A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1701 ฟูก ธูปหอม เทวรูป

คาดไม่ถึงว่าที่นี่จะเป็นวิหารที่เหมือนกับศาลเจ้าอย่างไรอย่างนั้น

ที่นี่นับว่าไม่เล็กนัก และยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองด้านยังมีประตูบานเล็กอยู่ ท่าทางเหมือนเชื่อมไปยังสถานที่อื่น

หานลี่กวาดตามองไปมาภายในห้องโถงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ร่อนลงบนชั้นไม้ทั้งสองฝั่ง

ชั้นไม้เป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่ออกมาiางๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็น ‘ไม้หิมะ’ ที่มีชื่อเสียง

ไม้ชนิดนี้เป็นวัตถุดิบในการหลอมสมบัติธาตุน้ำแข็งที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่กลับถูกวางเป็นของประดับธรรมดาๆ นี่มันจะสุรุ่ยสุร่ายเกินไปแล้ว!

แม้ว่าหานลี่จะรู้สึกหมดคำพูดไปเล็กน้อย แต่อาวุธหลากสีสันสิบกว่าชนิดที่วางเรียงรายอยู่บนชั้น เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็มีทั้งสมบัติสมประสงค์ บาตรปราณ ระฆังเป็นต้น

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง กวาดจิตสัมผัสไปบนอาวุธเหล่านั้น ผลคือพลันตกตะลึง จากนั้นก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ

คาดไม่ถึงว่าสมบัติเหล่านี้จะมีกลิ่นอายบีบหัวใจ ล้วนเป็นสมบัติกึ่งสำเร็จรูประดับยอดสุด

หากให้เจ้านายหลอมทั้งหมด แม้ว่าจะไม่นับว่าเป็นสมบัติสะท้านฟ้า แต่ก็ไม่ต่างอันใดกับสมบัติทั่วไปมากนัก

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสมบัติเหล่านี้ดูภายนอกก็รู้ว่าเป็นสมบัติที่มีอิทธิฤทธิ์พิเศษที่ไม่ค่อยพบเห็น

แน่นอนว่าแม้ว่าเขาจะเสียเงินไปมากมายกับการหลอมพวกมัน แต่ประสิทธิภาพในยามที่สำแดงมันออกมาก็ต้องแข็งแกร่งน้อยกว่าที่เจ้าของหลอมแน่ แต่เช่นนั้นพวกมันก็ยังคงเป็นสมบัติระดับสุดยอดในแดนวิญญาณ

หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นหมอกลำแสงสีเขียวพลันบินออกมา

จุดที่หมอกลำแสงกวาดผ่านไป สมบัติเหล่านี้พลันถูกกวาดไปจนเกลี้ยง

ได้สมบัติที่มีอานุภาพไม่น้อยมากมายในคราเดียว หานลี่ย่อมรู้สึกยินดี

หลังจากที่เขากวาดสายตาไปในห้องโถงอีกครั้ง ก็ก้มหน้าลงอย่างช้าๆ มองไปยังฟูกใต้เท้าของตนสองสามแวบ ฉับพลันนั้นพลันร้องอุทานออกมาเบาๆ ดูเหมือนว่าจะพบอันใดสักอย่าง

เขาพลันใช้มือตะปบไปบนพื้นอย่างไม่ต้องขบคิด

เสียง “สวบ” ดังขึ้น ฟูกอันนั้นร่อนลงมาในมือของเขาอย่างเงียบเชียบ

ยืดหยุ่นเป็นอย่างมาก อบอุ่นและเย็น และยิ่งไปกว่านั้นไอวิญญาณบริสุทธิ์กลุ่มนี้พลันโชยออกมา

“นี่คือ…” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย

เห็นได้ชัดว่าฟูกนั้นทำมาจากหญ้าวิญญาณชนิดหนึ่ง และไม่รู้ว่าอยู่ที่นี่มากี่หมื่นปีแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะยังรักษาระดับของไอวิญญาณได้อย่างเต็มเปี่ยมจนถึงทุกวันนี้

เขาพลันหน้าเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะพบอันใดเข้า ยกฟูกขึ้นมาที่ปลายจมูก แล้วดมกลิ่นเบาๆ

ผลคือคาดไม่ถึงว่าจะมีกลิ่นอายอ่อนๆ โชยมา

หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาด แล้วพลันพลิกมืออีกข้างหนึ่ง

ลำแสงสีเขียวสว่างวาบ กระบี่ยาวสามฉื่อปรากฏขึ้นในมือ

โยนฟูกขึ้นไปกลางอากาศ พลางสะบัดมืออีกข้างหนึ่ง กระบี่ลำแสงสายหนึ่งสับลงมา

ฉากที่น่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!

กระบี่ลำแสงที่ดูเหมือนแข็งแกร่งสับลงมาที่ฟูก กระบี่ลำแสงทั้งสายพลันจมหายเข้าไปสองสามชุ่น จากนั้นก็ถูกดีดออก

ผิวของฟูกมีลำแสงสีเหลืองหมุนวนโคจร รอบกระบี่ที่ถูกสับลงมาฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

ทั้งๆ ที่เป็นฟูกที่ทำมาจากต้นหญ้า คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานกระบี่ลำแสงของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาได้

“ไม่ผิดแน่ เป็น ‘หญ้าชุดเกราะ’ ในตำนาน! คาดไม่ถึงว่าในโลกนี้จะมีของวิเศษเช่นนี้จริงๆ แค่ตัวของมันก็สามารถต้านทานการฟันลงมาของสมบัติประเภทกระบี่และใบมีดได้ หากนำไปทำเป็นเกราะแนบตัวนั้น ก็น่าจะเทียบได้กับเกราะสงครามระดับสุดยอด น่าเสียดายหญ้าชนิดนี้กลัวการโจมตีประเภทไฟ มูลค่าจึงลดลงไม่น้อย คู่ควรกับที่เป็นที่พักของเซียน คาดไม่ถึงว่าจะใช้หญ้าวิญญาณที่หายากเช่นนี้ทำฟูก ช่างเป็นการนำของใหญ่มาทำของจิ๊บจ๊อยจริงๆ” หานลี่พลิกฟูกในมือไปมาสองสามครั้ง ปากก็เอ่ยพึมพำออกมา แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

ในเมื่อพบฟูกที่มูลค่าเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาย่อมไม่มีทางไม่สนใจพวกมันได้

ทันใดนั้นฝ่ามือสีดำสนิทข้างหนึ่งก็ยื่นออกมา และยิ่งไปกว่านั้นยังตะปบไปบนพื้นอย่างส่งเดช

ชั่วขณะนั้นแสงสีเทาพลันม้วนไปบนพื้น

ลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ ฟูกนับร้อยๆ อันพลันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ทั้งห้องโถงเผยความว่างเปล่าออกมา

กวาดจิตสัมผัสไปในกำไลเก็บของ มองเห็นฟูกเหล่านี้กองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หานลี่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ

สมุนไพรที่หายากในแดนวิญญาณเช่นนี้ หากรอให้ได้มากอีกสองสามชนิด ก็น่าจะคุ้มค่าแล้ว

หานลี่ขบคิดเช่นนั้นในใจ แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วพลันสูดลมหายใจลึกๆ อีกครั้ง

ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือไม่ ธูปหอมนั้นดูเหมือนว่าจะอบอวลมากกว่าเมื่อครู่หลายส่วน

“ธูปหอม!”

ฉับพลันนั้นเขาพลันหันหน้าไป หันไปมองกระถางธูปที่อยู่ตรงมุมอย่างรวดเร็วด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

ในกระถางธูปมีไส้เทียนไขปักอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่เป็นสีเหลืองอ่อน และไม่รู้ว่าวางอยู่ตรงนั้นมานานกี่ปีแล้ว

หานลี่พลันเลิกคิ้วขึ้น ชั่วครู่ก็เดินไปที่มุมนั้น

ไม่รอให้เดินไปถึง จิตสัมผัสก็กวาดไปยังกระถางธูปก่อน แต่ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว

คาดไม่ถึงว่ากระถางธูปนี้จะสร้างมาจากสำริดธรรมดาๆ เท่านั้น แม้กระทั่งไม่ถือว่าเป็นอาวุธ ช่างทำให้เขาประหลาดใจจริงๆ

สายตาเปล่งประกายสองสามครั้ง เดินไปที่กระถางธูป ก้มหน้าลงมองมีเพียงธูปหอมหนึ่งในสามส่วนของธูปปกติ

กลิ่นธูปหอมตลบอบอวล แผ่ออกมาจากสิ่งนั้น

ธูปนี้ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงมาก

แต่ดูจากภายนอกแล้ว ดูเหมือนจะไม่ต่างกับธูปหอมธรรมดาๆ เลยสักนิด แต่ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ ยังคงรักษาความหอมตลบอบอวลเอาไว้ได้ ก็ทำให้รู้ได้ว่าเจ้าสิ่งนี้มีประวัติความเป็นมาแน่

หลังจากที่หานลี่มองไปชั่วครู่ ใบหน้าก็ค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น

ฉับพลันนั้นพลันยกมือขึ้น ยื่นนิ้วสองนิ้วออกมา ค่อยๆ คีบธูปหอมมาอย่างช้าๆ

ไม่ทันได้สัมผัสกับธูปหอมนั้น ก็เปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงสีเขียวชั้นหนึ่งห่อหุ้มนิ้วทั้งสองเอาไว้

เขามีท่าทีระมัดระวังตัว

นิ้วดึงธูปออกมาจากกระถางธูป ไม่ได้มีใดๆ เกิดขึ้น

แต่หานลี่ยังคงมีสีหน้าแปลกประหลาด พลิกธูปนั้นดูสองสามรอบ และมีกลิ่นหอมโชยออกมา เผยสีหน้าครุ่นคิด

ฉับพลันนั้นพลันดีดนิ้วๆ หนึ่ง ลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ดีดดาวเพลิงขนาดเท่าเมล็ดข้าวสารออกมาจากปลายนิ้ว และโจมตีไปยังส่วนปลายของธูปหอม

หายวับไป!

คาดไม่ถึงว่าธูปหอมจะไม่ติดไฟ

แววตาของหานลี่เปล่งประกาย เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกมา ดีดนิ้วเบาๆ ชั่วขณะนั้นดวงแสงเพลิงสีแดงสดขนาดเท่ากำปั้นพลันปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้ว และลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

นำปลายของธูปหอมจี้ไปที่ดวงแสงเพลิง

เขาจ้องเขม็งไปยังสิ่งนั้นโดยไม่ปริปาก

ผลคือธูปหอมที่ดูธรรมดาๆ กลับไม่มีท่าทีจะติดไฟท่ามกลางเปลวเพลิงที่ร้อนฉ่า

“เป็น ‘ธูปน้ำแข็งทมิฬ’ ดังคาด นี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ของมารทำลายจิตใจยามที่จะทะลวงระดับผสานอินทรีย์!”

เมื่อเห็นฉากนี้ใบหน้าของหานลี่พลันมีสีหน้ายินดีปรากฏขึ้น

ทันใดนั้นเขาพลันพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือมีกล่องหยกสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏออกมา เก็บธูปหอมลงไปอย่างระมัดระวัง

จากนั้นร่างกายของเขาพลันเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง หาธูปหอมที่ลุกไหม้ไปกว่าครึ่งอีกสองท่อนในกระถางธูปมุมอื่น แล้วเก็บมาเช่นกัน

กล่องหยกเปล่งแสงสว่างวาบในมือ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่พลันตามหาไปรอบๆ วิหารอีกครั้ง น่าเสียดายที่ที่นี่มีของไม่มาก นอกจากศาลเจ้าและซากผลไม้วิญญาณที่เปลี่ยนเป็นสีเทาขาวด้านหน้าโต๊ะบูชาสองสามจานแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดอีก

เช่นนั้นในที่สุดเขาก็เหลือบไปเห็นศาลเจ้า

ศาลเจ้าเปล่งแสงสีม่วงออกมา สูงประหลาดสองสามจั้ง เทวรูปด้านในกลับเป็นสีเขียวมรกต ราวกับแกะสลักมาจากหยกสีเขียวระดับสุดยอด

เทวรูปนี้สวมชุดคลุมสีเขียว มือหนึ่งกอบแป้งสีขาวราวกับหิมะเอาไว้ มืออีกข้างหนึ่งถือน้ำเต้าสีม่วงอมทอง ใต้คางมีเครายาวสามจุด ท่าทีเหมือนกับเทพเซียนในตำนาน

แต่หานลี่แค่มองเทวรูปนี้ชั่วครู่ แววตาก็อดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้

เขาพลันพบว่าพอเพ่งมองใบหน้าของเทวรูปเป็นเวลานานเข้า คาดไม่ถึงว่าจะเห็นเพียงลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งประกายวาวโรจน์ในแววตา คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองใบหน้าที่แท้จริงของเทวรูปได้

หางตาของหานลี่กระตุกสองสามครา รูม่านตาหดเล็กลง ครู่ต่อมาแววตาพลันเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะใช้เนตรวิญญาณวารีกระจ่างเพ่งมองใบหน้าของเทวรูป

ยามนั้นพลันได้ผลเล็กน้อย ใบหน้าของเทวรูปถูกหมอกลำแสงสีเขียวปกคลุมไว้ชั้นหนึ่ง มันบางเบามากในสายตาของเขา

เขาพลันรู้สึกดีใจ แล้วเพ่งมองไป หมายจะกวาดมองใบหน้าของเทวรูป

แต่ไม่รอให้เขาได้พิจารณาอย่างละเอียด ฉับพลันนั้นในหัวก็มีเสียงดนตรีภาษาสันสกฤตดังขึ้น ทำให้เขาหูอื้อ ราวกับสติสัมปชัญญะทั้งหมดถูกทำให้เลอะเลือน

ดวงตาของหานลี่ทั้งสองข้างพลันมืดหม่น ร่างทั้งร่างซวนเซ จนเกือบจะล้มลงไปนั่งกับพื้น

โชคดีที่จิตสัมผัสของเขาแทบจะไม่ต่างอันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ ทันใดนั้นจึงโคจรคาถาเทพขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา รีบร้อนขยับขาทั้งสองกลับมายืนขึ้นอีกครั้ง

หลังจากที่หานลี่ยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว ก็มองไปที่เทวรูปอีกครั้ง ชั่วครู่ก็รู้สึกตกตะลึงระคนสงสัย

เทวรูปแปลกประหลาดเช่นนี้ จากระดับพลังยุทธ์ของเขาในยามนี้ คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติวิเศษที่มีอิทธิฤทธิ์ยากจะคาดเดา

ของสิ่งนี้อยู่บนโต๊ะบูชา  คิดดูแล้วคนที่บูชาคงเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาในแดนเซียน

ส่วนเทวรูปนั้นก็เป็นสิ่งที่ลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

ต่อให้เป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ในแดนวิญญาณ แม้ว่าจะอยู่ห่างจากออกไปหนึ่งล้านลี้ก็สามารถอาศัยพลังของเทวรูปทำให้จิตวิญญาณดั้งเดิมหรือเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณปรากฏขึ้นได้

หากเจ้าของเทวรูปเป็นผู้ที่มีประวัติความเป็นมาจากแดนเซียน และยิ่งไปกว่านั้นในแดนวิญญาณยังไม่เคยได้ยินว่าเซียนจากแดนเซียนใช้วิธีการนี้ลงมาจุติยังแดนนี้มาก่อน แต่นำเทวรูปนี้ไปด้วย ก็เป็นการกระทำที่เล่นกับไฟชนิดหนึ่ง

หานลี่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสชั่วครู่ ในที่สุดก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฝืนระงับความคิดเอาไว้ แล้วเลื่อนสายตาออกจากศาลเจ้า ไปยังประตูด้านข้าง

ร่างกายเคลื่อนไหว เขาเดินไปอย่างไม่ลังเลอีก

หุ่นเชิดวานรยักษ์ตัวนั้นถูกเขาใช้จิตสัมผัสกระตุ้น เดินตามไปติดๆ เช่นกัน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ในห้องโถงนอกจากศาลเจ้าที่โดดเดี่ยวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นอีก

ยามนี้หานลี่เดินผ่านทางเดินสายหนึ่ง มาถึงหน้าห้องที่ดูเหมือนห้องข้างสิบกว่าห้อง

ห้องเหล่านี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก และยิ่งไปกว่านั้นยังเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว

หานลี่มองไปอย่างรวดเร็ว แล้วปล่อยให้หุ่นเชิดวานรยักษ์เปิดประตูทุกบานออก หลังจากเห็นว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ ก็เคลื่อนไหวร่างกาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset