A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1403

 ริมมหาสมุทร

 

 

 

แม้นว่าฝูงอสูรจะมองออกว่าหานลี่ไม่มีเจตนาร้ายอะไร แต่ก็ยังคงปกป้องลูกอสูรแล้วค่อยๆ ถอยออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ฝูงอสูรก็หันหัววิ่งออกไป หายวับไปจากหลังเนินเขา

 

 

หานลี่นั่งสมาธิที่ริมลำธารต่ออีกชั่วครู่ หลังจากที่ม่านหมอกรอบๆ สลายหายไปแล้ว ถึงได้พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า หนีไปทางอากาศสูง

 

 

ครานี้ไม่ว่าลมปราณหรือว่าจิตสัมผัสของเขาก็ฟื้นฟูกลับมาหมดแล้ว จึงลองแผ่จิตสัมผัสออกไปอีกครั้ง กลับพบว่าแม้จะแผ่ออกไปนอกร่างได้ แต่กลับถูกกดเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด คาดไม่ถึงว่ามากสุดจะทำได้เพียงจับตาดูรอบๆ ในระยะเล็กๆ เพียงสิบกว่าลี้ได้เท่านั้น

 

 

เช่นนั้นเขาจึงบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เอาซะเลย เพื่อจะได้เตรียมใช้ความสามารถของเนตรวิญญาณวารีกระจ่างตรวจสอบในบริเวณนี้

 

 

อย่างน้อยที่สุดทุกอย่างในระยะร้อยลี้ก็จะเข้ามาสู่ครรลองสายตา

 

 

เมื่ออยู่สูงขึ้นไปพันจั้ง ดวงตาของหานลี่ก็เปล่งแสงสีฟ้าระยิบระยับ กวาดมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

 

 

เห็นเพียงทั้งสองฟากฝั่งทางทิศตะวันออกและตะวันตกยังคงเป็นสีขาวโพลนเหมือนกองหิน ส่วนทางด้านทิศใต้ห่างออกไปสามสิบลี้กลับเป็นสีเขียวขจี มองออกไปไกลๆ คาดไม่ถึงว่าจะมีเทือกเขาขนาดไม่เล็กอยู่แห่งหนึ่ง ทางทิศเหนือกลับมีไอวิญญาณวารีจำนวนมากทะลักออกมา เหมือนจะมีแม่น้ำสายใหญ่หรือว่ามหาสมุทรอยู่ตรงนั้น

 

 

หลังจากลังเลเล็กน้อย รอบกายของหานลี่ก็มีลำแสงหลีกหนีปรากฏขึ้น กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่ง พุ่งไปยังทิศเหนือ

 

 

จากความเร็วในครานี้ของหานลี่ ระยะห่างเพียงแค่นี้จึงมาถึงได้ในพริบตา

 

 

ผลคือเบื้องหน้ามีลำแสงสว่างจ้า มหาสมุทรที่ไร้ขอบเขตพลันปรากฏขึ้น แต่ผิวน้ำกลับแปลกประหลาดอยู่นิดหน่อย คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสีแดงสด ตรงชายหาดมีเต่ายักษ์ขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันนับพันตัว กำลังนอนอาบแดดอยู่บนพื้นทราย เต่ายักษ์ที่ตัวใหญ่หนึ่งในนั้นมีขนาดสามสี่จั้ง เล็กน้อยก็มีขนาดแค่สองสามฉื่อ ร่างของทุกตัวล้วนฝังอยู่ในเม็ดทรายครึ่งหนึ่ง ท่าทางเกียจคร้าน

 

 

ส่วนบนผิวน้ำกลับมีวิหคประหลาดสีแดงสดที่มีปากยาวแหลมอยู่ฝูงหนึ่ง กำลังบินวนเวียนอยู่ตรงนั้น บางครั้งก็จะมีตัวหรือสองตัวโฉบปากและกรงเล็บลงไปในมหาสมุทรพลางโฉบปลาทะเลขนาดสองสามฉื่อโยนขึ้นมากลางอากาศ ชั่วขณะนั้นวิหคประหลาดตัวอื่นก็จะทะลักเข้ามา ชั่วพริบตาก็จะกัดกินปลาทะเลเหล่านั้นไปจนเกลี้ยง

