“สำนักผีสวรรค์ ธงมารแม่ลูกเที่ยงแท้! นี่ไม่ใช่สองในสิบอาวุธมารของแดนวิญญาณของพวกเราหรือ?” หานลี่ได้ยินชื่อเรียกทั้งสองก็ชักสีหน้า แล้วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“พี่หานต้องระวัง อาวุธมารทั้งสิบของแดนวิญญาณล้วนคัดลอกมาจากสมบัติที่มีชื่อเสียงของแดนวิญาณ ทั้งสองชิ้นในมือของมารทั้งสองเกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่าอาวุธมารทั้งสิบในแดนวิญญาณของพวกเรา ในเมื่ออีกฝ่ายมีสมบัติเหล่านี้ดูแล้วคงไม่อาจจัดการได้ง่ายๆ ไม่งั้นพวกเราอย่าสนใจมารสองตนนี้เลย หนีกันเถอะ คิดดูแล้วพวกเขาก็คงไม่ยอมเอาชีวิตมาขวางพวกเราหรอก” เซียนหยินกวงเตือนหานลี่อย่างรวดเร็วและเสนออย่างลังเลเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเซียนหยินกวงเห็นมารสองตนปรากฏขึ้นและมีสมบัติป้องกันตัวก็รู้ว่าโอกาสชนะมีไม่มากจึงเกิดความคิดอยากถอย
“สายไปแล้ว กว่าพวกเราจะไปถึงเมืองอี่เทียนต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งหากปล่อยให้มารสองตนนี้หลุดมือไปหนทางต่อจากนี้คงไม่ปลอดภัยแน่ ขอแค่สหายช่วยข้าดึงอีกคนออกไป ข้าก็จะจัดการเองทีละคน” หานลี่กลับถ่ายทอดเสียงมาอย่างแช่มช้าน้ำเสียงเต็มไปด้วยการไม่อาจปฏิเสธได้
เซียนหยินกวงย่อมเข้าใจเหตุผลที่หานลี่พูด ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกตกตะลึงและย่อมดีใจ ทันใดนั้นก็ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้าถ่ายทอดเสียงกลับไป
“ในเมื่อพี่หานมั่นใจว่าจะเอาชนะได้น้องหญิงก็จะช่วยเต็มที่ อีกเดี๋ยวข้าจะปล่อยสมบัติออกมากักขังหนึ่งในนั้นไว้ อีกตนหนึ่งก็มอบให้พี่หานก็แล้วกัน”
สิ้นเสียง เซียนหยินกวงก็ร่ายนิ้วทั้งสิบอย่างรวดเร็ว หน้ากากสีเงินบนใบหน้าเปล่งแสงสว่างวาบอักขระยันต์สีทองปรากฏขึ้นเต็มไปหมดยามแรกมีขนาดแค่เมล็ดข้าวสารแต่ชั่วพริบตาก็ปรากฏขึ้นทั่วหน้ากาก
สตรีผู้นี้ผิวปากหน้ากากสีเงินบิดเบี้ยวคาดไม่ถึงว่าจะหลุดออกมาจากใบหน้าของนาง
จากนั้นพลันพลิ้วไหวไปตามสายลมเบื้องหน้าของเซียนหยินกวงมีศีรษะของสตรีผู้งดงามขนาดสองสามจั้งปรากฏขึ้นใบหน้ามีลำแสงสีเงินระยิบระยับมีเรือนผมสีทองยาวสองสามฉื่อดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท
“ลงมือ”
เผ่ามารหัวโล้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นเช่นนี้แววตาก็ฉายแววเย็นชา ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนอย่างไม่ลังเลใดๆ แล้วกัดปลายลิ้นอ้าปากออกพ่นโลหิตสีดำสนิทออกมากลายเป็นหมอกโลหิตห่อหุ้มประตูผีสีเขียวบานนั้นเอาไว้
มารตนนี้เห็นหานลี่โจมตีชายชราเขาเดียวเมื่อครู่ก็ไม่ดูแคลนอีก เมื่อลงมือก็ใช้โลหิตบริสุทธิ์กระตุ้นสมบัติไม้ตายของตนเองออกมาอย่างไม่เสียดาย
ประตูยักษ์สีเขียวบานนั้นถูกหมอกสีโลหิตห่อหุ้มหน้าผียักษ์สองหัวที่สลักอยู่บนนั้นก็มีดวงตาสีแดงฉานคาดไม่ถึงว่าจะขยับไปมาราวกับมีชีวิตอ้าปากออกดูดหมอกโลหิตเข้าไปจนเกลี้ยง
ประตูยักษ์ที่แต่เดิมมีลวดลายเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับโลหิตในเวลาเดียวกันกลิ่นคาวคละคลุ้งก็โชยเข้ามาปะทะจมูก
หน้าผีสองตนชูคอขึ้นเปล่งเสียงกรีดร้องอย่างโหดเหี้ยมออกมาจากนั้นก็กระโจนออกมาด้านนอกคาดไม่ถึงว่าจะมีร่างผีอัปลักษณ์ยื่นออกมาจนเห็นบั้นเอว
เสียง ฟู่ๆ ดังขึ้น!
ร่างผีอัปลักษณ์สองตนบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะยื่นแขนออกมาข้างหนึ่งและตะปบไปที่วงแหวนสีดำด้านข้างประตูยักษ์แล้วออกแรงดึง
ประตูยักษ์ส่งเสียงดังสนั่นแล้วเปิดออกทีละนิดๆ
แม้ว่าจะเผยออกมาแค่รอยแยกแต่ด้านในก็มีพายุหมุนและเสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง
ส่วนเผ่ามารลายสีฟ้าที่อยู่อีกด้านพริบตาที่สหายร่วมวิถีส่งเสียงว่าลงมือก็ลงมือเช่นกัน
เขาและเผ่ามารหัวโล้นไม่เหมือนกัน มือหนึ่งร่ายอาคมอสรพิษบินสีแวววาวร้อยตัว ส่งเสียงระงมออกมา ดวงตาทั้งสองฉายแววโหดเหี้ยมปากพ่นไอเย็นเยียบสีฟ้าออกมาห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ข้างใน
จากนั้นมารตนนี้ก็ใช้จิตสัมผัสกระตุ้นธงมารสิบสามด้าน!
ชั่วขณะนั้นไอสีดำก็หมุนวนออกมาจากธง ธงมารเหล่านี้หมุนวนอีกครั้งกลายเป็นโครงกระดูกสีขาวสิบสามตัวทุกตัวมีความสูงเท่ามนุษย์ดวงตาทั้งสองข้างฉายแสงสีโลหิตและบิดกายไปมาอ้าปากพ่นเสียงหัวเราะของสตรีที่ไพเราะออกมา
เสียงนี้เดี๋ยวดังเดี๋ยวเบาแปลกประหลาดยิ่ง แม้ว่าหานลี่เองเมื่อได้ยินก็รู้สึกจิตสัมผัสแข็งค้างรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย
แต่ฉากที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าพลันปรากฏขึ้น!
โครงกระดูกสิบสามตัวนั้นหยุดหัวเราะร่างกายพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะทยอยกระโจนเข้ามาหาเผ่ามารลายสีฟ้าพร้อมกับพายุทมิฬ
เผ่ามารลายสีฟ้าเห็นสถานการณ์เช่นนั้นกลับไม่ร้อนรนอ้าปากร้องตะโกนเบาๆ แล้วสะบัดแขนเสื้อ
ชั่วขณะนั้นยาลูกกลอนสีแดงโลหิตสิบสามเม็ดที่เตรียมเอาไว้นานแล้วก็ดีดตัวออกมา
ยาลูกกลอนเหล่านี้มีขนาดเท่าไข่ไก่ดูเหมือนว่าจะมีพลังดึงดูดโครงกระดูกเหล่านั้นเป็นอย่างมาก
โครงกระดูกเหล่านั้นเห็นมันก็เปลี่ยนทิศทางทยอยกันอ้าปากออกงับไปทางยาลูกกลอนเหล่านั้น
ยาลูกกลอนสิบสามเม็ดถูกโครงกระดูกเหล่านั้นเม็ดละตนพอดี
ชั่วพริบตาที่ยาลูกกลอนลงไปในท้องของโครงกระดูกลำแสงสีโลหิตก็แผ่ออกมาจากเรือนร่างแขนและขาโบกสะบัดไปมาภายในไอมารปากก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ออกมาอีกครั้งดูเหมือนว่าจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นโครงกระดูกสิบสามตนก็บิดเอวลำแสงสีโลหิตทั่วร่างม้วนวนออกมาและกลายเป็นเนื้อหนังบนโครงกระดูก
พริบตานั้นหญิงงามร่างกายเปลือยเปล่าครึ่งท่อนสิบสามคนก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน
คนหนึ่งมีร่างกายอรชรอ้อนแอ้นหัวเราะอย่างแผ่วเบาเผยท่าทีเย้ายวนใจออกมา!
