุขึ้นฟ้า จนแทบจะทำให้ผู้คนไม่กล้ามองสบตาตรงๆ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset