“ดวงอาทิตย์ห้าดวงกลายเป็นจันทรา! นับเวลาดูแล้วอีกสองเดือนให้หลังก็น่าจะเป็นวันที่ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในรอบหนึ่งร้อยปี แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องอันใดกับเขตอาคมประจำเมืองของท่าน?” เซียนหยินกวงกลอกตาสดใสไปมาตกตะลึงไปเล็กน้อย
“วันที่ห้าดวงอาทิตย์กลายเป็นจันทรา พลังแผดเผาของดวงอาทิตย์จะลดลงไปครึ่งหนึ่งหรือว่าเขตอาคมประจำเมืองของท่านเกี่ยวข้องกับพลังของดวงอาทิตย์!” เดิมหานลี่ก็เป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องเขตอาคมอยู่แล้วจึงเอ่ยถามอย่างพอเดาได้
“สหายหานพูดถูกเขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์ที่ทั้งสี่พรรคของพวกเราวางไว้ในเมืองอี่เทียนเป็นเขตอาคมที่ยิ่งดูดซับพลังอาทิตย์มากเท่าไหร่อานุภาพก็ยิ่งน่าตกตะลึงมากเท่านั้น! แม้กระทั่งยามที่รุ่งโรจน์ที่สุดหากใช้อานุภาพทั้งหมดของเขตอาคมนี้ก็สามารถสังหารจอมมารเผ่ามารได้ เพราะอาศัยเขตอาคมนี้เมืองของเราถึงได้บีบกองทัพเผ่ามารให้มิกล้าโจมตีเมืองเต็มอัตรา แต่ว่าเขตอาคมนี้ไม่เพียงต้องมีพลังเพลิงเก้าแห่งถึงจะวางได้ วัตถุดิบที่สูญเสียไปก็แทบจะเป็นวัตถุดิบทั้งหมดของสี่พรรคของพวกเราและยังมีข้อเสียอย่างหนึ่งคือเวลาที่จำเป็นจำต้องดูดซับพลังอาทิตย์จำนวนมากถึงจะทำการโจมตีศัตรูได้หากเป็นยามปกติย่อมไม่มีปัญหา แต่หากอยู่ในวันที่ห้าดวงอาทิตย์กลายเป็นจันทราขาดแคลนพลังอาทิตย์ไปก็ไม่อาจมีผลอันใด” เซียนหลินหลวนตอบกลับพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น”
“เขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์มีเขตอาคมที่มีอิทธิฤทธิ์มากขนาดนี้ด้วย แต่เหตุใดชื่อถึงแปลกๆ น้องหญิงไม่เคยได้ยินมาก่อน” เซียนหยินกวงยังคงมีสีหน้าฉงนและเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“น้องหญิงหยินกวงไม่รู้ก็ไม่แปลก เขตอาคมนี้เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ด้านเขตอาคมสิบกว่าคนในสี่พรรคของพวกเราเสียเวลาศึกษาไปเป็นพันปี แต่อานุภาพย่อมไม่ด้อยไปกว่าเขตอาคมโบราณในตำนานแน่” เซียนหลินหลวนฉีกยิ้มพร้อมกับอธิบายน้ำเสียงแฝงไปด้วยความหยิ่งทะนง
หานลี่ได้ยินคำนี้แม้ว่าจะมีสีหน้าปกติแต่ในใจกลับตกตะลึง สร้างเขตอาคมใหม่ที่น่ากลัวขึ้นมาได้เดาว่าก็มีเพียงขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ถึงจะรวบรวมกำลังพลและวัตถุดิบจำนวนมากมาทำเรื่องเช่นนี้ได้
ดูแล้วสี่พรรคคงมีพละกำลังไม่ธรรมดาและเตรียมตัวกับเคราะห์มารครั้งนี้มาเนิ่นนานแล้ว
ไม่เพียงจะรวบรวมสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์สี่คนยังอาศัยเขตอาคมที่มีอยู่เป็นที่พึ่ง
แต่ภายใต้การขบคิดของหานลี่ฉับพลันนั้นก็ฉีกยิ้มและเอ่ยปาก
“สหายทั้งสองแม้ว่าเขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์จะมีอานุภาพไม่น้อยแต่ในเมื่อผู้มาเยือนคือผู้มีฝีมือของเผ่ามาร ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจอมมารสี่ตนเกรงว่าอาศัยแค่เขตอาคมนี้คงไม่อาจทำให้กองทัพเผ่ามารหวาดกลัวได้ขนาดนั้น”
