จินเย่ว์ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก เพราะว่าวิหคยักษ์ที่อยู่กลางอากาศหุบปีกทั้งสองข้างลง ร่างกายหดเล็กลงท่ามกลางลำแสงสีเขียว กลับคืนสู่ขนาดเดิมอย่างรวดเร็ว
เสียงเพรียกของวิหคดังออกมาจากปากวิหคยักษ์ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงเจิดจ้า บุรุษร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าปรากฎขึ้น สองมือพลันร่ายอาคม ร่อนลงมาที่แท่นหยกท่ามกลางลำแสงสีเขียว
หญิงสาวหรี่ตาทั้งสองข้างลง สายตาตกอยู่บนทรวงอกที่เปลือยเปล่าของบุรุษ
บนนั้นมีลวดลายวิหคยักษ์สีเขียวที่แปลกประหลาดตัวนึงปรากฏอยู่ ดูเสมือนจริง เปล่งแสงระเรื่ออยู่
แน่นอนว่าบุรุษผู้นี้ก็คือผู้ที่ผสมโลหิตวิหคมัจฉาเข้าไปในร่างและหลอมพระสารีริกธาตุอย่างหานลี่
รูปภาพศักดิ์สิทธิ์! นี่คือสัญลักษณ์ของร่างโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นยังถูกกระตุ้นทุกส่วนแล้ว และจะปรากฎรูปประหลาดนี้บนร่างของบุตรชายกว่าครึ่ง
มีรูปภาพนี้อยู่กับตัว ต่อให้เผ่าที่เหลือรู้ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่ชาววิหคสวรรค์ที่แท้จริง เกรงว่าก็ไม่อาจหาเหตุผลที่ไม่ให้เขาร่วมการทดสอบอะไรได้
จินเย่ว์ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง หลังจากขบคิดอย่างปลอบใจตัวแล้วเอง ก็รู้สึกเยือกเย็นขึ้น
กลับเป็นชายชราแซ่ซวีและหญิงงามสองคนที่เห็นลวดลายบนหน้าอกของหานลี่แล้วรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
คาดไม่ถึงว่าคนประหลาดคนหนึ่ง จะมีรูปภาพศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ที่ชนชั้นสูงส่วนใหญ่ในเผ่าจะไม่มีปรากฎขึ้นบนร่าง แน่นอนว่านี่จึงทำให้พวกเขารู้สึกกลัดกลุ้ม
ลำแสงสีทองและเงินเปล่งประกายเจิดจ้า ชุดคลุมยาวสีทองเงินชุดหนึ่งปรากฎขึ้นบนร่างของหานลี่ ทันใดนั้นก็ร่อนลงมาตรงหน้าของทั้งสามคน สองมือประสานกันคารวะแล้วเอ่ยว่า
“ขอบพระคุณทั้งสามอาวุโสที่ช่วยเหลือ ข้าเข้าใจเคล็ดวิชาแปลงกายเป็นวิหคสวรรค์อยู่เจ็ดแปดส่วนแล้ว มีจุดใดที่ยังไม่เพียงพอ หวังว่าท่านอาวุโสทั้งสามจะช่วยชี้แนะ”
ท่าทางของเขาเผยความซื่อตรงออกมาเป็นอย่างมาก!
“เคล็ดวิชาแปลงกายของเจ้าไม่เลวแล้ว พวกเราไม่มีอะไรให้ชี้แนะ เจ้ากลับไปได้แล้ว สองเดือนต่อจากนี้ ก่อนที่ข้าจะพาเจ้าไปเข้าร่วมการทดสอบ ข้าจะอัญเชิญม้วนคำสาบานของวิหคสวรรค์ออกมา ให้เจ้าสลักชื่อลงไป ช่วงเวลานี้ขอแค่เจ้าไม่ออกไปจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ใช่แล้ว ต้องบอกเจ้าสักหน่อย แม้ว่าข้าจะช่วยเจ้าหลอมพระสารีริกธาตุวิหคมัจฉาไป แต่ไอทมิฬที่อยู่ในพระสารีริกธาตุยังไม่ถูกกำจัดออกไป พวกมันจะซุ่มซ่อนอยู่ในตัวเจ้า แต่จะไม่กำเริบในเวลาอันสั้น รอจนเจ้ากลับมาจากการทดสอบ พวกเราจะช่วยเจ้ากำจัดมันให้เกลี้ยงก็แล้วกัน” หญิงสาวเอ่ยอย่างเรียบๆ
หานลี่ได้ยินพลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ชั่วพริบตาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ
“ท่านอาวุโสโปรดวางใจหลังจากนี้สองเดือน ชนรุ่นหลังจะมาเข้าร่วมการทดสอบอย่างตรงเวลา”
หญิงสาวพลันพยักหน้า
ทันใดนั้นหานลี่ก็คารวะให้ทั้งสามคนอีกครั้งอย่างรู้จักวางตัว แล้วกลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งกล่าวลาและจากไป