 

 

หานลี่พิจารณาทุกอย่างด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออก จึงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

 

 

ยังคงมีดวงอาทิตย์ที่แผดเผาเจ็ดดวงลอยอยู่ หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี

 

 

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงได้รู้สึกว่าลำแสงที่สาดส่องลงมาของดวงอาทิตย์เหมือนจะน้อยกว่าก่อนหน้า มืดหม่นลงเป็นอย่างมาก ดูแล้วค่อนข้างรางเลือน

 

 

ดูแล้วที่ที่เขาถูกส่งตัวมาในครั้งนี้ คงจะห่างจากแดนของเผ่ามนุษย์มาก มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเหตุการณ์ที่แม้แต่พระอาทิตย์ที่อยู่กลางอากาศก็ยังเปลี่ยนแปลงเช่นนี้

 

 

โชคดีที่จุดนี้หานลี่เดาออกตั้งแต่ที่ตนเองรู้สึกว่าร่างกายผิดปกติหลังจากส่งตัวมาแล้ว ครานี้จึงไม่ได้ตกตะลึงมากนัก กวาดสายตาไปตกอยู่บนฝูงเต่าที่อยู่ด้านล่าง

 

 

บนผืนทรายนอกจากฝูงเต่าแล้ว รอบด้านยังมีกระดองเต่าที่ว่างเปล่าจำนวนมากเรียงรายอยู่ประมาณสองสามพันกระดอง ส่วนใต้ผืนทรายนั้นก็ไม่รู้ว่ามีเรียงรายกันอยู่เท่าไหร่

 

 

หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย หานลี่พลิกฝ่ามือ ในมือมีกระดองเต่าสีเขียวขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้น

 

 

หานลี่ใช้มือหนึ่งถือกระดองเต่าเอาไว้ เปรียบเทียบกับฝูงเต่าด้านล่าง

 

 

ชั่วครู่หานลี่ก็เผยสีหน้าตะลึงงันออกมา

 

 

หากมองผ่านๆ กระดองเต่าด้านล่างดูเหมือนว่าจะคล้ายคลึงกับในมือของหานลี่เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งใหญ่กว่าสองสามเท่า

 

 

แต่หานลี่กลับมองเห็นจุดที่แตกต่างกัน

 

 

แม้ว่ากระดองเต่าในมือจะไม่ถือว่าใหญ่นัก แต่ลวดลายทุกเส้นล้วนแฝงไว้ด้วยลายสีเงินจางๆ ลายด้านล่างของกระดองเต่ากลับเป็นแค่รอยแตกสีขาวธรรมดาๆ เท่านั้น

 

 

หานลี่เอียงศีรษะครุ่นคิด ตะปบไปกลางอากาศตรงกระดองเต่าด้านล่าง กระดองเต่าขนาดสองจั้งกระดองหนึ่งบินขึ้นมา

 

 

เสียง “ตูม” ดังสนั่นขึ้น ถูกหานลี่โจมตีไปอย่างสบายๆ กระดองเต่านี้ระเบิดออกในทันที กลายเป็นผุยผงสลายไป

 

 

เสียงอันดังสนั่นทำให้ฝูงเต่าเกิดความโกลาหลขึ้น เต่ายักษ์จำนวนไม่น้อยยื่นหัวสีดำสนิทออกมา มองมาบนท้องฟ้าแวบหนึ่ง

 

 

แต่พวกมันดูเหมือนจะรู้สึกว่าหานลี่ไม่ได้มีท่าทีคุกคามอะไร ส่วนใหญ่จึงหดกลับไป ฝูงเต่าฟื้นฟูกลับมาอยู่ในความสงบอีกครั้ง

 

 

“ไม่ใช่กระดองเต่าธรรมดาๆ เหล่านั้นจริงๆ ด้วย! แต่กระดองนี้น่าจะมาจากที่นี่ไม่ผิดแน่” หานลี่ไม่ได้เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา กลับเอ่ยพึมพำกับตัวเอง

 

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของหานลี่ร่อนลงไปด้านล่าง ในเวลาเดียวกันก็หลับตาทั้งสองข้างลง แผ่จิตสัมผัสอันแข็งแกร่งออกไป ห่อหุ้มรอบๆ ในระยะสองสามลี้เอาไว้ เริ่มตามหาอะไรสักอย่างอย่างละเอียด

 

 

ชั่วครู่ดวงตาของหานลี่เบิกกว้างอย่างเป็นประกาย ร่างกายก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป วนรอบผืนทรายไปมาอย่างรวดเร็วสองสามรอบ แต่รอบกายกลับมีกระดองเต่ายักษ์อีกสามกระดองลอยอยู่ด้านหลัง

 

 

อันหนึ่งใหญ่สี่ห้าจั้ง อีกอันสองสามจั้ง อันสุดท้ายกลับมีขนาดแค่สองสามฉื่อ

 

 

ลวดลายบนกระดองเต่าทั้งสามเป็นสีเงินเหมือนกัน แค่ระดับสีแตกต่างกันเล็กน้อย

 

 

กระดองเต่าที่เล็กที่สุด ลายดูเหมือนจะเป็นแสงสีเงินที่บริสุทธิ์ ขนาดสองสามจั้งเหมือนกับกระดองที่อยู่ในมือของหานลี่อย่างไรอย่างนั้น ส่วนกระดองเต่าที่ใหญ่ที่สุด แค่มีลายสีเงินจางๆ ปะปนอยู่เท่านั้น

 

 

กระดองเต่าสามชิ้นล้วนฝังอยู่ส่วนลึกของใต้ผืนทรายในบริเวณรอบ หากไม่ใช่เพราะหานลี่มีจิตสัมผัสทะลวงแทรกผ่านไป เกรงว่าคงไม่อาจหาสามกระดองนี้เจอ

 

 

ลำแสงหลีกหนีของหานลี่หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ กลับกวักเรียกกระดองเต่าสองสามกระดองนั้น

 

 

ชั่วขณะนั้นเสียงผิวปากพลันดังขึ้น กระดองเต่าสามกระดองเรียงตัวอยู่เบื้องหน้า

 

 

เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น นิ้วของหานลี่ร่ายไปมา ไอกระบี่สีเขียวสองสามสายพุ่งแหวกอากาศไป แยกออกปรากฏเป็นรูขนาดตื้นลึกหนาบางไม่เท่ากันบนกระดองเต่า

 

 

ไอกระบี่ทะลุผ่านกระดองเต่าที่ใหญ่ที่สุดไป แต่กลับสร้างรอยแค่ครึ่งฉื่อให้กับกระดองเต่าที่เล็กที่สุด กระดองเต่าขนาดสองสามจั้งพลันมีหลุมลึกสามสี่ชุ่นปรากฏขึ้น

 

 

หานลี่พยักหน้าสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมา

 

 

ชั่วขณะนั้นกระดองเต่าทั้งสามพลันหมุนวนท่ามกลางม่านลำแสง ชั่วพริบตาก็หดเล็กลงหลายเท่า ถูกหานลี่ดูดเข้ามาอยู่ในมือ

 

 

ลำแสงในมือเปล่งแสงสว่างวาบ พวกมันถูกดูดเข้าไปในกำไลเก็บของ

 

 

และในตอนนั้นเอง ฉับพลันนั้นบนผิวที่ไกลออกไปพลันมีเสียงเพรียกของวิหคดังขึ้น หานลี่เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความตกใจ ผลคือทำให้ตกตะลึง

 

 

เห็นเพียงบนผิวน้ำเบื้องหน้ามีปีศาจยักษ์ความยาวสิบจั้งตนหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ กายท่อนบนคือบุรุษที่มีผัวหนังสีดำสนิท สองแขนถือสามง่ามกระดูกเอาไว้ หน้าตาโหดเ**้ยม แต่กายท่อนล่างกลับเป็นเหมือนปลาหมึกยักษ์ตนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น หนวดหนาๆ ปรากฏขึ้นรางๆ บนผิวน้ำ

 

 

ปีศาจที่เหมือนกับปลาหมึกตนนั้นพลันอ้าปากออก พ่นลำแสงสีดำมะเมื่อมออกมา ม้วนเอาวิหคประหลาดสีแดงสดสองสามร้อยตัวเข้าไปข้างใน และดูดเข้าไปในปากทีละตัวๆ ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะก็ไม่ปาน

 

 

ส่วนวิหคประหลาดเหล่านั้นก็พยายามดิ้นรนอยู่ท่ามกลางม่านลำแสงอย่างสุดฤทธิ์ แต่กลับไม่อาจดิ้นให้หลุดพ้นได้ ชั่วพริบตาก็ถูกกลืนลงไปกว่าครึ่ง

 

 

สิ่งที่น่าแปลกก็คือเต่าทะเลที่จับต้องสถานการณ์นี้อยู่กลับนอนนิ่งอยู่บนผืนทราย และไม่มีท่าทางลนลาน ส่วนปีศาจยักษ์ตนนี้เองก็ไม่มีท่าทีจะแตะต้องฝูงเต่า

 

 

หานลี่รู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย แต่ปีศาจเบื้องหน้าน่าจะเป็นอสูรปีศาจระดับแปด แน่นอนว่าจึงไม่ได้หวาดกลัวอะไร แค่ยืนดูทุกอย่างอยู่ที่เดิมพร้อมกับขมวดคิ้วน้อยๆ คาดคะเนความเป็นมาของอีกฝ่ายอยู่ในใจ

 

 

ความจริงแล้วในแดนวิญญาณสิ่งที่เรียกว่าอสูรปีศาจ อสูรโบราณนั้นล้วนเป็นแค่การแบ่งแยกอย่างคร่าวๆ เท่านั้น

 

 

สำหรับเผ่ามนุษย์ในแดนวิญญาณ โดยทั่วไปแล้วอสูรโบราณจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตประเภทอสูรที่เกิดและเติบโตในแดนวิญญาณ

 

 

อสูรปีศาจกว่าครึ่งล้วนหมายถึงลูกหลานที่สืบพันธุ์มาจากปีศาจผู้บำเพ็ญเพียรที่บินขึ้นมาจากแดนล่างจำนวนมากจนกลกายเป็นเผ่าอสูรต่างๆ หนึ่งในนั้นยังผสมกับเผ่าอสูรโบราณระดับต่ำอื่นๆ ที่ได้รับการยอมรับ

 

 

สำหรับอสูรโบราณแล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่อาจเบิกเนตรได้ แต่ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรก็จะมีความสามารถติดตัวหนึ่งหรือสองสามชนิดอยู่แล้ว พละกำลังแข็งแกร่งมาก ส่วนอสูรปีศาจกลับตรงกันข้าม ขอแค่ไม่ใช่อสูรที่ได้รับการถ่ายทอดอย่างพิเศษหรือว่าอสูรแมลงที่ไม่อาจเบิกเนตรได้ ปกติแล้วล้วนสามารถเบิกเนตรได้ แต่ความสามารถจากการฝึกฝน ปกติแล้วจะด้อยกว่าความสามารถของอสูรโบราณ

 

 

แน่นอนว่าอสูรโบราณและอสูรปีศาจนั้นไม่ได้เข้มงวดต่อกันมากนัก อสูรโบราณบางเผ่าที่อยู่ใกล้ๆ กับเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจเมื่อเบิกเนตรแล้ว ก็ใคร่ครวญถึงข้อดีข้อเสีย แล้วเป็นฝ่ายนำฝูงเข้าไปร่วมกับเผ่าปีศาจ อสูรโบราณบางชนิดก็ถูกเผ่าปีศาจและเผ่ามนุษย์ให้ความสำคัญ และนำพวกมันมาเลี้ยงดู เอาเข้าเผ่า แน่นอนว่าจากนั้นพวกมันก็กลายเป็นหนึ่งในอสูรปีศาจแล้ว

 

 

ดังนั้นหานลี่เห็นปีศาจเบื้องหน้าไม่มีเจตนาประหลาดอะไร จึงแค่เอามือสองมือไพล่หลังลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ ปีศาจในมหาสมุทรก็กลืนกินวิหคทะเลเหล่านั้นเข้าไป หนวดยักษ์สะบัดไปทางผิวน้ำด้วยความตื่นเต้นดีใจ หันหัวมามองเห็นหานลี่ที่อยู่ใกล้ๆ

 

 

หานลี่ที่ก่อนหน้านี้เก็บกลิ่นอายมาตลอด ประกอบกับที่อสูรปีศาจตนนี้กำลังชะล่าใจ จึงไม่พบว่ากลางอากาศใกล้ๆ มีอีกคนหนึ่งดำรงอยู่

 

 

แต่สถานการณ์ที่ทำให้หานลี่ตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!

 

 

ปีศาจตนนี้เห็นหานลี่ใบหน้าพลันเผยสีหน้าตกตะลึงระคนหวาดกลัวออกมา หลังจากเปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมาแล้ว ร่างกายก็พลิ้วไหวกลายเป็นไอสีดำ จมหายเข้าไปในมหาสมุทร

 

 

ทันใดนั้นหมอกสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ทะลักออกมาจากใต้มหาสมุทร ชั่วครู่ก็ย้อมผิวน้ำในระยะสองสามลี้เอาไว้จนกลายเป็นสีดำสนิท ทำให้ผู้คนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้

 

 

หานลี่หางตากระตุก รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ ชั่วพริบตาสายตาก็ทะลุผ่านหมอกสีดำไป มองเห็นสถานการณ์ด้านล่างอย่างชัดเจน

 

 

ปีศาจปลาหมึกยักษ์ตัวนั้นกำลังพยายามหนีไปทางใต้มหาสมุทร อยู่ห่างออกไปสองสามลี้แล้ว

 

 

แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา ปีกที่แผ่นหลังของหานลี่เปล่งประกาย หมายจะกระตุ้นปีกวายุอัสนีหนีไปจากกลางอากาศ ครั้นเมื่อจับปีศาจตนนี้ได้ ใต้ทะเลกลับมีเสียงคำรามยาวๆ ประหลาดๆ ดังขึ้น เสียงทุ้มต่ำราวกับฟ้าร้องอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงไอปีศาจที่แข็งแกร่งมากกลุ่มหนึ่งในท้องทะเลลึกห่างออกไปสิบลี้เศษ เหมือนว่าจะแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลง

 

 

หานลี่ได้ฟังเสียงคำราม พลันมีสีหน้าตะลึงงัน จ้องเขม็งไปยังเสียงคำรามด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ ใบหน้าเผยแววลังเลออกมา

 

 

ครู่ต่อมากลิ่นอายปีศาจที่แผ่ออกมาก็ผนึกรวมกันกับปีศาจปลาหมึก ทันใดนั้นก็พุ่งไปใต้ทะเลลึกอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

 

 

หลังจากสะบัดศีรษะ ปีกที่เพิ่งปรากฏขึ้นที่แผ่นหลังของหานลี่พลันหายวับไปอีกครั้ง

 

 

แม้นว่าจะเป็นอสูรปีศาจระดับเทพแปลง เขาก็ไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แต่เพิ่งมาถึงแดนประหลาด เขาก็ไม่อยากต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับเดียวกัน

 

 

หลังจากที่มองไปยังทะเลลึกอีกแวบหนึ่ง ลำแสงหลีกหนีของหานลี่ก็ปรากฏขึ้น หันหัวพุ่งไปทางทิศใต้

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่หานลี่ที่กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพลันปรากฏขึ้นบนเทือกเขายักษ์สีเขียวขจีที่กว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา

 

 

ลำแสงหลีกหนีหม่นแสงลงที่ขอบของเทือกเขา ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้น 

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset