ความยากในการพัฒนาระดับมหายาน ดูจากคนจำนวนมากในเผ่ามนุษย์ที่มีแค่มั่วเจียนหลีเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานเพียงหนึ่งเดียว ก็รู้ได้แล้ว
แม้ว่าหานลี่จะมีอิทธิฤทธิ์มากมาย แต่ก็ไม่มีทางมั่นใจว่าตัวเองจะทะลวงจุดคอขวดได้
เช่นนั้นบ่อชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์ก็มีแรงดึงดูดต่อเขาไม่น้อยเลย ตามหลักการแล้ว เขาน่าจะตอบรับคำเชิญของบรรพชนตระกูลหล่งอย่างไม่ลังเล แต่กลับมีความลำบากใจจึงทำได้เพียงยืดเวลาออกไปก่อน
ความลำบากใจนี้ย่อมเป็นเพราะหานลี่ถูกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนซาจับจ้องอยู่!
ความแค้นของเขาและบรรพชนมารผู้นี้ เดิมที่คิดจะหลบหลีกแดนมารก็ทำไม่ได้แล้ว จะไปกล้าเข้าไปในส่วนลึกของแดนมารง่ายๆ อย่างการโยนแหจับตนเองได้อย่างไร หากเขาเข้าไปในส่วนลึกของแดนมารจริงๆ แล้วเผยร่องรอยออกมา บรรพชนศักดิ์สิทธิ์มารโบราณตนอื่นยังไม่เป็นไร อาจจะไม่จัดการกับพวกเขาด้วยตัวเอง แต่หากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนซาผู้นี้รู้การมีอยู่ของเขา จะต้องจัดการเขาด้วยตัวเองแน่ เพื่อเป็นการแก้แค้นที่ถูกทำลายจิตแยกในตอนนั้น
แน่นอนว่าการที่หานลี่ต้องปฏิเสธบรรพชนตระกูลหล่งและละทิ้งบ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัวชำระพิสุทธิ์ไปนั้นก็ทำให้รู้สึกเสียดายเช่นกัน ถึงอย่างไรเสียวาสนาในการเพิ่มการบรรลุระดับมหายาน ก็ไม่ใช่โอกาสที่ร้องขอได้ การละทิ้งไปครั้งนี้ บางทีเขาอาจจะสูญเสียโอกาสในการบรรลุระดับมหายานไป
นี่เป็นเรื่องที่พูดยาก!
หลังจากที่หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย มุมปากพลันกระตุก อดที่จะเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมาไม่ได้
แน่นอนว่าปมนี้ก็ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้
ขอแค่ก่อนที่เคราะห์มารจะปะทุ เขาพัฒนาระดับให้ได้สองขั้น ทำให้ตนเองอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย
พลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายประกอบกับอิทธิฤทธิ์มากมายของตน เชื่อว่าแม้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนซา แต่ก็น่าจะรักษาชีวิตภายใต้เงื้อมมือของเขาเอาไว้ได้ และด้วยแรงหนุนนี้ การที่เขาจะเข้าไปในส่วนลึกของแดนมารย่อมไม่มีอันใดต้องหวาดกลัว
หากพูดถึงคนอื่นการพัฒนาระดับจากขั้นต้นไปให้ถึงขั้นปลายภายในระยะเวลาสองสามร้อยย่อมเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน แต่สำหรับเขาที่มีเคล็ดวิชาหลอมจิตสัมผัสและสมุนไพรวิญญาณมากมาย กลับไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
โดยเฉพาะในขณะที่เขามีพันธสัญญากับชิงหยวนจื่ออยู่
เขาที่ค้นหาวัตถุดิบได้ครบถ้วนแล้ว หากเขาได้นมเทวะแม่น้ำยมโลกที่แม้แต่สี่ราชาปีศาจยังใฝ่ฝันถึง ย่อมมั่นใจได้ว่าจะพัฒนาระดับไปสู่ระดับขั้นปลายได้สองสามส่วน
ขอแค่พัฒนาไปอยู่ระดับขั้นปลายก่อนที่บรรพชนตระกูลหล่งและพวกจะออกเดินทาง เขาย่อมยอมเสี่ยงเข้าไปในแดนมาร หากไม่อาจพัฒนาจนถึงระดับขั้นนั้นได้ทันเวลา เขาก็ทำได้เพียงคอยดูสถานการณ์แล้วค่อยตัดสินใจเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรการที่จะให้เขาละทิ้งบ่อน้ำชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์ที่เป็นโอกาสในการบรรลุระดับมหายานไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
หลังจากมีความคิดเช่นนี้ หานลี่ก็ไม่ขบคิดเลอะเทอะอันใดอีก ทันใดนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ หลังจากที่ธงสิบกว่าด้ามบินออกมา ก็กลายเป็นเขตอาคมไร้รูปร่างห่อหุ้มทั้งห้องเอาไว้
จากนั้นเขาพลันปิดเปลือกตาลง เริ่มเข้าสู่ภวังค์แห่งสมาธิ
เช้าตรู่วันที่สอง เมื่อเซียนเสี่ยวเฟิงและอาวุโสเซียวตั้งใจมาเยี่ยมเยียนหานลี่นั้น กลับพบกับหอคอยที่ว่างเปล่า
หานลี่และไป๋กั่วเอ๋อร์จากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ทั้งสองย่อมสบตากันด้วยแล้วหัวเราะอย่างขมขื่นเท่านั้น
แทบจะในเวลาเดียวกันหานลี่และเด็กหญิงผู้นี้ก็อยู่กลางอากาศห่างออกไปเป็นล้านลี้ กำลังนั่งอยู่บนรถเหาะสีเขียวบินห้อตะบึงไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หานลี่นั่งสมาธิอยู่ที่มุมรถ กำลังก้มหน้ากอบม้วนคัมภีร์เก่าๆ นิรนามเอาไว้ ราวกับว่ากำลังเรียนรู้อันใดสักอย่างอยู่
ส่วนไป๋กั่วเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ตรงหัวรถ มือหนึ่งกอบจานอาคมเอาไว้ ผิวของมันมีลำแสงสีเขียวระยิบระยับ กำลังควบคุมรถเหาะอยู่
แม้ว่าจะผ่านไปแค่สองสามปี แต่เด็กหญิงก็ผนึกระดับสร้างปราณสำเร็จแล้วภายใต้สมุนไพรวิญญาณจำนวนมาก ดังนั้นแม้ว่าพลังปราณจะยังไม่มีค่าอันใดในสายตาของหานลี่ แต่ด้วยการช่วยสนับสนุนจากศาสตรายุทธ์ ก็พอจะควบคุมรถเหาะคันนี้ได้
แต่หลังจากบินนิ่งมาเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม
“ท่านอาจารย์พวกเราจะไปที่ใดกันแน่ ทางนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ทางไปเมืองเทวะสวรรค์ หรือว่าพวกเราจะไม่ได้ไปพบกับศิษย์พี่?” ไป๋กั่วเอ๋อร์แอบหันมามองหานลี่แวบหนึ่ง เห็นเขาสั่นศีรษะด้วยท่าทางเหม่อลอย ก็อดที่จะเบะปากเอ่ยถามไม่ได้
หลังจากติดตามอยู่ห่างข้างกายหานลี่มาสองสามปี เด็กหญิงผู้นี้ก็เข้าใจนิสัยของท่านอาจารย์ของตนเองแล้ว ประกอบกับสองสามปีนี้หานลี่เคยลงมือช่วยคลายพิษเย็นยะเยือกในร่างของนางไปสองสามครั้ง ดังนั้นเวลาพูดจานางจึงเผยความสนิทชิดเชื้อออกมาหลายส่วน
“อันใด เจ้าคิดถึงศิษย์พี่ทั้งสองแล้วหรือ ทว่าไม่รู้ว่ากั่วเอ๋อร์ของข้าคิดถึงศิษย์พี่ที่เป็นนักพรต หรือว่าศิษย์พี่ไห่กันแน่!” หานลี่ได้ยิน กลับตอบโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
“ท่านอาจารย์พูดซี้ซั้วอันใด กั่วเอ๋อร์แค่รู้สึกว่าศิษย์พี่ทั้งสองเป็นคนที่รู้จักวางตัวเท่านั้น ไหนเลยจะคิดถึงได้” ไป๋กั่วเอ๋อร์ได้ยินคำพูดหยอกล้อของหานลี่ ใบหน้าเล็กๆ ก็แดงระเรื่อ รีบอธิบายอย่างติดขัดทันที
แม้ว่าเด็กหญิงผู้นี้จะยังอยู่ในวัยเยาว์ แต่คนของแดนวิญญาณค่อนข้างโตเร็ว แน่นอนว่าจึงรู้เรื่องของบุรุษและสตรีอยู่บ้าง
“ฮ่าๆ อาจารย์ล้อเจ้าเล่น ทว่ากลับไปเมืองเทวะสวรรค์ครั้งที่แล้ว ข้าได้มอบคาถาและยาลูกกลอนให้ศิษย์พี่ทั้งสองของเจ้าแล้ว ดังนั้นยี่สิบสามสิบปีนี้ข้าจะยังไม่กลับไป และจะไม่ไปรบกวนการฝึกบำเพ็ญเพียรของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นข้าได้ให้อาจารย์อาหงส์น้ำแข็งของเจ้าอยู่ที่ถ้ำพำนัก คอยชี้แนะการฝึกฝนให้พวกเขา ส่วนเจ้าเป็นเพราะมีพิษเย็นยะเยือกอยู่ในตัว จึงต้องตามข้ามา โชคดีที่พลังยุทธ์ของเจ้ายังตื้นเขิน ยามนี้แค่อาศัยพลังของยาลูกกลอนก็สามารถเพิ่มพลังยุทธ์ได้ ช่วงนี้ข้าเองก็กำลังเรียนรู้อิทธิฤทธิ์เป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องกักตนฝึกฝนทันที ดังนั้นจึงถือโอกาสนี้ไปเที่ยวเล่นที่แดนของสามจักรพรรดิเจ็ดราชาปีศาจก่อนถึงจะได้” ในที่สุดหานลี่ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ
“จากพลังยุทธ์ของท่านอาจารย์อาหงส์น้ำแข็ง ย่อมชี้แนะศิษย์พี่ทั้งสองได้แน่ ทว่าเหตุใดท่านอาจารย์ต้องมาที่นี่ด้วย สองสามปีก่อนก็พากั่วเอ๋อร์ไปเที่ยวทั่วเขตเสวียนเทียน หรือว่ากำลังตามหาสิ่งใด?” ไป๋กั่วเอ๋อร์ลังเลเล็กน้อย แล้วอดไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ได้หาของ แต่หาคน หากนางบรรลุขึ้นมาแดนวิญญาณ ข้าน่าจะได้ข่าวคราวของนาง” หานลี่ได้ฟัง ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยพึมพำ ใบหน้าเผยสีหน้าเงียบเหงาออกมา
“อ๊า หรือว่าคนผู้นี้คือญาติของท่านอาจารย์?” ดวงตาดำขลับของไป๋กั่วเอ๋อร์กลอกไปมา ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยขึ้น
“อืม เด็กอย่างเจ้ารู้ได้อย่างไร!” หานลี่ได้ยินก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
“ศิษย์แค่เดา ยามที่ท่านยายเอ่ยถึงท่านตาที่เสียไปหลายปีแล้ว สีหน้าและน้ำเสียงก็เหมือนกับท่านอาจารย์ในยามนี้อย่างไรอย่างนั้น หรือว่าญาติของท่านอาจารย์ผู้นี้คือท่านอาจารย์หญิง? ไป๋กั่วเอ๋อร์ไม่เคยได้ยินท่านอาจารย์พูดถึงมาก่อน” ไป๋กั่วเอ๋อร์ฉีกยิ้มอย่างไร้เดียงสา จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ
“เอาละ เรื่องของอาจารย์ เจ้าไม่ต้องอยากรู้ขนาดนั้นหรอก แม้ว่าหลักๆ แล้วการท่องเที่ยวครั้งนี้จะเพื่อตามหาคน แต่ก็ได้ประสบการณ์ในการผจญภัยพอดี ถึงอย่างไรเสียข้าก็เพิ่งบรรลุระดับผสานอินทรีย์ได้ไม่นาน ไม่ว่าพลังยุทธ์หรือระดับจิตใจก็ยังต้องฝึกฝน ถึงจะสำแดงความมั่นคงในการฝึกฝนขั้นต่อไปได้ จากนี้จะไปที่เขตเทียนหลิง ได้ยินว่าหลังจากที่จักรพรรดิวิญญาณเพลี่ยงพล้ำ ที่นี่ก็วุ่นวาย หวังว่าพวกเราจะได้ประโยชน์อันใดจากที่นี่ก็แล้วกัน” หลังจากที่หานลี่แววตาเปล่งประกาย ก็เอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“เขตเทียนหลิง ได้ยินว่าอีกไม่กี่ปีจะจัดการแข่งขันคัดเลือกจักรพรรดิวิญญาณคนใหม่ เช่นนั้นท่านอาจารย์ก็เข้าร่วมสิ ชิงตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณมาให้ได้ จากอิทธิฤทธิ์ของท่านอาจารย์ น่าจะมีโอกาสนะ” ไป๋กั่วเอ๋อร์ฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วเอ่ยขึ้น
“หึๆ พูดจาซี้ซั้วอันใด พลังยุทธ์ของข้าไหนเลยจะมีโอกาสได้ตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณมา อีกอย่างข้าไม่ได้สนใจตำแหน่งนี้ เอาละ เจ้ากระตุ้นศาสตรายุทธ์ดีๆ เถิด อาจารย์จะศึกษาเนื้อหาในคัมภีร์” หานลี่หัวเราะร่า จากนั้นก็ไม่สนใจเด็กหญิงพลางก้มหน้าศึกษาคัมภีร์โบราณในมือต่อ
ไป๋กั่วเอ๋อร์เห็นท่าทางของหานลี่ แม้ว่าจะมีคำถามอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ทำได้เพียงยู่ปากไม่กล้าเอ่ยถามอันใดอีก
นางเพิ่มความเร็วในการบรรจุพลังปราณเข้าไปในจานอาคม ชั่วขณะนั้นรถเหาะสีเขียวพลันสั่นเทาเล็กน้อย แล้วเพิ่มความเร็วขึ้นสองสามส่วน
หานลี่ไม่สนใจสิ่งนี้ ราวกับว่ากำลังจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ในมือ
ดังนั้นรถเหาะสีเขียวจึงกลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งแหวกอากาศไปอย่างเงียบเชียบ
ชั่วพริบตาลำแสงสีเขียวก็หายวับไปจากบริเวณนั้น
สิบยี่สิบปีต่อจากนี้หานลี่ก็เหยียบเข้าไปในแดนต่างๆ ของสามจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ และมีข่าวคราวแพร่งพรายออกไปเป็นครั้งคราว
แต่หลังจากยี่สิบปีผ่านไป หานลี่ไม่ได้คราวข่าวจากในเผ่ามนุษย์เลยสักนิด กลับมีข่าวคราวจากเผ่าปีศาจระดับสูงในแดนของเจ็ดราชาปีศาจ ว่าเคยมีคนเห็นเงาร่างของหานลี่ในย่านร้านค้าของเผ่าปีศาจ
ทว่าเป็นเพราะทั้งสองเผ่าไม่ค่อยติดต่อกัน จึงทำให้สิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างสนใจหานลี่รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ยี่สิบสามสิบปีต่อมา ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ ของหานลี่อีก
……
วันเวลาไหลผ่าน เวลาสองร้อยปีนับจากงานหมื่นสมบัติค่อยๆ ไหลผ่านไป
ช่วงเวลานี้ในเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจต่างเกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย
ในที่สุดตำแหน่งจักรพรรดิวิญญาณของเผ่ามนุษย์ก็ถูกสตรีผู้บำเพ็ญเพียรลึกลับที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อร้อยกว่าปีก่อนแย่งไป
แม้ว่าจักรพรรดิวิญญาณองค์ใหม่ผู้นี้จะมีพลังยุทธ์แค่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง แต่คาดไม่ถึงว่าทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรที่คิดจะแย่งชิงตำแหน่งพ่ายแพ้ไปอย่างต่อเนื่องสิบเอ็ดคน หนึ่งในนั้นยังมีตัวประหลาดเฒ่าระดับขั้นปลายสามคน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสตรีผู้บำเพ็ญเพียรนี้เช่นกัน
ชั่วขณะนั้นเรื่องนี้ก็เลื่องลือไปทั่วทั้งเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจ ถูกสิ่งมีชีวิตระดับสูงของทั้งสองเผ่าพูดถึงกันเป็นเวลานาน
ทว่าด้วยเหตุนี้แม้ว่าจักรพรรดิวิญญาณองค์ใหม่ผู้นี้จะเพิ่งรับตำแหน่งได้ไม่นาน แต่ก็รับอำนาจของจักรพรรดิวิญญาณองค์เดิมได้อย่างราบรื่น และยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้แดนเทียนหลิงหลุดพ้นจากความวุ่นวายได้อย่างรวดเร็ว กลับมาเป็นระเบียบอีกครั้ง
ชื่อเสียงของสามจักรพรรดิจึงกลับมาสมคำเลื่องลืออีกครั้ง
เรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งคือ ‘เกาะศักดิ์สิทธิ์’ ที่ซึ่งเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจได้ออกประกาศว่า ทั้งสองเผ่าและเผ่าอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณรอบต้องพักรบกันชั่วคราว และยิ่งไปกว่านั้นยังสร้าง ‘พันธสัญญาพันปี’ ขึ้น ภายในระยะเวลาพันปีเผ่าต่างๆ ไม่เพียงจะต้องไม่เปิดสงครามกัน กลับจำต้องปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา
เรื่องนี้ย่อมทำให้สิ่งมีชีวิตธรรมดาของทั้งสองเผ่าเกิดความโกลาหลขึ้น!