A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1839 แมลงกลืนทองกลายพันธุ์อีกครั้ง

“น้องหญิงออกแรงที่ไหนกัน ล้วนเป็นเพราะพี่หานวางเขตอาคมเอาไว้ ถึงได้บรรจุพลังปราณฟ้าดินเอาไว้ได้ มิเช่นนั้นจากพลังยุทธ์ระดับเทพแปลงของน้องหญิงจะมีอิทธิฤทธิ์นี้ได้อย่างไร” หงส์น้ำแข็งหัวเราะน้อยๆ ออกมา แววตาสดใสราวกับมีวารีหล่อเลี้ยงอยู่

“ท่านอาจารย์กลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียรขั้นกลางแล้วจริงๆ เยี่ยมไปเลย เช่นนี้ท่านอาจารย์ก็ไม่ต้องกลัวแม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรระดับขั้นปลายแล้วสินะ” ไห่ต้าเซ่ายกยิ้มแล้วเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ

“เจ้าพูดซี้ซั้วอันใด ผู้บำเพ็ญเพียรระดับขั้นปลายเป็นผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ระดับไหน ไหนเลยที่อาจารย์จะเทียบได้ ทว่าเจ้ากลับมาครั้งนี้พอดีเลย หลังจากออกจากการกักตนอีกไม่นานก็จะเข้าสู่แดนรกร้างอีกครั้ง เดาว่าแม้ทุกอย่างจะราบรื่น การไปกลับก็ต้องใช้เวลานานถึงร้อยสองร้อยปี ก่อนจากไป ข้าต้องการพบศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้าทั้งสามคน จะชี้แนะการฝึกฝนในอนาคตให้พวกเจ้าสักหน่อย พวกเจ้าสามคนต้องพัฒนาระดับขั้นสักสองสามระดับก่อนที่เคราะห์มารจะปะทุ ชี่หลิงจื่อนั้นไม่ต้องพูดถึง เขาผนึกทารกวิญญาณได้แล้ว ข้าได้ยินท่านอาจารย์อาน้ำแข็งของเจ้าพูดถึงแล้ว กั่วเอ๋อร์ก็อยู่ในระดับหลอมรวมขั้นปลาย อยู่ห่างจากระดับผนึกทารกวิญญาณไม่ถึงร้อยปีแล้ว กลับเป็นพลังยุทธ์ของเจ้าที่อยู่แค่ระดับขั้นกลางมันช้าไปหน่อยจริงๆ” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ท่านอาจารย์ ข้าเป็นผู้ฝึกตนคู่บำเพ็ญเพียร ช้าหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ ศิษย์ไม่ได้แอบอู้ในการฝึกฝนเลยสักนิด” ได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึมของหานลี่ ไห่ต้าเซ่าก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง อดที่จะเอ่ยพึมพำออกมาไม่ได้

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าการเป็นผู้ฝึกตนผู้บำเพ็ญเพียรนั้นยากลำบาก แต่หลังจากที่เคราะห์มารปะทุแล้ว มารโบราณเหล่านั้นย่อมไม่สนว่าเจ้าฝึกฝนลำบากหรือไม่ มีเพียงแค่ความแข็งแกร่งของตัวเจ้าเองถึงจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าให้ผ่านพ้นเคราะห์มารไปได้” หานลี่กลอกตาเล็กน้อยตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์

“ขอรับท่านอาจารย์ ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝนมากกว่านี้” ครั้งนี้ไห่ต้าเซ่าไม่กล้าอธิบายอะไรอีก

“เอาล่ะ อีกเดี๋ยวข้าจะใช้ยันต์หมื่นลี้แจ้งชี่หลิงจื่อและกั่วเอ๋อร์ให้รีบกลับมา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในเมืองเทวะสวรรค์ชั่วคราว ข้าจะชี้แนะการฝึกบำเพ็ญเพียรของเจ้าก่อน ยามนี้ก็ออกไปก่อนเถิดข้ามีเรื่องต้องคุยกับท่านอาจารย์อาน้ำแข็งของเจ้าตามลำพัง” หานลี่พยักหน้าแต่ก็ออกคำสั่งทันที

“น้อมรับคำสั่งขอรับ ท่านอาจารย์!” ไห่ต้าเซ่าย่อมตอบรับทันที จากนั้นก็ถอยออกไปจากห้องโถง

“เซียนหงส์ ยินดีกับเจ้าด้วย ไม่เพียงพลังปราณจะฟื้นฟูกลับมา ยามนี้พลังยุทธ์ยังเพิ่มขึ้นอีกขั้น!” หานลี่รอให้เงาร่างของไห่ต้าเซ่าหายวับไปจากประตูห้องโถงแล้วถึงได้หันหน้ากลับมาเอ่ยกับหงส์น้ำแข็งด้วยรอยยิ้ม