“ใช่ พลังของเขตอาคมมีมากมายจริง แต่การเคลื่อนทัพต้านทานจอมมารเผ่ามารทั้งสี่ก็แข็งแกร่งจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นในบรรดาผู้มีฝีมือของเผ่ามารระดับสูงยังมีจอมมารระดับขั้นปลายอยู่ด้วย เกรงว่าเขตอาคมเขตหนึ่งคงไม่อาจบีบเขาไม่ให้เคลื่อนทัพไปข้างหน้าได้” เซียนหยินกวงครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นอกจากเขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์ เดิมเมืองของเราก็มีเครื่องมืออันร้ายกาจที่สามารถข่มขู่เหล่าจอมมารได้ ทว่าเครื่องมือเหล่านี้มีข้อจำกัดและใช้ได้แค่ไม่กี่ครั้ง ยามนี้ยังใช้ได้แค่ไม่กี่อันเผ่ามารเหล่านั้นแทบจะส่งคนมาโจมตีทุกๆ สองสามวันก็เพราะอยากให้เครื่องมือของพวกเราหมดไป ส่วนสถานการณ์ที่เป็นรูปธรรมนั้นอีกเดี๋ยวพวกเขาจะอธิบายให้สหายทั้งสองคนฟัง” อรหันต์ชิงหลงได้ยินกลับหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ย
“ใช่แล้ว เผ่ามารเหล่านี้น่ากลัวมาก ทุกครั้งที่ทำการโจมตีล้วนต้องเสียเครื่องมือป้องกันเมืองไปจำนวนมาก หากเพียงสองสามครั้งพวกเราก็พอจะเสี่ยงอันตรายออกไปต่อกรกับศัตรูได้ แต่พวกเขาก็มาล้อมโจมตีเมืองเช่นกัน หากไม่ใช้เครื่องมือเหล่านี้ข้าสองคนก็อาจจะกลายเป็นผุยผงเหมือนกับสหายอีกสองท่าน” ไม่รู้ว่าเซียนหลินหลวนคิดอันใด ใบหน้างดงามพลันเผยแววเจ็บปวดออกมา
“ดูแล้วสถานการณ์ของเมืองท่านไม่ดีจริงๆ ผู้แซ่หานจะฟังสหายเหล่านี้อธิบายก่อนก็แล้วกัน” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ
“อืม ทำความเข้าใจก่อนก็ดี” เซียนหยินกวงที่อยู่ด้านข้างเห็นสหายสนิทไม่มีเจตนาจะปิดบังตนก็มีสีหน้าดีขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเห็นด้วย
“สหายสือเจ้าเล่าสถานการณ์ของเมืองอี่เทียนให้สหายทั้งสองฟังอย่างละเอียดสิ” อรหันต์ชิงหลงได้ยินก็พยักหน้าตอบรับอย่างไม่ลังเลและออกคำสั่งกับผู้ที่อยู่ด้านข้าง
“ขอรับท่านอาวุโส” ชายชราสวมชุดคลุมสีเทาที่ถูกเรียกชื่อก้าวออกมาอย่างนอบน้อม
หลังจากที่เขาทำความเคารพหานลี่และพวกทั้งสองอีกครั้งก็อธิบายอย่างเคร่งขรึม
“รายงานท่านอาวุโสทั้งสอง สถานการณ์ของเมืองอี่เทียนไม่ดีนักจริงๆ ป้อมปราการที่เดิมคอยช่วยเหลือเมืองของเราถูกเผ่ามารพังจนราบคาบไปเมื่อสองสามเดือนก่อน เขตอาคมป้องกันเมืองสิบสามชั้นที่เมืองของเราวางเอาไว้ก็ถูกทำลายไปมากกว่าห้าชั้น เมื่อสองสามวันก่อนหากซ่อมแซมเขตอาคมนี้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน กองทัพหุ่นเชิดสัมฤทธิ์ที่เป็นพลังการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็ลดจำนวนจากหนึ่งแสนตนไปเหลือเจ็ดหมื่นตนเพราะการต่อสู้ก่อนหน้า และยิ่งไปกว่านั้นหุ่นเชิดเหล่านี้ยังได้ความเสียหาย จำเป็นต้องซ่อมแซมและบำรุงใหม่ มิเช่นนั้นจำนวนของสมาชิกที่ลดลงจะยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขตอาคมปกป้องเมืองที่พวกเราใช้ถูกมารสงครามเจียหลุนบุกเข้ามาทำลายเมื่อไม่นานมานี้ เช่นนั้นพลังการป้องกันของเมืองเราจึงลดลงสามส่วนทันที อสูรวิญญาณสองสามตัวที่สำนักอี่เทียนและพรรคจักรพรรดิสวรรค์เลี้ยงดูนั้น…” ชายชราชุดคลุมสีเทาเอ่ยยังไม่ทันจบสีหน้าของเซียนหยินกวงก็ดูไม่ได้ไปอีกครั้ง
หานลี่ฟังแล้วก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้หลังจากฟังอีกชั่วครู่ฉับพลันนั้นก็เอ่ยแทรกขึ้น
“เหตุใดผู้แซ่หานถึงได้ยินแต่เรื่องแย่ๆ ไม่มีข่าวดีเลยหรือ?”
“รายงานท่านอาวุโสหาน ข่าวดีย่อมมีอยู่บ้าง! กำลังพลของเมืองเราไม่ได้ลดลงมากนักจากการโจมตีเมื่อสองสามวันก่อน ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำหรือว่าจอมพลังธรรมดาๆ ก็สูญเสียไปแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หลังจากผ่านการต่อสู้ไม่หยุดเป็นเวลานานและการที่อาวุโสอีกสองท่านเพลี่ยงพล้ำไป ทางด้านพละกำลังก็ไม่นับว่าย่ำแย่นัก นอกจากนี้ศิลาวิญญาณที่เมืองของเราสะสมไว้ก็ยังมีอยู่เต็มเปี่ยมยืนหยัดไปได้อีกยี่สิบสามสิบปีย่อมไม่มีปัญหา…” ชายชราชุดคลุมสีเทาเปลี่ยนคำพูดเอ่ยสิ่งที่ทำให้คนฮึกเหิมออกมา
“อืม ในเมื่อทรัพยากรและจำนวนคนไม่มีปัญหา มีพวกเราคอยสนับสนุนก็น่าจะมีโอกาสที่จะป้องกันเมืองอี่เทียนได้” เซียนหยินกวงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้าและสหายชิงหลงเองก็คิดเช่นนั้น มีสหายทั้งสองคอยช่วยเหลือ หากเผ่ามารเหล่านั้นลงมืออีกล่ะก็พวกเราสี่คนก็ไม่ต้องหวาดกลัวการร่วมมือกันของพวกเขา ส่วนอาชามารว่านเซี่ยงและมารสงครามเจียหลุนนั้นแม้ว่าจะรับมือยากแต่ก็มีวิธี ขอแค่พวกเราสำแดงพละกำลังที่ไม่ด้อยไปกว่าอีกฝ่ายออกมาสักครั้งสองครั้ง การฟื้นฟูกองกำลังก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ในอีกไม่ช้า” ใบหน้าของอรหันต์ชิงหลงเผยความยินดีออกมาขณะเอ่ย
“เป็นเช่นนั้นจริงครั้งหน้าหากเผ่ามารมาโจมตีอีกครั้งขอแค่พวกเราสี่คนกวนจอมมารเหล่านั้นไว้ จากนั้นก็ใช้พลานุภาพของเขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้จอมมารได้รับบาดเจ็บสักคนสองคน” เซียนหลินหลวนเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา
“เกรงว่าคงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น จอมมารสองตนนั้นเห็นข้าสองคนเข้ามาในเมืองอี่เทียนแล้ว หากจะลงมือโจมตีเมืองอีกครั้งจะไม่เตรียมการป้องกันได้อย่างไร กว่าครึ่งก็อาจจะเตรียมวิธีอื่นๆ มาต่อกรกับเขตอาคมเก้าตะวันไม่ก็หยุดพักการโจมตีไปเสียเลย รอให้ถึงวันที่เขตอาคมไร้ประสิทธิภาพค่อยทำการโจมตีเมืองอี่เทียนเต็มอัตรา” หานลี่เอ่ยพร้อมกับสั่นศีรษะ
“หึๆ จอมมารเหล่านั้นอาจจะทำเช่นนั้น แต่เมืองของเราก็จะได้โอกาสพัก ขอแค่ฟื้นฟูเขตอาคมของเมืองเราขึ้นใหม่แล้วซ่อมแซมกองทัพหุ่นเชิดสัมฤทธิ์แล้วใช้เครื่องมือที่ร้ายกาจเตรียมรับมือ แม้ว่าเขตอาคมเก้าตะวันตัดดาราอาทิตย์จะไร้ประสิทธิภาพ แต่พวกเราก็อาจจะปกป้องเมืองอี่เทียนเอาไว้ได้ ทว่าถึงยามนั้นต้องให้สหายทั้งสองคอยช่วยเหลือ” แววตาของอรหันต์ชิงหลงเปล่งประกายกลับเอ่ยอย่างเย็นชาออกมา
“อืม ยามนี้ดูแล้วคงมีแต่ต้องทำเช่นนั้น ขอแค่จอมมารเหล่านั้นออกรบผู้แซ่หานก็จะช่วยสหายทั้งสองเต็มที่” หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ก็พยักหน้าอย่างแช่มช้า
“พี่หญิงหลินโปรดวางใจในเมื่อน้องหญิงมาถึงที่นี่ก็เพราะมีเจตนาจะช่วยเหลือพี่หญิงอยู่แล้ว” เซียนหยินกวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ข้าต้องขอบคุณสหายทั้งสองมาก” เซียนหลินหลวนเห็นทั้งสองคนมีท่าทีเป็นทางการ ชั่วขณะนั้นก็เอ่ยขอบคุณอย่างยินดี
อรหันต์ชิงหลงที่อยู่ด้านข้างเองก็เผยสีหน้าดีใจออกมาพลางขอบคุณอย่างต่อเนื่อง
เวลาต่อจากนี้หานลี่และเซียนหยินกวงก็ซักถามการป้องกันเมืองอี่เทียนอย่างละเอียดกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาสองสามคน หลังจากได้รับคำตอบที่พึงพอใจแล้วก็ขอตัวลาไปพักผ่อนโดยมีสาวใช้สองคนที่อยู่ด้านนอกตำหนักที่เป็นผู้นำทาง
ถึงอย่างไรเสียหลังจากผ่านการเร่งเดินทางเป็นระยะเวลานาน ทั้งสองก็ต้องพักผ่อนก่อนจะได้รับมือกับสงครามที่อาจจะปะทุได้ตลอดเวลา
แน่นอนว่าก่อนจากไปอรหันต์ชิงหลงได้มอบบันทึกข้อมูลของเผ่ามารให้กับพวกเขาคนละม้วน
เช่นนี้ยามที่พวกเขาพักผ่อนก็สามารถเรียนรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของศัตรูได้
หลังจากที่เห็นหานลี่และพวกทั้งสองจากไป ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาที่เหลือสองสามคนก็ทยอยกันทำความเคารพและถอยออกไปจากตำหนัก อรหันต์ชิงหลงมองไปยังประตูตำหนักแล้วถอนหายใจยาวๆ ออกมา!
“อันใดอรหันต์มีเรื่องยังกังวลใจหรือ?” เซียนหลินหลวนเห็นเช่นนี้กลับเอ่ยถามพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
“จะไม่กังวลได้อย่างไร เซียนก็เห็นยามที่สหายหวงเรี่ยและพวกทั้งสองเพลี่ยงพล้ำ ความน่ากลัวของจอมมารสองตนนั้นเหนือกว่าที่พวกเราจินตนาการเอาไว้ เกรงว่าแม้จะมีสหายหานและสหายหยินช่วยเหลือก็มีโอกาสชนะไม่มากนัก” ฝ่ามือในแขนเสื้อของอรหันต์ชิงหลงกำแน่นน้ำเสียงเคร่งขรึม
“แต่เจ้ากับข้าก็ไม่ได้ใช้คำพูดถ่อมตัวกับสหายสองคนนั้น ขอแค่พวกเราใช้สิ่งนั้นก็ใช่ว่าไม่มีโอกาสเอาชนะได้” ยามแรกเซียนหลินหลวนมีสีหน้าดูไม่ได้แต่ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา