วางเขตอาคมกระบี่เสร็จภายในชั่วครู่ หานลี่ร่ายอาคมกระตุ้น ชั่วขณะนั้นพลังแรงกดที่น่าตกตะลึงจากทุกสี่ทิศพลันพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทันใดนั้นจากกระบี่ยักษ์สีโลหิตเป็นเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยกว่าจั้ง พลันมีเส้นไหมสีทองเปล่งประกายปรากฏขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน กะพริบระยิบระยับ แล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้จุดศูนย์กลาง
คู่ผู้บำเพ็ญเพียรของตระกูลหล่งเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ประวัติความเป็นมาของเขตอาคมมหากระบี่ทองคำ แต่ก็ใจหายวาบ
หลังจากที่ทั้งสองคนมองหน้ากับแวบหนึ่งแล้ว ฉับพลันนั้นผู้บำเพ็ญเพียรที่กระตุ้นคัมภีร์โลหิตอยู่ในมือก็ร่ายอาคม คัมภีร์โลหิตที่อยู่กลางอากาศพลิกหน้ากระดาษไปสองสามหน้า เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้นเงามารสีแดงสดสิบสายพุ่งออกมา กระโจนไปหาหานลี่
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่าหานลี่จะทลายกระบี่ยักษ์สีโลหิตได้จริงๆ แต่ก็ไม่อยากให้หานลี่โจมตีกระบี่โลหิตได้โดยไม่มีอะไรขัดขวาง
เงามารสีแดงสดเหล่านั้นล้วนรางเลือน ร่างกายเปล่งแสงสีแดงกะพริบวาบ ทยอยกันปรากฏตัวใกล้ๆ กับหานลี่ แต่หานลี่ที่เตรียมการเอาไว้นานแล้วแค่แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมา สองมือถูเข้าด้วยกัน แล้วชูขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประจุไฟฟ้าสีทองสิบกว่าสายก็พุ่งออกมาโดยไม่คาดคิด เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปบนร่างของเงาสีแดงเหล่านั้น
ลำแสงสีทองสว่างวาบเงามารกว่าครึ่งถูกทำลายไปท่ามกลางเสียงกรีดร้อง เหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้น และทยอยกันกรีดร้องขณะถอยร่นไป
จะว่าไปแล้วในเมื่อเงามารเหล่านี้คือมารที่มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาควบคุมอยู่ เมื่อต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ นั้นล้วนมีอานุภาพไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ดาบ ไฟน้ำต่างก็ไม่หวาดกลัว นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาๆ ต่อกรได้ยาก แต่กลับเป็นเพราะไอมารที่หนาแน่น ปะทะกับอสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของหานลี่จึงทำให้ถูกกดเอาไว้
แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะวรยุทธ์ของหานลี่เพิ่มขึ้น เมื่อสำแดงอสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายออกไป จึงร้ายกาจกว่าตอนที่อยู่ในแดนมนุษย์หลายเท่า มิเช่นนั้นจากความสามารถของเงามาร จะไม่อาจรับการโจมตีจากอสนีเทวาของหานลี่ที่อยู่ในระดับก่อกำเนิดได้อย่างไร
เมื่อหานลี่เผยความสามารถออกมา ก็ทำให้คนที่เหลืออีกสี่คนซึ่งกำลังอยู่ในการต่อสู้ตะลึงงัน
แต่ครั้งนี้หานลี่ไม่รอให้ผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหล่งได้สำแดงอะไรออกมาอีก อสูรวิญญาณครวญที่อยู่ข้างกายแค่นเสียงหึขึ้นจมูก ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมาอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าจะตอบโต้ภูตอัปลักษณ์ผมแดงเจ็ดตัวที่กำลังต่อสู้กับสตรีชุดขาวอยู่
ถึงแม้ว่าภูตอัปลักษณ์ทั้งเจ็ดจะมีความสามารถไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจเทียบกับราชันย์ภูตไร้หน้าได้ หลังจากถูกลำแสงสีเขียวม้วนเข้าไป ทันใดนั้นสามตัวก็กลายเป็นหมอกสีแดงถูกม้วนกลับเข้ามาในท้องของอสูรวิญญาณครวญทันที อีกสี่ตัวที่เหลือกลับเห็นท่าไม่ดี จึงเคลื่อนย้ายกายหนีไปร้อยกว่าจั้งในพริบตา ในที่สุดก็นับว่าหนีออกจากหายนะได้ครั้งหนึ่ง
เช่นนี้หญิงสาวชุดขาวจึงรอดออกมาได้
หญิงสาวผู้นั้นพลันรู้สึกดีใจ สายตามองไปทางกระบี่ยักษ์สีโลหิตที่ถูกเส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนตรึงเอาไว้และคู่บำเพ็ญเพียรด้านนั้นแวบหนึ่ง ทันใดนั้นก็กระตุ้นสมบัติมหัศจรรย์ห้าชนิดที่โคจรอยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ลังเล เข้าร่วมการต่อสู้กับเยี่ยฉู่
ถึงแม้ว่าเดิมที่ผู้บำเพ็ญเพียรจากตระกูลหล่งสองคนร่วมมือกันจะพอกักเยี่ยฉู่เอาไว้ได้ แต่ตอนนี้หญิงสาวชุดขาวใช้สมบัติทั้งห้าเข้าช่วยเหลือ ลำแสงห้าชนิดเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาก็ผสมเข้ากับลำแสงวิญญาณสีเขียวที่เยี่ยฉู่ปล่อยออกมา ชั่วครู่หมอกสีม่วงก็ปกคลุมไปทั่ว
ครานั้นทั้งสองคนจึงไม่สนใจหานลี่อีก ต่างปล่อยกลองสีแดงและไม้เหล็กสีฟ้าออกมา
เห็นเพียงเสียงตึงตังดังขึ้น กลายเป็นผึ้งผีสีแดงสดฝูงหนึ่งท่ามกลางหมอกพิษ ท่ามกลางเสียงหึ่งๆ ก็กรูเข้าไป ไม้เหล็กสีฟ้าชิ้นนั้นหมุนโคจรอยู่กลางอากาศ ฉับพลันนั้นก็วาดไปกลางอากาศในบริเวณใกล้ๆ ชั่วครู่ก็มีมารแปดกรงเล็บที่เหมือนปลาหมึกยักษ์ตัวหนึ่งกระโดดออกมา หนวดขนาดยักษ์ทั้งแปดฟาดไปทางพวกของเยี่ยฉู่อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
เช่นนั้นสองผู้บำเพ็ญเพียรจากตระกูลหล่งถึงได้พอรักษาสถานการณ์ให้มั่นคงได้
อสูรวิญญาณครวญที่อยู่อีกด้านกระตุ้นลำแสงเทวะวิญญาณ สังหารภูตอัปลักษณ์ทั้งสี่ทิ้ง ทั้งสองฝั่งไล่ตามกันอยู่กลางอากาศ แต่ก็ไม่อาจลงมือได้ทันที
หานลี่เห็นเช่นนั้น ถึงได้กระตุ้นเขตอาคมหมากระบี่ทองคำต่ออย่างวางใจ
ไม่มีการรบกวนของผู้บำเพ็ญเพียรตระกูลหล่ง เขาก็ไม่เชื่อว่าพลังของเขตอาคมกระบี่จะทำอะไรอาวุธชิ้นหนึ่งไม่ได้
เขาไม่สนใจส่งอื่น ในที่สุดเขตอาคมมหากระบี่ทองคำก็เผยอานุภาพที่แท้จริงออกมา เส้นไหมสีทองเป็นผืนใหญ่เข้าใกล้กัน สัมผัสเข้ากับกระบี่โลหิต
เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงไปบนกระบี่ยักษ์คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงร้องไม่น่าฟังราวกับทองคำเสียดสีกันดังออกมา
ตัวกระบี่เปล่งแสงระยิบระยับ ลำแสงสีทองและลำแสงสีโลหิตตัดสลับกัน กระบี่ลำแสงเป็นสายๆ พุ่งออกมาจากตัวกระบี่ทั้งสองฝั่ง คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานเส้นไหมสีทองเอาไว้ แต่ทันใดนั้น เสียงร้องยาวๆ ก็ดังออกมาจากตัวกระบี่โลหิต แล้วพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า คิดจะหนีออกจากเขตอาคมกระบี่
ทว่ากลางอากาศมีเส้นไหมสีทองจำนวนมากยิ่งกว่าเดิม เมื่อกระบี่ยักษ์บินขึ้นไปได้สองสามจั้ง ก็ระเบิดลำแสงอันเจิดจ้าจนแสบตาออกมา ถูกดีดกลับไปที่เดิม
ภายใต้ความอับจนหนทางนั้น จึงทำได้เพียงต้านทานอานุภาพของเขตอาคมกระบี่ไปอย่างยากลำบาก ถึงแม้ว่ากระบี่เล่มนี้จะมีอานุภาพเป็นสมบัติวิญญาณ แต่เมื่อไม่มีผู้ควบคุม อาศัยเพียงความสามารถของตนก็ไม่อาจต้านทานได้นานนัก
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วประเดี๋ยว แสงที่เปล่งออกมาจากกระบี่โลหิตก็เริ่มหม่นแสงลงท่ามกลางเส้นไหมสีทองที่สับลงมาอย่างบ้าคลั่ง และเปล่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมา
เส้นไหมสีทองที่ปรากฏขึ้นรอบๆ ของเขตอาคมกระบี่กลับไม่มีที่สิ้นสุด และยิ่งไปกว่านั้นเส้นไหมกระบี่ยังบางขึ้นเรื่อยๆ เปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าอานุภาพของเขตอาคมกระบี่มากกว่าก่อนหน้าแล้ว
สี่คนที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นสถานการณ์นั้น หลังจากที่ตระกูลหล่งทั้งสองตกตะลึงแล้ว ก็เปลี่ยนเคล็ดวิชาลับสองสามชนิดในการกระตุ้นภูตอัปลักษณ์และหัวกะโหลก หมายจะยับยั้งการเคลื่อนไหวของหานลี่ แต่หญิงสาวชุดขาวและเยี่ยฉู่เห็นเช่นนั้นกลับรู้สึกดีอกดีใจ สำแดงความสามารถทั้งหมดออกมาอย่างไม่กั๊กเอาไว้อีก ขัดขวางศัตรูทั้งสองรวมทั้งภูตมารเหล่านั้นเอาไว้สุดชีวิต
ต้องบอกว่าการสังหารสองผู้บำเพ็ญเพียรจากตระกูลหล่งนั้น ยากไปหน่อยสำหรับพวกนาง แต่หากขวางอีกฝ่ายเอาไว้กลับไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นนัก
ดังนั้นสองผู้บำเพ็ญเพียรจากตระกูลหล่งจึงโกรธเกรี้ยวดุจฟ้าผ่า และทำได้เพียงรับมือกับศัตรูเบื้องหน้าแล้วค่อยว่ากัน
ลำแสงจากกระบี่ผลึกโลหิตมหาภารตะถูกเขตอาคมกระบี่ทำลายลงไปพอสมควรแล้ว ข้างหูของหานลี่มีเสียงฝืนระงับโทสะของหล่งตงดังขึ้นว่า
“พี่หาน เจ้าคิดจะทำลายแผนของข้าจริงๆ หรือ? หากทำลายกระบี่เล่มนี้ ตั้งแต่บัดนี้เจ้าและตระกูลหล่งของพวกข้าจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อีก เจ้าคิดว่าตระกูลเยี่ยจะปกป้องเจ้าได้นานเท่าไหร่กัน?”
หานลี่ได้ฟังคำนี้ ก็แค่ร่ายอาคมกระตุ้นเขตอาคมกระบี่ ไม่สนใจเลยัสกนิด
“หากสหายยอมปล่อยข้าน้อยไป ตระกูลเยี่ยเสนอเงื่อนไขอะไรให้เจ้า ข้าจะให้มากกว่าเท่าหนึ่ง” หล่งตงเปลี่ยนน้ำเสียงทันที แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนขึ้นหลายส่วน
หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา มุมปากเผยรอยยิ้มเย็นชา ยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดยั้งเลยสักนิด
หล่งตงเห็นหานลี่ไม่สนใจคำพูดของตนเอง ก็ไม่ถ่ายทอดเสียงมาอีก แต่กระบี่โลหิตในเขตอาคมกระบี่กลับมีลอยอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้เส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนสับลงมาไม่หยุด
เมื่อลำแสงวิญญาณดวงสุดท้ายบนตัวกระบี่สลายหายไปแล้ว ในที่สุดตัวกระบี่ยักษ์ก็มีรอยบากยาวๆ เป็นสายๆ ปรากฏขึ้น ถึงแม้ว่าทุกรอยลึกลงไปไม่มากนัก แต่เส้นไหมกระบี่จำนวนมากสับลงมาเช่นนี้ ชั่วพริบตากระบี่ยักษ์ก็มีบาดแผลเต็มไปหมด ราวกับจะถูกทำลายได้ตลอดเวลา
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันตกตะลึง แต่หลังจากที่แววตาเปล่งประกายสองสามครั้งแล้ว ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หน้าเปลี่ยนสีขณะตะโกนออกไป ชั่วพริบตาร่างกายก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกไป ไม่สนใจจะควบคุมเขตอาคมกระบี่อีก
แทบจะในชั่วอึดใจนั้น กระบี่โลหิตก็เปล่งเสียงร้องของหงส์ออกมา ทันใดนั้นกระบี่โลหิตก็ระเบิดออกด้วยเสียงดังสนั่น
ดวงอาทิตย์สีขาวดวงหนึ่งปรากฏขึ้น ด้านในมีลำแสงสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา
เมื่อเส้นไหมสีทองและลำแสงสีขาวในเขตอาคมกระบี่สัมผัสกัน ก็แตกออกเป็นชุ่นๆ ในชั่วลมหายใจ ขนาดของดวงอาทิตย์ก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กินพื้นที่ไปสองสามร้องจั้ง แม้แต่การต่อสู้ของคู่บำเพ็ญเพียรตระกูลหล่งและพวกของหญิงสาวชุดขาวก็ถูกดึงเข้าไปด้วย ทำให้ทั้งสี่คนตกใจจนสะดุ้งโหยง
โชคดีที่พวกเขาอยู่ห่างจากกระบี่โลหิตค่อนข้างไกล จึงเก็บความสามารถได้ทัน ในเวลาเดียวกันก็หนีออกมาจากตรงนั้นในชั่วพริบตา
การระเบิดของสมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าระดับสุดยอด เกรงว่าหากผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์พบเข้า ก็ยังทำได้เพียงถอยหนีออกมาสามฉื่อ
หากไม่ใช่เพราะหานลี่มีปฏิภาณไหวพริบว่องไว หนีออกมาก้าวหนึ่งแล้ว หากอยู่ในอาณาเขตของการระเบิดแล้ว ก็คงทำได้เพียงจิตวิญญาณปลิวว่อนถูกทำลายลง
ครานี้เขาอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์สีขาวไปสองสามร้อยจั้ง มองไปยังจุดที่เกิดการระเบิดด้วยสีหน้าซีดขาว
ถึงแม้ว่าระหว่างทางที่หนีมาเขาจะเก็บกระบี่บินทั้งหมดกลับมาในทันที แต่ก็ยังคงมีกระบี่บินสิบกว่าเล่มที่กลับมาช้าไป ถูกระเบิดไปด้วย ล้วนสูญเสียไอวิญญาณไป ดูแล้วเขาคงต้องหลอมใหม่อีกครั้งแล้ว
นี่เป็นกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาที่ใช้วัตถุดิบที่หายากจำนวนมากผสมเข้าไป มิเช่นนั้นกระบี่บินธรรมดาๆ คงไม่อาจทำลายไอวิญญาณได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ต่อให้ทำลายกระบี่ให้เป็นผุยผงก็ยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้
ทว่าหานลี่ในครานี้ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ จ้องเขม็งไปยังเบื้องหน้า
สำหรับคนอื่นแล้วคงไม่อาจมองเห็นพระอาทิตย์ได้ แต่กลับมองเห็นอย่างชัดเจน ฉับพลันนั้นเขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ปีกที่แผ่นหลังสยายออก กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีขาวสายหนึ่งหายวับไปจากที่เดิม
แต่ครู่ต่อมากลางอากาศอีกด้าน ร่างของหานลี่ปรากฏขึ้น ฝ่ามือขาวนวลดุจหยกตะปบลงไปกลางอากาศ
ชั่วขณะนั้นแหวนกระดูกห้าวงก็ปรากฏขึ้นที่นิ้วทั้งห้า แต่เมื่อเปล่งแสงสว่างวาบแล้วก็หายวับไป
ปลายนิ้วมีเปลวเพลิงเย็นเยียบห้ากลุ่มพ่นออกมา ทันใดนั้นก็กลายเป็นเปลวเพลิงลำแสงห้าสีห่อหุ้มด้านล่างเอาไว้
เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เงาโลหิตยาวสองสามฉื่อสายหนึ่งปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงลำแสง นั่นก็คือมังกรโลหิตห้ากรงเล็บสีแดงสด ปากของมันกลับคาบหงส์โลหิตอีกตัวหนึ่งเอาไว้แน่น
ครึ่งหนึ่งของตัวหงส์โลหิตหายไป ร่างกายที่เหลืออีกครั้งอยู่ในปากโลหิตไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าไร้ซึ่งพลังชีวิตแล้ว
มังกรโลหิตที่อยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงเย็นยะเยือก สะบัดหัวไปมาด้วยท่าทีลับๆ ล่อๆ เห็นได้ชัดว่ามาเมื่อครู่ได้อาศัยการระเบิดตัวเองกำบัง คิดจะถือโอกาสหนีหลบซ่อนและหนีไปที่ไหนสักที่ แต่มันกลับคิดไม่ถึงว่าหานลี่จะมีความสามารถเนตรวิญญาณวารีกระจ่าง ไม่เพียงจะมองเห็นร่างของมันได้ภายในพริบตา กลับถือโอกาสนี้ปล่อยเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีออกมา กักมันเอาไว้ข้างใน
ครานี้มังกรโลหิตที่อยู่ในเปลวเพลิงห้าสี ร่างกายเชื่องช้าลงสิบกว่าเท่า การเคลื่อนไหวเปลี่ยนเป็นเชื่องช้า
ลำแสงเย็นเยียบเปล่งประกายสว่างวาบที่ดวงตา มือหนึ่งกวักออกไป ชั่วขณะนั้นเปลวเพลิงห้าสีพลันม้วนกลับไป ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มมังกรโลหิตเอาไว้อย่างแน่นหนา
หานลี่พลันอ้าปากออก ลำแสงสีเขียวที่ห่อหุ้มเตานภาสูญอยู่บินออกมา
ร่ายอาคมสะท้านฟ้ากระตุ้น เตาใบเล็กขยายใหญ่ขึ้นหลายส่วน จนมีขนาดสองสามฉื่อ ในเวลาเดียวกันฝาเตาก็บินออกมาโดยอัตโนมัติ พ่นเส้นไหมสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา ม้วนไปทางมังกรโลหิตที่อยู่ด้านล่าง