หานลี่เองก็ไม่เกรงใจ ทันใดนั้นก็ตามคนของวิหคสวรรค์กลุ่มหนึ่งไปยังประตูวิหารแถวๆ ชั้นสอง
เก็บปีกร่างกายพลิ้วไหว หลังจากที่เขาเข้าไปในประตูราวกับชาววิหคสวรรค์จริงๆ แล้ว ข้างหูก็เสียงคึกคักดังขึ้น กวาดสายตาไปอีกครั้ง แววตาของหานลี่เปล่งประกายสว่างวาบสองสามครั้ง
ที่นี่เป็นจัตุรัสขนาดเล็กมีพื้นที่ประมาณสองสามร้อยจั้ง รอบด้านเป็นร้านรวงต่างๆ ที่แตกต่างกันไป มีชาววิหคสวรรค์สองสามร้อยคนกำลังเดินเข้าๆ ออกๆ ร้านรวงต่างๆ
ตรงกลางจัตุรัสมีเสาหินสีเขียวสูงสิบจั้งเศษตั้งตระหง่านอยู่ต้นหนึ่ง ด้านบนมีลำแสงระยิบระยับ เหมือนว่าจะสลักอะไรอย่างสักอย่างเลือนๆ เอาไว้
ใต้เสาหินมีคนสิบกว่าคนกำลังเงยหน้ามองสิ่งที่อยู่บนเสา และกำลังปรึกษาอะไรกันอยู่เงียบๆ
หานลี่มองไปยังเสาหิน แล้วเดินเข้าไปด้วยความรู้สึกสนใจ
เห็นเพียงผิวของเสาหินแยกออกเป็นสองส่วน มีอักขระเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ครึ่งหนึ่งเปล่งแสงสีแดง อีกครึ่งเป็นแสงสีเขียวมรกต
หานลี่พิจารณาตัวอักษรทั้งสองชนิดอย่างละเอียด ถึงได้พบว่าตัวอักษรเหล่านี้คือชื่อของสิ่งของ บ้างก็คุ้นมาก บ้างก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ตัวอักษรเหล่านี้กระพริบวาบๆ ราวกับว่าลอยโคจรหมุนวนบนผิวของเสาหินอย่างไรอย่างนั้น
ตรงตีนของเสาหินกลับมีบุรุษวัยกลางคนที่ดูเหมือนผู้ดูแลอยู่คนหนึ่ง กำลังนั่งสมาธิหลับตาทั้งสองข้างลงครึ่งหนึ่งอยู่
นี่คือ…
หลังจากที่หานลี่กวาดสายตามองตัวอักษรทั้งสองชนิดและใบหน้าของบุรุษที่ด้านล่าง ก็รู้สึกตกตะลึงระคนสงสัย
และในตอนนั้นเองฉับพลันนั้นในฝูงชนด้านล่างก็มีบุรุษสวมชุดคลุมสีดำเบียดแทรกตัวออกมาคนหนึ่ง ชูมือขึ้นส่งศิลาวิญญาณสองสามก้อนให้กับผู้ดูแลใต้เสาหิน
ชายวัยกลางคนปรือตาทั้งสองขึ้นพยักหน้า จากนั้นก็ควักกระบองสั้นสีแดงด้ามหนึ่งออกมา ส่งให้คนผุ้นี้
ผู้ที่ปรากฎตัวออกมาหยิบกระบองแดงสะบัดไปทางเสาหินอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง
แม้นว่าคนผู้นี้จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่แววตาของหานลี่พลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ มองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน
จุดที่กระบองสั้นโบกสะบัดมีตัวอักษรสีแดงสองสามตัวปรากฎขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเสาหินอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากนั้นชั่วครู่ตัวอักษรสีแดงสองสามตัวนี้ก็ปรากฎขึ้นที่เดิม
หานลี่เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
หลังจากมองดูอยู่อีกชั่วครู่ ก็มีอีกคนหนึ่งเดินออกมา ทว่าคนผู้นี้กลับไม่สนใจผู้ดูแลวัยกลางคน สยายปีกทั้งสองข้างออกบินขึ้นไปบนท้องฟ้าสูงสองสามจั้ง ยื่นนิ้วนิ้วหนึ่งออกมาชี้ไปที่ตัวอักษรสีเขียวสองสามตัวบนเสาหิน
ชั่วขณะนั้นตัวอักษรพลันเปล่งแสงสีเขียวมรกต จมหายเข้าไปในนิ้วมือของคนผู้นี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเขาเปล่งแสงออกมา
และชาววิหคสวรรค์ที่ชี้ตัวอักษรเหล่านี้ก็เอียงศีรษะ สองตาหรี่ลงเล็กน้อยดูเหมือนว่าจะกำลังรับข่าวสารอะไรสักอย่าง หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาก็งอนิ้วกลับมา บินไปทางประตูวิหาร
