“ของที่ไม่สามารถปฏิเสธได้รึ” หานลี่เมื่อได้ฟัง แน่นอนว่าย่อมตกใจ ในใจอดลอบพึมพำออกมาไม่ได้
ชิงหยวนจื่อและจินเยี่ยนโหวเมื่อเห็นอย่างนี้ก็ลอบสบตากัน สีหน้าล้วนปรากฏความประหลาดใจออกมา ราวกับคาดเดาได้ถึงสิ่งใด
“เมื่อครู่เจ้าฟังอยู่นาน คงเดาได้แล้วว่าข้าคือผู้อาวุโสของเผ่าแมลงเม่า แม้เผ่าแมลงเม่าอย่างพวกเราจะมิอาจเทียบได้กับตระกูลสุดยอดอย่างเผ่าแมลงมีเขาหรือเผ่าทะเล แต่ก็มีสิ่งที่เหนือธรรมชาติซึ่งทั้งโลกวิญญาณนี้ก็มิอาจมีผู้ใดที่สามารถก้าวก่ายได้” ท่านผู้อาวุโสมิได้เอ่ยออกมาแก่หานลี่ตรงๆ ว่าจะนำสิ่งใดมาเพื่อแลกเปลี่ยน แต่กลับเอ่ยคำพูดที่ลึกล้ำเกินคาดเดาได้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ต่อมาเขาก็คว้าอากาศเบื้องหน้าด้วยมือเดียว สมบัติเหล่านั้นที่เดิมลอยเคว้งอยู่ ทันใดนั้นก็สะท้อนกลับมากลายเป็นแสงวิญญาณจำนวนหนึ่ง สมบัติถูกแสงนี้ดึงกลับมาเก็บไว้ในแขนเสื้ออีกครั้ง
“วิชากันแมลงรึ” หานลี่เมื่อได้ฟัง ในใจก็ประหวั่น ก่อนเอ่ยออกมาตรงๆ
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว การฝึกแมลงและวิชาการกำจัดแมลงของเผ่าข้าสามารถทำให้ท่องไปในโลกวิญญาณอย่างลำพังได้แน่นอน ต่อให้มันจะเทียบได้กับด้านอื่นๆ ของเผ่าอื่นก็ตาม มันก็ยังด้อยกว่าเล็กน้อย ของที่ข้านำมาแลกเปลี่ยนให้ท่านนี้ก็คือของสองประเภทจากเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเอ็ดประเภท ซึ่งถูกเลี้ยงด้วยแมลงวิญญาณของผู้อาวุโสอย่างระมัดระวัง เพียงมีแมลงวิญญาณนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ท่านถูกมองในฐานะเดียวกัน” ชายชรากล่าวอย่างภาคภูมิใจ แล้วดีดสองนิ้วเข้าด้วยกัน แมลงสีม่วงและสีเขียวที่ขนาดเท่าหัวแม่โป้งก็สาดส่องออกไป และบินวนหมุนเวียนอยู่เหนือโต๊ะ
ในบรรดาแมลงวิญญาณสองตัวนี้ ตัวหนึ่งมีประกายไฟสีซีดจางๆ กะพริบอยู่บนพื้นผิวกาย และหัวของอีกตัวหนึ่งนั้นคล้ายกับศีรษะมังกรขนาดเล็กที่หดตัวลงมาไม่รู้กี่เท่า
“นี่ก็คือแมลงแห่งดวงดาวรึ” สีหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไป แววตาดูแปลกประหลาดขึ้นมา
“หนอนสีม่วงและหนอนมังกรดินหรือ ศิษย์พี่ซวีหลิง เหตุใดจึงตัดใจนำหนอนวิญญาณสองชิ้นนี้มาแลกเปลี่ยนเล่า” จินเยี่ยนโหวที่เมื่อได้เพ่งมองให้ชัดถึงของสิ่งนี้ก็พลันเสียงขาดหายไปทันที
ชิงหยวนจื่อเองก็หน้าเปลี่ยนสี มีท่าทางที่ตกใจเช่นกัน
“หือ ท่านจะรู้อะไร หากเป็นเมื่อก่อน น้ำนมศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่คู่ควรกับที่ข้าจะต้องทุ่มเทไปอย่างมากเลย แต่ตอนนี้สำหรับข้าน้ำนมนี้สำคัญยิ่ง ต้องมีไว้ให้ได้ หนอนศักดิ์สิทธิ์สองตัวนี้ล้วนเป็นหนอนศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าเพาะเลี้ยงอย่างระมัดระวังมาหลายปี เดิมทีพลังของมันก็เพียงพอที่จะต่อกรกับผู้บำเพ็ญระดับผสานอินทรีย์ตอนต้นได้เลย ขอเพียงเจ้าตกลงแลกเปลี่ยนแมลงวิญญาณ ข้าจะลบความจำของมันที่มีต่อเจ้าของทันที และจะช่วยให้ท่านกำราบมันให้ได้ เหอๆ สามารถทำได้เยี่ยงนี้ ทั่วทั้งเผ่าแมลงเม่านั้นเกรงว่าคงจะมีเพียงข้าเท่านั้นล่ะ” ท่านผู้อาวุโสร้องเหอะในลำคอ ก่อนเอ่ยออกมาอย่างขมขื่น
“เทียบเท่าได้กับผู้บำเพ็ญพรตระดับผสานอินทรีย์เชียวรึ” หานลี่มองไปยังหนอนวิเศษทั้งสองตัวก่อนหายใจเอาอากาศเย็นเข้าไปลึกสุดปอด อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหวขึ้นมา
แต่เมื่อเขาขบคิดใหม่ เหล่าแมลงกลืนทองกว่าหมื่นตัวเหล่านั้นที่ตนเลี้ยงไว้ในท่ามกลางแหวนสัตว์วิญญาณจวบจนวันนี้ก็ยังมิอาจสั่งการได้ดั่งใจ ก็รีบลบล้างความคิดนั้นออกไปเสีย
แม้ว่ารูปร่างของแมลงกลืนทองมิอาจสู้หนอนประหลาดสองตัวที่อยู่ตรงหน้าได้ แต่หากต้องปล่อยให้เกิดการต่อสู้นับร้อยนับพันครั้งล่ะก็ เกรงว่าหนอนวิเศษสองตัวนี้คงถูกกลืนเสียจนสะอาดแน่
“หนอนวิเศษเหล่านี้ของท่านผู้อาวุโส แม้จะไม่ธรรมดา แต่ผู้น้อยเองก็มีแมลงวิเศษอยู่แล้ว……” มุมปากหานลี่เกร็งกระตุกขึ้น ก่อนจะเงียบอีกครั้งภายใต้แววตาคมดุจมีดของผู้อาวุโส
“เจ้าว่าอะไรนะ แมลงวิเศษของเจ้าจะเทียบชั้นกับของข้าได้หรือ เจ้าเด็กนี่ ความอดทนของข้าได้มาถึงขีดจำกัดแล้วนะ อย่ามายั่วโมโหข้านะ” ผู้เฒ่าซวีหลิงเกิดประกายในดวงตาของเขา และรัศมีความชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
หานลี่เมื่อเห็นอย่างนี้ เขาตกใจมาก แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอธิบายอะไร ชิงหยวนจื่อที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยปากเอ่ยอะไรออกมาอย่างทันที
“ท่านพี่ซวีหลิงอย่าเพิ่งโกรธเลย คำพูดที่สหายหานเพิ่งเอ่ยไป เกรงว่าจะไม่ได้ตรงกับใจนัก จริงอยู่ที่เขามีแมลงวิเศษมากมายอยู่ ในแง่ของชื่อเสียง ข้าเกรงว่ามันจะอยู่เหนือหนอนวิเศษของสหายจริงๆ”
“น้องเจียง ต่อให้เขาคิดจะเข้าข้างเจ้าเด็กนี่ ก็ไม่ควรอ้างเหตุผลที่ย่ำแย่เช่นนี้ เขาเองก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญระดับผสานอินทรีย์ จะเทียบกับหนอนวิเศษของข้าได้อย่างไร นอกจากนี้ หนอนวิญญาณที่ทรงพลังที่สุดสองสามตัวที่เลี้ยงโดยข้า ผู้ที่เคยพบเห็นพวกมันจะไม่อยู่ในโลกแล้ว สหายเจียงจะรู้ดีมากน้อยเท่าใดกันเชียว” ชายชราเหลือบมองไปยังชิงหยวนจื่อก่อนเอ่ยด้วยท่าทางเย็นชา
“เหอะๆ บางทีพี่ซวีหลิงอาจจะมีหนอนวิเศษที่เก่งกาจยิ่งกว่าจริงๆ แต่หนอนวิเศษนั้น สหายคงไม่นำออกมาแลกเปลี่ยนกระมัง หากเป็นอย่างนั้นจริง อาศัยเพียงหนอนวิเศษ ยังมิอาจจะเทียบได้กับสหายหานหรอก” หางตาของชิงหยวนจื่อยกขึ้น เอ่ยคำพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เหอะๆ เป็นเช่นนั้นหรือ เกรงว่าสหายเจียงจะไม่ทราบกระมัง หนอนวิเศษที่ข้าบ่มเพาะมีมากถึงเจ็บสิบสองชนิด นอกจากหนอนวิญญาณสองสามประเภทที่เกิดที่กลายพันธุ์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว หนอนอื่นๆ หากนำมาแลกเปลี่ยนกับน้ำนมศักดิ์สิทธิ์ก็มิใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดหูเปิดตาหน่อยแล้วกัน”
ทันทีที่เสียงหายไป ทันใดนั้นม่านพลังงานสีดำก็โผล่ออกมาจากร่างของชายชรา ทำให้ร่างกายส่วนใหญ่จมไปในนั้น จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าหากัน พลางพึมพำคำพูดในปากของเขา ริมฝีปากบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
ทันใดนั้นเสียงต่ำและสั่นสะเทือนทุกอย่างก็ปะทุขึ้นพร้อมๆ กัน และพลังงานสีดำก็เกลือกกลิ้งลงมา และทันใดนั้นแมลงวิญญาณหลายร้อยตัวก็บินออกมา
บางตัวก็ใหญ่เสียจนเทียบเท่าศีรษะคน บางตัวก็เล็กราวกับเมล็ดถั่ว สีต่างกันออกไป แต่ทุกชนิดล้วนน่าเกลียดน่ากลัว พลังจิตก็รุนแรง
“หนอนที่มีลายพาดสีทองนี้คือ หนอนกายเพชร ตลอดกายทั้งแข็งแกร่งหาสิ่งใดเทียบได้ ต่อให้เป็นกลองหลิงเป่าก็มิอาจทำลายได้แม้กระผีก หนอนอีกประเภทที่ถูกปกคลุมด้วยแสงอาทิตย์คือหนอนพิฆาต เก่งในเรื่องกลืนกินวิญญาณชั่วร้าย พลังชีวิตโชติช่วงนัก ในเวลาอันใกล้นี้ยังไม่สิ้นชีพแน่นอน แม้จะเฉือนเป็นชิ้นเล็กๆ ก็สามารถกลับฟื้นคืนชีพได้ดังเดิม ในส่วนของหนอนวิเศษที่เหมือนกับตั๊กแตนสีเลือด ก็คือตั๊กแตนปีศาจที่เลื่องชื่อนั่นเอง ถึงแม้นว่าพวกมันดูเหมือนว่าพลังจิตไม่สูงมาก แต่ก็ยังเป็นหนอนวิเศษที่เป็นกลุ่มก้อน และเป็นประเภทหนึ่งที่โหดร้ายที่สุดในบรรดาหนอนวิเศษทั้งหมด มันสามารถกลืนกินมังกรน้ำได้ทั้งตัวเลย เมื่อความดุร้ายผงาดออกมา แม้แต่ข้าก็ยังปวดหัวอยู่หลายส่วน” ผู้อาวุโสใช้มือชี้ไปยังหนอนวิเศษเหล่านั้นที่อยู่เบื้องหน้า ราวกับกำลังแนะนำลูกรักในบ้านอย่างทะนุถนอม
ตามที่คาดไว้ หนอนวิเศษนี้ล้วนเป็นสายพันธุ์ที่หาได้ยากในโลกแห่งวิญญาณ และแม้แต่หานลี่ก็เคยได้ยินเกี่ยวกับพวกมันเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
ที่หายากกว่านั้นคือ หนอนวิเศษเหล่านี้ได้รับการบ่มเพาะจนเติบใหญ่อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อพวกมันจำเจ้านายได้อีกครั้งก็จะสามารถเรียกใช้พวกมันได้ มีประโยชน์เป็นอย่างมาก
“เป็นอย่างไรเล่า หนอนวิเศษเหล่านี้ พวกเจ้าก่อนหน้าเคยเจอมากี่ประเภทกัน เจ้าศิษย์น้องหาน ข้าจะแหกกฎสักครั้ง จะยอมให้เขาใช้น้ำนมศักดิ์สิทธิ์ในการแลกเปลี่ยนหนอนวิเศษได้หนึ่งชนิด การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ เจ้าคงพอใจแล้วกระมัง หากยังไม่รับปาก และยังไม่ยอมให้เหตุผลที่ฟังขึ้นกับข้าอีก งั้นก็อย่าโทษที่ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ” ขณะนั้นเองหานลี่กำลังตาลายละลานตากับภาพตรงหน้า
หานลี่ที่เมื่อได้ยิน กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็กระตุกเสียหลายที อดมองไปยังชิงหยวนจื่อไม่ได้
“สหายหาน นำแมลงวิเศษของท่านออกมาให้พี่ซวีหลิงดูสักหน่อยเถิด หลังจากที่เขาได้เห็นมัน ก็น่าจะเข้าใจ” ชิงหยวนจื่อพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยกับหานลี่ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ขอรับ ท่านผู้อาวุโส”
แม้ว่าหานลี่จะไม่เต็มใจ แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธคำขอนี้ได้ทันที เมื่อแขนเสื้อของเขาสะบัดออก ก็เกิดมีเสียงดังก้องขึ้น จากนั้นดอกไม้สีทองจำนวนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับหัวแม่มือก็บินออกมา
ทันทีที่ดอกไม้สีทองเหล่านี้บินออกมา ก็เปล่งประกายออกมา รูปร่างก็ขยายเพิ่มขึ้นมากหลายเท่าทันที มันกลายเป็นแมลงสีทองขนาดเท่ากำปั้น ภายใต้แสงสีทองนั้นดูเหมือนทำจากทองคำบริสุทธิ์
“แมลงกลืนทอง! มันยังเป็นตัวเต็มวัยอยู่ด้วย!” จินเยี่ยนโหวกล่าวอย่างเงียบๆ จ้องมองไปที่หนอนสีทองหลายสิบตัว ปรากฏสีหน้าตกใจบนใบหน้าของเขา
ผู้อาวุโสซวีหลิงร่างกายสั่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนมองไปยังแมลงกลืนทอง สีหน้าอารมณ์จู่ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจ
ชิงหยวนจื่อเมื่อเห็นสีหน้านี้ของผู้อาวุโส หัวคิ้วเขาก็ขมวด ปฏิกิริยาตอบโต้ของอีกฝ่ายไม่เหมือนกับที่คิดไว้เลย
แม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลกใจ ชิงหยวนจื่อกลับยังคงไม่แสดงสีหน้าใดก่อนเอ่ยคำพูด
“ตามความเข้าใจของข้า ท่านคงไม่อาจทำเป็นไม่รู้จักแมลงกลืนทองกระมัง ข้าคิดว่าสหายคงจะไม่ยอมรับไม่ได้ แมลงนี้มีชื่อเสียงเหนือหนอนวิเศษอื่นๆ เสียอีก ดังนั้นเรื่องหนอนวิเศษนี้สหายหานก็ไม่มีความจำเป็นใดต้องแลกเปลี่ยนหรอก และก็ไม่ได้คิดจะทำให้โกรธเคือง แน่นอนว่าหากพี่ซวีหลิงสามารถหาหนอนวิเศษที่ดีกว่าแมลงกลืนทองมาได้ ผู้แซ่เจียงจะไม่พูดจาไร้สาระอีก”
“หนอนวิเศษที่ดีกว่าเช่นนั้นหรือ หนอนกลืนทองที่โตเต็มหรือ ดี ดีมาก ฮ่าๆ ……” เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคิดไปหน่อย ผู้อาวุโสซวีหลิงมองแมลงกลืนทองเหล่านั้นแล้วพูด ติดๆ กันว่า “ดี” พลันก้มหน้าหัวเราะออกมา
ท่ามกลางเสียงหัวเราะกลับเต็มไปด้วยความเบิกบาน
แววตาของหานลี่ที่ได้เห็นฉากนี้ ดวงตาทั้งสองข้างก็อดที่จะหรี่ลงไม่ได้
ชิงหยวนจื่อมองไปยังผู้อาวุโสท่านนี้ ราวกับย้อนนึกถึงสิ่งใดขึ้นมาได้ หัวคิ้วขมวดขึ้น
แต่จินเยี่ยนโหวทองกลับมองไปยังหานลี่ด้วยแววตาวาวระยับ สีหน้าซับซ้อน
“พี่ซวีหลิง ท่าน……”
“น้องเจียง ไม่ต้องเอ่ยอะไรทั้งนั้น ข้าจะให้พวกเจ้าและชิงหยวนจื่อได้เจอกับหนอนวิเศษอีกอย่างที่ไม่เคยให้ผู้ใดได้ดูมาก่อน”
เพียงเอ่ยจบ ผู้อาวุโสก็พลันขยันแขนเสื้อทั้งสองข้าง หนอนวิเศษร้อยกว่าตัวที่เหลือเหล่านั้นก็ถูกไอดำหอบหุ้มเอาไว้ ก่อนทยอยหายไปในร่างกายอย่างไร้ร่องรอย
เมื่ออ้าปากอีกครั้ง ก็พ่นน้ำเต้าสีเงินสว่างวาววับออกมา มันหมุนเคว้งหลายที หลังจากนั้นก็คว่ำตัวลงก่อนเปิดฝาออก
เกิดเสียงหึ่งๆ ออกมา ราวกับมีเมฆก้อนหนึ่งพ่นออกมาจากด้านใน และกระจายตัวหายไปภายใต้แสงศักดิ์สิทธิ์นั้น เมื่อกะพริบวาบก็กลายเป็นแสงสีทอง ลอยเคว้งอยู่บนท้องฟ้าเหนือห้องโถง
“เป็นไปไม่ได้”
“นี่คือ?”
จินเยี่ยนโหวและชิงหยวนจื่อเมื่อเห็นสีหน้าที่แท้จริงของเมฆก้อนสีทองแล้ว ก็ราวกลับเสียงหายไปทั้งคู่
หานลี่มองไปยังแสงสีทองจุดจุดนั้นที่อยู่บนท้องฟ้า อดไม่ได้ที่จะถลึงตาออกมาสุดขีด
ด้วงสีทองที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีทองเหล่านั้น เป็นเพียงหนอนสีทอง ทว่ามันเหมือนกับแมลงกลืนทองของหานลี่ไม่ผิดเพี้ยน มันเองก็ส่งเสียงครางอย่างดุร้ายอย่างไม่หยุดยั้ง
“ผู้อาวุโสเองก็มี ‘แมลงกลืนทอง’ หรือ และยังเป็นตัวเต็มวัยอีกด้วย” ผ่านไปครู่ใหญ่ หานลี่จึงกดความประหวั่นในใจลง ถอนหายใจยาวพลางพึมพำออกมา
“ไม่เลว แมลงกลืนทองเหล่านี้แม้แต่ข้าเองก็ลืมไปแล้วว่าได้บ่มเพาะมาเมื่อหลายปีก่อน จวบจนกระทั่งหลายร้อยปีก่อนหน้านี้ถึงได้เข้าสู่ระดับเต็มวัยในที่สุด ความทุ่มเทเลือดเนื้อนี้สูญเสียไปเท่าไร พวกเจ้าคิดดูเอาก็คงทราบ ครั้งนี้ที่มาเรียกร้องน้ำนมศักดิ์สิทธิ์แห่งแม่น้ำยมโลกมากมายเพียงนี้ เจตนาเดิมก็เพียงต้องการใช้ไปกับหนอนพวกนี้” ผู้อาวุโสเอ่ยออกมาอย่างสุขุมผิดปกติ
“น้ำนมวิญญาณแห่งแม่น้ำยมโลกมีประโยชน์ต่อแมลงกลืนทองอย่างนั้นหรือ” หานลี่ที่ตื่นเต้นในใจ เอ่ยถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว