ซุ่มกำลัง
สตรีแซ่เสี้ยวที่อยู่ในลำแสงห้าสีกำลังปรึกษาอะไรกับหานลี่อยู่ เมื่อได้ยินเสียงหอนประหลาดๆ ก็มีสีหน้าตึงเครียดในทันใด สองมือพลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นลำแสงห้าสีที่ห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้พลันเปล่งแสงสว่างวาบ ทำให้นางและหานลี่หายวับไป
ชั่วครู่ความเร็วก็เพิ่มขึ้นสองถึงสามเท่า!
หานลี่แค่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน สองตาหรี่ลงสัมผัสอะไรสักอย่าง อาศัยสตรีผู้นี้พาเขาบินไปข้างหน้า
แม้ว่าสตรีผู้บำเพ็ญเพียรแซ่เสี้ยวจะเพิ่มความเร็วขึ้นสูงถึงเพียงนี้ แต่หลังจากบินไปได้สองสามร้อยลี้ เสียงเห่าหอนด้านหลังก็ยังชัดเจนมาก
แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่พลันถ่ายทอดเสียงอย่างราบเรียบมาว่า
“ทั้งสองอยู่ห่างจากเราไม่ถึงสามร้อยลี้ ความเร็วมากกว่าตอนนี้มาก อาศัยแค่ความเร็วระดับนี้ไม่มีทางยืดเวลาไปได้ สถานที่ประมือ อยู่ห่างจากราชันย์สามง่ามราตรีทั้งสองตนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ข้าจะช่วยเจ้าอีกแรงก็แล้วกัน”
หานลี่เอ่ยพลางยักไหล่ ปีกสองข้างที่แผ่นหลังเปล่งแสงสว่างวาบ ฉับพลันนั้นด้านบนพลันมีวิหคเงาลวงตาสีเขียวสายหนึ่งบินออกมา ชั่วครู่ก็จมหายเข้าไปในลำแสงห้าสีที่อยู่รอบๆ ด้าน
ลำแสงหลีกหนีทั้งลูกสั่นเทาอย่างหนัก ทันใดนั้นความเร็วของลำแสงหลีกหนีพลันเพิ่มขึ้นสองสามเท่า กลายเป็นเงาลวงจางๆ สายหนึ่ง เปล่งแสงสว่างวาบขณะกำลังพุ่งไปด้านหน้า
“ขอบพระคุณพี่หานที่ช่วยเหลือ!” สตรีแซ่เสี้ยวเห็นเช่นนั้น พลันเอ่ยขอบคุณด้วยความยินดี
“วิธีการเช่นนี้จะสูญเสียลมปราณเป็นจำนวนมาก ข้าเองก็ไม่อาจรักษาระดับได้นานนัก และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่อาจหนีไปได้ไกลจริงๆ มิเช่นนั้นเกรงว่าราชันย์สามง่ามราตรีทั้งสองคงลงมือแทรกแซงแล้ว” หานลี่กลับสั่นศีรษะขณะเอ่ย
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว พี่หานเก็บลมปราณไว้ต่อกรกับศัตรูจะดีกว่า” สตรีแซ่เสี้ยวเองก็พยักหน้า
หานลี่ได้ฟังแล้วพลันหัวเราะอย่างขมขื่น และไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา จะว่าไปแล้วแม้นว่าทาสเหล่านั้นจะร้ายกาจขนาดไหน เขายอมสูญเสียจิตสัมผัส ปล่อยแมลงกลืนทองออกมาสองสามร้อยตัวในคราเดียว บีบหรือสังหารหนึ่งในนั้นก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา แต่สิ่งสำคัญก็คือทาสเหล่านั้นมีสองตน และยิ่งไปกว่านั้นยังมีราชันย์สามง่ามราตรีสองตนคอยเฝ้ามองอยู่ไกลๆ เขาจะไม่กล้ากระทำการที่เสี่ยงเช่นนี้ได้อย่างไร
หลังจากที่มีความช่วยเหลือของหานลี่ แม้นว่าทาสทั้งสองตัวด้านหลังจะรวดเร็วมาก ครานั้นก็ยังไม่อาจเข้าใกล้ได้มากนัก
ชั่วพริบตาก็ไล่ตามกันไปเป็นระยะทางสองสามพันลี้
ครั้นเมื่อหานลี่รู้สึกว่าห่างกันพอสมควรแล้ว ก็เก็บวิหคเงาลวงตาสีเขียวไป แล้วหยุดลำแสงหลีกหนีของสตรีแซ่เสี้ยว
ชั่วครู่ทั้งสองคนก็ลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ จ้องเขม็งไปยังขอบฟ้าที่ไกลออกไปตาไม่กะพริบ
ไกลออกไปมีลำแสงสีเพลิงพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ท่ามกลางเสียงร้องคำราม โลหิตขนาดสองสามจั้งสองกลุ่มเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้น พุ่งเข้าไปหาทั้งสองคนราวกับสายฟ้า
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น สองมือพลันถูเข้าหากันอย่างไม่ต้องคิด ชูมือขึ้นอีกครั้ง หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นสองครั้ง ประจุไฟฟ้าสีทองหนาเท่าปากชามสองสายพลันพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบพลางโจมตีไปยังเมฆสีโลหิตสองกลุ่ม
เมฆสีโลหิตสองกลุ่มดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ไร้รูปร่าง มันคล่องแคล่วว่องไวเป็นอย่างยิ่ง แค่พลิ้วไหวก็แวบผ่านประจุไฟฟ้ามา และยังคงพุ่งเข้ามาทางหานลี่ต่ออย่างไม่หยุดยั้งเลยสักนิด!
หานลี่มีสีหน้าเคร่งขรึม สองมือร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ประจุไฟฟ้าสีทองสองสายพลิ้วไหว หักเลี้ยวและพุ่งกลับไปหาราวกับอสรพิษ โจมตีไปยังเมฆโลหิตอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
หลังจากเสียง “ตูม” ดังขึ้นสองครั้ง ฉากที่ทำให้จิตใจของหานลี่หนักอึ้งปรากฏขึ้น
ประจุไฟฟ้าสีทองหนาขนาดนั้นโจมตีไปยังเมฆโลหิต กลับจมหายเข้าไปข้างในราวโคลนที่จมลงสู่มหาสมุทร ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิด
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี หลังจากที่เมฆโลหิตสองกลุ่มพลิ้วไหว ก็เปล่งแสงสว่างวาบมาอยู่เบื้องหน้าห่างจากทั้งสองไปสิบจั้งเศษ แม้กระทั่งกลิ่นคาวคละคลุ้งที่โชยออกมาจากเมฆโลหิตก็ยังได้กลิ่นอย่างชัดเจน
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ หานลี่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ กลับเป็นสตรีแซ่เสี้ยวที่อยู่ด้านข้าง ที่แววตาเปล่งประกายเย็นเยียบ ร่ายอาคมกระตุ้นในใจ
เบื้องหน้าของสตรีผู้นี้และหานลี่มีลำแสงสว่างจ้า หัวมังกรวารีขนาดสองสามจั้งสองหัวพุ่งออกมาจากลำแสง คอยืดยาวออกไป ปากกัดโลหิตสองกลุ่มไปครึ่งหนึ่ง
เมฆโลหิตที่เหลือเองก็สลายตัวออกจากกัน
เมื่อเห็นฉากนี้สตรีแซ่เสี้ยวพลันดีใจ ครั้นเมื่อหมายจะหันหน้าไปเอ่ยอะไรกับหานลี่นั้น
รูม่านตาของหานลี่กลับหดเล็กลง ลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบพลางเอ่ยอย่างเย็นชาว่า
“ระวัง เจ้าสองสิ่งนั้นรวดเร็วมาก อย่าถูกพวกมันตบตาเข้า”
“อะไรนะ?” สตรีแซ่เสี้ยวได้ยินแล้วพลันตะลึงงัน ไล่สายตาไปตามหานลี่อย่างรีบร้อน ถึงได้พบว่าห่างจากพวกเขาไปยี่สิบสามสิบจั้ง ตัวประหลาดสีแดงโลหิตสองตัวที่ดูคล้ายหมาป่าและวานรปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ชั่วพริบตาที่เมฆโลหิตถูกทำลาย ตัวประหลาดสองตัวก็อาศัยความเร็วที่น่ากลัวของมัน เปล่งแสงสว่างวาบหนีออกมาจากเมฆโลหิต
เป็นเพราะความเร็วของมันรวดเร็วมาก และยิ่งไปกว่านั้นยังเงียบงัน สตรีแซ่เสี้ยวจึงดูไม่ออกในทันที แต่กลับถูกหานลี่ใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างมองออกได้ในปราดเดียว
ตัวประหลาดทั้งสองยืนอยู่นิ่งอยู่สูงออกไปจากทั้งสองฝั่ง หัววานรตัวหมาป่าปีกค้างคาว กายสีแดงสด ปากมีเขี้ยวงอกออกมาเต็มไปหมด บางครั้งก็มีลิ้นของอสรพิษแลบออกมา ดวงตาปีศาจสีแดงคู่หนึ่งกลับฉายแววโหดเ**้ยมและเจ้าเล่ห์เพทุบายออกมา มองปราดเดียวก็รู้ว่าคือตัวประหลาดที่มีสติปัญญาสูงส่ง
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าทาส!
แม้นว่าสตรีแซ่เสี้ยวจะเคยได้ยินมาบ้าง แต่ครานี้หลังจากที่ได้เห็นของจริงแล้ว ก็ยังขนลุกซู่
“อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของเขาไม่มีผลต่อพวกมัน ดูแล้วหากพวกมันไม่ได้ถูกหลอมขึ้นด้วยของชั่วร้ายอะไรสักอย่าง เดาว่าเคล็ดวิชาอาทิตย์เที่ยงแท้ขจัดอาถรรพ์คงไม่มีผลกับพวกมันมากนัก มีเพียงต้องเผชิญหน้าแล้ว” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ ฉับพลันนั้นก็ใช้มือหนึ่งลูบไปที่ท้ายทอย
ลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นม่านลำแสงสีเทาชั้นหนึ่งปกป้องเรือนร่างของเขาเอาไว้ ในเวลาเดียวกันภูเขาสีดำลูกหนึ่งก็หมุนคว้างกะพริบวาบเลือนๆ อยู่ในนั้น นับว่ามหัศจรรย์มาก
หลังจากที่สตรีแซ่เสี้ยวมีสีหน้าเคร่งขรึม ปากก็บริกรรมคาถา ชั่วขณะนั้นเบื้องหน้าพลันบิดเกลียวหมุนวนอีกครั้ง หัวมังกรวารีอีกสามหัวและมังกรวารีมีหนวดห้าหัวปรากฏขึ้นตามลำดับ ร่างกายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสองสามเท่า
ราวกับจิตวิญญาณ หัวห้าหัวสะบัดไปทางทาสทั้งสอง เปล่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ท่าทีคุกคาม
ในตอนนั้นเองทาสทั้งสองกลับชิงลงมือก่อน
ปีกค้างคาวสีแดงสดที่แผ่นหลังพลันสะบัด ร่างทั้งร่างพลิ้วไหวกลายเป็นเส้นไหมสีโลหิตสายหนึ่งออกไป เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างทาสปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของพวกของหานลี่ แล้วกระโจนลงมาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
หัวขนาดยักษ์ทั้งห้าของมังกรวารีมีหนวดห้าหัว พุ่งเข้ามาหมายจะกลืนกินอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
ร่างของทาสพลิ้วไหว ร่างกายหายวับไปราวกับของเหลว
หัวมังกรวารีทั้งห้าต่างกัดไปกลางอากาศพร้อมกัน
มันไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จุดต่างๆ ตามร่างกายก็มีเส้นไหมโลหิตบางๆ ปรากฏขึ้น และเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไป จากนั้นหัวทั้งห้าและร่างกายที่ใหญ่โตของมังกรวารีก็กลายเป็นชิ้นๆ อย่างไม่มีค้างลางมาก่อน และทยอยกันสลายหายไป
จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของมังกรวารีมีหนวดห้าสีนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกทาสโจมตีจนสลายหายไป
ลำแสงสีโลหิตสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ กลางอากาศมีเส้นไหมโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น และพุ่งตรงเข้ามาห่อหุ้มร่างขอสตรีแซ่เสี้ยวเอาไว้
หานลี่แค่นเสียงอย่างเย็นชา เบื้องหน้ามีลำแสงสีเทาแผ่ออก ชั่วพริบตาก็ห่อหุ้มร่างของสตรีเอาไว้ ภูเขาสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ เคลื่อนย้ายมาอยู่เหนือศีรษะของสตรีผู้นี้
เส้นไหมสีโลหิตแผ่ขยายออกไป แหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียงพรึ่บๆ ตัดไปบนลำแสงสีเทา และสับออกอย่างไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเส้นไหมสีโลหิตก็สับภูเขาสีดำออก
แทบจะในเวลาเดียวกันจุดที่หานลี่อยู่ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาโลหิตจางๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้น
กรงเล็บแหลมสองกรงยื่นออกมา และตะปบออกไปอย่างเงียบเชียบ ไม่มีลมพายุเลยสักนิด
ท่ามกลางเงาโลหิต ดวงตาเจ้าเล่ห์คู่หนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบ
คาดไม่ถึงว่าทาสอีกตนจะซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ กับหานลี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถือโอกาสที่ถูกทาสอีกตนหนึ่งดึงความสนใจ ทำการลอบโจมตี
จากจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของหานลี่ ตอนแรกกลับสัมผัสไม่ได้เลยสักนิด แต่เมื่อกรงเล็บที่แหลมคมมาปะทะกับลำแสงสีเทาที่ห่อหุ้มร่างอยู่ เขาจะหลบหลีกก็สายไปเสียแล้ว
กรงเล็บที่แหลมคมคู่นั้นพลิ้วไหวเบาๆ กรงเล็บลำแสงปรากฏขึ้น ชั่วขณะนั้นก็สับลำแสงสีเทาออก จับแผ่นหลังของหานลี่เอาไว้อย่างรวดเร็วราวสายฟ้า
ครานี้ในที่สุดหานลี่ก็สัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่เบื้องหลัง ฉับพลันนั้นพลันร้องตะโกนออกมา บนร่างมีชุดคลุมสีทองเงินปรากฏขึ้น
เสียงฟ้าคำรามดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองเงินอันหนาแน่นปรากฏขึ้นบนชุด
กรงเล็บที่แหลมคมทั้งสองตะปบลงไป
เสียงตูมพลันดังสนั่นขึ้น!