หานลี่เห็นฉากนี้รูม่านตาก็อดที่จะหดเล็กลงไม่ได้
“ไป”
เผ่ามารลายสีฟ้าร้องตะโกนพร้อมกับหางตาที่ชี้ขึ้นร่ายอาคมในมือชี้ไปทางหานลี่
โครงกระดูกสิบสามตนที่กลายเป็นหญิงงามพลันหน้าเปลี่ยนสียกมือทั้งสองขึ้นทยอยกันเผยเล็บแหลมคมยาวสองสามชุ่นกระโจนไปทางหานลี่
ส่วนอสรพิษบินสีฟ้าร้อยกว่าตัวนั้นก็กระพือปีกทั้งสองพร้อมกันไอเย็นเยียบสีฟ้าบริเวณรอบหมุนวนคาดไม่ถึงว่าจะทยอยกันถูกดูดเข้าไปในร่างชั่วพริบตาก็กลายเป็นกรวยน้ำแข็งยักษ์ยาวสองสามจั้งพุ่งออกไปราวกับลูกธนู
หานลี่มีไอสีเขียวฉายแวบผ่านบนใบหน้า แค่สะบัดแขนเสื้อไปชั่วขณะนั้นกระบี่เล่มเล็กสีทองเจ็ดสิบสองเล่มก็แหวกว่ายออกมาพลิ้วไหวกลายเป็นกระบี่บินยาวสามฉื่อ แต่ก็รางเลือนไปอีกครั้งทุกเล่มแบ่งตัวออกเป็นเงากระบี่สองสามสาย
กระบี่ลำแสงสองสามร้อยสายสั่นเทาส่งเสียงแหวกอากาศพลางพุ่งออกไปกลายเป็นเส้นไหมสีทองพุ่งไปยังกรวยน้ำแข็งฝั่งตรงข้าม
ส่วนวิหคเพลิงสีเงินตัวนั้นก็ส่งเสียงร้องไพเราะออกมาสยายปีกทั้งสองข้างกลายเป็นดวงเพลิงขนาดยักษ์กระโจนออกไป
เป้าหมายก็คือโครงกระดูกสิบสามตนที่กลายร่างเป็นสตรีมาร!
พริบตานั้นหานลี่และมารตนนี้พลันต่อสู้กัน
อีกด้านประตูผีขนาดยักษ์ค่อยๆ เปิดออก เซียนหยินกวงก็กัดฟันลงมือ
ศีรษะหญิงงามสีเงินที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นอย่างช้าๆ เผยรูม่านตาสีทองแปลกประหลาดออกมาภายใต้การกระตุ้นด้วยอาคมของนาง
ในเวลาเดียวกันที่ดวงตาทั้งสองลืมขึ้น ศีรษะหญิงงามก็เผยอปากออกเล็กน้อยเสียงพรึ่บๆ ดังขึ้นพ่นเส้นไหมสีสันแวววาวออกมา
เมื่อเส้นไหมออกมาจากปากก็ดูไม่สะดุดตาเลยสักนิดแต่หลังจากที่เปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นตาข่ายยักษ์ค้ำฟ้าห่อหุ้มลงมา
เผ่ามารหัวโล้นผู้นั้นกำลังสำแดงการกระตุ้นประตูผีขนาดยักษ์กำลังเห็นฉากนี้ก็ใจหายวาบ ใช้นิ้วชี้ไปที่โล่สีดำตรงหน้าอย่างไม่ต้องขบคิด
โล่เหล่านี้เปล่งแสงสีดำออกมาทยอยกันขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นเงาโล่สีสันแวววาวและเชื่อมโยงกันอย่างไร้ช่องโหว่
ม่านลำแสงครึ่งวงกลมสีดำปรากฏขึ้นเหนือมารตนนี้ห่อหุ้มเผ่ามารหัวโล้นและประตูผีบานนั้นเอาไว้
เซียนหยินกวงเห็นฉากนี้มุมปากก็หยักรอยยิ้มออกมา คาดไม่ถึงว่าจะไม่โกรธแต่กลับดีใจร่ายอาคมกระตุ้นอีกครั้งอย่างไม่ต้องขบคิด
ตาข่ายเส้นไหมยักษ์ร่อนลงมาห่อหุ้มม่านลำแสงสีดำ เผ่ามารหัวโล้นและประตูผีเอาไว้พร้อมกัน
ลำแสงแวววาวหมุนวนตาข่ายเส้นไหมรางเลือนกลายเป็นเกราะผลึกหนาๆ กักเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา
และในยามนี้เซียนหยินกวงก็ชี้ไปที่ศีรษะหญิงงามตรงหน้าอีกครั้ง
ดวงตาสีทองของศีรษะสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบอักขระยันต์สีทองบนใบหน้าเปล่งแสงเจิดจ้าจากนั้นก็ทยอยกันบีบตัวออกกลายเป็นลำแสงสีทองบินเข้าไปในม่านผลึก
ม่านผลึกวารีที่แต่เดิมโปร่งใสพลันมีลวดลายสีทองแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในพริบตา
ศีรษะหญิงงามสีเงินจ้องเขม็งไปที่ม่านผลึกลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด
ชั่วขณะนั้นลวดลายสีทองบนม่านผลึกก็เคลื่อนไหวแทบจะสองสามชั่วลมหายใจก็กลายเป็นเขตอาคมยักษ์สีทองเรืองรองฝังอยู่ในม่านผลึก
เซียนหยินกวงถึงได้พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา
เผ่ามารหัวโล้นที่เห็นทุกอย่างพลันหน้าเปลี่ยนสี แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดขึ้นมาได้ จึงหัวเราะเยาะอย่างไม่สนใจแล้วโคจรพลังปราณในร่างกระตุ้นประตูผียักษ์
เสียง “ตูมๆ” ดังสนั่นขึ้น
ในที่สุดประตูผีสีแดงสดก็เปิดออก
ผีครึ่งท่อนสองตัวบนประตูทั้งสองฝั่งส่งเสียงกรีดร้องด้วยความดีใจ
และเสียงกรีดร้องโหยหวนภายในประตูกลับหยุดลง มีเพียงพายุทมิฬที่เย็นเยียบจนเข้ากระดูกที่ม้วนวนออกมา
แต่สถานการณ์เช่นนี้กลับดำเนินต่อไปเพียงชั่วครู่ เงารางเลือนสายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นท่ามกลางพายุทมิฬในประตูแลลอยออกมาอย่างเงียบเชียบ
แววตาของเซียนหยินกวงแข็งทื่อมองไปด้วยตาที่ไม่กะพริบ ผลคือใบหน้างดงามพลันตะลึงงัน
คาดไม่ถึงว่าจะเป็นชายหนุ่มสวมชุดนักปราชญ์หน้าตาหมดจดคนหนึ่ง ไหนเลยจะมีท่าทีเหมือนผีสวรรค์ในตำนาน!
“นี่คือ…” เซียนหยินกวงมีสีหน้าแปลกประหลาดในใจพลันอดที่จะตกตะลึงระคนสงสัยไม่ได้
แต่ครู่ต่อมาชายหนุ่มหน้าตาหมดจดก็กวาดสายตาไปรอบด้าน ฉับพลันนั้นก็หันหน้ามาหัวเราะกับเผ่ามารหัวโล้น
“จุ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะอาจหาญไม่น้อย กล้าใช้ของชิ้นนี้เรียกข้าออกมา ทว่าการบวงสรวงโลหิตในครั้งนี้ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดี หากข้าไม่ถูกใจเจ้าก็น่าจะรู้ผลลัพธ์ของมัน”
“ราชาซิวกุ่ย พูดพร่ำไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อยรีบเรียกผีสวรรค์ออกมา ขอแค่สังหารสองคนนี้ได้ ของบวงสรวงโลหิตย่อมไม่ขี้งกแน่” เผ่ามารหัวโล้นร้องตะโกนพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งดาบยาวโลหิตปรากฏขึ้น จากนั้นก็มีสีหน้าโหดเหี้ยมสับลงมาอย่างแรง คาดไม่ถึงว่าจะฟันแขนของตนเองขาดข้างหนึ่ง