“นี่เป็นเพราะพี่หานคอยช่วยเหลือ หากไม่มียาลูกกลอนคอยสนับสนุน น้องหญิงจะฟื้นฟูพลังปราณได้รวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร กลับเป็นพี่หานแค่สองสามร้อยปีก็สามารถพัฒนาระดับมาอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางได้แล้ว นี่ถึงจะเป็นที่เรื่องน่าตกตะลึง ดูแล้วพี่หานคงคิดจะทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นปลายก่อนที่เคราะห์มารจะปะทุจริงๆ” หงส์น้ำแข็งฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ยตอบ

“หึๆ เซียนหงส์ช่างมีดวงตาเฉียบแหลมนัก ผู้แซ่หานวางแผนไว้เช่นนั้นจริง แต่ยามที่จะทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นกลางเกรงว่าจะต้องอาศัยพลังหยินหงส์สวรรค์ของเซียน” หานลี่เอ่ยอย่างแช่มช้า

“พี่หานวางใจ ถึงเวลานั้นน้องหญิงก็น่าจะมีพลังยุทธ์ระดับเทพแปลงขั้นปลายแล้ว ประสิทธิภาพของพลังหยินคงมีประโยชน์กับพี่หานมากกว่าเดิม ทว่าแม้ว่าข้าจะมีพลังยุทธ์ตื้นเขิน แต่จากการอ่านคัมภีร์ในถ้ำพำนักก็รู้ถึงระดับความยากของการบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย เกรงว่าคงยากกว่าจุดคอขวดที่พี่หานประสบมาสินะ! พี่หานมั่นใจกี่ส่วนหรือ” หงส์สวรรค์เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาขณะเอ่ยถาม

“หึๆ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ในเผ่ามนุษย์ของพวกเรามีเป็นร้อยคน แต่ผู้ที่ไปถึงระดับขั้นปลายกลับมีไม่ถึงสิบคน และสหายที่ฝึกฝนจนถึงระดับขั้นปลายได้ก็เป็นอัจฉริยะที่หาได้ในรอบหมื่นปี ข้าจะกล้ามั่นใจได้อย่างไร คงทำได้เพียงลองพยายามดูเท่านั้น” หานลี่ลูบใต้คางแล้วตอบอย่างไม่คิดเช่นนั้น

“เหอะๆ หากคนอื่นๆ กล่าวเช่นนี้ข้าคงเชื่อจริงๆ แต่ในเมื่อพี่หานมีแผนการเช่นนี้เกรงว่าคงมั่นใจว่าจะพัฒนาระดับขั้นปลายได้มากกว่าสามสี่ส่วนสินะ!” หงส์น้ำแข็งเผยแววตาเจ้าเล่ห์ออกมาขณะเอ่ย

“ฮ่าๆ หากสหายหงส์คิดเช่นนั้นจริงก็แล้วแต่เซียน” หานลี่ได้ยินเช่นนี้พลันตกตะลึง แต่ครู่ต่อมาหัวเราะร่า

“ทว่าพี่หานคิดจะทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นปลาย ยามนี้ออกมาจากเผ่ามนุษย์นานขนาดนี้มันไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาดเลย เคราะห์มารใกล้จะปะทุแล้ว แม้ว่าเผ่ามนุษย์ของพวกเราจะลงนามในพันธสัญญากับเผ่าอื่นแต่ก็ยิ่งเพิ่มความวุ่นวายกับเผ่าอื่นๆ ที่อยู่ติดกับแดนรกร้าง” น้ำเสียงของหงส์น้ำแข็งเปลี่ยนไป เอ่ยอย่างกังวลใจเล็กน้อย

“จุดนี้ข้าย่อมรู้ดี ทว่าการเดินทางครั้งนี้สำคัญมาก เป็นสิ่งที่ต้องทำ” หานลี่หุบยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

“ในเมื่อพี่หานกล่าวเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของตน น้องหญิงจะไม่พูดมากแล้ว กลับเป็นพี่หานที่เพิ่งบรรลุระดับขั้นกลาง ทางที่ดีควรทำให้ระดับขั้นมั่นคงเสียก่อน ค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย” หงส์น้ำแข็งหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ย

“ขอบพระคุณเซียนหงส์ที่เตือน เดิมข้าก็ไม่ได้คิดจะเคลื่อนไหวทันที อย่างน้อยก็ต้องรออีกสักสองสามปีค่อยออกเดินทาง ยามนี้อนาคตของศิษย์ทั้งสามของข้าคงต้องฝากเอาไว้ที่สหายหงส์น้ำแข็งแล้ว” หลังจากที่หานลี่หัวเราะน้อยๆ ก็เอ่ยออกมาอย่างมีแผนการ

“เหอะๆ ศิษย์ในนามของท่านทั้งสามนอบน้อมต่อข้ามาก ต่อให้พี่หานไม่พูดข้าก็จะพยายามชี้แนะพวกเขาอยู่แล้ว จุดนี้พี่หานโปรดวางใจเถิด” หงส์น้ำแข็งหัวเราะคิกคักขณะเอ่ยตอบรับ

“งั้นต้องขอบคุณเซียนหงส์แล้ว ใช่แล้ว ก่อนจากไปหากสหายพบปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้ ก็เอาป้ายแทนตัวของข้าไปหาตระกูลกู่หรือปรมาจารย์จินเย่ว์ของเมืองเทวะสวรรค์…”

หานลี่พลันดีใจแล้วมอบหมายงานให้กับหงส์น้ำแข็งต่อ เสียงสดใสดังก้องกังวานภายในห้องโถงไม่หยุด

สองเดือนต่อมาชี่หลิงจื่อที่ได้รับข่าวนี้ก็รีบกลับมายังถ้ำพำนักของหานลี่จากเมืองเทวะสวรรค์

ครึ่งปีต่อมาไป๋กั่วเอ๋อร์ก็กลับมาเช่นกัน

ดังนั้นทั้งสองคนและไห่ต้าเซ่าก็ได้รับการชี้แนะจากหานลี่ด้วยตัวเอง ทำให้จุดที่ไม่เข้าใจในการฝึกบำเพ็ญเพียรก่อนหน้าค่อยๆ สว่างไสวขึ้น

ส่วนข่าวการพัฒนาระดับขั้นกลางของหานลี่ก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้แพร่งพรายออกไป โลกภายนอกจึงไม่รู้เลยสักนิด

เช่นนั้นเวลาสามปีจึงผ่านไปภายในพริบตา

วันนี้ประตูของถ้ำพำนักเปิดออกอย่างช้าๆ หานลี่สวมชุดคลุมสีเขียวเดินออกมา

ด้านหลังมีหงส์น้ำแข็งและลูกศิษย์ในนามทั้งสามเดินตามมาติดๆ

“เซียนหงส์ไม่ต้องไปส่งแล้ว วันข้างหน้าพวกเจ้าสามคนก็อย่าขี้เกียจฝึกฝน หากมีจุดใดที่ไม่เข้าใจก็ให้ไปขอคำแนะนำจากเซียน” หานลี่หันกายมาคารวะหงส์น้ำแข็งเล็กน้อยและเอ่ยกับไป๋กั่วเอ๋อร์และพวกทั้งสามคนอย่างราบเรียบ

“ขอรับท่านอาจารย์พวกเราจะไม่พลาดการฝึกฝนแน่”

“พี่หานเดินทางปลอดภัย!”

ไป๋กั่วเอ๋อร์และพวกทั้งสามคนทยอยกันคุกเข่าคารวะหานลี่ ส่วนหงส์น้ำแข็งก็ทำความเคารพเช่นกัน

หานลี่พยักหน้าเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบกลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งออกไปโดยไม่ได้กล่าวอันใด หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศไป

หลังจากผ่านไปชั่วครู่สายรุ้งสีเขียวก็หายวับไปจากขอบฟ้า

“กลับไปเถิด หวังว่าอาจารย์ของพวกเจ้าจะเดินทางได้อย่างราบรื่น เจ้าสามคนก็อย่าเพิ่งรีบออกจากถ้ำพำนัก เรียนรู้สิ่งที่ท่านอาจารย์ของเจ้าถ่ายทอดให้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ในที่สุดหงส์น้ำแข็งก็ชักสายตากลับมาแล้วเอ่ยกับไห่ต้าเซ่าและพวกทั้งสามคนด้วยเสียงแผ่วเบา

ไห่ต้าเซ่าและพวกทั้งสามคนย่อมเอ่ยตอบรับ

ดังนั้นทั้งสี่คนจึงหันกายกลับไปที่ถ้ำพำนัก หลังจากที่ประตูหินสีเขียวลดระดับลงมาแล้ว บรรยากาศรอบๆ ก็กลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง

……

สายรุ้งสีเขียวพุ่งออกไปเป็นหมื่นจั้ง หานลี่ที่อยู่ในลำแสงหลีกหนีสีเขียวกลับกำลังขบคิดอันใดอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ฉับพลันนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกาย สะบัดแขนเสื้อลำแสงสีทองดวงหนึ่งพุ่งออกไปหมุนวนอยู่ล้อมรอบลำแสงหลีกหนี

มือหนึ่งตะปบไปยังลำแสงสีทอง

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันส่งเสียงหึ่งๆ คาดไม่ถึงว่าจะจมหายไปในมือของเขา ลำแสงหม่นลง คาดไม่ถึงว่าจะเผยแมลงเกราะอัปลักษณ์ขนาดเท่าฝ่ามือตัวหนึ่งออกมา

แมลงวิญญาณนี้มีสีทองเรืองรองรูปร่างเหมือนกับแมลงกลืนทองโตเต็มไวอย่างไรอย่างนั้น แต่ผิวกลับมีลวดลายหลากสีสันเผยความลึกลับออกมา

หานลี่จ้องเขม็งมองแมลงตัวนั้น ฉับพลันนั้นก็ผิวปากเบาๆ

แมลงวิญญาณสยายปีกทั้งสองออกบินไปมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันลวดลายห้าสีก็เปล่งประกายราวกับมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!

เห็นเพียงลวดลายบนตัวของแมลงวิญญาณบิดเบี้ยว ร่างกายค่อยๆ โปร่งใสขึ้น ภายใต้ลำแสงวิญญาณที่สาดส่องลงมา คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏขึ้นรางๆ ราวกับภาพลวงตา

ขยับฝ่ามือ แมลงวิญญาณบินขึ้นไปและเปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นมุมปากก็อดที่จะเผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้ พลันพลิกฝ่ามือตะปบออกไป

หว่างนิ้วทั้งห้ามีหมอกลำแสงห้าสีสว่างวาบ แมลงวิญญาณที่รางเลือนตัวนั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง และถูกคว้าไว้ในมือแน่นแต่ร่างของแมลงตัวนั้นกลับยังคงเปล่งแสงเรืองๆ

“ยาลูกกลอนเจ็ดสีเหล่านั้นมีประสิทธิภาพเหมือนในตำนานจริงๆ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้แมลงกลืนทองโตเต็มวัยเหล่านี้กลายพันธุ์อีกครั้ง ไม่เพียงจะพัฒนาเร็วกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก ยังมีอิทธิฤทธิ์ในการอำพรางกาย หากใช้ต่อสู้คงมีประโยชน์มาก” หานลี่เอ่ยพึมพำแล้วเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา

แมลงเกราะอัปลักษณ์ตัวนี้ย่อมเป็นแมลงกลืนทองกลายพันธุ์ที่พัฒนาระดับขึ้นอีกครั้งโดยที่หานลี่ใช้แก่นปีศาจมัจฉาสายรุ้งเหินจำนวนมากปรุงยาลูกกลอนเจ็ดสีออกมาเลี้ยงดู

ผลจากการกลายพันธุ์ของแมลงในครั้งนี้ทำให้หานลี่รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก

แมลงกลืนทองกลายพันธุ์เหล่านี้ไม่เพียงจะมีพรสวรรค์ในการอำพรางกาย และยิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าระดับความโหดเหี้ยมหรือความแข็งแกร่งของร่างกายก็ร้ายกาจกว่าแมลงกลืนทองโตเต็มวัยเดิมสามส่วน

หานลี่มั่นใจว่าหากสามารถควบคุมแมลงวิญญาณชนิดนี้หมื่นตัวต่อกรกับศัตรูได้ เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับขั้นปลายเห็นเข้าก็คงทำได้เพียงหนีเตลิดเปิดเปิง

น่าเสียดายแม้ว่าเขาจะพัฒนาระดับขั้นกลางแล้ว ระดับความแข็งแกร่งของจิตสัมผัสก็ไม่เพียงพอที่จะควบคุมแมลงวิญญาณจำนวนเท่านั้นได้

ทว่ารอให้เขาบรรลุระดับขั้นปลายแล้วฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตสัมผัสขั้นที่สองก็อาจจะควบคุมแมลงวิญญาณจำนวนมากได้ภายในครั้งเดียว

นี่เป็นสาเหตุที่หานลี่รีบบรรลุระดับขั้นปลาย ขอแค่พลังยุทธ์ถึงระดับนั้นเขาก็มีเครื่องมือสังหารเพิ่มขึ้นแล้ว

เขาพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่งสะบัดแขนเสื้อแมลงกลืนทองในมือเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

เขาพลันร่ายอาคมกระตุ้นอีกครั้ง!

สายรุ้งสีเขียวพลันสั่นเทา ชั่วขณะนั้นความเร็วพลันเพิ่มขึ้นพุ่งไปทางเมืองเทวะสวรรค์

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Type: Author: ,
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset