แขนทั้งสี่พลิ้วไหวเล็กน้อย
แขนสีทองข้างหนึ่งขยับ ต่อยออกไปหนึ่งหมัดลำแสงฟุ้งกระจายที่เบื้องหน้า แขนสีทองอีกข้างวาดไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นเงากำปั้นสีทองพลันปรากฏขึ้น ต้านทานลำแสงสีเขียวที่ทอดตัวเต็มท้องฟ้าเอาไว้อย่างง่ายดาย
แทบจะในเวลาเดียวกัน แขนสีทองอีกสองข้างกลับร่ายนิ้วทั้งสิบไปทางพฤกษาวิญญาณสองตน ไอกระบี่สีทองสิบสายพุ่งออกไป ชั่วพริบตาก็มาอยู่เบื้องหน้าพฤกษาวิญญาณสองตน
พฤกษาวิญญาณสองตนพลันตกตะลึง ร่างกายมีเกราะไม้สีเขียวปรากฏขึ้น อีกมือหนึ่งกลับมีโล่สีเหลืองปรากฏขึ้น ต้านทานกระบี่ลำแสงเอาไว้พร้อมกัน
แต่ไอกระบี่ลำแสงสิบสายนั่นสิ่งที่สร้างขึ้นจากกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาในตัวของหานลี่ เป็นอาวุธที่คมกริบมาก
แค่กะพริบวาบ ก็ผ่าพฤกษาวิญญาณสองตนที่อยู่เบื้องหน้าออกพร้อมกัน
พริบตานั้นร่างของพฤกษาวิญญาณสองคนแหลกออกเป็นชิ้นๆ
แต่หานลี่กลับยังคงไม่ยอมหยุดยั้ง สองมือลวงตาที่สร้างขึ้นร่ายรำไม่หยุด กระบี่ลำแสงจำนวนมากทะลักออกมา ชั่วพริบตาลำแสงสีทองก็กลืนกินพฤกษาวิญญาณเข้าไป ชั่วขณะนั้นพลันฝนโลหิตพลันโปรยปรายลงมา
หานลี่ถึงได้สูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง แขนสองข้างที่ถูกดูดเข้าไปพลันสั่นเทา ลำแสงสีทองที่เหมือนระลอกคลื่นปรากฏขึ้นบนแขน
เมื่อร่างของพฤกษาวิญญาณและหอกสีเขียวตนที่ดูดแขนทั้งสองของหานลี่สัมผัสกับลำแสงสีทองนี้ ชั่วขณะนั้นพลันสั่นเทาแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ สุดท้ายก็กลายเป็นผงสีเขียวกลุ่มหนึ่ง ปลิวหายไปตามสายลม
หานลี่ดึงมือทั้งสองกลับมา ลำแสงสีทองบนร่างหม่นแสงลง แขนสีทองอีกสี่ข้างเปล่งแสงสว่างวาบเลือนรางแล้วหายวับไป
การใช้เคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ส่วนที่สองต่อกรกับระดับก่อกำเนิดสองสามตนนั้นในครั้งนี้ ช่างเกินไปหน่อยจริงๆ
ทว่าพลังยุทธ์ของเคล็ดวิชานี้ยังตื้นเขินไปหน่อย ไม่อาจแสดงความสามารถอะไรได้อย่างเต็มที่ จึงยังไม่อาจใช้กับศัตรูที่แข็งแกร่งได้ ทำได้เพียงพึ่งพาประสิทธิภาพที่คาดไม่ถึงของมันเท่านั้น
แต่หากพลังยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับหลอมสุญตา และฝึกฝนจนถึงขั้นที่สามแล้ว ภายใต้การฝึกฝนแบบผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร อานุภาพของเคล็ดวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ต้องน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน ไม่มีทางด้อยกว่าเคล็ดวิชาระดับสุดยอดใดๆ
จุดนี้ เขามั่นใจอยู่หลายส่วน
หานลี่กำลังขบคิด ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งพุ่งจากไป
ระหว่างทางต่อจากนี้ หานลี่พบกับคนของเผ่าพฤกษามาขวางกั้นไว้อีกสองสามกลุ่ม
แต่คนของเผ่าพฤกษาเหล่านี้ ต่างมีพลังยุทธ์ไม่สูงนัก ส่วนใหญ่จะเป็นพฤกษาวิญญาณระดับก่อกำเนิด แม้กระทั่งมีพฤกษาวิญญาณระดับต่ำกว่าปรากฏตัว
หานลี่จึงแค่หลบหลีกพฤกษาวิญญาณเหล่านี้ หากไม่ไหวจริงๆ ก็จะสำแดงอัสนีออกมาสังหารอีกฝ่ายซะ ไม่ยอมเสียเวลากับอีกฝ่าย
ผลคือหลังจากบินมาได้ครึ่งวัน ในที่สุดหานลี่ก็พบกับปัญหา
เบื้องหน้าของเขา มีพฤกษาวิญญาณสวมเข็มขัดสีม่วงสองคนปรากฏขึ้น คนหนึ่งร่างกายแข็งแรงกำยำ คนหนึ่งร่างกายอรชรอ้อนแอ้น เห็นได้ชัดว่าเป็นบุรุษหนึ่งคนและสตรีหนึ่งคน
ด้านหลังของทั้งสองนั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีอสูรวานรพฤกษาขนสีเงินขาว ขนาดเจ็ดแปดจั้งสี่ตัวยืนอยู่ ทุกตัวถือกระบองยักษ์สีเหลืองเอาไว้
แววตาแวววาวของวานรพฤกษาทั้งสี่ตัว กำลังจ้องเขม็งมายังหานลี่ คาดไม่ถึงว่าจะดูช่างฉลาดมาก ท่าทางเหมือนเบิกเนตรแล้ว ให้ความรู้สึกที่อันตรายต่อหานลี่ ดูเหมือนว่าอานุภาพจะไม่ด้อยไปกว่าพฤกษาวิญญาณบุรุษและสตรี
พฤกษาวิญญาณระดับม่วงสองคน เท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลง ไม่ใช่สิ่งที่ต่อกรได้ง่ายๆ เช่นกัน
ตอนนี้หานลี่อยู่ห่างจากเขตแดนป่าไปไม่ถึงหมื่นลี้ เขาที่อยากออกไปจากแดนอันตรายในทันที จึงไม่คิดจะต่อกรกับพวกนี้อีก ในเวลาเดียวกันที่ถูกขวางเอาไว้จึงมีจิตสังหารปรากฏขึ้น จ้องเขม็งไปยังทั้งสองคนและวานรสี่ตัว สีหน้าเย็นเยียบ
ฉับพลันนั้นมือหนึ่งพลันลูบไปที่ท้ายทอย ลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นวงแหวนลำแสงยักษ์หนาๆ สายหนึ่ง มีขนาดประมาณยี่สิบสามสิบจั้ง หมุนวนติ้วๆ ชั่วครู่ก็ดึงดูดสายตาของศัตรูที่อยู่เบื้องหน้าเอาไว้
แทบจะในเวลาเดียวกัน เขาพลันสะบัดมือหนึ่ง กระบี่เล่มเล็กทั้งเจ็ดสิบสองเล่มบินพุ่งออกมา พลางบินออกไปทั่วทุกสารทิศ
คาดไม่ถึงว่าเขาจะตัดสินใจใช้ลำแสงเทวะดูดปราณดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย จากนั้นก็ใช้เขตอาคมมหากระบี่ทองคำ สังหารศัตรูทั้งหมดในรวดเดียว
……
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหงกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ สองตาจ้องเขม็งไปยังเงาสีเขียวสองสามกลุ่มเบื้องหน้า
พฤกษาวิญญาณสวมเข็มขัดสีม่วงสามคน!
……
อีกด้านหนึ่ง หล่งตงที่กลายเป็นลำแสงสีทองไม่ได้ถูกขวางเอาไว้ ด้านหลังลำแสงหลีกหนีของเขามีวานรพฤกษาสีเหลืองทองที่ขนมีสีทองบริสุทธิ์แซมอยู่ บนบ่าแบกขวานยักษ์สีดำสนิทเอาไว้ รอบกายมีลำแสงห้าสีไหลเวียนไปมาไม่หยุด ไล่ตามเขามาด้านหลังอย่างไม่ลดละราวกับดาวตก
หล่งตงในลำแสงสีทองที่ปล่อยมังกรทองห้ากรงเล็บออกไปแล้ว แค่หันหลังไปมองวานรพฤกษาทองอันน่ากลัวด้านหลังแวบหนึ่ง แต่กลับไม่มีเจตนาจะหยุดประมือด้วยเลยแม้แต่น้อย กลับเร่งลำแสงหลีกหนีไม่หยุด
ห่างออกไปร้อยจั้งเศษ นั่นคือเขตแดนของป่าใบดำ
……
สายรุ้งสีขาวสายหนึ่งเปล่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะพุ่งแหวกผ่านอากาศไป ห่างออกไปสองสามลี้ ลำแสงสีเงินสายหนึ่งไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ ทั้งสองกะพริบแสงวาบๆ ชั่วพริบตาก็หนีออกห่างมาเป็นพันจั้ง
ถึงแม้ว่าครานั้นสายรุ้งสีขาวจะไม่อาจสลัดลำแสงสีเงินได้ แต่ลำแสงสีเงินก็ไม่อาจไล่ตามสายรุ้งสีขาวมาได้ในทันท่วงที
เมื่อลำแสงหลีกหนีสองสามแฉลบผ่านไป พุ่งออกมาจากเขตแดนป่า ก็สลัดป่าใบดำทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
……
ร่างของหานลี่ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มองเส้นไหมสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันในเขตอาคมกระบี่ ในที่สุดหลังจากที่สับวานรพฤกษาขนสีเงินที่ยืนหยัดจนตัวสุดท้ายออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดายแล้ว ก็พ่นลมหายใจออกมา สองมือพลันร่ายอาคม พ่นคำว่า “เก็บ” ออกมา
เบื้องหน้าที่ว่างเปล่ามีกระบี่ลำแสงสีทองร้อยกว่าสายพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ทันใดนั้นก็เปล่งเสียงไพเราะออกมา กลับคืนร่างเป็นกระบี่เล่มเล็กสีทองเจ็ดสิบสองเล่มท่ามกลางลำแสงสีทองดังเดิม
กระบี่เหล่านี้หมุนติ้วๆ อยู่กลางอากาศ แล้วพุ่งมาทางหานลี่ทั้งหมด
หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ดูดกระบี่เล่มเล็กทั้งหมดเข้าไป
มองจุดเดิมที่เป็นใจกลางของเขตอาคมกระบี่ ที่นั่นยังคงมีหมอกโลหิตจำนวนมากกระจายตัวอยู่หานลี่แววตาเปล่งประกาย
การวางเขตอาคมมหากระบี่ทองคำทั้งเจ็ดสิบสองเล่ม มีอานุภาพน่ากลัวกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ครานั้นพฤกษาวิญญาณระดับม่วงสองตนและวานรพฤกษาสีเงินสี่ตัวที่ดูรับมือยากซึ่งถูกกักอยู่ในเขตอาคมกระบี่ของเขาด้วยความประมาท จึงถูกเส้นไหมกระบี่ที่พุ่งออกมาจากเขตอาคมกระบี่สังหารจนเกลี้ยงได้อย่างง่ายดาย โดยไม่มีแม้แต่พลังจะต้านทานเลยสักนิด
ดูแล้วสิ่งที่หล่งตงกล่าวว่า ชิงหยวนจื่อใช้พลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตากับอานุภาพของเขตอาคมมหากระบี่ต่อกรกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์นั้น เกรงว่าจะเป็นเรื่องจริง
หานลี่ขบคิดเช่นนั้น แต่กลับไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่เพียงเค่อ เก็บกระบี่เข้ามาในร่าง แล้วควบคุมลำแสงหลีกหนีพุ่งออกไปยังเขตแดนอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หานลี่ก็บินออกมาจากป่า
ห่างจากป่าไปได้ร้อยลี้ หานลี่ก็ควักยันต์ชำระพิสุทธิ์แผ่นนั้นออกมาจากอกเสื้อ แล้วแปะไปบนร่าง
ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันหายตัวไปจากกลางอากาศ อำพรางกายอย่างมิดชิด
เช่นนั้นเขาถึงได้ผ่อนคลายลง เปลี่ยนทิศทางบินไปข้างหน้าต่อ
ในตอนที่ห่างจากเขาไปได้ไม่นานนัก ป่าใบดำที่อยู่ด้านหลังพลันมีลำแสงหลีกหนีสีเหลืองสองสายไล่ตามมา หลังจากหม่นแสงลง ก็เผยร่างของพฤกษาวิญญาณสวมเข็มขัดสีเหลืองส้มสองคนออกมา
คนของเผ่าพฤกษาทั้งสองคือเผ่าพฤกษาระดับเงินที่ตามพวกเขามาตั้งแต่แรก และถูกหญิงสาวชุดขาวสำแดงความสามารถกักหนึ่งในพฤกษาวิญญาณระดับสูงเอาไว้คนหนึ่ง
พวกเขาหยุดอยู่ตรงที่เดิมของหานลี่ บินโคจรอยู่รอบหนึ่ง แล้วพูดคุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหาร่องรอยของหานลี่พบ จึงทำได้เพียงกลับไปอย่างเศร้าใจ
หานลี่กลับไม่รู้ว่าการกระทำที่รอบคอบของตนเอง ทำให้ตนเองหนีหายนะครั้งใหญ่มาได้
มิเช่นนั้นหากถูกพฤกษาวิญญาณระดับส้มที่มีพลังระดับหลอมสุญตาสองคนไล่ตามทัน ถึงแม้ว่าอาจจะหนีเอาชีวิตรอดได้ แต่ก็ไม่อาจหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแน่
หลังจากบินออกมาได้หมื่นลี้เศษ เมื่อมั่นใจว่าสลัดคนของเผ่าพฤกษาได้แล้ว สองมือของหานลี่พลันร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นบนร่างพลันมีอักขระยันต์ปรากฏขึ้น ร่างกายกลับคืนสู่สภาวะเดิม ในเวลาเดียวกันลำแสงวิญญาณกลุ่มหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากเรือนร่าง แล้วกลับคืนเป็นยันต์ชำระพิสุทธิ์อีกครั้ง
นิ้วคีบไปบนแผ่นยันต์เบาๆ ยันต์แผ่นนั้นหายวับไป
หลังจากที่หานลี่มองไปรอบๆ ครั้งหนึ่งแล้ว ถึงได้ร่อนลงบนภูเขาลูกย่อมๆ ด้านล่างอย่างเงียบเชียบ สีหน้าเคร่งขรึมพลางขบคิดอย่างละเอียด
เขาในครานี้รู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
คัมภีร์ม้วนนั้นถูกคนของเผ่าพฤกษาทำลายไปอย่างคาดไม่ถึง หรือว่าภารกิจครั้งนี้จะล้มเหลวแล้วจริงๆ หากเป็นเช่นนั้น ก็ไม่มีทางหายากำจัดสิ่งโสมให้ครบได้ เขามิต้องกลับไปยังเมืองเทวะสวรรค์อีกครั้งหรือ
ไม่สิ! ต่อมามีคนลงมือกักคนของเผ่าพฤกษาระดับเงินเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าสายลับในเผ่าพฤกษาที่ทั้งสองส่งมาถึงจะถูก หากเป็นเช่นนั้น คัมภีร์ม้วนนั้นก็อาจจะไม่ใช่ของจริง ไม่แน่ว่าข้อมูลที่แท้จริงของเผ่าพฤกษา อาจจะอยู่กับคนผู้นั้น ขอแค่หาคนผู้นั้นพบ ภารกิจก็ยังคงสำเร็จ
หานลี่ขบคิดรอบหนึ่งด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้า และรู้สึกว่าเรื่องนี้มีแสงสว่างวางปรากฏขึ้นแล้ว
ดูแล้วต้องตามหาหญิงสาวชุดขาวให้พบก่อน แล้วจะตามหาอย่างไร?
หานลี่หน้าเปลี่ยนสี มุมปากเผยสีหน้าประหลาดๆ ออกมา
ฉับพลันนั้นเขาพลันสะบัดแขนเสื้อ เงาลวงตากลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็กลายเป็นมิคาทนสีทองเงินขนาดเท่าฝ่ามือหมอบอยู่บนพื้น
นั่นก็คืออสูรกิเลนมิคาทนตัวนั้น
อสูรตัวนี้ใช้ดวงตาสีเขียวที่น่ารักน่าเอ็นดูมองมายังหานลี่ และเปล่งเสียงครางเบาๆ
หานลี่เองก็ไม่ได้กล่าวอะไร ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนมือ จานอาคมสีเขียวใบหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นพลันบริกรรมคาถา มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศไปทางจานอาคม
ชั่วขณะนั้นลูกบอลลำแสงสีขาวนวลขนาดเท่าเมล็ดถั่วบินออกมาจากจานอาคม ลอยอยู่ห่างจากจานอาคมไปครึ่งฉื่อ ยังคงเงียบเชียบ
หานลี่เปล่งเสียงผิวปากออกมา กวักมือไปทางอสูรน้อยอย่างสบายๆ
แต่อสูรกิเลนมิคาทนกลับหัวเราะคิกคัก ไม่ได้ขยับเขยื้อน เผยท่าทีเกียจคร้านออกมา
หานลี่หมดคำพูด ระหว่างทางที่อยู่ในเผ่าพฤกษา เขาปล่อยอสูรตัวนี้และอสูรวิญญาณครวญให้อยู่ด้วยกัน เหตุใดถึงได้มีท่าทีเกียจคร้านขี้เซาเหมือนกับอสูรวิญญาณครวญไปได้
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับอสูรตัวนี้ มือหนึ่งลูบไปที่กำไลเก็บของ ชั่วขณะนั้นขวดสีเขียวมรกตใบหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในมือ เทยาลูกกลอนสีแดงสดออกมา โยนไปทางอสูรตัวน้อย
ชั่วขณะนั้นอสูรกิเลนมิคาทนที่เดิมทีดูไม่มีพลัง พลันมีชีวิตชีวาขึ้น กระโจนขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับเงาตามตัว กลืนยาลูกกลอนเข้าไป จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องครางพลางสะบัดหัวสะบัดหางใส่หานลี่ ท่าทางประจบเอาใจและอยากได้อีก
หานลี่เองก็ไม่ได้กล่าวอะไร มือหนึ่งชี้ไปที่ลำแสงบนจานอาคม
ไม่ต้องให้เขาเอ่ยอะไร ชั่วพริบตาก็บอกเจตนาของตนเองให้อสูรตนนี้ฟังผ่านจิตสัมผัส
อสูรน้อยเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเล ครู่ต่อมาก็มาปรากฏบนจานอาคม มองไปยังจุดลำแสงสองสามครั้ง หลังจากเอียงศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นขนของมันแล้ว ก็กลืนลำแสงสีขาวนวลลูกนั้นเข้าไปในท้อง