A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 1931 ศัตรูล่าถอย

หมอกลำแสงสีทองหมุนวน ใบมีดสีทองหกเล่มรวมร่างกันกลายเป็นกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้าความยาวยี่สิบสามสิบจั้ง

หลังจากลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ หัวตรงกลางของหัวมารก็เผยสีหน้ายากจะเหลือเชื่อออกมา จากนั้นลำคอก็มีเส้นโลหิตปรากฏขึ้น หัวหมุนคว้างร่อนลงมา

มารตนนี้ถูกหานลี่สับหัวที่ร่างที่เป็นผู้นำไป

แต่ใบหน้าของวานรยักษ์กลับไม่ได้เผยสีหน้าดีใจ ร่างกายอันใหญ่ยักษ์กดลงมา แขนทั้งหกแยกออกจากกันอีกครั้ง กระบี่ยักษ์แบ่งตัวออกเป็นใบมีดสีทองหกเล่ม

แขนทั้งหกรางเลือน เสียงร้องเสียดแก้วหูดังขึ้น เส้นสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา และร่อนลงมาเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ล้วนสับร่างของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำออกเป็นหมื่นชิ้น

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!

ปีกทั้งสี่ที่แผ่นหลังของหัวมารกระพือออกพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะพุ่งออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ในเวลาเดียวกันทะเลโลหิตก็หมุนวน โลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาราวกับลูกธนู ชั่วพริบตาก็ต้านทานเส้นสีทองที่กำลังร่อนลงมาเอาไว้

ในเวลาเดียวกันส่วนคอที่ไร้ศีรษะก็มีไอสีดำทะลักออกมา หัวที่เหมือนกับก่อนหน้าปรากฏขึ้น ทว่าหัวภูตสีเขียวบนหัวไหล่กลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

วานรยักษ์ที่เดิมกำลังคิดจะไล่ตามอย่างไม่ลดละ พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม การเคลื่อนไหวในมือยังคงไม่หยุดพัก ใบมีดสีทองห้าหกเล่มเปลี่ยนรูปไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอาวุธวงแหวน ทวน เหล็กท่อน กรวยต่างๆ ที่ไม่ซ้ำกันหกชนิด โบกสะบัดเล็กน้อย เพลิงอัสนีสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากอาวุธ ส่งเสียงอึกทึกพุ่งไปหาหัวมารแล้วกดลงมา

มารยักษ์ที่เพิ่งเสียหัวไปเผยความโกรธเกรี้ยวออกมาเช่นกัน มันกรีดร้อง หัวที่เหลืออีกเจ็ดหัวบริกรรมคาถา ในเวลาเดียวกันสองมือก็ร่ายอาคมโบราณลึกลับออกมา

เสียงกรีดร้องดังขึ้น!

ทะเลโลหิตที่แต่เดิมโป่งพองขึ้นมาจากด้านล่างพลันหมุนวนรอบมารยักษ์อย่างรวดเร็ว ระลอกคลื่นยักษ์ก่อตัวขึ้น และกลายเป็นเสาวารีโลหิตต้นหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

มือมารยักษ์หยุดร่ายอาคม มืออีกข้างหนึ่งตะปบไปที่เสาวารีด้านล่างอย่างแรง

เสาวารีโลหิตเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด เสียงอึกทึกดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นกระบองยักษ์สีโลหิต ความยาวสองสามร้อยจั้ง ผิวมีอักขระยันต์สีดำปรากฏขึ้น

มารยักษ์คว้าสิ่งนั้นไว้ในมือ และขว้างกระบองไปทางวานรยักษ์อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

กระบองกลายเป็นพายุหมุนสีโลหิต ในเวลาเดียวกันกลิ่นคละคลุ้งก็แผ่ออกมา

เพลิงอัสนีสีทองและพายุหมุนสีโลหิตตัดสลับกันไปมา บางครั้งก็ส่งเสียงระเบิดปังๆ ออกมา

วานรยักษ์สามเศียรหกกรเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาพลันฉายแววเย็นชา ชูอาวุธทั้งหกในมือขึ้น แล้วพุ่งไปหามารยักษ์อย่างโหดเหี้ยม

มารยักษ์แค่นเสียงด้วยความเย็นชา ขว้างกระบองยักษ์สีโลหิตในมือ แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งตบลงไปกลางอากาศพลางพุ่งออกไป

ยามนั้นทั้งสองที่มีหน้าตาโหดเหี้ยมพลันปะทะกันเสียงดัง “เคร้ง” แล้วต่อสู้พัวพันกัน

ลำแสงสีทองทั้งหมดและเงาโลหิตสายหนึ่งบัดเดี๋ยวรางเลือน บัดเดี๋ยวมีหมอกลำแสงเจิดจ้า

เสียงต่อสู้ดังเสียดแก้วหูขึ้น!

ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันได้ไม่นาน ลำแสงสีม่วงสิบสามดวงและเงาสีเทาสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นจากทั้งสองฝั่งแล้วเข้าร่วมการต่อสู้

นั่นก็คือแมลงกลืนทองลายสีม่วงของหานลี่ รวมทั้งงูเหลือมยักษ์สีเทาตัวนั้น

การเข้าร่วมของทั้งสองย่อมทำให้การต่อสู้เปลี่ยนเป็นดุเดือดขึ้น เสียงกรีดร้อง ปะปนกับเสียงเพรียกไม่ขาดสาย

ฉับพลันนั้นก็สะเทือนเลื่อนลั่น รัศมีลำแสงหลากสีสันปรากฏขึ้นใจกลางการต่อสู้ จากนั้นพลังที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงก็แผ่ออกมาจากทั่วสารทิศ ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปมืดมน คาดไม่ถึงว่าจะให้ความรู้สึกราวกับห้วงบรรยากาศจะพังทลาย

และตรงใจกลางของห้วงบรรยากาศที่กำลังจะพังทลาย เงาร่างคนสองคนก็พุ่งเซถลาออกมา กระเด็นออกไปสองสามร้อยจั้ง แล้วถึงได้ฝืนยืนได้อย่างมั่นคง

นั่นก็คือหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์และร่างแยกมารของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ

ทว่าในยามนี้สภาพของทั้งสองดูสะบักสะบอมมาก

วานรยักษ์ไม่เพียงมีรอยไหม้ทั่วขนสีทองบนเรือนร่าง ใบมีดทั้งหกในมือยังเหลือเพียงสามเล่ม และยิ่งไปกว่านั้นยังเหลือเพียงครึ่งหนึ่งไม่สมบูรณ์แบบ

ส่วนมารยักษ์ไม่เพียงเรือนกายชุ่มไปด้วยโลหิต หัวมารบนหัวไหล่ทั้งสองข้างถูกระเบิดไปสองหัว เปลี่ยนเป็นเศษเนื้อสีโลหิต กระบองยักษ์สีโลหิตในมือแยกออกเป็นสองส่วน ถูกอันใดสักอย่างสับออกเป็นสองส่วน

ดูแล้วการต่อสู้เมื่อครู่ มารยักษ์จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

วานรยักษ์ขนสีทองและมารยักษ์มองสบตากันไกลๆ ก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

และในยามนั้นเองใจกลางของห้วงเวลาที่กำลังจะพังทลายก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น หมอกลำแสงห้าสีหมุนวน หดเล็กลงและขยายใหญ่ขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะระเบิดออกอีกครั้ง

แต่ครั้งนี้ท่ามกลางระลอกคลื่นที่ระเบิดออก ลำแสงสีม่วงสิบกว่าดวงพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป

นั่นก็คือแมลงกลืนลายสีม่วงตัวนั้นของหานลี่

อีกด้านงูเหลือมยักษ์สีเทาตัวนั้นเองก็ระเบิดออกแล้วพุ่งออกมาจากใจกลางเช่นกัน แต่ร่างกายครึ่งหนึ่งยื่นออกมาจากอากาศที่พังทลาย และถูกพลังแรงดูดมหาศาลม้วนด้านหลังเอาไว้ จนกลับไปอยู่จุดที่ไกลออกไปอีกครั้ง

ชั่วขณะนั้นลำแสงเจิดจ้าก็กลืนกินงูเหลือมยักษ์เอาไว้

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ร่างของมารยักษ์ก็มีไอสีเทาหมุนวน และอ้าปากออกอย่างทนไม่ไหว พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา สีหน้าซีดขาวไปสองสามส่วน

งูเหลือมยักษ์สีเทาตัวนั้นคือสิ่งที่ร่างแยกมารสำแดงออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเชื่อมโยงกับจิตสัมผัสของชายหนุ่มที่เป็นผู้นำ ยามนี้ถูกทำลายไป คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ร่างเดิมของเขาถูกแว้งกัดไปไม่น้อย

เช่นนั้นใบหน้าใหญ่โตก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น

วานรยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้แขนทั้งหกพลันโบกสะบัดพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ อาวุธที่แตกต่างกันหกชนิดปรากฏขึ้นอีกครั้ง และยิ่งไปกว่านั้นทุกชิ้นยังดูเหมือนใหม่ พลันเปล่งแสงเย็นเยียบอีกครั้ง

หลังจากที่ร่างอันใหญ่โตของวานรยักษ์มีลำแสงสีทองไหลวนโคจร ขนที่เสียหายไปก็ฟื้นฟูกลับมาดังเดิม

จากนั้นวานรตัวนี้ก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยม ควบคุมอาวุธแล้วกระโจนออกมาอีกครั้ง

แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นหอคอยหลากสีสันที่กักอยู่ไกลออกไปและร่างแยกอีกร่าง ยันต์เก้าวิมานสวรรค์ที่กลายเป็นม่านหมอกก็เกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้น ในเวลาเดียวกันหอคอยยักษ์เจ็ดสีก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นเหนือม่านหมอก แค่หมุนคว้างเสาลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนพ่นออกมาราวกับคลื่นน้ำ

ทุกแห่งที่ลำแสงกวาดไป หมอกทั้งหมดพลันว่างเปล่า หมอกที่ซ่อนอยู่ในหอคอยต่างๆ ถูกทยอยกันทะลวงผ่าน แล้วกลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนสลายหายไป

ชั่วพริบตายันต์เก้าวิมานสวรรค์ก็ถูกแหวกอากาศไป

เสียง “สวบ” ดังขึ้น!

สายรุ้งยาวเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างวาบพุ่งออกมาจากเงาลวงตายักษ์ แค่กะพริบวาบๆ ก็ปรากฏเหนือท้องฟ้า จากนั้นลำแสงพลันหม่นแสงลง กลายเป็นเงามนุษย์สายหนึ่งอีกครั้ง

หานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้ รูม่านตาก็อดที่จะหดเล็กลงไม่ได้

ใบหน้ามารยักษ์กลับอดที่จะเผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมาไม่ได้

เงาร่างคนที่ปรากฏขึ้นนั้น นั่นก็คือร่างแยกอีกร่างที่ถูกกักเอาไว้ในภาพวาดหมื่นกระบี่ตอนแรก

คาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสำคัญร่างแยกนี้จะใช้อิทธิฤทธิ์อันน่าเหลือเชื่อของหอคอยหลากสีพุ่งแหวกการกักออกมา

ทว่าเมื่อหานลี่พิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดแวบหนึ่ง ก็หน้าเปลี่ยนสี กลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมดังเดิม

ชายหนุ่มที่เพิ่งหลุดจากพันธนาการ แม้ว่าในมือจะยังคงถือหอคอยเล็กเจ็ดสีเอาไว้ แต่ใบหน้าก็ไร้สีโลหิต กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นอ่อนแอ ส่วนหอคอยในมือก็หม่นแสงลง คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีสูญเสียสติปัญญาไป

มารยักษ์พบว่าสหายร่วมวิถีตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเช่นกัน พลันมีสีหน้าเคร่งขรึม แล้วร้องตะโกนต่ำๆ ออกมาทันใด

“นี่มันเรื่องอันใดกัน เจ้ามีหอคอยหลากสีคุ้มครองร่าง เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

“หึ เจ้าเด็กนี้ใช้สมบัติที่ยากจะรับมือ ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในแดนวิญญาณ หากไม่ใช่เพราะข้าใช้วิธีสุดท้าย เกรงว่าเจ้าก็คงไม่ได้พบข้าแล้ว” ชายหนุ่มผู้นั้นกลับถ่ายทอดเสียงกลับมาพร้อมกับแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา

“ไม่ใช่ของในแดนวิญญาณ? เช่นนั้นตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? จะลงมือได้อีกหรือไม่!” มารยักษ์ได้ยินพลันตกตะลึง ใบหน้าเผยสีหน้าฉงนสนเท่ห์ออกมาแต่สุดท้ายก็เอ่ยถามขึ้น

“ขอแค่เจ้าไม่เป็นอันใด ข้าย่อมไม่มีปัญหา แต่หอคอยหลากสีสูญเสียสติปัญญาไป ยามนี้ไม่อาจใช้อิทธิฤทธิ์ห้วงเวลาได้อีก” ชายหนุ่มได้ยินพลันสั่นศีรษะอย่างเชื่องช้า

“คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้! เช่นนี้พวกเราสองคนร่วมมือกันก็มีโอกาสชนะไม่มาก” มารยักษ์พลันขมวดคิ้ว สีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส

ชายหนุ่มมองวานรยักษ์ขนสีทองที่กลายพันธุ์ไป แล้วเหลือบมองร่างวิญญาณที่อยู่อีกด้านซึ่งกำลังต่อสู้กับสหายร่วมวิถีคนสุดท้าย แต่กลับแข็งทื่อไม่ได้ตอบอันใดกลับมา

ทางนั้นแม้ว่าร่างวิญญาณจะตกเป็นรอง แต่อาศัยกายเนื้อที่เป็นอมตะของเห็ดเซียน ประกอบกับพรสวรรค์ต่างๆ จึงปกป้องตนเองได้เหลือเฟือ

ร่างแยกเซวี่ยกวงที่อยู่อีกด้านคิดจะหนีออกมา กลับไม่อาจทำได้

มารยักษ์มองเห็นทุกอย่างเช่นกัน ในใจพลันรู้สึกลังเลขึ้นหลายส่วน

แม้ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะดูเหมือนไม่ดีนัก แต่จะให้เขาล่าถอย กลับไม่ยินยอมจริงๆ

ถึงอย่างไรเสียเขาเสี่ยงอันตรายแยกจิตสัมผัสลงมาที่แดนวิญญาณ เดิมก็เพราะอยากชิงป้อมผนึกมารกลับมา ผลคือยามนี้ไม่เพียงไม่สมปรารถนา กลับยังทำสมบัติสวรรค์ทมิฬชิ้นหนึ่งสูญเสียสติสัมปชัญญะไป ชิ้นหนึ่งหายไปอย่างแปลกประหลาด ในใจจะรู้สึกกลัดกลุ้มและไม่ยินยอมเพียงไหนแค่คิดก็รู้แล้ว

หานลี่ย่อมมองเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิด ฉับพลันนั้นจึงกลายเป็นวานรยักษ์สามหัวบริกรรมคาถาพร้อมกัน แขนข้างหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ใบมีดหักสีทองเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น

วานรยักษ์แค่ขวางใบมีดนี้ตรงหน้า ชั่วขณะนั้นรัศมีลำแสงหมื่นสายพลันทำให้พลังปราณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ หมุนวนจนโป่งพอง ในเวลาเดียวกันดวงลำแสงไร้สีจำนวนนับไม่ถ้วนพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ และทะลักมาบนใบมีดหักๆ สีทองเล่มนั้นที่อยู่ตรงข้าม

ท่าทางน่าตกตะลึงพลันปรากฏขึ้น!

“สมบัติสวรรค์ทมิฬ!”

มารยักษ์ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง จ้องเขม็งไปที่ใบมีดหักเปล่งแสงแวววับในมือของวานรยักษ์ ใบหน้าเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา

ชายหนุ่มอีกคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หางตาก็อดที่จะกระตุกถี่ๆ ไม่ได้!

“ไป”

ใบหน้าของวานรยักษ์มีสีหน้าเคร่งขรึม ในที่สุดปากก็เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึมออกมา

จากนั้นปีกทั้งสี่ของเขาพลันขยับ ทะเลโลหิตม้วนวนที่ด้านล่าง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงโลหิตห่อหุ้มเรือนร่างอันใหญ่โตเอาไว้ แล้วพุ่งแหวกอากาศไปด้านหลัง

ชายหนุ่มที่มือถือหอคอยอยู่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ กล้ามเนื้อบนใบหน้าพลันกระตุก สมบัติในมือพลิ้วไหวเล็กน้อย กลายเป็นสายรุ้งยาวเจ็ดสีพุ่งออกไป

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset