ลำแสงสีขาวเปล่งประกาย ขวดหยกปรากฏขึ้นใต้รู ชั่วขณะนั้นของเหลวสีเงินพลันกลายเป็นเส้นสีเงินสายหนึ่งไหลเข้าสู่ปากขวด
ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!
เมื่อของเหลวสีเงินไหลออกมา ร่างกายของคางคกน้อยก็แห้งเ**่ยวหดเล็กลงทันที
ของเหลวสีเงินที่ไหลออกมาจากซากศพไม่ถือว่ามากนัก แค่ชั่วครู่ก็ไหลออกมาจนเกลี้ยง ส่วนซากศพกลับเล็กลงไปกว่าครึ่ง
หานลี่เลิกคิ้วอ้าปากออก ชั่วขณะนั้นพลันพ่นลูกบอลเพลิงสีเงินออกมา โจมตีไปยังซากศพ
เสียง “ตูมๆ” ดังขึ้น คางคกน้อยกลายเป็นเถ้าถ่านหายวับไป
แต่หลังจากที่เปลวเพลิงสีเงินหายวับไป กลางอากาศกลับมีของเหลวขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารสีเงินแวววาวจำนวนมาก
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะอาศัยพลังของพระจันทร์และอาทิตย์เที่ยงแท้ของเพลิงกลืนวิญญาณ หลอมโลหิตที่หลงเหลืออยู่ในร่างของคางคกน้อยออกมา
สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา
หลังจากลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงก็ทำให้ของเหลวทั้งหมดรวมตัวกัน กลายเป็นกลุ่มกำปั้นสีเงิน จากนั้นก็ห่อหุ้มเอาไว้แล้วส่งเข้าไปในขวดหยด
โลหิตของคางคกเที่ยงแท้ หานลี่ไม่อาจเร่งการเจริญเติบโตออกมาได้ แน่นอนว่าจึงไม่ยอมสิ้นเปลืองไปแม้แต่หยดเดียว
เช่นนั้นหานลี่จึงจัดการเช่นเดียวกันกับซากคางคกเที่ยงแท้ตาสีเขียวมรกตทั้งหมดรอบหนึ่ง บรรจุโลหิตคางคกเที่ยงแท้ในตำนานลงไปในขวดหยดสองสามขวด
จากนั้นเขาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง นับว่าสบายใจแล้ว
ครานี้ได้โลหิตคางคกเที่ยงแท้มาแล้ว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจะหลอมของเหลวคางคกเที่ยงแท้ แต่จำต้องฝึกบำเพ็ญเพียรให้ตนเองขึ้นไปอยู่ในชั้นยอดสุดของระดับขั้นกลางก่อน เพื่อทะลวงจุดคอขวดแล้วค่อยว่ากัน
จะว่าไปแล้วหนทางที่เขาเลือกการเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ผิดจริงๆ
ภายใต้สถานการณ์ที่มีร่างกายอันแข็งแกร่งและมียาสมุนไพรจำนวนมากนัก สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ อาจจะต้องใช้เวลาสองสามร้อยปีถึงจะฝึกฝนจนไปถึงขั้นนั้นได้ แต่บางทีเขาอาจจะใช้เวลาแค่ร้อยปีหรือแม้กระทั่งยี่สิบสามสิบปีก็น่าจะไปถึงขั้นนั้นได้อย่างง่ายดาย ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ การทะลวงจุดคอขวดนั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลามากสักหน่อย
ดังนั้นหลังจากที่หานลี่ปล่อยหุ่นเชิดวานรยักษ์สองสามตัวออกไปแล้ว ก็ลูบศีรษะปล่อยทารกวิญญาณตัวที่สองออกมา ให้เขารับหน้าที่ดูแลเรื่องทุกอย่างในถ้ำพำนัก ส่วนตัวเองก็เข้าไปกักตนในห้องลับ ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ด้านใน
ภายใต้การมีสมุนไพรที่เพียงพอ ประกอบกับกินผลเกล็ดมังกรเข้าไปอย่างต่อเนื่อง และมีคาถาดับกระดูกที่น่าอัศจรรย์คอยช่วยเหลือ ลมปราณของหานลี่จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ ความแข็งแกร่งก็กายภาพก็เปลี่ยนแปลงขึ้นไปตามเวลา
ช่วงเวลานี้นอกจากเขาจะฝึกเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้อย่างหนักแล้ว ยังนำภูเขาเทวะดูดปราณ และห้ามารใจเดียวออกมาหลอมด้วยมือทั้งสองมือ และเริ่มหลอมกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มตามคาถาร้อยชีพจรสมบัติ ให้เข้าไปในจุดอันตรายตามส่วนต่างๆ ของกระดูก
หากหลอมเคล็ดวิชาสำเร็จจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น แค่ประสานอานุภาพกับเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์เที่ยงแท้ พลังการป้องกันที่แข็งแกร่งก็อยู่ในขั้นที่น่าตกตะลึงแล้ว
เกรงว่าต่อให้ปะทะกับการโจมตีของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตา ก็สามารถต้านทานได้ด้วยกายเนื้อเพียงลำพัง
แน่นอนว่านี่ไม่เหมือนกับการหลอมมือทั้งสองมือ กระดูกจุดต่างๆ ที่สำคัญของร่างกายนั้นซับซ้อนกว่ามาก ต้องเสียเวลานานขนาดไหนไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
ดังนั้นประตูห้องลับที่หานลี่พำนักอยู่ จึงปิดสนิทมาโดยตลอด แค่ทุกๆ สองสามเดือน ทารกวิญญาณที่สองจะกลายเป็นเงาลวงตากลุ่มหนึ่งพุ่งจมหายเข้าไปในกำแพง เพื่อส่งสมุนไพรและผลวิญญาณให้กับหานลี่!
แต่ละเดือนและปีผ่านพ้นไป ชั่วพริบตาเวลาหกสิบปีก็ผ่านพ้นไป
วันนี้บนภูเขาเล็กๆ อีกลูกหนึ่งที่หางจากภูเขายักษ์ที่มีถ้ำพำนักของหานลี่ตั้งอยู่ไปสิบว่าลี้ ไอปีศาจสีดำเหลืองสองกลุ่มกะพริบเรืองๆ อยู่บนยอดเขา ด้านในมีเสียงพูดคุยดังขึ้น ดูเหมือนว่าจะมีปีศาจอะไรสักอย่างพูดคุยอะไรกันสักอย่างอยู่
ดวงตาสีเงินทั้งสองในไอสีดำพลันกะพริบปริบๆ ไม่หยุด ในไอสีเหลืองมีดวงตาข้างหนึ่งสีแดงสดเปล่งประกาย
คาดไม่ถึงว่าปีศาจทั้งสองจะมองเขตอาคมลวงตาด้านนอกถ้ำพำนักที่าหานลี่วางเอาไว้ก่อน จึงมองมาทางเขาไม่หยุด
ทว่าดูเหมือนว่าปีศาจทั้งสองจำรู้สึกหวาดกลัวถ้ำพำนักของหานลี่เป็นอย่างมาก จึงไม่ได้ลงมือในทันใด กลับปรึกษากันอยู่ไม่นานก็แยกย้ายไป
สามวันต่อมา เหนือถ้ำพำนักของหานลี่มีไอปีศาจสองสามกลุ่มรวมตัวกันอยู่อีกครั้ง ครั้งนี้ปีศาจเหล่านี้ไม่อำพรางกายแล้ว กลับมีพายุปีศาจปรากฏขึ้นอย่างเปิดเผย บนพื้นดินมีอสูรและแมลงประหลาดนานาชนิดนับพันตัวปรากฏขึ้น รวมตัวกันอยู่ตรงนั้นอย่างดุดัน คาดไม่ถึงว่าจะโจมตีถ้ำพำนักของหานลี่อย่างเปิดเผย
ปีศาจสองสามตัวปรากฏขึ้นกลางอากาศ ล้วนมีรูปร่างประหลาดๆ ตัวหนึ่งคืองูเหลือมยักษ์หลายดอกไม้สามหัว หัวทั้งสามใหญ่หัวหนึ่งเล็กสองหัว ท่าทางดุดัน อีกตัวหนึ่งคือหมูป่ายักษ์ขนาดเจ็ดจั้ง เขี้ยวยักษ์คู่หนึ่งเปล่งแสงสีเงินระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนสร้างขึ้นจากเงินบริสุทธิ์อย่างไรอย่างนั้น ปีศาจสองตัวสุดท้าย กลับคล้ายคลึงกับจ่าฝูงปีศาจสองตัวที่หานลี่เคยเห็นในการต่อสู้ของฝูงอสูร วานรยักษ์เรือนกายสีทองสูงสองสามจั้ง มือหนึ่งถือสามง่ามยักษ์สีดำเอาไว้ อีกตัวหนึ่งคืออสูรประหลาดขนาดจิ๋วหัวเป็นวัวตัวเป็นสิงโต มีขนาดตัวแค่สองสามฉื่อ แต่เรือนกายเป็นสีเขียวมรกต ราวกับรูปปั้นแกะสลักสีเขียวมรกตอย่างไรอย่างนั้น
หากหานลี่อยู่ที่นี่แน่นอนว่ามองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า ปีศาจเหล่านี้ล้วนเป็นอสูรปีศาจระดับหกหรือเจ็ดที่เคยสัมผัสได้ในเทือกเขาบริเวณนี้
และในบรรดาอสูรปีศาจเหล่านั้น อสูรหัววัวที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับอสูรปีศาจระดับเจ็ด อีกก้าวเดียวก็จัดอยู่ในระดับอสูรปีศาจแปลงกายแล้ว
และไม่รู้ว่าอสูรปีศาจเหล่านี้มารวมตัวกันด้วยเหตุใด คาดไม่ถึงว่าจะมาโจมตีถ้ำพำนักของเขา
แต่แม้นว่าหานลี่จะกักตนอยู่จึงไม่รู้เรื่องที่ภายนอกนั้น แต่จากเขตอาคมของผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงที่เขาวางเอาไว้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะอาศัยแค่พลังของอสูรปีศาจระดับกลางก็ทำลายลงได้
ฝูงอสูรและแมลงทั้งหมดถูกกระตุ้นโดยปีศาจสองสามตัวที่อยู่กลางอากาศ พยายามทะลวงเขตอาคมลวงตาชั้นนอกสุดเข้ามาอย่างดุดัน และสัมผัสกับเขตอาคมป้องกันที่หานลี่วางเอาไว้ทันที
เห็นเพียงเบื้องหน้ามีลำแสงสีเขียวเจิดจ้า ทันใดนั้นพายุพลันก่อตัวขึ้น หินดินทรายปลิวว่อน หินผาขนาดยักษ์สองสามร้อยก้อนปลิวว่อนท่ามกลางพายุ หลังจากเกิดเสียงตูมๆ ดังสนั่นขึ้น ชั่วขณะนั้นก็ทุบอสูรที่โหดเ**้ยมฝูงหนึ่งจนเละ
ชั่วขณะนั้นฝูงอสูรพลันเกิดความวุ่นวายขึ้น บางพวกเกิดรู้สึกเสียใจในภายหลังพลางหนีเตลิดไปเสียเลย
แต่ปีศาจหัววัวที่อยู่กลางอากาศเห็นเช่นนั้น พลันอ้าปากออก เปล่งเสียงร้องแหลมๆ ออกมา ฝูงอสูรที่อยู่ด้านล่างได้ยินพลันแข้งขาอ่อนแรง ร่างกายสั่นเทา ปีศาจที่เหลืออีกสามตนเองก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเช่นกัน เปล่งเสียงขู่คำรามออกมา
ภายใต้ความจนปัญญานั้นฝูงอสูรก็หันหัวกลับ ทำได้เพียงพุ่งไปหาลำแสงสีเขียวที่อยู่ตรงข้ามอีกครั้งอย่างใจดีสู้เสือ
ผลคือหลังจากที่เกิดพายุขึ้นอีกครั้ง ด้านในก็ไม่มีหินยักษ์บินออกมาอีก กลับเป็นมีดวายุสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เปล่งเสียงร้องแหลมๆ พุ่งผ่านอากาศมา มันหนาแน่นเสียจนไม่อาบหลบหลีกได้
ชั่วขณะนั้นอสูรปีศาจสองสามพันตัว ก็ร้องโหยหวน ทยอยกันไม่หัวหันหนี ร่างกายก็ถูกสับออกเป็นเจ็ดแปดส่วน รอจนวายุลูกนั้นหยุดพัดอีกครั้ง อสูรที่ยังเหลือรอดอยู่ก็มีอยู่ไม่ถึงสองสามร้อยแล้ว ส่วนอสูรป่าเหล่านั้นแม้นว่าจะเบิกเนตรแล้ว แต่ก็ตกใจจนขวัญกระเจิง แม้กระทั่งยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม ทยอยกันถอยร่นกลับไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
ปีศาจสองสามคนที่อยู่เหนือหัวเห็นเช่นนั้น ก็อดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
ปีศาจหัววัวตัวนั้นอ้าปากออก เปล่งเสียงไพเราะของสตรีออกมาอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ใช่คำพูดของเผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจใดๆ
ปีศาจสามตัวที่เหลือเองก็กำลังสนทนาด้วยภาษาเดียวกัน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่พวกมันก็ดูเหมือนว่าจะปรึกษากันเสร็จแล้ว ทันใดนั้นอสูรปีศาจทั้งสี่ตัวก็ไม่สนเหล่าอสูรที่ออกวิ่งหนีอีก แต่ละคนพลันมีวายุปีศาจพัดลงมา แต่พลันผนึกรวมตัวกันระหว่างทาง กลายเป็นพายเฮอร์ริเคนสีดำ พุ่งตรงไปหาถ้ำพำนักของหานลี่ที่อยู่ด้านล่างอย่างรุนแรง
คาดไม่ถึงว่าปีศาจเหล่านี้หมายจะอาศัยพลังมหาศาลทลายเขตอาคมที่หานลี่วางเอาไว้
หากอสูรปีศาจเหล่านี้มีพลังในระดับแปดขึ้นไป ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่พลังระดับหกและเจ็ดนั้น จะไปทำอะไรเขตอาคมของผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงของหานลี่ได้
ทันใดนั้นลำแสงที่อยู่เบื้องหน้าถ้ำพำนักพลันเปลี่ยนสี กลายเป็นห้าสี หมุนวนกระโจนเข้ามาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ผลคือเมื่อพายุเฮอร์ริเคนสีดำปะทะกับลำแสงห้าสี ขณะที่พัวพันตัดสลับกันไปมานั้น ก็ถูกบดจนละเอียดในทันที
ชั่วขณะนั้นพายุเฮอร์ริเคนพลันกระจายออก ปีศาจสี่หัวทยอยกันกระโจนออกมาในทันใด และรวมตัวกันกลางอากาศมองไปทางด้านล่างอีกครั้ง แต่ละตนล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
แม้นว่าพวกมันจะไม่ได้ปะทะกับลำแสงห้าสีตรงๆ แต่กลิ่นอายความน่ากลัวที่แฝงอยู่ในใจ ก็ทำให้ปีศาจสองสามตนอกสั่นขวัญแขวน
ทันใดนั้นพวกมันก็ปรึกษากันด้วยเสียงแผ่วเบาอีกสองสามประโยค แล้วกลายเป็นพายุปีศาจสี่กลุ่ม ทยอยกันแยกย้ายจากไป
หลังจากนั้นเบื้องหน้าถ้ำพำนักของหานลี่ไม่เพียงจะไม่มีปีศาจตนใดเฉียดเข้าใกล้ แม้กระทั่งในทุกตารางนิ้วในรัศมีวงกลมร้อยลี้ ก็ไม่มีแม้แต่วิหคอสูรตนใดสักตัว…
ตั้งแต่ต้นจนจบประตูถ้ำพำนักของหานลี่ยังคงปิดอยู่ ไม่มีท่าทีจะเปิดออกเลยสักนิด
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็ผ่านไปแล้วสามสิบปีเศษ
ฉับพลันนั้นเสียงกู่ร้องยาวๆ ดุจมังกรพลันดังออกมาจากประตูห้องลับ ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นก็ดังขึ้น ประตูห้องลับระเบิดออก
มองจากด้านนอก กลางอากาศในห้องลับมีลำแสงสีทองเจิดจ้าอยู่ดวงหนึ่ง หานลี่นั่งสมาธิอยู่ตรงกลาง แผ่นหลังมีเงาสีทองลวงตาสามหัวหกแขนปรากฏออกมา
เงาลวงตานี้ก็อยู่ในลำแสงสีทองด้วย ใบหน้ายังคงรางเลือน แต่ชัดเจนกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก และนั่งขัดสมาธิอยู่เหมือนกับหานลี่อย่างไรอย่างนั้น ในเวลาเดียวกันแขนทั้งหกก็ร่ายอาคมไปมา
ฉับพลันนั้นหานลี่และเงาสีทองพลันสั่นเทาพร้อมกัน ลวดลายสีทองเป็นชั้นๆ ทะลักออกมาจากลำแสง กวาดไปทั่วทั้งกำแพงของห้องลับ ชั่วขณะนั้นลำแสงห้าสีพลันเปล่งประกาย ห้องลับเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทันใดนั้นลำแสงพลันพลิ้วไหวไปมาไม่หยุด
หานลี่ที่อยู่ในลำแสงสีทองเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมา เหงื่อเท่าเมล็ดข้าวผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ลำแสงสีทองขนาดยักษ์สั่นเทาไม่หยุด แม้แต่เงาลวงตาสีทองที่แผ่นหลัง ก็ยังสั่นเทาเลือนรางไม่ชัดเจน
เสียง “ครืน” ดังขึ้น ลำแสงสีทองมีรอยแยกยาวๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงกลางราวกับกระจก และสิ่งที่ได้รับผลกระทบจากมัน ก็คือสามหัวหกแขนสีทอง พลันแตกออกเป็นเสี่ยงในชั่วพริบตา หายวับไปจากกลางอากาศ
หานลี่กลับถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าเจ็บปวดสลายหายไป ทั้งห้องลับกลืนคืนสู่ความเงียบสงบ
หลังจากผ่านไปไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ในที่สุดหานลี่ก็เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา