A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1410

ฝึกฝนกระดูกทอง

 

 

 

เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดก็เห็นได้ชัดว่ากระดิ่งเหล่านี้แผ่กลิ่นไอวิญญาณไม้ที่หนาแน่นออกมา คาดไม่ถึงว่าทุกดอกจะเป็นดอกไม้สีเหลืองทองที่มีรูปร่างเหมือนกระดิ่ง

 

 

ดูสมจริงราวกับกระดิ่งทองแดงก็ไม่ปาน

 

 

“มีดอกกระดิ่งพฤกษาจำนวนมากจริงๆ ด้วย แถมยังมีอายุพันปีขึ้นไป” เมื่อเห็นดอกเหล่านี้ วานรยักษ์พลันเปล่งเสียงหึ่งๆ อออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

 

 

“ดอกกระดิ่งพฤกษา พวกเจ้าก็เห็นแล้ว แมลงผลึกกระดูกทองและทรายปะการังทองตัวเมียล่ะ?” หานลี่หัวเราะด้วยเสียงต่ำๆ ขณะเอ่ยถาม

 

 

“แค่นี้เกรงว่าคงไม่พอสินะ มีแต่ร้อยดอกเท่านั้น ตามสัญญาแล้วจะแลกกับแมลงแค่สิบคู่เท่านั้น” อสูรน้อยฉายแววตาดีใจอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับเอ่ยด้วยความเยือกเย็นเป็นอย่างมาก

 

 

หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ โยนกล่องหยกในมือไปเบื้องหน้า มันลอยอยู่กลางอากาศ อีกมือหนึ่งก็พลิกฝ่ามือ กล่องหยกยาวๆ อีกกล่องหนึ่งปรากฎขึ้น

 

 

ฝากล่องเปิดออก มีดอกกระดิ่งพฤกษาบรรจุอยู่เต็มไปหมดเช่นกัน

 

 

ชั่วขณะนั้นฉากนี้พลันทำให้ปีศาจเหล่านี้ตกตะลึงจนตาค้างจริงๆ

 

 

“คงพอแล้วสินะ นำแมลงผลึกและทรายปะการังมาเท่าไหร่ ก็เอาออกมาเถิด” หานลี่จ้องเขม็งไปยังเหล่าปีศาจเบื้องหน้าแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

หลังจากตกตะลึงเสร็จแล้ว เหล่าอสูรปีศาจก็ปรึกษากันด้วยเสียงทุ้มต่ำ สุดท้ายอสูรน้อยก็ควักสิ่งที่เหมือนผลึกแร่วารีขนาดเท่ากำปั้นออกมา อสูรปีศาจตนอื่นๆ ก็หยิบน้ำเต้าสีดำสนิทขนาดเท่าฝ่ามือออกมา

 

 

ชั่วพริบตาในห้องโถงก็มีผลึกสิบห้าก้อนและน้ำเต้าสีดำสามผล

 

 

หานลี่ตาเป็นประกาย มือหนึ่งตะปบไปทางพื้นโดยไม่ปริปาก

 

 

ชั่วขณะนั้นผลึกก้อนหนึ่งพลันดีดออกมา ถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ

 

 

เขาก้มหน้าลงพิจารณาอย่างละเอียด

 

 

เห็นเพียงในความแวววาวของก้อนผลึกมีแมลงน้อยสีขาวนวลคู่หนึ่งแช่แข็งเอาไว้ ขนาดสองชุ่น นิ่งค้างราวกับว่ากลายเป็นหิน

 

 

ชั่วพริบตาจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งก็กลายเป็นเส้นไหมจำนวนนับไม่ถ้วนทะลุผ่านก้อนผลึกไป ส่งผลถึงแมลงน้อยตัวหนึ่งที่อยู่ในนั้น

 

 

ชั่วขณะนั้นร่างของแมลงน้อยพลันเปล่งแสงสีขาวนวลชั้นหนึ่ง ขยับเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะพ่นของเหลวสีเหลืองทองออกมาจากปาก และผสมเข้าไปในผลึก

 

 

ผลึกทั้งก้อนพลันเปลี่ยนสี กลายเป็นสีทองเรืองรอง

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี นิ้วทั้งห้าที่กำผลึกอยู่พลันออกแรง ชั่วขณะนั้นพลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งพลันถูกส่งไปที่ก้อนผลึก

 

 

แต่ผิวของผลึกแค่เปล่งแสงสีทองเรืองรอง ไร้ซึ่งความเสียหาย

 

 

“เป็นแมลงผลึกกระดูกทองจริงๆ!” หานลี่เอ่ยพึมพำ

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ต่อให้พวกเราอาจหาญแค่ไหน ก็ไม่กล้าหลอกลวงท่านอาวุโส” อสูรน้อยหัววัวหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

 

 

“งั้นหรือ!” หานลี่ตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น วางผลึกลง อีกมือหนึ่งขยับ คว้าน้ำเต้าสีดำมาผลหนึ่ง

 

 

ครานี้พลันเทเม็ดทรายสีม่วงเหลืองกลุ่มหนึ่งออกมาจากด้านใน ชั่วพริบตาก็กองสูงขึ้นจากพื้นดินสามฉื่อ

 

 

กำมืออย่างสบายๆ ในมือมีเม็ดทรายสีม่วงทองกำหนึ่งปรากฎขึ้น และหยิบขึ้นมาอยู่ตรงหน้า

 

 

เขาเพ่งมองอยู่นาน เททรายสีม่วงทองจากในน้ำเต้าสีดำอีกสองผลออกมา

 

 

“ไม่เลว ทรายปะการังทองตัวเมียเหล่านี้ล้วนเป็นของระดับสุดยอด จากน้ำหนักประกอบกับแมลงผลึกสิบห้าคู่แล้ว แม้นว่าจะยังไม่พอเมื่อเทียบกับดอกกระดิ่งพฤกษาสองกล่อง แต่ก็พอสมควร แลกกันเท่านี้ก็แล้วกัน” หานลี่กวาดสายตาไปบนพื้น แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

ฟังจากคำพูดของหานลี่ ปีศาจทั้งสี่พลันเผยสีหน้ายินดีออกมา แล้วพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

หานลี่โยนกล่องหยกสองใบไป อสูรน้อยและวานรยักษ์ขนสีทองแบ่งกันรับ ทันใดนั้นก็เก็บเข้าไปอย่างระมัดระวัง

 

 

แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อกวาดไปทางพื้น หลังจากที่ลำแสงสีเขียวม้วนวน ผลึกศิลาและน้ำเต้าต่างก็สลายหายไป

 

 

“การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ข้าพึงพอใจมาก วันข้างหน้าหากมีแมลงผลึก ทรายปะการังหรือว่าของล้ำค่าอื่นๆ ก็เอามาแลกกับของที่ต้องการกับข้าได้ ผู้แซ่หานไม่ได้มีแค่ดอกกระดิ่งพฤกษา ไม่มีทางปล่อยให้พวกเจ้าเสียเปรียบแน่ พวกเจ้าไปได้แล้ว” หานลี่ไม่มีเจตนาจะให้ปีศาจเหล่านี้อยู่นานนัก หลังจากเอ่ยอย่างราบเรียบสองสามประโยค ก็ไล่แขกทันที

 

 

จากพลังแรงกดดันที่แข็งแกร่งของหานลี่ อสูรน้อยและเหล่าปีศาจก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ทยอยกันถอยออกไปจากถ้ำพำนักของหานลี่อย่างนอบน้อม และขับเคลื่อนพายุปีศาจจากไป

 

 

หลังจากที่ทุกคนบินออกไปได้พันกว่าลี้ ถึงได้ผ่อนลมหายใจแล้วหยุดลง รวมตัวกันอยู่กลางอากาศอีกครั้ง

 

 

“ดีเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะได้ดอกกระดิ่งพฤกษามามากมายถึงเพียงนี้ และยิ่งไปกว่านั้นล้วนมีอายุพันปีขึ้นไป หากเอาไปมอบทั้งหมด เกรงว่าคงไม่ต้องเอาของบวงสรวงอื่นๆ ไปแล้ว คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นไม่มีทางลงโทษพวกเราแน่” หมูป่ายักษ์ตนนั้นแค่นเสียงหึๆ อย่างตื่นเต้นดีใจ

 

 

“อืม ข้าก็คิดไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเอาดอกวิญญาณจำนวนมากขนาดนี้ออกมาได้จริงๆ หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ จำนวนของดอกกระดิ่งพฤกษาที่เกิดขึ้นบนภูเขายักษ์ลูกนั้นจะไม่ได้มากถึงเพียงนี้ หรือว่าเมื่อก่อนตอนที่ตรวจสอบภูเขาลูกนี้มีสถานที่ลับอื่น ฟังจากคำพูดของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าเขายังมีอีกไม่น้อย” วานรยักษ์กลับขมวดคิ้วขณะเอ่ย

 

 

“คงเป็นเช่นนั้นกระมัง หากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นมีดอกกระดิ่งพฤกษาจำนวนมาก ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนของเผ่าวิหคสวรรค์เหล่านั้นให้ความสำคัญกับดอกไม้ชนิดนี้ขนาดนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามันล้ำค่าขนาดไหน กว่าครึ่งดอกชนิดนี้คงมีต้นกำเนิดในภูเขาเฮยอิ่นของพวกเรากระมัง” งูเหลือมยักษ์สามหัวกลับกลอกตาไปมาขณะเอ่ย

 

 

“เอาล่ะไม่ว่าดอกกระดิ่งพฤกษาจะล้ำค่าขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ขอแค่พวกเราผ่านสภาพการณ์ร้อยปีนี้ได้ ก็สามารถกำจัดเครื่องหมายทาสแล้วไจปากที่นี่ได้แล้ว แต่ศิลาวิญญาณระดับสูงที่อรหันต์ผู้นั้นร้องขอ พวกเราจำเป็นต้องพยายามหามาให้ได้ มิเช่นนั้นหากเกิดข้อผิดพลาด การรอคอยนานขนาดนี้ก็จะเสียเปล่า” อสูรน้อยขบคิดชั่วครู่ก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา

 

 

“มีดอกกระดิ่งพฤกษา เสียเวลาอีกร้อยปีก็ไม่มีปัญหา แต่สิ่งสำคัญคือ ศิลาวิญญาณในมือของพวกเราไม่มากนัก ศิลาวิญญาณระดับต่ำแม้แต่พวกเราก็ใช้การไม่ได้ ส่วนศิลาวิญญาณระดับกลางนั้นก็ไม่มีประโยชน์ต่ออรหันต์ผู้นั้น หากเป็นศิลาวิญญาณระดับสูงเหมืองแร่ศิลาวิญญาณก็ถูกขุดไปจนหมดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นครั้งนี้อรหันต์ผู้นั้นยังเสนอว่า หากพวกเรานำศิลาวิญญาณระดับสุดยอดที่มีธาตุแตกต่างกันสี่ก้อนไปให้ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าไม่เคยปรากฎขึ้นในภูเขาเฮยอิ่นของพวกเรา แม้แต่สหายร่วมวิถีที่ฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่บนเกาะในละแวกนี้ก็มีแค่ศิลาวิญญาณธาตุน้ำเท่านั้น ต่อให้อยากแลก ก็ไม่อาจแลกได้” วานรยักษ์ขนสีเหลืองเอ่ยด้วยเสียงอู้อี้ๆ

 

 

“แต่จากคนผู้ของอรหันต์ผู้นั้น ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดเหล่านี้จำเป็นต้องการทะลวงจุคคอขวดของเขา มิเช่นนั้นก็บรรลุได้ยาก” หมูป่ายักษ์เอ่ยพึมพำ

 

 

ครานั้นปีศาจทั้งสี่พลันเงียบกริบ

 

 

“หากเป็นก่อนหน้านี้ก็พูดยาก แต่ผู้ที่มีความสามารถเกรียงไกรที่พบเมื่อครู่ เขามาจากที่อื่น ไม่แน่ว่าอาจจะมีศิลาวิญญาณธาตุอื่นก็เป็นได้” งูเหลือมยักษ์สะบัดหัวทั้งสามไปมา หัวตรงกลางค่อยๆ เอ่ยปากขึ้น

 

 

“นั่นมันเป็นสิ่งที่พวกเราคิดได้อยู่แล้ว แต่จากพลังยุทธ์ของพวกเราหากนำศิลาวิญญาณระดับสุดยอดไปแลกกับของสิ่งนั้น เกรงว่าคงทำให้อีกฝ่ายสงสัย หาวิธีอื่นก่อนจะดีกว่า สุดท้ายหากไม่ได้จริงๆ ค่อยไปแลกกับคนผู้นั้นก็แล้วกัน” อสูรน้อยเอ่ยอย่างรอบคอบ

 

 

“มีเหตุผล รอพวกเรารับมือกับทูตของเผ่าวิหคสวรรค์ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยปรึกษากันอีกทีก็แล้วกัน” วานรยักษ์เสนอขึ้น

 

 

อสูรตนอื่นๆ ก็ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้ จึงทยอยกันพยักหน้าเห็นด้วย

 

 

ดังนั้นปีศาจทั้งสี่จึงกลายเป็นไอปีศาจสี่กลุ่มอีกครั้ง พุง่ตรงไปยังทิศทางที่แตกต่างกัน

 

 

ครานี้หานลี่อยู่ในห้องลับ มือหนึ่งเล่นผลึกวารีที่ห่อหุ้มแมลงผลึกเอาไว้ก้อนหนึ่ง แววตาเปล่งประกายพลางขบคิดอะไรสักอย่าง

 

 

แม้นว่าแมลงผลึกกระดูกทองจะมีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แพร่งพรายมานานในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ แต่ผู้ที่พบและจับเป็นมันได้นั้นกลับมีน้อยจนน่าเสียดาย

 

 

แม้แต่บางครั้งบังเอิญพบเขาก็แค่สองสามคู่เท่านั้น และมูลค่าของทุกคู่ ก็เพียงพอจะทำให้ปราณแท้ของผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงได้รับบาดเจ็บ

 

 

ดังนั้นเมื่อหานลี่ได้ยินว่าอสูรปีศาจระดับหกเจ็ดสองสามตนนี้จะเอาแมลงผลึกไปถวาย ก็ตกตะลึงและดีใจอย่าบ้าคลั่งขนาดไหน ไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว

 

 

แมลงผลึกมีสรรพคุณมากมาย ไม่เพียงสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ์ได้สองสามชนิด และยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลต่อการฝึกตนด้วย

 

 

นำกระดูกทองที่แมลงเหล่านี้พ่นออกมามาทาบนเรือนร่าง ประกอบกับการเคยชำระกระดูก ก็ทำให้ร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรแข็งแกร่งขึ้นเท่าหนึ่ง แต่จากกายที่แข็งแกร่งของหานลี่ในตอนนี้ เดาว่าประสิทธิผลของมันคงลดลงเป็นอย่างมาก

 

 

เทียบกันทั้งสองชนิดแล้ว หานลี่จึงหวังว่าจะนำแมลงตัวนี้มาใช้คุณสมบัติที่สามในสถานที่ที่รกร้างที่สุด

 

 

นั่นก็คือนำแมลงตัวนี้มาหล่อวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง หลอมร่างกายที่แท้จริงของเขาออกมา

 

 

ความสามารถนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน และยิ่งไปกว่านั้นประสานกับเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพียงพอจะทำให้มีพลังพอจะพลิกภูเขาคว่ำทะเลแล้ว นับว่าเป็นวิธีการแปลงกายที่พิเศษที่สุด

 

 

แน่นอนว่าความสามารถของการหลอมวัชระที่คล้ายกับสำนักพุทธนั้นไม่ใช่เคล็ดวิชาที่ซับซ้อนอะไร เข้าอยู่ไม่น้อย แต่สมุนไพรเสริมที่ต้องการทั้งหมดนอกจากแมลงผลึกกระดูกทองแล้ว ยังต้องการสมุนไพรสองสามชนิดในตำนาน ความหายากของสมุนไพรเหล่านี้ล้วนไม่ด้อยไปกว่าแมลงผลึกกระดูกทอง หากอยากรวบรวมให้ครบก็ต้องเป็นปัญหาของวาสนาแล้ว ไม่มีทางสมหวังได้ในเวลาอันใกล้

 

 

หลังจากที่หานลี่จ้องเขม็งไปผลึกศิลาในมือ ก็ขบคิดอย่างเงียบๆ อยู่ชั่วครู่

 

 

ฉับพลันนั้นพลันสะบัดข้อมือ เบื้องหน้ามีผลึกศิลาอีกสี่ก้อนปรากฎขึ้น

 

 

การหลอมวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ มีแมลงผลึกสิบคู่ก็น่าจะเพียงพอ ส่วนอีกห้าคู่ที่เหลือ เขากลับนำมาเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายตนเองอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด และยิ่งไปกว่านั้นยังเตรียมจะอาศัยการนี้ทะลวงจุดคอขวดของระดับเทพแปลงขั้นกลางอีกครั้ง

 

 

เดาว่าแม้ว่าทุกอย่างจะราบรื่น ขั้นตอนนี้ก็ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องห้าถึงหกปี

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็ไม่ได้ลังเลเลยสักนิด หยิบผลึกก้อนหนึ่งออกมาอยู่ในมือทันที ในมือมีพลังสีเขียววบริสุทธิ์ปรากฎขึ้น หลับตาทั้งสองข้างลงในเวลาเดียวกัน

 

 

แมลงน้อยสองตัวในผลึกหินที่แต่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ถูกพลังปราณกระตุ้น ก็สะบัดสะบัดหางพร้อมกัน อ้าปากออกพ่นของเหลวสีทองหยุดหนึ่งออกมา

 

 

ของเหลวสองหยดทำเหมือนไม่เห็นผลึกก้อนนั้น ซึมออกมาจากด้านในโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น แล้วตกลงสู่มือของหานลี่ ถูกไอวิญญาณสีเขียวห่อหุ้มเอาไว้

 

 

ครู่ต่อมาของเหลวสีทองในลำแสงสีเขียวก็ดูเหมือนว่าจะถูกทิ่มแทง ชั่วครู่ก็ระเบิดลำแสงสีทองเจิดจ้าออกมา

 

 

ทันใดนั้นลำแสงนี้และไอวิญญาณสีเขียวก็เปล่งประกายตัดสลับกัน ไล่ไปตามแขนของเขา ชั่วพริบตาแขนก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยลำแสงสีทอง

 

 

เมื่อลำแสงทั้งหมดหม่นแสงลง ผิวของแขนข้างนี้ก็ถูกย้อมไว้ด้วยสีทอง

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งรองแขนสีทองเอาไว้ ปากพลันบริกรรมคาถา

 

 

ลำแสงสีทองบนแขนกระพริบระยิบระยับอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันลำแสงสีขาวนวลชั้นหนึ่งก็ปรากฎขึ้นบนแขนสีทอง และไหลเวียนไปมาไม่หยุด

 

 

หานลี่ปรับลมหายใจให้มั่นคง สีหน้าราบเรียบ ใส่พลังลมปราณในร่างเข้าไปในวังวนมหัศจรรย์ยักษ์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset