แม้ว่าอสูรลับจะไม่ใช่อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนกว้างเย็น แต่หากอยู่ในยามกลางราตรี ต่อให้เป็นอสูรโบราณก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับฝูงอสูรลับโตเต็มวัยที่พละกำลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ไม่รู้เพราะเหตุใดในหนึ่งวันป่าอสูรลับถึงได้ตกอยู่ในยามราตรีแห่งความมืดมิดสองในสามส่วน เทียบกับเวลากลางวันแล้วช่างสั้นแสนสั้น
อสูรลับที่มีชีวิตอยู่ในนี้ก็มีมากมายจนนับไม่ถ้วน อสูรลับโตเต็มวัยก็ยิ่งมีสัดส่วนจำนวนมาก
เช่นนั้นต่อให้ป่าอสูรลับจะอยู่ติดกับคอหมื่นวิหคและมหาสมุทรแปดเคราะห์ที่มีอสูรโบราณที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ แต่ก็ไม่มีท่าทีจะรุกรานเข้ามาในเขตนี้เลยสักนิด
อสูรลับที่อยู่ในป่าแห่งนี้ราวกับมีเจ้าของอยู่ที่สวนหลังบ้านของพวกมัน อสูรอื่นๆ ที่มีชีวิตอยู่ในนี้ก็แทบจะเป็นได้เพียงอาหารของอสูรลับ
มีเพียงส่วนน้อยไม่กี่ชนิดที่เป็นอสูรประหลาดซึ่งสามารถเพิ่มพลังได้ในยามราตรี ถึงจะพอสู้กับอสูรลับ จนพอจะมีท่าทีคุกคามได้
แน่นอนว่าอสูรประหลาดเหล่านี้ ไม่ว่าจำนวนหรือว่าพละกำลัง ก็ไม่อาจเทียบกับอสูรลับในป่านี้ได้
วันนี้ตรงมุมหนึ่งของป่าอสูรลับที่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยลี้เศษ งูเหลือมยักษ์ยาวเจ็ดแปดจั้ง ผิวเต็มไปด้วยเกล็ดสีเขียว กำลังถลึงตามองอสูรลับตัวหนึ่งด้วยแววตาเย็นชา
งูเหลือมยักษ์ดูไม่แตกต่างอันใดกับงูเหลือมยักษ์ธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วคือหนึ่งในอสูรประหลาดไม่กี่ชนิดที่พอจะต้านทานกับอสูรลับในป่าอสูรลับแห่งนี้ได้ ‘งูเหลือมราตรีมรกต’
ชื่อตรงตามความหมาย ตกกลางคืนงูเหลือมยักษ์ชนิดนี้ร่างกายที่เดิมทีแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มอิทธิฤทธิ์ขึ้นมหาศาล และยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถอาศัยพลังยามค่ำคืนเพิ่มระดับความสามารถจนแปลงกายได้
หลังจากงูเหลือมยักษ์แปลงกายแล้ว ก็มีพละกำลังแทบจะไม่ด้อยไปกว่าอสูรลับ หากต่อสู้กัน ก็จะบ้าเลือดและคลุ้มคลั่ง
แต่สำหรับงูเหลือมราตรีมรกตนั้น การแปลงกายนั้นย่อมมีผลเสียตามมาไม่น้อย
ไม่เพียงพละกำลังจะลดลงเป็นอย่างมากเป็นเวลาสองสามปีแล้ว ยิ่งจะต้องสูญเสียอายุขัยไป ดังนั้นหากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต งูเหลือมยักษ์จะไม่มีทางแปลงกาย
ส่วนแก่นดวงจิตของงูเหลือมราตรีมรกตนั้น ก็เป็นของบำรุงมหาศาลสำหรับอสูรลับ ขอแค่ทั้งสองพบหน้ากันในป่าอสูรลับ ก็จะประมือกันอย่างไม่ยอมลดละทันที
อสูรทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าอยู่ตรงขอบของป่าอสูรลับมาพบกันโดยบังเอิญ
งูเหลือมราตรีมรกตยักษ์ตัวนี้ชูหัวขึ้นสูง แลบลิ้นสีดำม่วงออกมาไม่หยุด เกล็ดสีเขียวบนร่างกายดูคล้ายกับกำลังลุกชัน
ท่าทางพร้อมรบ
อสูรลับที่กำลังเผชิญหน้ากันอยู่ ดูแล้วกลับเหมือนหมาป่ายักษ์ที่ตัวใหญ่กว่าปกติสามสี่เท่า แต่ผิวของมันกลับเป็นสีดำสนิท หางของมันเรียวแหลมราวกับหางเสือดาว ให้ความรู้สึกลึกลับสง่างาม
ดูจากรูปร่างของมัน อสูรลับตัวนี้เพิ่งจะโตเต็มวัยได้ไม่นาน เทียบกับพวกเดียวกันแล้วยังผอมและอ่อนแออยู่หลายส่วน แต่ดวงตาสีดำขาวที่แยกกันอย่างชัดเจนคู่นั้นกำลังจ้องเขม็งมายังงูเหลือมราตรียักษ์ด้วยความเย็นชา แววตาโหดเหี้ยมฉายแววสว่างวาบ
ทว่าสิ่งที่แปลกก็คืออสูรตัวนี้เองก็จ้องเขม็งไปยังงูเหลือมยักษ์ และไม่ได้กระโจนเข้ามาในทันที
ผลลัพธ์ของการต่อสู้กันระหว่างอสูรลับโตเต็มวัยและงูเหลือมราตรีมรกต คงจะจบด้วยการที่ฝ่ายแรกได้แก่นดวงจิตไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางที่อสูรลับจะถูกงูเหลือมราตรีมรกตเขมือบเข้าไป
ทั้งสองฝ่ายมาพบกันโดยบังเอิญ อสูรลับตัวนี้พลันรู้สึกยินดีอยู่ในใจ แต่กลับไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือทันที
ยามที่งูเหลือมราตรีมรกตบ้าคลั่งพละกำลังจะเพิ่มขึ้น แต่ชั่วพริบตานั้นก็จะเผยจุดอ่อนของตนเองออกมา
หากคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ ก็อาจตะปบแล้วสังหารอีกฝ่ายได้ในคราเดียว
ส่วนงูเหลือมราตรีมรกตนั้นแม้ว่าจะเตรียมปลดปล่อยความบ้าคลั่งแล้ว แต่ความจริงแล้วกลับไม่กล้ากระทำการบุ่มบ่ามง่ายๆ
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงแค่มีท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อให้กันจนถึงยามนี้
อสูรต่างๆ ในป่าอสูรลับ ล้วนออกมาเคลื่อนไหวกันในยามกลางคืนตั้งนานแล้ว ยามกลางวันมักจะพักผ่อนอยู่ในถ้ำ
ประกอบกับต้นไม้สูงใหญ่เป็นพิเศษในป่า แม้ว่าจะเป็นขอบชายป่า ใบไม้หนาทึบก็แทบจะบดบังท้องฟ้าเก้าในสิบส่วนเอาไว้ เมื่อมองขึ้นไปผ่านซอกใบไม้ก็เห็นเพียงสีดำสนิทเท่านั้น
ยามนี้เป็นยามที่ดึกที่สุดในยามราตรี
หากไม่ใช่เพราะรอบๆ เป็นพุ่มไม้เตี้ยๆ เปล่งแสงเรืองๆ ออกมา ที่นี่ก็แทบมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้าในยามที่ยื่นออกมา
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไป งูเหลือมยักษ์และอสูรลับยืนกรานอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันอยู่พักใหญ่
เมื่อยืนกรานใส่กันเป็นเวลานานก็อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
สุดท้ายอสูรลับก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว
มันเปล่งเสียงร้องคำรามต่ำๆ ขยับแขนขาทั้งสี่ วนล้อมรอบงูเหลือมยักษ์อย่างช้าๆ แต่การเคลื่อนไหวกลับเงียบเชียบ ราวกับว่าร่างกายเป็นสิ่งที่ไร้รูปร่าง
งูเหลือมราตรีมรกตเห็นเช่นนั้นมันก็แลบลิ้นออกมาอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันปากก็เปล่งเสียง “ฟ่อๆ” ออกมา
แต่แววตาโหดเหี้ยมของอสูรลับกลับฉายแวววาวโรจน์ กรงเล็บคู่หน้าขยับเล็กน้อย กรงเล็บลำแสงยาวครึ่งฉื่อเปล่งแสงสีดำวาววับ ในเวลาเดียวกันหางยาวๆ สีดำก็สะบัดขึ้นลงไปกลางอากาศเกิดเป็นเงาสายหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งเสียงหวีดร้องฉีกอากาศออกมา
หัวของงูเหลือมราตรีมรกตขยับไปมาตามอสูรลับ แน่นอนว่าย่อมมองเห็นการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายทุกอย่างอยู่ในสายตา เมื่อเห็นอสูรลับสะบัดหาง มันก็ดูเหมือนว่าจะได้รับการกระตุ้นอันใดสักอย่าง เปล่งเสียงร้องฟ่อๆ ออกมาอย่างกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ
เกล็ดสีดำเขียวบนร่างของมันเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าขยายใหญ่และหดเล็กลงไปมา ร่างกายบวมพองขึ้นราวกับถูกเป่าลม
ผิวหนังอสรพิษทั้งหมดตึงเปรี๊ยะอย่างหาที่เปรียบมิได้
แทบจะในชั่วพริบตานั้น เสียง “แควก” แสบแก้วหูก็ดังขึ้น!
ผิวของอสรพิษทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างของอสรพิษที่ใหญ่กว่าเดิมกว่าครึ่งพลันเผยออกมา
ยังคงเป็นงูเหลือมสีดำเขียวดังเก่า แต่ลายระหว่างเกล็ดกลับเปลี่ยนเป็นสีเงินขาว และยิ่งไปกว่านั้นลวดลายยังตัดสลับกันไปมา กลายเป็นลายขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากัน เปล่งแสงสีเงินเรืองๆ
เมื่อมองขึ้นไปหางูเหลือมราตรีมรกต บนหัวของมันพลันมีเขาเดี่ยวสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกปรากฏขึ้น ลายเกลียวคลื่น ม้วนวนจากด้านล่างขึ้นมาด้านบน
ท่าทางแหลมคมเป็นอย่างมาก!
ดวงตาของงูเหลือมยักษ์เองก็เปลี่ยนจากสีเขียวมรกตเป็นสีแดงสด และฉายแววบ้าคลั่งออกมา
แทบจะในพริบตาที่งูเหลือมยักษ์แปลงกายสำเร็จ อสูรลับที่วนรอบอยู่ก็เคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เห็นเพียงลำแสงสีดำสว่างวาบ ร่างของอสูรตัวนี้หายวับไปท่ามกลางลำแสงยามราตรี
ครู่ต่อมาหัวของงูเหลือมยักษ์ก็เอียงข้าง ลำแสงสีดำสว่างวาบ อสูรลับปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ในเวลาเดียวกันกรงเล็บลำแสงสีดำสองสามสายก็พุ่งออกมา ตะปบไปที่คอของงูเหลือมยักษ์แน่น
ตรงที่ดูเหมือนจะเป็นจุดตายของงูเหลือม มีเกล็ดสีแดงอ่อนอยู่สองสามเกล็ด
นั่นคือจุดอ่อนหลังจากแปลงกายของงูเหลือมตัวนี้
เป็นเกล็ดสองสามเกล็ดที่ถูกกระบี่บินธรรมดาๆ สับลงไปก็อาจจะทำให้งูเหลือมยักษ์ได้รับบาดเจ็บหนักได้ หากถูกกรงเล็บที่แหลมคมของจริงของอสูรลับ ก็คงจะสร้างความเสียหายอย่างหนักให้มันทันที
แน่นอนว่าจุดอ่อนนี้อยู่แค่ชั่วพริบตาที่งูเหลือมราตรีมรกตแปลงกายเท่านั้น ทันใดนั้นก็เปลี่ยนสีเป็นเหมือนกับเกล็ดอื่นๆ
แม้กระทั่งหลังจากนั้นระดับความแข็งแกร่งของเกล็ดต่างๆ ก็เหนือกว่าก่อนหน้าเป็นอย่างมาก
เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น กรงเล็บลำแสงโจมตีไปที่หามัน ทำให้ร่างของงูเหลือมราตรีมรกตสั่นเทา แต่กรงเล็บลำแสงแค่แฉลบผ่านไปตรงจุดอ่อน งูเหลือมยักษ์พลิ้วกายอย่างรวดเร็ว แล้วหลบการโจมตีที่ถึงชีวิตนี้ไปได้
แต่ตรงคอของงูเหลือมยักษ์ก็ทิ้งรอยแผลสีแดงอ่อนสองสามสายเอาไว้ โลหิตสดๆ ปรากฏขึ้น บาดแผลไม่ได้ลึกนัก
การลอบโจมตีเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้งูเหลือมยักษ์ที่แต่เดิมก็บ้าคลั่งอยู่แล้วโกรธเกรี้ยวยิ่งขึ้น
ได้ยินเพียงเสียงคำรามด้วยความกราดเกรี้ยว หางของงูเหลือมยักษ์ก็สะบัดไปกลางอากาศ
ชั่วพริบตานั้นกลางอากาศก็เผยเงาหางสีเขียวเป็นสายๆ ออกมา กวาดออกไป พุ่งเข้าไปล้อมอสูรลับเอาไว้
เสียงหวีดร้องดังสนั่นฟ้า
อสูรลับเห็นการโจมตีนี้ไม่สำเร็จ อีกฝ่ายทำการโจมตีกลับ แต่ก็ไม่ได้ร้อนรน ร่างกายกลับพลิ้วไหว ชั่วขณะนั้นร่างของมันก็บินออกไปเป็นลำแสงสีดำสองสาย สายหนึ่งหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดสีดำสนิทสองตัว
อสูรประหลาดที่ดูเหมือนเงาสองตัวนี้ ภายนอกดูคล้ายกับอสูรลับมาก แต่แค่ร่างกายรางเลือน เปล่งแสงสีดำเทาสว่างวาบ
เมื่อพวกมันปรากฏตัว ก็กระโจนเข้ามาพร้อมกับท่าทางแยกเขี้ยวตะปบเล็บ
เสียง “ฟับๆ” ของกรงเล็บลำแสงดังขึ้น ปะทะกับเงาสีเขียวกลางอากาศทันที
หลังจากเสียงระเบิดดังขึ้น ในเวลาเดียวกันกรงเล็บลำแสงและเงาสีเขียวพลันสลายหายไป คาดไม่ถึงว่าจะมีท่าทีเหมือนแบ่งเป็นเท่าๆ กัน