คนที่เหลือสองสามคนก็ทำตามเขาเช่นกัน ไม่เขียนตัวหนังสืออะไรลงเสาหิน ก็บินขึ้นไปบนเสาหินใช้นิ้วมือสัมผัสกับอักษรสีแดงเขียวสองสีเหล่านั้น
เมื่อดูจนมาถึงตรงนี้หานลี่พลันลูบคางไปมา รู้สึกถึงบางอ้อ
เพื่อเป็นการยืนยันการคาดเดา เขาพลันสาวเท้ายาวๆ ก้าวไปเบื้องหน้าอย่างไม่เกรงใจ ในเวลาเดียวกันก็ยื่นนิ้วชี้ออกไป ตรงโคนเสามีตัวอักษรสีเขียวแถวหนึ่งปรากฎขึ้น
ตัวอักษรสีเขียวมรกตเหล่านั้นเปล่งแสงสว่างวาบ ความเย็นเยียบทะลุเข้ามาในสมอง ในหัวของหานลี่มีข่าวสารปรากฎขึ้น
“ขายไม้หล่อเลี้ยงลำแสงชั้นหนึ่งไม่จำกัดจำนวน ราคาก้อนละสามหมื่นศิลาวิญญาณ ที่ร้านหมายเลขสามสิบเอ็ดชั้นสี่วิหารหมายเลขห้า!” มุมปากของหานลี่กระตุก ร่างกายพลิ้วไหว คนก็หันไปที่อีกครึ่งด้านของเสาหิน นิ้วชี้ไปที่ตัวอักษรสีแดงอีกครั้ง
ผลคือข่าวสารที่เหมือนกันปรากฎขึ้นในสมอง
“รับซื้อโครงกระดูกวิหคหางหงส์แบบสมบูรณ์แบบ ราคาต่อรองได้ ร้านสิบชั้นเก้าสอง!”
หานลี่มีสีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อย
คิดไม่ถึงว่าชาวเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านี้จะใช้วิธีนี้ในการซื้อขายสิ่งของกัน
เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่มาประกาศบนเสาหินได้นั้น ล้วนเป็นของที่ต้องการอย่างเร่งด่วนหรือว่าของที่ค่อนข้างพิเศษ นับได้ว่ามีความคิดสร้างสรรค์มาก
เช่นนั้นขอแค่มีคนมาอ่านข่าวสารบนเสาหิน ก็สามารถตรงไปยังร้านที่จะแลกเปลี่ยนแล้ว นับว่าสะดวกจริงๆ
และดูแล้ววิธีการนี้ก็ไม่ยาก เหมือนว่าย่านร้านค้าในเผ่ามนุษย์จะเลียนแบบได้
เขาขบคิดเช่นนั้นหานลี่กลับถอยหลังไปสองสามก้าว เริ่มพิจารณาตัวอักษรสีเขียวที่ขายของเหล่านั้น
เขาคิดจะอ่านข่าวสารบนนี้รอบหนึ่ง ดูว่ามีสิ่งที่ตนเองสนใจหรือไม่
แม้นว่าของจำนวนไม่น้อยจะมีชื่อเรียกที่ไม่เหมือนกันเพราะความแตกต่างของเผ่า แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดของล้ำค่าส่วนใหญ่ถึงได้มีชื่อเรียกไม่ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มีค่าไม่น้อยในสายตาของทั้งสองเผ่าล้วนมีคำเรียกที่เหมือนกัน
เรื่องนี้จึงทำให้หานลี่ที่เพิ่งพูดภาษาของเผ่าวิญญาณเหาะเหินได้ รู้สึกประหลาดใจอยู่นาน
ทว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะแปลกประหลาดไปหน่อย เขาก็ไม่มีทางไปซักถามหาสาเหตุแน่
ครานี้เขาแค่เงยหน้าขึ้นมองเสาหินเงียบๆ ไม่ปริปากใดๆ
สายตาจ้องเขม็งไป ฉับพลันนั้นหานลี่พลันจ้องเขม็งไปยังตัวอักษรสีเขียวสองสามตัวที่ปรากฎขึ้นใหม่บนเสาหิน ในใจพลันเกิดความรู้สึกร้อนรน
“ผลตาข่ายเขียว! คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีของสิ่งนี้ขายด้วย” หานลี่มีสีหน้าแดงระเรื่อปรากฎขึ้น แววตาปรากฎดีใจอย่างบ้าคลั่งจนปิดไม่มิด
ผลชนิดนี้คือวัตถุดิลหลักในการปรุง ‘ยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์’ ในตำนาน เป็นหนึ่งในสองสามผลวิญญาณที่หานลี่อยากได้มากที่สุด
แม้นว่ายาลูกกลอนชนิดนี้จะไม่อัศจรรย์เท่ากับยาลูกกลอนเพลิงทมิฬที่แค่สามเม็ดก็สามารถเพิ่มอัตราการทะลวงจุดคอของระดับเทพแปลงขั้นปลายได้สองสามส่วน แต่ในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่งตัวประหลาดเฒ่าระดับหลอมร่างขึ้นไป มูลค่ามันมากกว่ายาลูกกลอนเพลิงทมิฬ
หากกินยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์เข้าไปตามลำพังนั้น ก็จะช่วยในการทะลวงจุดคอขวดของผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงได้ แต่ความจริงแล้วกลับไม่ค่อยนำยาลูกกลอนชนิดนี้มาใช้ในการนี้ ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้ยาลูกกลอนชนิดนี้มาจะนำมาผสมกินกับยาลูกกลอนชนิดอื่น
นั่นเป็นเพราะยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์มีประสิทธิภาพที่มหัศจรรย์มาก สามารถผสมกับยาลูกกลอนส่วนใหญ่ได้ และไม่มีผลข้างเคียงใดๆ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ หากกินกันยาลูกกลอนอื่นๆ ล่ะก็ จะเพิ่มประสิทธิภาพของยาลูกกลอนชนิดอื่นไปสามถึงห้าส่วน
นั่นก็หมายความว่าหากหานลี่กินยาที่สามารถเพิ่มพลังลมปราณไปสิบปี แต่หากกินพร้อมกับยาตาข่ายสวรรค์ ก็เพิ่มพลังยุทธ์ไปได้สิบสองถึงสิบห้าปี และยิ่งไปกว่านั้นประสิทธิของยาชนิดนี้ นอกจากยาลูกกลอนเซียนที่ไม่เคยมีใครทดสอบสองสามชนิดแล้ว ก็มีประโยชน์ต่อยาลูกกลอนระดับสูงชนิดอื่นๆ ทั้งหมด
เช่นนั้นยิ่งยาสมุนไพรในมือของมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรมีมูลค่าสูงและหายากมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งยากกินพร้อมกับยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์มากเท่านั้น หากโชคดีล่ะก็ อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของยาเพิ่มขึ้นสองสามส่วน แน่นอนว่าล้วนเป็นฝันที่สวยงาม
ส่วนผลของยาตาข่ายสวรรค์นั้น กลับเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ
เคยมีคนกินยาลูกกลอนชนิดนี้ลงไปสี่เม็ด ผลคือทุกเม็ดต่างทำให้ยาที่กินเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพขึ้น
มีบางคนที่ยอมถังแตกกินเข้าไปเจ็ดแปดเม็ด เตรียมจะใช้สมบัติทั้งหมดพนันดูสักตั้ง ผลคือกลับทำให้คนผู้นี้กระอักเลือกและประสิทธิภาพของยาก็ไม่ได้ผลเลยสักเม็ด
แม้นว่ายาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์จะมีประสิทธิภารในการช่วยเสริมที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ ตั้งแต่ที่ยาลูกกลอนชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้น ก็ยังคงมีผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนนับไม่ถ้วนค้นหามันอย่างบ้าคลั่ง
ในช่วงเวลาแค่พันกว่าปีของเผ่ามนุษย์ ยาตาข่ายสวรรค์ล้วนถูกขุดไปจนเกลี้ยง
สิ่งที่ทำให้เขากลัดกลุ้มก็คือ ผลตาข่ายเขียวที่มีอายุสูงหน่อยอย่างห้าหกพันปี ต้นหนึ่งจะมีเพียงผลเดียวเท่านั้น และเมื่อเด็ดไปแล้วต้นไม้ก็สูญเสียไอวิญญาณ กลายเป็นเพียงต้นไม้ธรรมดาๆ ต้นหนึ่งเท่านั้น
ดังนั้นถึงแม้ว่าสำนักพรรคใหญ่ๆ และขุมอำนาจใหญ่ๆ หมายจะทุ่มเทปลูกสมุนไพรชนิดนี้ขึ้นมาจำนวนมาก แต่ก็ได้ไม่คุ้มเสีย
ดังนั้นในเวลาต่อมา จึงมีเพียงคนที่บังเอิญหาผลวิญญาณชนิดเจอสองสามเม็ดจากแดนป่าเถื่อน และเมื่อยาลูกกลอนตาข่ายสวรรค์หนึ่งเม็ดปรากฎขึ้น ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงเหล่านั้นแย่งชิงกัน ส่วนใหญ่ล้วนตกอยู่ในมือของตัวประหลาดเฒ่าระดับหลอมร่างขึ้นไป
คราที่หานลี่ได้ยินผลวิญญาณชนิดนี้ครั้งแรกในเมืองเทวะสวรรค์ แน่นอนว่าก็รู้สึกสนใจ วาดฝันว่าจะใช้ของเหลวสีเขียวเลี้ยงดูผลวิญญาณชนิดนี้จำนวนมาก
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือต่อให้เมล็ดของผลตาข่ายเขียว ก็ยังเป็นสิ่งที่หายาก และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่อาจเก็บไว้ได้นานนัก ดังนั้นแม้ว่าในเมืองเทวะสวรรค์จะมีสถานที่ที่แทบจะรวบรวมสมุนไพรวิญญาณและผลวิญญาณทั้งหมดในสามเขตเจ็ดแดนเอาไว้ ก็ยังหาเมล็ดของผลวิญญาณไม่เจอแม้แต่เม็ดเดียว
ดังนั้นหานลี่จึงทำได้เพียงมองและทอดถอนใจเท่านั้น
ตอนนี้บนเสาหินมีผลวิญญาณชนิดนี้ปรากฎขึ้น จะไม่ทำให้เขาดีใจอย่างบ้าคลั่งจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ได้อย่างไร
ครานั้นหานลี่เองก็ไม่สนใจจะดูสิ่งอื่นอีก ทันใดนั้นปีกที่แผ่นหลังพลันสยายออก คนบินขึ้นไปด้านบนทันที หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบ ก็มาอยู่ตรงกลางของเสาหิน นี้วชี้ไปที่ตัวอักษรคำว่าผลตาข่ายเขียว
ลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งประกาย ชั่วพริบตาข่าวสารก็ทะลักเข้ามาในหัว
แต่หลังจากดูเนื้อหาเสร็จแล้วกลับขมวดคิ้ว
“คาดไม่ถึงว่าจะต้องต่อรองกันต่อหน้า เกรงว่าคงยุ่งยากหน่อยแล้ว” หานลี่เอ่ยพึมพำ ใบหน้าตื่นเต้นดีใจหายวับไปทันที
แต่ในเมื่อมีหวังว่าจะได้ผลตาข่ายเขียว ต่อให้ยากมากมายแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้
ดังนั้นหลังจากที่ขบคิดอยู่กลางอากาศชั่วครู่ หานลี่ก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบบินออกมาจากที่นั่น
เมื่อออกจากประตูวิหาร ก็บินขึ้นไปกลางอากาศสูงรวดเดียวก็มาถึงชั้นเก้า เขาบินตามทางเดินไปเรื่อยๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่เมื่อหานลี่กวาดสายตาไปบนตัวอักษรสองสามตัวบนประตูวิหารแล้ว ก็บินเข้าไปอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
วิหารนี้เหมือนกับวิหารหลังก่อนอย่างไรอย่างนั้น ไม่ว่าขนาดหรือการตกแต่งล้วนถูกคัดลอกกันมาทุกระเบียบนิ้ว
เห็นได้ชัดว่าชาววิหคสวรรค์ที่อยู่ที่นี่บางตาลงกว่าชั้นล่างๆ มาก มีเพียงยี่สิบสามสิบคนเท่านั้น
หลังจากที่หานลี่หรี่ตาลงมองไปทางร้านค้ารอบๆ แววตาพลันเปล่งประกาย ตรงไปยังมุมหนึ่ง ตรงไปยังร้านค้าร้านหนึ่งตรงมุมของวิหารอย่างรู้ดีอยู่แก่ใจ
ร้านค้าร้านนี้แบ่งออกเป็นสองชั้น ในประตูถูกม่านลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่งปกคลุมเอาไว้ ส่วนประตูทางออกมีแผ่นป้ายหยกสีแดงอ่อนแผ่นหนึ่งแขวนอยู่ ด้านบนมีตัวอักษรคำว่า ‘ย่านหมื่นอัสนี’ เปล่งแสงระยิบระยับอยู่
หานลี่กวาดสายตาไปบนแผ่นหยก สีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน ทันใดนั้นก็มีสีหน้าราบเรียบ
ร่างกายเปล่งแสงสว่างวาบ คนก็เข้าไปในม่านลำแสงในประตูอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เบื้องหน้าเปล่งแสงเจิดจ้า ห้องที่ว่างเปล่าขนาดสามสิบสี่สิบจั้งปรากฎขึ้นเบื้องหน้า
โต๊ะไม้เปล่งแสงสีดำมะเมื่อมตัวหนึ่ง เก้าอี้ไม้สีเหลืองอ่อนสองสามตัว และชั้นไม้เก่าๆ เจ็ดแปดชั้น ด้านบนมีของวางกองอยู่อย่างระเกะระกะเต็มไปหมด นี่คือการจัดเรียงทั้งหมดของที่นี่
และในห้องโถงนอกจากบุรุษวัยกลางคนร่างกายผ่ายผอมที่ดูเหมือนเจ้าของร้านยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะไม้แล้ว ก็มีชาววิหคสวรรค์อีกสองคน
หลังจากที่หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของทั้งสามแล้ว ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อยไม่ได้