ท่ามกลางประจุไฟฟ้าสีทองเงินสองสีที่ดีดออกมา แขนสีแดงสดพลันมีควันสีเขียวทะลักออกมา แต่กรงเล็บทั้งสองก็ดูเหมือนใบมีดที่แหลมคมอย่างไรอย่างนั้น นิ้วทั้งห้าเคลื่อนไหวทะลวงผ่านสายฟ้าไป ตะปบแผ่นหลังของหานลี่เอาไว้แน่น
แต่ในตอนนั้นเองฉับพลันนั้นแผ่นหลังของหานลี่พลันมีแขนสีทองจางๆ สี่แขนปรากฏขึ้น โจมตีไปยังกรงเล็บทั้งสอง ไม่รู้เพราะเหตุใด คาดไม่ถึงว่าจะมาถึงก่อน ต้านทานกรงเล็บที่แหลมคมคู่หนึ่งเอาไว้ และเปล่งเสียงร้องประหลาดๆ ราวกับโลหิตเสียดสีกันดังขึ้น
กรงเล็บเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ แขนสีทองทั้งสี่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่แค่ชั่วระยะเวลาที่ล่าช้าไป หานลี่พลันบิดกาย กลายเป็นเส้นไหมสีขาวสายหนึ่งพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบห่างออกไปยี่สิบจั้งเศษ เขามาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จ้องเขม็งไปยังทาสที่ลอบโจมตีตนเองตนนั้น สีหน้าเคร่งขรึมมาก
ทาสตนนั้นโจมตีไม่สำเร็จ ดูเหมือนว่าจะรู้สึกประหลาดใจไปเล็กน้อย ยืนกลอกตาไปมาอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่งสตรีแซ่เสี้ยวอาศัยภูเขาเทวะดูดปราณของหานลี่ต้านทานเส้นไหมโลหิตที่หนาแน่นเอาไว้ได้ และเคลื่อนย้ายออกมายี่สิบสามสิบจั้งเศษเช่นกัน
เส้นไหมโลหิตเหล่านี้ผนึกรวมตัวกันที่ตรงกลาง กลายเป็นหัววานรร่างหมาป่าดังเดิมอีกครั้ง แววตาฉายแววโหดเ**้ยมขณะจ้องมายังสตรีแซ่เสี้ยวเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าทาสสองตนนี้แบ่งเป้าหมายกันแล้ว จึงแยกกันจับจ้องหานลี่และสตรีผู้นี้
“ทำตามแผนเถิด” ฉับพลันนั้นหานลี่พลันเอ่ยกับสตรีผู้นั้นหนึ่งประโยค
“ตกลง!” สตรีแซ่เสี้ยวพยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ ในมือมีจานอาคมชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น อีกมือหนึ่งมีลำแสงสีขาวสว่างวาบ ตบไปทางจานอาคมอย่างรุนแรง
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ฉับพลันนั้นในระยะร้อยจั้งเศษโดยมีทาสทั้งสองตนเป็นศูนย์กลางพลันมีธงเล็กๆ หลากสีสันสามสิบหกด้ามปรากฏขึ้น
เมื่อธงเหล่านี้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ก็มีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่เมื่อสตรีแซ่เสี้ยวร่ายอาคมกระตุ้น ชั่วขณะนั้นพลันขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ชั่วพริบตาก็มีขนาดสิบกว่าจั้ง ธงทุกด้ามมีอักขระลอยวนอยู่ ท่าทางดุดันน่าเกรงขาม
และแทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่เองพลันร่ายอาคม ในธงมีเส้นไหมสีทองเปล่งแสงระยิบระยับเป็นสายๆ ปรากฏขึ้น กะพริบเรืองๆ ล้อมทาสทั้งสองเอาไว้ตรงกลางอย่างไม่เกรงใจ