หญิงสาวและพวกทั้งสามคนใช้สายตาส่งหานลี่จากไปที่ปลายฟ้าแล้ว ก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก แต่สีหน้ากลับแปลกประหลาด
จินเย่ว์ผู้นี้มองไปยังท้องฟ้า ใบหน้าไร้ความรู้สึก แต่ชายชราแซ่ซวีและพวกทั้งสองกลับมีสีหน้าบัดเดี๋ยวสดใสบัดเดี๋ยวหมองคล้ำ เหมือนว่ากำลังพิจารณาอะไรสักอย่าง
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน หานลี่ก็อยู่ในห้องนอนบนชั้นสูงสุดของเรือนรับแขกแล้ว สองตาปิดลงพลางนั่งสมาธิอยู่บนเตียงไม้
สองมือพลันร่ายอาคม ร่างกายเปล่งแสงสีเขียวระยิบระยับ
ใบหน้าเปลี่ยนสีเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา เหงื่อกาฬเท่าเมล็ดข้าวสารผุดขึ้นมาบนหน้าผาก แล้วทยอยกันไหลลงสู่ด้านล่าง
เสียงถอนหายใจยาวๆ ครั้งหนึ่งดังขึ้น มือที่ร่ายอาคมของหานลี่คลายลง ลืมตาขึ้นท่ามกลางลำแสงสีเขียวที่หม่นแสงลง
“น่าสนใจดีนี้ คิดไม่ถึงว่าอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์นามว่าหงอวิ๋นผู้นั้น จะเหลือพลังบริสุทธิ์ที่ดุร้ายเอาไว้ หากไม่ใช่เพราะคาถาขับเคลื่อนไม่ธรรมดาแล้ว เกรงว่าคงเกิดหายนะไม่หยุดหย่อนแน่ โชคดีที่ไม่ได้เป็นอิสระ สามารถกดมันเอาไว้ได้ จากนั้นค่อยๆ หลอมมันทีละนิด” หลังจากที่แววตาของหานลี่เปล่งประกายสองสามครั้ง ก็เอ่ยพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาออกมา
ความจริงแล้วแม้ว่าจะเป็นแค่จิตสัมผัสส่วนหนึ่งของอีกฝ่าย แต่ในฐานะระดับหลอมรวม พลังจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์กลุ่มนี้ก็ยังคงทำให้ผู้คนตกตะลึงได้ เกรงว่าจำต้องใช้เวลาสองสามร้อยปีถึงจะกำจัดให้เกลี้ยงได้ แต่ด้วยเหตุนี้ ผลจากการหลอมแล้วก็คงตกตะลึงเช่นกัน อาจจะทำให้จิตสัมผัสของเขาเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง
ส่วนไอทมิฬที่อยู่ในพระสารรีริกธาตุ เขากลับไม่สนใจเลยสักนิด เคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นของประเภทนี้อยู่แล้ว
หานลี่ขบคิดอีกเล็กน้อย มือหนึ่งปัดไปที่ชุดอัสนีบนร่าง
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ชุดคลุมก็กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วน หดหายเข้าไปในร่าง
ก้มหน้าลงเล็กน้อย แน่นอนว่าจึงมองเห็นลวดลายของวิหคสีเขียวที่อยู่บนทรวงอก
“หึ ภาพวิหคสวรรค์? น่าจะเรียกว่าภาพตื่นจากจำศีลสินะ” หานลี่เผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา ฉับพลันนั้นก็ยื่นนิ้วมือออกไป ชี้ไปที่ลวดลายเบาๆ
ฉากที่น่าเหลื่อเชื่อพลันปรากฎขึ้น
ลวดลายวิหคสวรรค์สีเขียวจางๆ พลันเปล่งแสงห้าสีออกมา ชั่วครู่ก็กลายเป็นนกยูงห้าสีสยายปีกออก จากนนั้นพลันเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า และกลายเป็นลวดลายวานรสีทองแหงนหน้ากู่คำรามตัวหนึ่ง สุดท้ายลำแสงสีขาวก็เปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ ลวดลายนั้นสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หากจินเย่ว์และพวกอาวุโสชาววิหคสวรรค์ทั้งสามเห็นฉากนี้จะต้องตกตะลึงจนตาค้างแน่
ภาพศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้คือของระดับไหน จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้อย่างไร สุดท้ายยังสลายหายไปเองด้วย?
โดยปกติแล้วลวดลายของรูปภาพศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้นั้นหมายความว่าหากปรากฎขึ้นบนร่าง จะติดตามเจ้าของไปตลอดชีวิต ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
หานลี่จ้องเขม็งไปยังทรวงอกของตัวเองแล้วกลับเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“ตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้งเช่นนี้ ตอนนี้เข้าใจคาถาเพียงสามชนิดเท่านั้น แม้นว่าจะขาดนกยูงห้าสีและโลหิตวานรภูเขายักษ์ไป ไม่อาจแปลงกายเป็นสิ่งอื่นได้ แต่ความสามารถของมันก็น่าตกตะลึงไปหน่อยแล้ว” คาดไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยพึมพำกับตัวเองออกมา
หลังจากที่หลอมพลังบริสุทธิ์ของหงอวิ๋นชุดนั้นไปแล้ว ก็ได้เคล็ดวิชามาด้วยความบังเอิญ ตามทฤษฎีแล้วสิ่งที่ทำให้เขาแปลงกายได้สิบสองชนิดนั้น มีพลังมากขนาดไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว หากเรียนรู้การแปลงกายทั้งสิบสองชนิดให้เชี่ยวชาญได้ทั้งหมด จากการมีความสามารถของวิญญาณเที่ยงแท้จำนวนมาก เกรงว่าแม้แต่เทพบนสวรรค์ก็ยังต้องถอยให้สามก้าว
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดละโมบเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะฝึกฝนคาถาตื่นจากจำศีลจนถึงระดับสูงที่สุด มากสุดก็มีจิตสัมผัสของวิญญาณเที่ยงแท้ต่างๆ เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น สิ่งที่น่าเสียดายก็คือวิญญาณเที่ยงแท้ในแดนวิญญาณที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร แม้ว่าการแปลงกายทั้งสิบสองนั้นจะรวมมังกรเที่ยงแท้และหงส์สวรรค์อยู่ด้วย แต่คาถายังถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของพลังจิตสัมผัสหงสอวิ๋นที่ยังไม่ได้หลอม และไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้มา มิเช่นนั้น ประกอบกับโลหิตของมังกรเที่ยงและและหงส์สวรรค์ในมือแล้ว เขาก็สามารถกลายร่างได้อีสองชนิดทันที
หานลี่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
ส่วนการแปลงกายเป็นวิหคมัจฉานั้นเดิมทีก็เป็นพื้นฐานของการแปลงกายจำนวนมากอยู่แล้ว เป็นการแปลงกายที่เชี่ยวชาญที่สุดของมหาอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์คนก่อน มิเช่นนั้นแม้ว่าเขาจะมีกายเนื้อที่แข็งแกร่ง ก็ไม่อาจสัมผัสกับเคล็ดวิชาแปลงกายเป็นวิหคสวรรค์ก็สามารถเข้าใจมันอย่างง่ายดายได้
ทันใดนั้นหานลี่พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ มุมปากเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา
คราที่อาศัยพลังของจินเย่ว์หลอมพระสารีริกธาตุนั้น ในระยะเวลาอันสั้นแม้ว่าเขาจะหลอมพลังบริสุทธิ์ได้ไม่มากนัก แต่ก็ได้ความรู้มาเล็กน้อย
อาวุโสหงอวิ๋นของเผ่าหงส์สวรรค์ผู้นี้ เป็นอัจฉริยะที่สองสามหมื่นปีจะมีสักคนหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะรู้วิธีการนำวิญญาณเที่ยงแท้จำนวนมากมารวมร่างกัน จากการศึกษาวิธีการแปลงกายของวิหคสวรรค์อย่างหนัก และสร้างคาถาตื่นจากจำศีลขึ้นมา
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือแม้ว่าเขาจะอยู่ในระดับหลอมร่างขั้นปลาย และพยายามค้นหาโลหิตของจิตวิญญาณเที่ยงแท้อย่างหนัก คราเมื่อสร้างเคล็ดวิชานี้ได้ถึงการแปลงกายสิบสองชนิด พลังของจิตสัมผัสและกายเนื้อของเขาก็ไม่อาจรับได้ สุดท้ายก็พบกับการที่โลหิตเที่ยงแท้จำนวนมากแว้งกัดจนคลุ้มคลั่งและจบชีวิตลง
สิ่งที่แปลกก็คือก่อนที่มหาอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์คนก่อนนี้จะคลุ้มคลั่ง ได้ถ่ายทอดคาถาการฝึกฝนนี้ให้กับเผ่าวิหคสวรรค์หรือไม่
เขารู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่าหานลี่ไม่รู้ว่า ตอนนั้นที่หงอวิ๋นผู้นี้รับตำแหน่งมหาอาวุโส นั่นก็คือช่วงเวลาที่เผ่าวิหคสวรรค์รุ่งโรจน์ เขาคิดว่าตนเองเป็นอัจฉริยะของยุทธภพ จึงหมายจะอาศัยเคล็ดวิชานี้ทำให้ทั้งยุทธภพตกตะลึง ดังนั้นจึงรวมเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งเผ่าบอกว่าห้ามแพร่งพรายความสามารถนี้ออกไป
ตอนนั้นอาวุโสคนอื่นๆ ในเผ่าเดียวกันก็รู้แค่ว่าหงอวิ๋นสร้างเคล็ดวิชาชนิดหนึ่งที่เรียกว่าคาถาตื่นจากจำศีลขึ้นมา ส่วนอื่นก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ผลคือเมื่อคนผู้นี้ถูกโลหิตเที่ยงแท้แว้งกัดจนคลุ้มคลั่งและละสังขารไปนั้น เนื้อหาของคาถาตื่นจากจำศีลก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้สักคน
ส่วนเหตุใดในพระสารีริกธาตุของเขาจึงมีคาถาจำศีลชุดนี้แฝงอยู่ แน่นอนว่ามีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้
บางทีหลังจากที่มหาอาวุโสหงอวิ๋นผู้นี้คลุ้มคลั่งก็อาจจะทำไปตามความรู้สึก และอาจจะเป็นความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่เขาจะจบชีวิตลง ฉับพลันนั้นจึงจงใจทิ้งคาถานี้ไว้ให้เผ่า
หานลี่ไม่ได้คิดมากเรื่องนี้ เขาได้คาถาชุดนี้มาอยู่ในมือ แน่นอนว่าไม่มีทางมอบให้เผ่าวิหคสวรรค์อีกแน่
มิเช่นนั้นภายใต้ความดีอกดีใจของเหล่าอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์ ความคิดแรกที่คิดได้นั้นไม่ใช่ว่าจะขอบคุณเขาอย่างไร แต่เป็นจะสังหารเขาปิดปากอย่างไรเพื่อไม่ให้คาถาแพร่งพรายออกไปมากกว่า
เรื่องหายนะเช่นนี้ เขาไม่มีทางทำแน่
สีหน้าของหานลี่เปลี่ยนไปมาไม่หยุด เมื่อขบคิดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ก็กระตุกมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมา
จะว่าไปแล้ว การที่เขาผสมโลหิตเที่ยงแท้วิหคมัจฉาและพระสารีริกธาตุจนได้คาถาตื่นจากจำศีลมาแทนนั้น ยังมีสิ่งที่ทำให้เขาดีใจจนบ้าคลั่งอีกอย่างด้วย
จุดคอขวดของเขา คาดไม่ถึงว่าเมื่อถูกทั้งสองสิ่งกระตุ้นจะทะลุจุดคอขวดได้
เขาในตอนนี้ กลายเป็นระดับเทพแปลงขั้นปลายแล้ว และสำหรับเขาในตอนนี้ก็ขี้เกียจจะสนใจแล้ว
หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงขบคิดเล็กน้อย มือหนึ่งพลิกฝ่ามือและได้รับสิ่งอื่นมาแทนแล้ว และมีวารีคางคกเที่ยงแท้คอยช่วยเหลือ การฝึกฝนต่อจากนี้คงเป็นทางที่ไร้สิ่งกีดขวางแล้ว
ส่วนอาวุโสของเผ่าวิหคสวรรค์ทั้งสามนั้นแค่ตกใจที่เขาควบคุมเคล็ดวิชาการแปลงกายได้ ไม่ได้กล่าวอะไรที่พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้น ไม่รู้ว่าไม่ทันสังเกตุเห็นสิ่งนี้ หรือว่าพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นแค่นี้ มันเป็นแค่การกินยาลูกกลอนเข้าไปสองสามเม็ดสำหรับระดับหลอมร่าง
หลังจากกินยาลูกกลอนเข้าไป เขาก็หลับตาทำสมาธิอีกครั้ง
เขาที่เพิ่มบรรลุระดับใหม่ ยังต้องทำให้ระดับมั่นคงก่อน
หลังจากนั้นหนึ่งวัน หานลี่ก็ออกจากที่พักอย่างกระปรี้กระเปร่า ตรงไปยังวิหารการแลกเปลี่ยน
เขาในตอนนี้ได้นับกับเจ้าของร้านหมื่นอัสนีเอาไว้ เขาต้องการผลตาข่ายเขียว แน่นอนว่าจึงไม่มีทางผิดนัด
ระหว่างทางเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อหานลี่ยืนอยู่ในร้านค้าชั้นเก้าของวิหารการแลกเปลี่ยนอีกครั้ง ก็มองไปยังบุรุษร่างกายผ่ายผอม สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดคนเหล่านี้ถึงมาปรากฎตัวที่นี่ หรือว่าเจ้าไม่ได้นัดข้าแค่คนเดียว” คนผู้พูดไม่ใช่หานลี่ แต่เป็นชายร่างใหญ่สวมชุดเกราะกำยำสีดำที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา
ครานี้ในร้านนอกจากหานลี่แล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีกสามคนปรากฎตัว