“พี่หานเองก็รู้จักวัตถุดิบของกล่องหยกใบนี้ คือกล่องร้อนหมื่นปีที่มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหยกทมิฬจริงๆ และมีเพียงต้องนำวัตถุดิบที่หายากเช่นนี้มาหลอมยุทธภัณฑ์ ถึงจะเก็บไอวิญญาณของขนหงส์ไม่ให้แพร่งพรายออกไปได้” เยี่ยอิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ อย่างมั่นใจอยู่หลายส่วน
เกรงว่ามีเพียงตระกูลวิญญาณเที่ยงแท้อย่างตระกูลเยี่ยอย่างพวกเขา ที่จะยอมเอาวัตถุดิบล้ำค่ามาทำเป็นยุทธภัณฑ์ธรรมดาๆ ชิ้นหนึ่งกระมัง
และในครานั้นหานลี่ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา สีหน้าราบเรียบ
เยี่ยฉู่เปิดฝากล่องออกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ด้านในมีขนนกยาวๆ ห้าสีอยู่สามเส้น ทุกเส้นล้วนมีความยาวสามฉื่อ เปล่งแสงระยิบระยับ
สตรีผู้นี้ใช้นิ้วชี้ไปที่ขนเส้นหนึ่ง
ชั่วขณะนั้นเจ้าสิ่งนั้นพลันขึ้นจากกล่องหยก ลอยพลิ้วไปหาหานลี่
หานลี่เผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศทางขนเส้นนั้น เจ้าสิ่งนั้นถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ
จากนั้นเขาก็ใช้นิ้วมือลูบไล้ไป แล้วพิจารณาอย่างละเอียด
ขนยาวเปล่งประกายระยิบระยับ มีอักขระห้ากะพริบวาบอยู่รางๆ ไอวิญญาณทั้งหมดที่แฝงอยู่ล้วนน่าตกตะลึง
“ไม่เลว คงจะเป็นขนของหงส์สวรรค์จริงๆ” หานลี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ของวิญญาณฟ้าดินเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้อยากลอกเลียนแบบก็คงทำไม่ได้
จากนี้เขาพลันพลิกฝ่ามือ เผยกล่องหยกสีขาวราวกับหิมะออกมา แผ่ไอวิญญาณที่น่าตกตะลึงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกล่องหยกที่หลอมขึ้นจากหยกทมิฬหมื่นปี
หญิงสาวที่อยู่ตรงข้ามเห็นกล่องหยกใบนี้แล้วพลันตะลึง อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งมิได้
หานลี่กลับเก็บขนของหงส์สวรรค์เส้นนั้นลงไปในกล่อง ลำแสงสีขาวเปล่งประกายสว่างวาบ กล่องหยกหายวับไป
“ในเมื่อเก็บขนหงส์ไปแล้ว โลหิตมังกรเที่ยงแท้ก็ต้องเป็นของสหายทั้งสอง” หานลี่กวาดสายตาไปที่หญิงสาวทั้งสองซึ่งอยู่ตรงข้ามแวบหนึ่ง มือหนึ่งร่ายไปทางเตาสีเขียว
หลังจากที่มีเสียง “ฟู่” ดังขึ้น เตาก็พ่นเส้นไหมสีเขียวออกมา สลัดโลหิตมังกรออกมา
ร่างของมังกรโลหิตตัวนี้เปล่งแสงระยิบระยับ คาดไม่ถึงว่าจะดิ้นรนอยู่กลางอากาศ ท่าทางคิดจะหนี
แต่หญิงสาวชุดขาวที่อยู่ตรงข้ามซึ่งถือน้ำเต้าสีม่วงทองด้วยความยินดีเอาไว้นานแล้ว ชั่วขณะนั้นเสียงหึ่งๆ พลันดังขึ้น ลำแสงสีฟ้าผืนหนึ่งถูกพ่นออกมาจากปากน้ำเต้า
ลำแสงสีฟ้าเปล่งประกาย ห่อหุ้มมังกรโลหิตเอาไว้ และดึงมาอยู่เบื้องหน้าของหญิงสาวห่างออกไปเพียงไม่กี่ฉื่อ
ชั่วขณะนั้นดวงตาทั้งสี่ของหญิงสาวทั้งสองพลันจ้องเขม็งไปยังมังกรโลหิตด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ ชั่วพริบตาจิตสัมผัสก็ทะลุผ่านร่างของมังกรโลหิตไปรอบแล้วรอบเล่า
“โลหิตมังกรเที่ยงแท้จริงๆ!” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เยี่ยฉู่ก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ในที่สุดก็พยักหน้า
หญิงสาวเผยเลยรอยจางๆ ออกมา
สองมือของหญิงสาวผู้นี้พลันร่ายอาคม ลำแสงสีฟ้าม้วนกลับมา ทำให้มังกรโลหิตหดตัวลงสองสามเท่า เก็บเข้าไปในน้ำเต้าสีม่วงทอง
“พี่หาน ช่างซื่อสัตย์จริงๆ เรื่องนี้หลังจากกลับไปยังเมืองเทวะสวรรค์ สนใจไปเป็นแขกของตระกูลเยี่ยหรือไม่ พี่หานมีความสามารถไม่ธรรมดาเช่นนี้พวกเราต้องปฏิบัติเป็นอย่างดีอยู่แล้ว” หญิงสาวชุดขาวเก็บน้ำเต้าเข้าไป แล้วส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้หานลี่ พลางเอ่ยชักจูงออกมา
“เมืองเทวะสวรรค์? ช่วงนี้ผู้แซ่หานยังไม่คิดจะกลับไป อยากอยู่ในแดนป่าเถื่อนสักระยะหนึ่ง คงยังไม่กลับไปในช่วงเวลาสั้นๆ นี้” หานลี่กลับเอ่ยอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
คำพูดนี้ของหานลี่ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสองตกใจ หญิงสาวเผยสีหน้าเสียดายออกมาแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก
“เช่นนั้นก็ช่างเถิด ทว่าหากพี่หานเปลี่ยนใจ ก็ไปที่ตระกูลเยี่ยได้ตลอดเวลา น้องหญิงยินดีต้อนรับ เอาล่ะ พวกเราออกเดินทางกันเถิด จะได้ไม่ถูกคนของเผ่าพฤกษาไล่ตามมาอีก สหายของเผ่าหงส์ทมิฬนั้นพี่หานคงจะปวดหัวกับการจัดการกับนาง มอบให้น้องหญิงเถิด” สายตาของเยี่ยอิ่งกวาดไปยังยอดเขาสีดำที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยพร้อมกับหัวเราะคิกคักออกมา
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนสหายทั้งสองแล้ว ข้าน้อยไม่รู้จะจัดการกับสตรีผู้นี้อย่างไรจริงๆ” หานลี่ไม่ใส่ใจกับคำพูดแรกของหญิงสาวทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินประโยคหลังกลับตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
หานลี่ชูมือขึ้นกวักไปทางด้านล่าง ชั่วขณะนั้นภูเขาสีดำพลันเปล่งแสงสีเทาเจิดจ้าแล้วหดเล็กลง กะพริบวาบสองสามครั้งก็มีขนาดประมาณสองสามจั้ง
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ภูเขาสีดำก็สลายหายไป
ด้านล่างพลันเผยร่างของเสี่ยวหงที่นอนอยู่ก้นหลุมไม่ขยับเขยื้อน
เยี่ยฉู่ที่เตรียมการเอาไว้ด้านข้างตั้งนานแล้ว ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาน้อยหายไป มือหนึ่งก็ร่ายนิ้วทั้งห้าไปทางด้านล่าง
ลำแสงสีเขียวมรกตห้าสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งลงไป ชั่วพริบตาก็มาอยู่เหนือหงส์ทมิฬ
จากนั้นลำแสงสีเขียวมรกตเหล่านี้ก็ทยอยกันระเบิดออกดัง “ตูมๆ” กลายเป็นตาข่ายเส้นไหมสีเขียวห่อหุ้มลงมา ห่อหุ้มหงส์ทมิฬเอาไว้ข้างใน
ทันใดนั้นหญิงสาวผู้นี้ก็ใช้มือหนึ่งรายอาคม ปากพลันบริกรรมคาถา
ตาข่ายเส้นไหมสีเขียวเปล่งประกายแล้วหดเล็กลง สิ่งที่น่าเหลือเชื่อก็คือ หงส์ทมิฬหดลงเล็กตามขนาดของตาข่ายเส้นไหม ชั่วพริบตาก็มีขนาดจิ๋วแค่ครึ่งฉื่อ
เยี่ยฉู่หยุดร่ายคาถา มือหนึ่งตะปบออกไป ตาข่ายเส้นไหมสีเขียวสั่นคลอนกลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากที่กลุ่มลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบสองสามครั้ง ก็จมหายเข้าไปในแขนเสื้อของหญิงสาวผู้นี้แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
“จากนี้ผู้แซ่หานมีธุระอื่น คงไม่ได้ร่วมทางกับสหายทั้งสองแล้ว” หลังจากที่หานลี่ฉีกยิ้มแห้งๆ ออกมา ก็ประสานมือคารวะ เอ่ยสิ่งที่ทำให้หญิงสาวทั้งสองตะลึงงันออกมา
“ตอนนี้ยังไม่ข้ามผ่านเส้นทางสวรรค์ไป ยังคงอยู่ในอาณาเขตของเผ่าพฤกษา สหายร่วมทางไปกับพวกเราจะดีกว่า” หญิงสาวชุดขาวเอ่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ไม่ล่ะ! ผู้แซ่หานมีธุระจริงๆ ไม่สะดวกที่จะร่วมทางกับสหายทั้งสองต่อ คงต้องขอตัวลาก่อน” หานลี่สั่นศีรษะอย่างแน่วแน่ หลังจากคารวะหญิงสาวทั้งสองแล้ว ก็เก็บสมบัติและอสูรวิญญาณครวญ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศจากไป
ชั่วพริบตาลำแสงหลีกหนีของหานลี่ก็ปรากฏตัวที่ขอบฟ้า แต่ทันใดนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นหานลี่จากไปแล้วจริงๆ หญิงสาวชุดขาวและเยี่ยฉู่ก็มองสบตากันเล็กน้อย
“เขาชาญฉลาดมาก คาดไม่ถึงว่าจะจากไปในทันที? หรือว่าเดาออกว่าด้านนอกมีคนรอต้อนรับพวกเราอยู่” หญิงสาวขมวดคิ้วดำขลับ เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มออกมา
“อาจจะกระมัง ต่อให้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าคนผู้นี้ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ไม่ยอมเผยโอกาสออกมาเลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นหากมีคนของตระกูลที่ส่งมารับ พวกเราก็น่าจะจัดการอีกฝ่ายได้” เยี่ยฉู่แววตาเปล่งประกายขณะเอ่ย
“พี่หญิงฉู่เมื่อครู่ท่านใช้ภาษาหุ่นถ่ายทอดเสียงมาหาข้า ไม่ให้ข้าลงมือ ท่านฝึกฝนพิณจนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นปลายแล้วประกอบกับข้า หรือว่ายังจัดการคนผู้นั้นไม่ได้หรือ? เช่นนั้นก็อาจจะไม่ต้องนำขนของหงส์สวรรค์มาแลก” ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อครู่จะทำให้หญิงสาวชุดขาวรู้สึกคับแค้นใจเล็กๆ
“หากโจมตีคนผู้นั้นให้พ่ายแพ้ข้าก็มั่นใจอยู่เจ็ดส่วน แต่หากสังหารหรือว่าจับเป็น ข้ากลับไม่มีความมั่นใจแม้เพียงครึ่ง นายหญิงน้อยเคยเห็นความสามารถของเขาแล้วสินะ ไม่เพียงจะจับเป็นสตรีปีศาจของเผ่าหงส์ดำได้ในเพียงการประมือกันไม่กี่ครั้ง เขตอาคมกระบี่ที่วางตอนท้ายสุดก็สามารถทลายสมบัติระดับสมบัติสะท้านฟ้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นอสูรวิญญาณตัวนั้นของเขายังชั่วร้ายมาก ไม่เป็นค่าราชันย์ภูตระดับหลอมสุญตาเลยสักนิด ต่อให้ข้าลงมือ ก็ไม่อาจจัดการราชันย์ภูตไร้หน้าได้อย่างคล่องแคล่วขนาดนั้น ดูจากสถานการณ์การต่อสู้เมื่อครู่ เป็นการต่อสู้ที่เยือกเย็นและสบายๆ เป็นอย่างมาก จะต้องมีเครื่องมือสังหารอื่นแน่ และยิ่งไปกว่านั้นโลหิตเที่ยงแท้อยู่ในมือของอีกฝ่าย หากสังหารคนผู้นี้ พวกเราก็จะเสียเปรียบยิ่งกว่า ต่อให้ขนของหงส์สวรรค์หายากมากกว่านี้ ก็ยังมีโอกาสหาได้ แต่โลหิตของมังกรเที่ยงแท้ คนทั้งเผ่าคงเดาว่าคงมีแต่ตระกูลหล่งที่มีได้ และไม่รู้ว่ากี่ชั่วอายุคน ถึงจะมีคนอย่างหล่งตงที่เป็นศิษย์สายตรงซึ่งได้รับการถ่ายทอดโลหิตที่บริสุทธิ์เช่นนี้มา” เยี่ยฉู่เอ่ยอธิบาย
“เรื่องพวกนี้ข้าเองก็รู้ ความสามารถของคนผู้นี้และสมบัติของเขานั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ในเมื่อพี่หญิงฉู่ไม่มั่นใจว่าจะลงมือสำเร็จได้ พวกเราก็ถือว่าทำถูกแล้ว หากท่านประมุขรู้ว่าพวกเราได้โลหิตมังกรเที่ยงแท้มา ก็คงไม่ถือโทษเรื่องนี้ โลหิตมังกรเที่ยงแท้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่คู่ควรให้พวกเราไปเสี่ยงอันตรายอีก โชคดีที่คนผู้นั้นรู้จักวางตัว ไม่ได้บีบให้พวกเราลงมือ เอาล่ะพวกเราไปกันเถิด การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ค่อนข้างอึกทึก อย่าดึงดูดคนของเผ่าพฤกษามาอีกเลย” หญิงสาวชุดขาวเงียบขรึมไปเล็กน้อย แล้วถึงได้เอ่ยอย่างจนปัญญาออกมา
เยี่ยฉู่พยักหน้า สะบัดแขนเสื้อ ปล่อยวิหคไม้ขนาดยักษ์ตัวนั้นออกมาอีกครั้ง
หญิงสาวกลายเป็นลำแสงหลีกหนีสองสายขึ้นไปบนร่างขอวิหค มันกลายเป็นลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกไปราวกับดาวตก
แทบจะในเวลาเดียวกัน หานลี่กลับอยู่กลางอากาศห่างออกไปเป็นหมื่นลี้แล้ว
เขาขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีไปพลาง มุมปากเผยรอยยิ้มประหลาดๆ ไปพลาง แววตาตื่นเต้นดีใจ
ฉับพลันนั้นเขาที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีพลันอ้าปากออก พ่นเตานภาสูญออกมาอีกครั้ง
มือหนึ่งถือเตาใบนั้นเอาไว้ เปิดฝาเตาออกเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นในเตาพลันมีรอยแยกเล็กๆ เผยออกมา
แววตาของเขาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ เงาสีทองสองดวงบินออกมาจากรอยแยก หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็แยกออกร่อนลงบนฝ่าเตา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแมลงกลืนทองขนาดเท่าหัวแม่มือสองตัว
หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา อ้าปากออกอีกครั้ง พ่นไอวิญญาณที่บริสุทธิ์สองกลุ่มออกมาจากปาก ห่อหุ้มแมลงกลืนทองสองตัวเอาไว้
แมลงกลืนทองสองตัวเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ชั่วครู่ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดครึ่งฉื่อ เปลี่ยนเป็นโหดเ**้ยมเป็นอย่างมาก
เสียงบริกรรมคาถาต่ำๆ ดังออกมาจากปากของหานลี่ แมลงยักษ์สองตัวอ้าปากออกพร้อมกัน ลำแสงสีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบ พ่นของเหลวสีแดงสดขนาดเท่าหัวแม่มือออกมากลางอากาศ
หานลี่แววตาเปล่งประกาย อีกมือหนึ่งตะปบออกไป คว้าเจ้าสิ่งที่พ่นออกมาอยู่ในมือ
เมื่อเขากางนิ้วทั้งห้าออกอีกครั้ง ฝ่ามือพลันมีมังกรโลหิตและหงส์โลหิตขนาดจิ๋วปรากฏขึ้น
คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะเก็บโลหิตของมังกรเที่ยงแท้และหงส์สวรรค์เอาไว้โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ถึงแม้ว่าเยี่ยอิ่งและพวกจะระวังตัวมาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าหานลี่จะมีแมลงกลืนทองโตเต็มวัยที่กลืนกินทุกอย่างอยู่ มิเช่นนั้นคงไม่อาจปล่อยให้หานลี่ขโมยโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ทั้งสองชนิดไปได้ง่ายๆ
ถึงอย่างไรเสียหากโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ไม่ได้ใช้กับเคล็ดวิชาลับหรือสมบัติอะไร ก็ไม่อาจแยกออกจากกันได้ง่ายๆ
หานลี่เหลือบไปมองมังกรโลหิตและหงส์โลหิตที่กำลังดิ้นรนอยู่ในมือ นิ้วทั้งห้าเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ รัดทั้งสองเอาไว้แน่นแล้วเผยสีหน้าขบคิดออกมา
จะใช้โลหิตวิญญาณทั้งสองชนิดนี้อย่างไร หานลี่ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่จะต้องได้ใช้แน่ โลหิตวิญญาณเที่ยงแท้นี้ล้ำค่าขนาดไหน เกรงว่ามูลค่าคงไม่ด้อยไปกว่าสมุนไพรและยาลูกกลอนเซียนในตำนานเป็นแน่
น่าเสียดายที่เขารู้เรื่องตระกูลวิญญาณเที่ยงแท้และโลหิตวิญญาณเที่ยงแท้ไม่มากนัก ครานี้จึงไม่อาจตัดสินอะไรได้ จึงทำได้เพียงเก็บไว้ศึกษาทีหลัง แล้วค่อยใช้โลหิตวิญญาณเหล่านี้
ฉับพลันนั้นหานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสี มือหนึ่งพลิกฝ่ามือ หยิบกล่องไม้สีเงินเป็นประกายออกมา เก็บมังกรโลหิตและหงส์โลหิตเข้าไป สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง แปะยันต์สองสามแผ่นลงไปบนฝากล่อง
ลำแสงสีเงินเปล่งประกายกล่องไม้หายวับไป
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ หานลี่ถึงได้หันหน้ากลับไปมองด้านหลังจุดที่ไกลออกไป สองตาหรี่ลงตามความรู้สึก