“ท่านอาวุโสหานพูดถูกแล้ว ครั้งนี้ไม่ว่าผู้ใดรับตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณ เกรงว่าคงต้องตายเก้าส่วนรอดหนึ่งส่วน เสี่ยงจะเพลี่ยงพล้ำในเคราะห์มาร น้าหลิวน่าจะรู้ว่าท่านย่าเคยเป็นศิษย์ในนามของท่านอาวุโสม่อเจี่ยนหลี แม้ว่าต่อมาจะเป็นผู้นำตระกูล ก็ยังคงปฏิบัติต่อท่านอาวุโสม่อดังอาจารย์กับลูกศิษย์และเมื่อสองสามปีก่อนท่านอาจารย์ม่อก็ได้รับบาดเจ็บมาที่ตระกูลเยี่ย และพูดคุยกับท่านย่าหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงได้จากไป” เยี่ยอิงเอ่ยสิ่งนี้ออกมาทำให้หลิวชิงสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
“เจ้าพูดอันใด ท่านอาวุโสม่อได้หรือบาดเจ็บหนัก? เป็นไปไม่ได้ จากอิทธิฤทธิ์ของท่านอาวุโสม่อจะได้รับบาดเจ็บในแดนนี้ได้อย่างไร? หรือว่า…” หลิวชิงคิดอันใดออกในทันที
หานลี่ย่อมเคยได้ยินเรื่องของสิ่งมีชีวิตระดับมหายานผู้นี้มาบ้าง ใบหน้าจึงเปลี่ยนสีไปเช่นกัน
“ดูแล้วน้าหลิวคงเดาออกสองสามส่วน เมื่อสองสามปีก่อนท่านอาวุโสม่อยืมพลังของจานดาราไปเปิดแดนขึ้นไปสู่แดนมาร เพราะอยากจะตรวจสอบสถานการณ์ของเผ่ามารก่อนที่เคราะห์มารจะมาถึง คิดไม่ถึงว่าเขากลับถูกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์มารโบราณสองคนของแดนมารจับตาดูอยู่ จึงทำได้เพียงต้องลงมือกัน โชคดีที่ท่านอาวุโสเป็นผู้ที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ก่อนออกเดินทางท่านอาวุโสได้ยืมสมบัติป้องกันตัวจากท่านบรรพชนเอาไว้ จึงได้สูญเสียปราณแท้ไปเล็กน้อย แล้วรีบหนีกลับมาที่แดนวิญญาณ นั่นนับว่าเป็นเรื่องที่โชคดีในโชคร้ายมาก!” หญิงสาวเอ่ยอธิบาย
“ท่านอาวุโสม่อไปแดนมาร? สองสามปีที่ผ่านมาข้าเอาแต่กักตนจึงไม่รู้เรื่องนี้ เหตุใดท่านอาวุโสม่อต้องทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้ด้วย หากจำไม่ผิดยามที่เคราะห์มารมาถึงครั้งที่แล้ว เขาก็ไม่ได้กระทำเรื่องที่เสี่ยงเช่นนี้” หลิวชิงขมวดคิ้วดำขลับ
“เรื่องนี้ท่านอาวุโสม่อก็ไม่ได้พูดอันใดกับตระกูลเยี่ยของพวกเรา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับการเตือนจากผู้ยิ่งใหญ่จากแดนอื่น บอกว่าอันตรายของเคราะห์มารในครั้งนี้มากกว่าในอดีตกาลมาก หากไม่ระวังเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจก็อาจจะถูกล้างเผ่าพันธุ์ในเคราะห์มารครั้งนี้ ท่านอาวุโสม่อถึงได้ยอมเสี่ยงอันตราย และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ที่แดนมารโบราณนานนัก แต่ก็พบว่าสัญญาณอันตรายมันมีมากจริงๆ ดังนั้นหลังจากที่กลับมาที่แดนมนุษย์จึงมาหาตระกูลเยี่ยของพวกเราทันที และยืมโลหิตเที่ยงแท้หงส์สวรรค์ไป เตรียมใช้มันหลอมสมบัติที่ร้ายกาจชิ้นหนึ่ง เพื่อมาต่อกรกับเคราะห์สวรรค์ครั้งนี้ มิเช่นนั้นตระกูลเยี่ยของพวกเราก็ไม่มีทางรู้ถึงอันตรายของเคราะห์มารครั้งนี้เช่นกัน แม้แต่ท่านอาวุโสม่อที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานก็ยังรู้สึกกังวล” เยี่ยอิ่งเผยสีหน้าจนปัญญาออกมาขณะเอ่ย
หานลี่และหลิวชิงได้ยินพลันตกใจจนใจเต้นระรัว
“ท่านอาวุโสม่อพบอันใดที่แดนมารกันแน่ เขาไม่ได้เอ่ยถึงหรือ?” หานลี่เอ่ยถามขึ้น
“เรื่องนี้ชนรุ่นหลังก็ไม่ทราบ ท่านแม่บอกกับคนในเผ่าแค่เล็กน้อย บางทีท่านแม่อาจจะรู้มากกว่า แต่ไม่ได้บอกชนรุ่นหลัง! ครั้งนี้ท่านแม่ส่งชนรุ่นหลังมา กลับเป็นการเตือนน้าหลิวและท่านอาวุโสที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลเยี่ยโดยเฉพาะว่าห้ามรับตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณภายในหนึ่งร้อยปีนี้ ดูเหมือนว่าทางเชื่อมระหว่างแดนมารและแดนวิญญาณสองสามแห่งในครั้งนี้จะถูกเชื่อมโยงกันก่อน ดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้กับต้นไม้วิญญาณค้ำฟ้าของแดนวิญญาณ ครั้งนี้เมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นเป้าหมายหลักในการโจมตีของเผ่ามาร และหากเคราะห์มารปะทุขึ้น สามจักรพรรดิไม่มีทางได้รับอนุญาตให้ทิ้งเมืองสามจักรพรรดิแน่ และยิ่งไปกว่านั้นนอกจากนี้ท่านอาวุโสม่อเจี่ยนหลีและคนของเกาะศักดิ์สิทธิ์ยังจงใจปล่อยให้เมืองวิญญาณสวรรค์กลายเป็นเหยื่อล่อของเผ่ามาร ใช้ประโยชน์จากพลังมหัศจรรย์ของต้นไม้วิญญาณค้ำฟ้าและเขตต้องห้ามจำนวนมากของเมืองวิญญาณสวรรค์มาทำลายกองทัพเผ่ามาร ลดความกดดันของขุมอำนาจอื่นๆ ในเผ่ามนุษย์ ดังนั้นครั้งนี้ผู้รับตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณคนใหม่จึงต้องยืนอยู่ในด่านหน้าในการต้านทานกับเผ่ามารโบราณ ต้องปกป้องเมืองวิญญาณสวรรค์สวรรค์ด้วยชีวิตไม่อาจล่าถอยได้ อันตรายจากสิ่งไม่ต้องให้ชนรุ่นหลังต้องพูดมากแล้วสินะเจ้าคะ” สุดท้ายหญิงสาวก็หัวเราะขมขื่นขณะเอ่ย
หลิวชิงและหานลี่ได้ยิน ก็อดที่จะมองสบตากันไปมาไม่ได้
“คาดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย ดูแล้วนี่คงเป็นหนึ่งในข่าวลับของแดนมารที่รู้มาจากท่านอาวุโสม่อ ในที่สุดเผ่าของมนุษย์ของพวกเราก็ต้องเตรียมการอย่างจริงจังแล้ว ไม่ถือว่าทำเกิดเหตุ ข้าจะรับเรื่องนี้เอาไว้ การที่เขาแอบเข้าไปในแดนมารในครั้งนี้เป็นบุญคุณที่ไร้ขอบเขตจริงๆ อิ่งเอ๋อร์ต้องขอบคุณท่านแม่ของเจ้าที่มาเตือน มิเช่นนั้นหากข้าได้ตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณ ไม่แน่ว่าอาจจะต้องตายอยู่ในเมืองวิญญาณสวรรค์เช่นกัน” หญิงสาวมีใบหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส แล้วถึงได้พ่นลมหายใจออกมาขณะเอ่ย
หานลี่ที่อยู่ด้านข้างก็ลอบร้องว่าโชคดีแล้วอยู่ในใจ
ถึงอย่างไรเสียเขาก็สนใจตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณอยู่หลายส่วน
เห็นได้ชัดว่าคนของตระกูลเยี่ยไม่คิดว่าเขาผู้ซึ่งบรรลุระดับผสานอินทรีย์จะสนใจตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณ ดังนั้นคำพูดเมื่อครู่จึงถ่ายทอดมาให้กับเซียนเชียนหลิงผู้นี้
หญิงสาวไม่ได้หลีกเลี่ยงเขา เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะว่าบุญคุณการช่วยเหลือในเผ่าพฤกษาในปีนั้น จึงถือโอกาสตอบแทนเขาด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจอันใดมากนัก แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเคราะห์มารในครั้งนี้อันตรายมาก
นี่เพียงพอที่จะทำให้เขาใจหายวาบแล้ว
แผนเดิมที่คิดจะฝึกฝนอย่างช้าๆ ดูเหมือนว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว
“สิ่งที่ควรรู้ชนรุ่นหลังก็พูดไปแล้ว เรื่องต่อจากนี้อิ่งเอ๋อร์ขอเป็นตัวแทนท่านแม่มาเรียนเชิญน้าหลิวและท่านอาวุโสหาน อยากให้ทั้งสองท่านเป็นอาวุโสแขกผู้มีเกียรติของตระกูลเยี่ยของพวกเรา” ในยามที่หานลี่และพวกยังไม่ทันได้กำจัดความตกตะลึงจากข่าวสารที่ได้รับไปนั้น หญิงสาวกลับส่งยิ้มเบิกบานให้ทั้งสอง
“อาวุโสแขกผู้มีเกียรติ! อิ่งเอ๋อร์ หรือว่าท่านแม่ของเจ้าไม่ได้บอก ปีนั้นข้าต้องเข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิวิญญาณก็เพราะว่าเขามีบุญคุณต่อข้าเป็นอย่างมาก ไม่มีอันใดตอบแทนถึงได้ลงแรงเพื่อเขา ยามนี้เพิ่งได้เป็นอิสระ ข้าไม่อยากถูกผู้ใดมาบังคับกะเกณฑ์อีก มิเช่นนั้นข้าคงไม่อยากแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณโดยใช้พลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางหรอก” หลิวชิงแทบจะสั่นศีรษะปฏิเสธอย่างไม่ต้องขบคิด
“แน่นอนว่าท่านแม่ย่อมทราบเรื่องนี้ แต่นางให้ข้ามาบอกกับน้าหลิวสองสามคำ หากไม่ยินยอมท่านแม่ก็จะไม่บังคับ” เยี่ยอิ่งกะพริบตาปริบๆ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“สองสามคำ! หึๆ ไม่ได้พบกันหลายปี ท่านแม่ของเจ้ายังนิสัยแปลกๆ เหมือนเดิม เอาละ ข้าจะลองฟังดูก่อน” หลิวชิงพลันตกตะลึง ทันใดนั้นก็เม้มปากฉีกยิ้ม
เยี่ยอิงเห็นเช่นนั้นก็ผ่อนคลายลง จากนั้นริมฝีปากก็ขยับ ถ่ายทอดเสียงไป
หานลี่ที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ก็จับจ้องปฏิกิริยาตอบสนองของหญิงสาวอย่างประหลาดใจ
ผลคือเห็นใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวมีสีแดงก่ำขึ้นมาทันที
“จริงหรือ ท่านแม่ของเจ้าไม่โกหกข้า?” เซียนเชียนหลิงร้องอุทานด้วยเสียงถอดเสียงออกมาอย่างหาได้ยาก น้ำเสียงสั่นเทาเล็กน้อย
“ไม่ผิดแน่ ท่านแม่ทราบเรื่องของน้าหลิวในตอนนั้นก็เสียใจจนมาถึงทุกวันนี้ และยามนี้แม้ว่าโอกาสนี้จะอันตราย แต่ก็ต้องมาพูดว่ายังมีโอกาสอยู่เล็กๆ ขอแค่น้าหลิวยอมเข้าร่วม ตระกูลเยี่ยของพวกเราจะช่วยเหลือสุดกำลัง” เยี่ยอิ่งเอ่ยอย่างมั่นใจ
“เยี่ยม ข้าจะเข้าร่วมตระกูลเยี่ยของพวกเจ้า! อย่าพูดว่าโอกาสเล็กๆ เลย ต่อให้มีแค่เล็กน้อย ข้าก็ไม่มีทางปล่อยไป” หญิงสาวเอ่ยอย่างเด็ดขาด สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว
“เยี่ยมจริงๆ เช่นนั้นน้าหลิวก็ไปอยู่กับท่านแม่ได้แล้ว อิ่งเอ๋อร์จะได้เรียนรู้เคล็ดวิชาหุ่นเชิดกับน้าหลิว” หญิงสาวฉีกยิ้มเบิกบาน
เป็นเพราะหญิงสาวได้ยินคำพูดก่อนหน้า จึงยังคงใจเต้น จึงแค่ส่งยิ้มฝืนๆ ให้หญิงสาวเท่านั้น
“ท่านอาวุโสหาน แล้วเจตนาของท่านล่ะ!”
เยี่ยอิ่งหันหน้ามาใช้สายตารอคคอยมองมายังหานลี่อีกครั้ง
“ข้าน้อยปฏิเสธการเรียนเชิญไปในยามแรก แน่นอนว่าย่อมไม่มีเจตนาจะเข้าร่วมกับตระกูลเยี่ย จึงทำได้เพียงปล่อยให้เซียนเยี่ยวิ่งมาอย่างเสียเปล่าแล้ว” หานลี่ปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
“เดิมข้าคิดว่าท่านอาวุโสรู้เรื่องอันตรายจากเคราะห์สวรรค์แล้วน่าจะเปลี่ยนความตั้งใจ หากเป็นเช่นนั้นท่านแม่ก็มีเรื่องจะบอกท่านอาวุโสเช่นกัน หากท่านอาวุโสได้ฟังแล้วยังไม่เปลี่ยนใจ ก็ให้คิดว่าข้าไม่เคยพูดเจ้าค่ะ” เยี่ยอิ่งแววตาเปล่งประกาย สีหน้าแปลกประหลาดเล็กน้อยขณะเอ่ย
“อ๋อ เซียนเยี่ยลองพูดมาสิ!” หานลี่เลิกคิ้วเล็กน้อย เผยสีหน้าอมยิ้มออกมา
เขาอยู่คนเดียวในแดนวิญญาณ จึงไม่เชื่อว่าคำพูดของอีกฝ่ายจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้จริงๆ
“ท่านอาวุโสหานเคยได้ยิน ‘ยาลูกกลอนหญ้าวิญญาณ’ ของตระกูลเยี่ยของพวกเราและเคล็ดวิชานิพพานของพวกเราบ้างหรือไม่!” เยี่ยอิ่งเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“ชื่อเสียงของยาลูกกลอนหญ้าวิญญาณ ข้าน้อยย่อมรู้ดี ยาลูกกลอนชนิดนี้เป็นยาลูกกลอนไม่กี่ชนิดที่ช่วยเพิ่มพลังปราณของระดับผสานอินทรีย์ในเผ่ามนุษย์อย่างพวกเราได้ ทว่าตระกูลเยี่ยอย่างพวกเจ้าก็ไม่ค่อยเอาออกมาขายสินะ อย่างน้อยผู้แซ่หานก็ไม่เคยพบว่าถูกนำออกมาประมูลในย่านร้านค้าใด กลับเป็นเคล็ดวิชานิพพาน ที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรก” หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็เอ่ยออกมาอย่างแช่มช้า
“ประสิทธิภาพของยาลูกกลอนหญ้าวิญญาณ ชนรุ่นหลังคงไม่ต้องพูดแล้ว ขอแค่ท่านอาวุโสยอมเข้าร่วมตระกูลเยี่ยของพวกเรา ท่านแม่จะยอมมอบให้สามสิบเม็ด เชื่อว่ามียาลูกกลอนเพิ่มพลังยุทธ์มากมายเพียงนี้ คงมีส่วนช่วยในการทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นกลางของท่านอาวุโสแน่ ส่วนเคล็ดวิชานิพพานกลับต้องให้สตรีและบุรุษที่มีโลหิตวิญญาณหงส์สวรรค์ของตระกูลเยี่ยอย่างพวกเราอย่างละคนสำแดงพร้อมกันถึงจะมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นเคล็ดวิชานี้จะกระตุ้นพลังในร่างของผู้บำเพ็ญเพียรทั่วๆ ไปให้มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งขึ้น แม้กระทั่งเมื่อฝึกฝนจนถึงขั้นสุดท้ายก็มีประสิทธิภาพราวกับเป็นอมตะที่ไม่มีวันตาย ราวกับหงส์เพลิงที่เป็นอมตะก็ไม่ปาน สามารถฟื้นคืนชีพจากนิพพานได้” เยี่ยอิ่งเอ่ยมาถึงตรงนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงมีใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมา
เมื่อได้ยินอิทธิฤทธิ์ที่น่าเหลือเชื่ออย่างการเป็นอมตะ หานลี่ก็อดที่จะใจเต้นระรัวไม่ได้
วันข้างหน้าหากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้สำเร็จ ลดการช่วยเสริมให้ร่างกายแข็งแกร่งจากเคล็ดวิชานี้ พอต่อสู้กับผู้อื่นหากเคล็ดวิชานิพพานคุ้มครอง จะไม่เป็นดังพยัคฆ์ติดปีกหรือ
ทว่าเหตุใดสีหน้าของหญิงสาวผู้นี้ถึงไม่ค่อยปกติ!
หานลี่มองหญิงสาวอดที่จะเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมาไม่ได้
หลิวชิงได้ยินคำพูดของเยี่ยอิงพลันตะลึงงัน จากนั้นก็มองหานลี่ แล้วมองหญิงสาว คาดไม่ถึงว่าส่งเสียง “พรืด” หลุดขำออกมาไม่ได้