“ไม่ใช่ เจ้าไม่ใช่นาง” หานลี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ แต่ก็รู้สึกถึงว่าผิดปกติในนั้นได้ทันที ก่อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงเย็นชา
“สหายหานเป็นถึงผู้อาวุโสเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เพิ่งเข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ที่ช่วงนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือ นี่ทำให้ซู่เอ๋อร์ประหลาดใจนัก ดูเหมือนว่าวิชาภาพมายาของข้า ไม่ส่งผลหรือทำอะไรต่อท่านได้เลย” หญิงสาวที่มีหน้าตาเหมือนหนานกงหวั่นหัวเราะเบาๆ จู่ๆ ก็ปรากฏหมอกขาวขึ้นบนใบหน้าของนาง
แต่เมื่อหมอกขาวลับไป หญิงผู้นี้ก็เปลี่ยนใบหน้าเป็นหญิงสาวแปลกหน้าอีกคนที่ใบหน้าเรียวและงดงาม
“เจ้าก็คือฉินซู่เอ๋อร์ กิริยาเมื่อครู่คือต้องการทดสอบข้าหรือ” สีหน้าเคร่งขรึมของหานลี่ไม่ได้จางหายไปเท่าใดนัก เขาจ้องไปที่หญิงสาวในอาภรณ์สีขาว ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก
“ท่านผู้อาวุโสหานล้อข้าเล่นแล้ว ข้าจะกล้าทดสอบท่านได้อย่างไร เคล็ดวิชาลวงใจของผู้น้อยเพิ่งจะฝึกสำเร็จ ยังมิอาจควบคุมได้อย่างใด หากเมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอย่างถือหาเอาความเลย” หญิงสาวในชุดอาภรณ์สีขาวสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางรีบเอ่ยอธิบาย
“เคล็ดวิชาลวงใจ ข้าเองเคยได้ยินวิชาพลังนี้ ได้ยินว่าเป็นวิชาพรสวรรค์เหนือธรรมชาติที่น่าทึ่งของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ที่สามารถแปลงกายตนเป็นคนที่อีกฝ่ายรู้สึกใกล้ชิดที่สุดได้ ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันระวังตัว หรือว่า พวกเจ้าสองคนพี่สองเป็นคนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าเป็นอะไรกับราชาแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์หรือ” หานลี่สีหน้าขยับทันทีพลางเอ่ยถามด้วยท่าทีเชื่องช้า
“ผู้น้อยทั้งสองพี่น้องเป็นคนของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์จริงๆ เจ้าค่ะ ถึงแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับราชาแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ แต่ก็ห่างไกลนัก” ฉินซู่เอ๋อร์จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเอ่ยกับหานลี่อย่างสุภาพ หลังจากนั้นก็เชิญหานลี่นั่งลงด้วยความนอบน้อม
“เคล็ดวิชาลวงใจของเจ้าเมื่อครู่ สามารถสั่นสะเทือนจิตใจข้าได้ เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับข้อจำกัดบางอย่างกับที่แห่งนี้กระมัง” หานลี่กวาดตามองไปรอบด้าน ก่อนจะหัวเราะเหอะๆ ออกมาแล้วนั่งลงตรงตำแหน่งที่นั่งประมุข
“ท่านผู้อาวุโสมองออกแล้วหรือ ที่นี่ก็คือร้านค้าที่เผ่าจิ้งจอกสวรรค์เปิดขึ้น มีการจัดวางเขตอาคมเฉพาะของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ หากเป็นดวงจิตอื่นๆ ก็แล้วไป แต่หากเป็นวิชาเสน่ห์หลงใหลแล้วละก็ แน่นอนว่าพลังอาจเพิ่มเท่าทวีคูณ หากอยู่ภายนอก เกรงว่าผู้อาวุโสคงไม่ตกใจในทีแรก” ฉินซู่เอ๋อร์มองไปยังหานลี่ ดวงจิตหลังจากการเพิ่มพูนทวีเคล็ดวิชาลวงใจก็แข็งแกร่งขึ้นมาก อดลอบนับถือในใจไม่ได้
สามารถมองออกว่าที่แห่งนี้ไม่มีเขตต้องห้ามเลย เป็นเรื่องที่หาได้ยากอย่างประหลาด แต่เขาสามารถมองออกในแวบเดียวว่าเขตอาคมนั้นมีผลทำให้วิชาเสน่ห์หลงใหลมีพลังแรงกล้าขึ้น แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านเขตอาคมถึงจะทำได้
แต่ที่ได้ฟังเสียงร่ำลือจากภายนอก อีกฝ่ายมีการพบเจอเรื่องราวอัศจรรย์ในดินแดนรกร้าง ถึงได้เข้าสู่ระดับผสานอินทรีย์ได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ร้อยปี จะมีเวลาที่ไหนไปศึกษาเรื่องเขตอาคมเล่า
หญิงสาวความคิดโลดแล่นไปไกล เดิมทีมีความรู้สึกไม่ยอมแพ้และดูแคลน แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีเหลือแม้กระผีก
“เอาเถอะ ในเมื่อท่านรับปากลูกศิษย์ไว้ว่าจะมาที่นี่ในวันนี้ อย่างนั้นก็คงจะเตรียมตัวไว้ดีแล้วถึงสิ่งที่คนแซ่หานอย่างข้าต้องการแล้ว เช่นนั้นก็นำออกมาดูเถอะ” เมื่อได้ฟังว่าอีกฝ่ายคือคนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ แม้ว่าในใจของหานลี่จะรู้สึกแค้นเคือง อีกฝ่ายยังกล้าแปลงกลายเป็นหนานกงหวั่นอีก แต่ไม่คิดจะเอาความสิ่งที่อีกฝ่ายมาทดสอบก่อนหน้า เขาเลยเอ่ยวัตถุประสงค์ในการมาครั้งนี้ออกมาเสียตรงๆ
“แน่นอนเจ้าค่ะ หลังจากที่ผู้น้อยกลับไปยังเผ่าแล้ว ได้ใช้วิธีการมากมาย จัดหาสิ่งที่ท่านผู้อาวุโสต้องการมาได้กว่าเจ็ดถึงแปดในสิบส่วน เชื่อว่าต้องทำให้ท่านผู้อาวุโสพอใจเป็นแน่ เหมยหลิง เจ้านำของออกมาเถอะ ท่านผู้อาวุโสมีเรื่องยุ่งยากใจต้องจัดการอีกหลายเรื่อง เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ดังนั้นจึงนำของนั้นฝากไปที่น้องเหมยหลิงที่นี่” ฉินซู่เอ๋อร์พยักหน้า ก่อนสั่งการไปยังเด็กสาวที่อยู่ข้างกาย
“เจ้าค่ะ ท่านพี่ซู่เอ๋อร์” เด็กสาวรับคำ ก่อนจะอ้าปากแล้วพ่นไข่มุกแวววาวออกมา มันมีสีเหลืองอ่อน ใหญ่เท่าไข่ไก่
“นี่คือ……”
หานลี่เมื่อเห็นสถานการณ์ แน่นอนว่าต้องตกตะลึง
“วัสดุสัตว์ปีศาจที่ท่านผู้อาวุโสต้องการนั้น สำหรับเผ่าบำเพ็ญปีศาจอย่างพวกเราแล้วมันค่อนข้างอัปมงคล ดังนั้นจึงไม่ได้ใส่ไว้ในกล่องเก็บของ แต่หากล่องเก็บไข่มุกมาเก็บไว้ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงของล้ำค่าครึ่งฐานเขาพระสุเมรุที่ผู้อาวุโสคนก่อนในตระกูลล้มเหลวในการหลอมออกมา แต่ความสามารถในการบรรจุนั้นมากกว่ากล่องเก็บอาวุธทั่วไปนัก ดังนั้นจึงสามารถหลอมออกมาเข้าสู่ร่างกายได้ ค่อนข้างลึกลับหน่อย” ฉินซู่เอ๋อร์อธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ของล้ำค่าครึ่งฐานพระสุเมรุรึ นี่มันหายากมากนะ” หานลี่ปรากฏสีหน้าสนใจออกมา และยังผายมือว่างเปล่าออกไปคว้า
เกิดเสียงดัง “สวบ” ไข่มุกลูกนั้นก็ลอยเข้ามาสู่มืออย่างมั่นคง
ในขณะเดียวกัน หานลี่ก็ปรากฏสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนดึงดวงจิตส่วนหนึ่งเข้าไปในไข่มุกนั้น
กระดูกสัตว์ปีศาจหายากต่าง ๆ หนาแน่น และกองรวมกันเป็นภูเขากองย่อมๆ
แถมยังมีสิ่งของอย่างกล่องและขวด กระป๋องต่าง ๆ ที่บรรจุของที่เก็บรักษายากและวัสดุล้ำค่าเอาไว้ ในนั้นยังมีแร่แปรธาตุของสัตว์ปีศาจชั้นสูงบางประเภทด้วย
อาศัยดวงจิตที่แข็งแกร่งของหานลี่ ไม่นานก็สำรวจจนครบ หรือแม้แต่กระทั่งอาวุธที่อยู่ในห่อบรรจุทั้งหลายก็อาศัยดวงจิตส่องทะลุผ่านเพื่อตรวจสอบจนหมด
“ถูกต้อง อันที่จริง ของกว่าครึ่งรายการที่ข้ามอบให้ท่านนั้นล้วนครบหมดแล้ว ความสามารถของสหายฉิน คนแซ่หานนี้ต้องเอ่ยชื่นชมแล้ว” หานลี่สีหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมา
“หากท่านผู้อาวุโสคิดว่าผู้น้อยทำเรื่องทั้งหมดนี้เพียงผู้เดียว อย่างนั้นก็ผิดแล้ว ทั้งหมดนี้ผู้น้อยได้อาศัยมิตรสหายรักบางคนจากเผ่าอื่นๆ ใช้กำลังทั้งกายใจไปมากมาย ถึงจะจัดหามาได้” ฉินซู่เอ๋อร์ที่เมื่อได้ฟัง กลับหัวเราะฝืนๆ เสียหนึ่งที
“ไม่ว่าทำอย่างไรกว่าจะได้มา ท่านเซียนสามารถนำวัสดุมากมายเพียงนี้มาวางตรงหน้าข้าได้ แน่นอนว่าข้าจะไม่มีทางผิดคำสัญญา สหายฉินดูยาวิเศษกว่าหมื่นปีเหล่านี้เถิด มันสามารถแลกเปลี่ยนกับวัสดุสัตว์ปีศาจเหล่านี้ได้แน่นอน” หานลี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาพลิกฝ่ามือกลับ ห่อเก็บของสีแดงปรากฏบนฝ่ามือเขา และเมื่อสะบัดข้อมือก็โยนไปยังหญิงสาวในอาภรณ์ชุดขาวแล้ว
ฉินซู่เอ๋อร์มีประกายพาดผ่านในแววตา เพียงยกข้อมือขึ้น ก็เก็บห่อเก็บของกลับเข้าไปในมือเช่นกัน พลางใช้ดวงจิตสำรวจของที่ห่ออยู่ด้านใน
หานลี่ในตอนนี้ ได้เริ่มนำวัสดุสัตว์ปีศาจทั้งหมดที่อยู่ด้านในไข่มุกถ่ายเทมายังห่อเก็บของสีดำทันที
เด็กสาวที่อยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นกิริยานี้ของหานลี่ ดวงตาสีดำขลับของนางก็กลิ้งกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว ไม่นาน มุมปากนางก็ยกยิ้ม แต่กลับไม่กล้าเอ่ยคำใดออกมา
แม่ว่านางจะรู้สึกว่าทางตนนี้ยังไม่ทันได้ตรวจสอบยาวิเศษเสร็จสิ้นเลย แต่อีกฝ่ายกลับรีบเก็บของของพวกนางไปแล้ว ช่างบ้าอำนาจเสียจริง
แต่ว่าในเผ่าปีศาจนั้นเน้นเรื่องผู้ที่อ่อนแอมักตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก แต่หานลี่เป็นถึงการมีอยู่ของระดับผสานอินทรีย์ แน่นอนว่าเด็กสาวทำได้เพียงกล้าโกรธแต่ไม่กล้าแสดงออกมา
ดีนะที่ฉินซู่เอ๋อร์เองก็ตรวจสอบได้อย่างรวดเร็ว
ช่วงเวลาครู่เดียว หญิงสาวผู้นี้ถอนหายใจยาว ก็ตรวจสอบยาวิเศษหมื่นปีนี้เสร็จไปหนึ่งรอบแล้ว ในขณะที่สีหน้าบ่งบอกความเบิกบานแต่ก็ปรากฏร่องรอยของความประหลาดใจและสงสัยออกมา
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่มอบของล้ำค่าเจ้าค่ะ เพียงแต่ยาวิเศษหมื่นปีนี้มีจำนวนมากกว่าที่เราได้ตกลงกันไว้หลายส่วน ไม่ทราบว่าท่านผู้อาวุโส……” หญิงสาวเอ่ยถามออกมาอย่างลังเลใจอยู่หลายส่วน
“ไม่ทราบว่าสหายฉินทราบหรือไม่ว่าในหมื่นปีมานี้ ทั้งสองเผ่าจะพบเจอเรื่องภัยพิบัติใดหรือ?” หานลี่มองไปยังหญิงสาว ก่อนเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“ท่านผู้อาวุโสหานจะเอ่ยถึงเรื่องเคราะห์มารหรือ” ฉินซู่เอ๋อร์สีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่ได้ยิน นางเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพึมพำถามออกมา
“เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าเองก็รู้ดี ไม่เลว ภัยพิบัติเผ่ามารใกล้จะเกิดขึ้นแล้ว เพื่อป้องกันตัวเอง ตอนนี้แค่ได้ยินชื่อเสียงและพลังเหล่านี้หน่อย เกรงว่าภายในระยะเวลาหนึ่งพันปีนี้ต้องพยายามสะสมกำลังเป็นแน่ หากถึงตอนนั้นยาวิเศษของทั้งสองเผ่าต่างก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หากก่อนหน้าที่เคราะห์มารจะมาถึงเจ้าและข้า ต่างก็แลกเปลี่ยนสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายขาดแคลนไปตลอด แต่ครั้งหน้าที่จะแลกนั้น อาจจะมิใช่วัสดุสัตว์ปีศาจแน่ แต่เป็นของที่เผ่าปีศาจมีโดยเฉพาะ” หานลี่เอ่ยด้วยแววตาแพรวระยับ
“ผู้น้อยเองก็เพิ่งได้ทราบข่าวภัยพิบัติเผ่ามารเมื่อหลายวันมานี้เอง ส่วนที่จะทำการค้าขายกันต่อไป ไม่มีปัญหา นี่เป็นเรื่องที่ผู้น้อยเองก็ประสงค์ ต่อไปภายภาคหน้าหากท่านผู้อาวุโสประสงค์สิ่งใด ให้ไปฝากถ้อยคำไว้ได้ที่ร้านค้าของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่เปิดเอาไว้ในเมืองเทียนเฉิง ยาวิเศษเหล่านี้ ผู้น้อยก็ไม่เกรงใจขอรับเอาไว้เสีย” ฉินซู่เอ๋อร์รับปากออกมาแบบแทบจะไม่ต้องคิดเลย
สำหรับนางแล้ว ต่อให้แลกเอายาวิเศษหมื่นปีมามากมายเพียงใด ก็จะต้องใช้หมดไปในเวลาอันสั้นนี้ ที่นางสามารถฝึกฝนมาจนได้ขั้นเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างตอนนี้ได้ ก็เพราะด้วยอานิสงส์จากยาวิเศษที่หานลี่มอบให้ไว้ก่อนหน้านั่นเอง
ดังนั้นความต้องการของนางต่อยาวิเศษนี้จึงไม่สามารถเติมเต็มได้ แทบจะอยากให้อีกฝ่ายยืดอายุการค้านี้ออกไปด้วยซ้ำ
“ในเมื่อเป็นเยี่ยงนี้ ข้าเองก็จะไม่โอ้เอ้อยู่นาน หวังว่าท่านฉินเซียนจะได้รับอะไรมากมายในงานหมื่นสมบัติ”
เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ หานลี่เองก็ไม่มีเจตนาจะอยู่ต่อแม้เพียงนิด เขาลุกขึ้นกล่าวลาพร้อมจะจากไป
พี่น้องตระกูลฉินแน่นอนว่าจะต้องส่งหานลี่ที่ชั้นหนึ่งบนพื้นผิวด้านนอกร้านอย่างนอบน้อม ถึงได้กลับเข้ามาในร้าน
“พี่ซู่เอ๋อร์ เหตุใดจึงไม่นำของสิ่งนั้นออกมาเล่า พวกเราเสียเลือดเนื้อไปมากมาย ก็ไม่ได้เพียงเพราะอยากแลกมาซึ่งยาวิเศษรึ” หลังจากนั่งลงในห้องนั้นอีกครั้ง เด็กสาวจู่ๆ ก็ถามออกมาอย่างไม่พอใจ
“หากเป็นหลายวันก่อน แน่นอนว่าข้าจะทำอย่างนั้นแน่ แต่เมื่อวานนี้ข้าได้รับบัตรเชิญจากงานแลกเปลี่ยนแดนทมิฬจากผู้อาวุโสเผ่ามาร ข้าอยากใช้ของสิ่งนี้ดู ดูว่าจะได้ของที่ดีกว่ามาจากงานใหญ่นั้นหรือไม่ หากไม่มีจริงๆ ก็ค่อยแลกเปลี่ยนกับคนผู้นี้ก็ไม่สาย อย่างไรเสีย เมื่อครู่อีกฝ่ายก็มีเจตนาจะทำการค้าขายต่อไปอีก ไม่ต้องเร่งรุดลงมือหรอก” ฉินซู่เอ๋อร์ส่ายหน้า ก่อนเอ่ยอย่างมีแผนอยู่ในใจ
“ในเมื่อพี่ซู่เอ๋อร์เองมีแผนแล้ว อย่างนั้นก็ช่างเหอะ แต่ว่าของสิ่งนั้นในเมื่อไม่มีประโยชน์อะไรต่อเผ่ามาร แต่อยู่ในมือพวกเราก็เป็นดั่งเผือกร้อน หากเรื่องนี้หลุดรอดออกไป เกรงว่าจะทำภัยพิบัติมาสู่เรานะเจ้าคะ อย่างไรเสียก็รีบปล่อยของให้พ้นมือดีกว่า” เด็กสาวแม้จะพยักหน้า แต่สีหน้าก็ยังคงปรากฏความกังวลออกมาอยู่
“น้องวางใจเถิด ข้ามีแผนในใจ ดังนั้นจึงไม่กล้าไปเข้าร่วมงานที่ดาษดื่นและไม่ใหญ่โต แต่วางแผนจะเผยโฉมแลกเปลี่ยนในตลาดมืดเท่านั้น” ฉินซู่เอ๋อร์แววตากลอกไปมา ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
……
เวลานี้ หานลี่ได้อยู่ระหว่างทางกลับที่พักแล้ว
แน่นอนว่าเขาต้องไม่ทราบว่าคำพูดสุดท้ายที่เอ่ยกับหญิงทั้งสองว่าจะค้าขายกันต่อไป กลับทำให้ตนนั้นพลาดของสำคัญที่จะมาถึงมือไปเสีย แต่เขากลับกำลังลำพองใจเงียบๆ ในสิ่งที่ตนได้รับมาอย่างวัสดุสัตว์ปีศาจนี้
ตอนนี้ก็ขาดของเพียงสองสิ่งเท่านั้น ก็จะสามารถฝึกฝนวิชาบรรพตทั้งสุดแห่งที่สองได้ แต่งานของล้ำค่าเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ในเมื่อของที่เหลือนั้นหายาก แต่หากได้มาครบก็จะไม่มีปัญหาใด
แต่เมื่อหานลี่เร่งรุดกลับไปที่พำนักนั้น กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีแขกที่คาดไม่ถึงมาเยือนถึงประตู