ทันใดนั้นลำแสงสีเขียวพลันระเบิดออกมาเหนือหัวของอสูรประหลาดสีดำตัวหนึ่ง หัวงูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นท่ามกลางลำแสงสีเขียว กลืนอสูรประหลาดสีดำตัวหนึ่งเข้าไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้าแลบ แล้วสะบัดคอ พุ่งเข้าไปหาอสูรประหลาดสีดำอีกตัวหนึ่ง คิดจะกลืนมันลงไปเช่นกัน
ในยามนั้นเองอสูรลับตัวนั้นกลับพุ่งไปด้านข้าง อ้าปากออก คาดไม่ถึงว่าปากจะขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้ง ด้านในเต็มไปด้วยเขี้ยวที่แหลมคมดุจใบมีด กลืนงูเหลือมยักษ์เข้าไป
หากถูกปากใหญ่มหึมากัดเข้าไปจริงๆ เชื่อว่าแม้จะเป็นงูเหลือมราตรีมรกตที่ร่างกายหยาบหนาขนาดไหน ก็ไม่อาจต้านทานได้
แต่หลังจากที่งูเหลือมราตรีมรกตแปลงกายไป การเคลื่อนไหวก็ไม่ด้อยไปกว่าอสูรลับ หัวหดกลับมา จากนั้นก็เอียงหัว อ้าปากออกกว้างอย่างไม่แสดงความอ่อนแอออกมา พลางกระโจนเข้าไป
และในยามนั้นเป้าหมายเดิมของมัน อสูรประหลาดสีดำอีกตัวกลับเอียงกาย ร่างกายยืดยาวขึ้น ราวกับว่าเชือกหนาๆ ที่พุ่งเข้ามาหางูเหลือมยักษ์
เสียงดังสนั่นขึ้น อสูรประหลาดสองตัวแสดงความสามารถออกมาพร้อมกัน ต่อสู้พัวพันกันอย่างไม่อาจแยกแยะได้
แต่พวกมันสองตัวย่อมไม่รู้ว่า ห่างจากพวกมันไปสิบกว่าลี้ ในต้นไม้ยักษ์ที่ดูธรรมดาๆ ต้นหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะมีถ้ำขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางสองจั้ง
และในห้วงมิติเวลาลับนั้น ด้านในมีคนสามคนกำลังนั่งสมาธิอยู่ จ้องเขม็งไปยังกระจกที่ลอยวนล้อมรอบอยู่
ด้านหลังกระจกบานนี้มีลำแสงสีเงินเปล่งแสงเรืองๆ ผิวกระจกเป็นสีเขียวขมุกขมัว เผยภาพที่ชัดเจนออกมา
เป็นภาพที่อสูรลับตัวนั้นและงูเหลือมราตรีมรกตกำลังต่อสู้กัน!
ทัศนียภาพทุกอย่างเหมือนกับจุดที่ไกลออกไปทุกระเบียบนิ้ว แค่เล็กกว่าหลายเท่า
ส่วนสามคนนี้คนหนึ่งสวมชุดคลุมสีเขียว คนหนึ่งสวมงอบสีขาว และยังมีคนหนึ่งที่มีผิวสีเหลืองเข้ม
นั่นก็คือผู้ที่เสียเวลาไปกว่าครึ่งเดือน ในที่สุดถึงมาถึงที่นี่ได้ หานลี่ หลิวสุ่ยเอ๋อร์และสือคุน
ทั้งสามคนมีสีหน้าเคร่งขรึม มองกระจกด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบ
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม ในที่สุดอสูรลับในกระจกที่แยกออกเป็นค้างคาวสีดำนับไม่ถ้วนก็สังหารงูเหลือมราตรีมรกตที่เกล็ดได้รับบาดเจ็บลงได้ จากนั้นก็แหวกท้องมันออกกลืนแก่นดวงจิตเข้าไป แล้วถึงได้จากไปอย่างยินดี
“เป็นอย่างไรบ้าง? ทั้งสองเห็นอสูรลับกับตาตัวเองแล้ว รู้สึกว่าพวกมันเป็นอย่างไร?”
เสียงหลิวสุ่ยเอ๋อร์ถอนหายใจดังขึ้น ชูมือขึ้นร่ายอาคมโจมตีไปที่กระจก
ชั่วขณะนั้นภาพบนกระจกพลันหายวับไป