พวกเขาถึงได้มองเห็นว่าเงาร่างที่ปรากฏตัวขึ้นด้านข้างชายชราเคราขาวคือชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบปีเศษ
ไม่ใช่หานลี่แล้วจะเป็นผู้ใดได้!
แต่ไม่รอให้เผ่ามารระดับสูงเหล่านั้นชิงการควบคุมสมบัติกลับมาด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว เหนือศีรษะก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งออกมา หลังจากหมุนวนล้อมรอบพวกเขาด้วยความรวดเร็วอย่างยากจะเหลือเชื่อ ก็รางเลือนแล้วมาปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปสิบจั้งเศษ
ลำแสงหม่นแสงลงเผยร่างอสูรประหลาดสีเหลืองขนาดสองสามจั้งออกมา
อสูรรตัวนี้มีร่างกายเรียวยาว รูปร่างคล้ายเสือดาว เหนือหัวมีเขาเล็กๆ สีเขียวมรกตงอกออกมาสองเขา ทำให้ผู้คนเห็นแล้วรู้สึกว่าลึกลับมาก
หลังจากที่มันปรากฏตัวก็สะบัดหัวกวาดตามองไปยังเผ่ามารทั้งสี่
ดวงตาทั้งสองข้างดูเหมือนจะเผยแววยิ้มเยาะออกมา
และสิ่งที่แปลกก็คือเผ่ามารสี่ตนนี้ก็นิ่งงันอยู่ที่เดิม แต่ใบหน้าพลันเผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา
แต่ครู่ต่อมาร่างของเผ่ามารทั้งสี่ก็ปรากฏรอยโลหิตบางๆ จำนวนนับไม่ถ้วน จากนั้นท่ามกลางสายตาตกตะลึงของชายชราเคราขาวก็กลายเป็นเศษซากชิ้นเนื้อ
ฝนโลหิตสาดกระเซ็นลงมา ร่วงลงสู่เมฆมารด้านล่าง
อสูรมารระดับต่ำในเมฆมารอาบย้อมไปด้วยโลหิตมารเหล่านี้ ชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง คาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงร้องคำรามแล้วฉีกทึ้งกัน
นักรบชุดเกราะเผ่ามารเหล่านั้นตกตะลึงจนตาค้าง ไม่รู้ว่าผู้ใดร้องอุทานออกมา เผ่ามารสองสามร้อยตนพลันหันหลังหนีกระเจิง
ท่ามกลางอสูรมารที่เกิดความวุ่นวายก็ไม่มีผู้ใดสนใจอีก
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น
ในเมื่อเขาลงมือแล้ว จะปล่อยให้เผ่ามารหนีไปได้อย่างไร ทันใดนั้นก็ถ่ายทอดเสียงไปหาอสูรมิคาทน
“อสูรมารมอบให้เจ้าแล้ว เผ่ามารเหล่านั้นให้ข้าจัดการเอง!”
อสูรประหลาดสีเหลืองได้ยินคำพูดของหานลี่ ศีรษะที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยก็พยักหน้าเล็กน้อย กระโจนออกไปคาดไม่ถึงว่าจะเลือนหายไปกลายเป็นเงาลวงตาสีทองอ่อนๆ ยี่สิบสามสิบสาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกระโจนไปหาอสูรมารระดับต่ำเหล่านั้น
ส่วนหานลี่ก็อยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่พลันยกแขนเสื้อขึ้น มือหนึ่งเปล่งประกายเจิดจ้า
นิ้วทั้งห้าแค่กำมือเอาไว้ราวกับอยู่ในยามปกติ
เสียงฟ้าผ่าดัง “เปรี้ยง!”
ชั่วขณะนั้นอัสนีลำแสงสีทองพลันปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือที่กุมอยู่ เปล่งแสงสีทองเจิดจ้า
แต่หลังจากที่นิ้วทั้งห้าคลายออก ลำแสงสีทองกลางฝ่ามือก็ขยายใหญ่ขึ้น ประจุไฟฟ้าขนาดเท่านิ้วมือจำนวนนับไม่ถ้วนดีดตัวออกมาอย่างหนาแน่น
เห็นเพียงลำแสงสีทองเปล่งแสงวาววาบปกคลุมทั่วท้องฟ้า ทุกครั้งที่ประจุไฟฟ้าเปล่งแสง ก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังนักรบชุดเกราะเผ่ามารที่กำลังหนีไปราวกับเคลื่อนย้ายกาย และทำการโจมตีอย่างแรง
จากอิทธิฤทธิ์ของอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย เผ่ามารระดับต่ำเหล่านั้นจะต้านทานได้อย่างไร
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ร่างกายของเผ่ามารรวมทั้งเกราะสงครามบนเรือนร่างก็ทยอยกันกลายเป็นผุยผงท่ามกลางลำแสงสีทอง สายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ เมฆมารและพายุมารที่อยู่บริเวณใกล้เคียงถูกกวาดไปจนเกลี้ยง
ยามนี้อสูรมิคาทนที่กลายร่างเป็นเงาลวงตายี่สิบสามสิบสายพลันทำการสังหาร พริบตาที่มารระดับสูงสองสามตนกลายเป็นผุยผงอสูรมารระดับต่ำเหล่านั้นก็กลายเป็นโลหิตถูกสับออกเป็นชิ้นเนื้อเช่นกัน
และตั้งแต่ต้นจนจบก็เกิดขึ้นแค่ในชั่วสองสามลมหายใจเท่านั้น
ชายชราเคราขาวไม่ทันได้มีแม้กระทั่งปฏิกิริยาตอบสนอง ทหารไล่ล่าที่เกือบจะทำให้เขาต้องตายก็ตายไปไม่มีเหลือ
“ขอบพระคุณท่านอาวุโสที่ลงมือช่วยเหลือ หรือว่าท่านอาวุโสเป็นอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์”
ชายชราเคราขาวถึงได้ๆ สติกลับคืนมา รีบร้อนประสานมือคารวะหานลี่ ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าดีอกดีใจ
“อืม ก็นับว่าใช่กระมัง พวกเจ้าคือผู้บำเพ็ญเพียรฝั่งใด เหตุใดถึงวิ่งมาที่นี่ ไม่หลบซ่อนตัว บริเวณของเมืองเทวะสวรรค์ถูกเผ่ามารยึดครองไว้นานแล้วหรือ?” หานลี่กวาดสายตามองชายชราแวบหนึ่งด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“รายงานท่านอาวุโส ชนรุ่นหลังและพวกคือผู้บำเพ็ญเพียรของพรรคลี้เพลิง ที่ซ่อนตัวของพรรคเราโชคร้ายถูกเผ่ามารพบเข้า จึงมีเพียงต้องย้ายพรรคมาที่นี่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขตอาคมส่งตัวด้านหน้าจะถูกเผ่ามารดักซุ่มอยู่ จนเกือบจะเพลี่ยงพล้ำคาที่” ชายชราเคราขาวไม่กล้าดูแคลน ตอบกลับอย่างนอบน้อมเป็นพิเศษ
“เขตอาคมส่งตัวด้านหน้าถูกเผ่ามารควบคุมเอาไว้แล้ว? นอกจากที่ข้าสังหารไป ยังมีเผ่ามารระดับสูงตนอื่นๆ อยู่แถวนี้หรือไม่” หานลี่ได้ยิน ก็หรี่ตาทั้งสองข้างลงพลางเอ่ยซักถามต่อ
“ทางเขตอาคมส่งตัวยังมีเผ่ามารระดับสูงอีกสองสามตน แต่เผ่ามารเหล่านี้มีประวัติความเป็นมา มิเช่นนั้นคงไม่ได้มีแค่เจ้าพวกนี้ที่ไล่สังหารชนรุ่นหลังและพวกมา” ชายชราเคราขาวไม่มีเจตนาปิดบังเลยสักนิด พลางตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
“ยังมีอีกสองสามตน! ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็รีบจัดการเถิด เคลื่อนไหวรวดเร็วหน่อย มิเช่นนั้นหากพวกเขาได้ข่าว เกรงว่าคงจะจนตรอกจนรีบทำลายเขตอาคม” หานลี่ขมวดคิ้ว เอ่ยพึมพำกับตัวเอง ชายชราได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
ยามนี้ศิษย์ของพรรคลี้เพลิงก็ทยอยกันบินกลับมาอยู่ข้างกายของชายชราภายใต้การนำของหญิงชราหน้าตาอัปลักษณ์ สายตาที่มองมายังหานลี่ย่อมนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
ไม่รอให้ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้พูดอันใด หานลี่กลับใช้มือหนึ่งกวักเรียกอสูรประหลาดสีเหลือง ผิวเปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวพุ่งไปยังส่วนลึกของหุบเขา
ใต้ฝ่าเท้าของอสูรมิคาทนมีลำแสงสีทองเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นลำแสงสีทองไล่ตามไปติดๆ
ชั่วพริบตาหลังจากที่กะพริบวาบๆ สองสามครั้งก็หายวับไปจากขอบฟ้า
“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก พวกเราจะทำอย่างไรดี?” หญิงชราผู้นั้นรีบบินเข้ามาใกล้ชายชราเคราขาวและเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ยังต้องถามอีกหรือ ย่อมต้องตามท่านอาวุโสไป มีท่านอาวุโสเปิดทางให้ พวกเราก็น่าจะเข้าไปในเมืองเทวะสวรรค์ได้อย่างไม่มีปัญหา ทุกคนตามมา จะเข้าเมืองได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ ก็อยู่ที่ยามนี้แล้ว” ชายชราเคราขาวตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ได้ พวกเราไปกันเถิด!” หญิงชราเอ่ยพยักหน้าเห็นด้วย!
ยามนี้ชายชราเคราขาวไม่สนใจพลังปราณในร่างที่เหือดแห้ง รีบควักยาลูกกลอนออกมากิน จากนั้นมือหนึ่งก็ชี้ไปบนเรือนร่างอย่างรวดเร็วสองสามครั้ง ใบหน้ามีสีแดงฝาดที่ผิดปกติปรากฏขึ้น นำพลังปราณออกจากมากจุดตันเถียนอีกครั้ง
จากนั้นภายใต้การนำของผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญสองคนของพรรค ศิษย์ของพรรคลี้เพลิงยี่สิบสามสิบคนก็กลายเป็นลำแสงหลีกหนี พุ่งไปยังหุบเขา
ไม่เหมือนกับความรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจของทุกคนเมื่อครู่ ครั้งนี้ใบหน้าของศิษย์พรรคลี้เพลิงเหล่านั้นแทบจะมีความหวังและความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ห่างออกไปพันลี้เศษ สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ย่อมใช้เวลาไม่นานนัก!
หลังจากผ่านไปชั่วครู่คนเหล่านี้ก็มาอยู่ใกล้ๆ กับหุบเขา ผลคือไม่รอให้พวกเขาเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงอึกทึกดังสนั่นขึ้น!
ไอกระบี่สีเขียวสองสามสายพวยพุ่งขึ้นมาจากหุบเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น พายุมารสีดำสนิทม้วนวนออกมาจากส่วนลึกของหุบเขา ด้านในมีเงามารสีดำสนิทเขาเดี่ยวปรากฏออกมา กำลังหนีมาอีกทางด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ชายชราเคราขาวและหญิงชราพลันมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วมองเห็นสีหน้ายินดีบนใบหน้าของอีกฝ่าย
ดูแล้วท่านอาวุโสผู้นี้คงจะจัดการรังของเผ่ามารที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่ได้อย่างราบรื่น!
บนร่างมีเสียงเพรียกของวิหคดังขึ้น!
กระบี่คู่สีเขียวและเหลืองบนแผ่นหลังของชายชราบินออกจากฝัก หญิงชราพลันพ่นใบมีดบินสีเงินออกมาเล่มหนึ่ง
ทั้งสองย่อมมีเจตนาจะจะตีสุนัขที่จมน้ำ หมายจะขวางทารกมารเหล่านั้นเอาไว้
แต่ไม่รอให้พวกเขาได้สำแดงสมบัติใดๆ ออกมา ในหุบเขาก็มีเสียงแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชา กระบี่ยาวสิบจั้งเศษสายหนึ่งก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นไอกระบี่สีเขียวม้วนเอาทารกเข้ามาในพายุมาร
เห็นเพียงลำแสงเย็นเยียบเปล่งแสงสว่างวาบ ทารกมารไม่ทันได้ส่งเสียงขัดขืนก็หายวับไป
หลังจากที่กระบี่ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง ก็กลายเป็นกระบี่บินสีเขียวความยาวสองสามฉื่อบินกลับไปยังส่วนลึกของหุบเขา
“หากพวกเจ้าอยากเข้าเมืองเทวะสวรรค์ ก็เคลื่อนไหวให้เร็ว กำลังเสริมของเผ่ามารใกล้จะมาแล้ว” เสียงราบเรียบของหานลี่ดังออกมาจากหุบเขา จากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ อีก
“เร็ว รีบตามไป!” ชายชราเคราขาวได้ยินก็ดีใจอย่างบ้าคลั่ง และออกคำสั่งกับศิษย์ในพรรคทันที
ชั่วขณะนั้นกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรก็กลายเป็นสายรุ้งยี่สิบสามสิบสายพุ่งไปยังหุบเขาเต็มกำลัง
……
ในเมืองเทวะสวรรค์ เขตอาคมต้องห้ามที่หนาแน่นล้อมรอบเขตอาคมส่งตัวในตำหนักเอาไว้ ผู้พิทักษ์ระดับก่อกำเนิดสองคนยืนคุยอันใดกันอยู่ตรงประตู
ผลคือครู่ต่อมาเขตอาคมส่งตัวสิบกว่าแห่งพลันระเบิดลำแสงสีขาวเจิดจ้าออกมา ในเวลาเดียวกันเขตอาคมก็ส่งเสียงร้องครืดๆ ออกมา
“แย่แล้ว มีคนส่งตัวมา เปิดเขตอาคมต้องห้ามเดี๋ยวนี้ แล้วรีบไปรายงานใต้เท้าผู้คุ้มกัน” ชั่วขณะนั้นผู้พิทักษ์ระดับก่อกำเนิดพลันร้องอุทานออกมาเสียงหลง
ผู้พิทักษ์อีกคนหนึ่งสะบัดมือข้างหนึ่งโดยไม่พูดไม่จา ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นจานอาคมสีฟ้าขนาดเท่าฝ่ามือพลันปรากฏขึ้น และตบไปที่ฝ่ามืออีกข้างอย่างแรง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
จานอาคมระเบิดหมอกลำแสงห้าสีออกมา ระลอกคลื่นต่างๆ ปรากฏขึ้นทั่วทั้งตำหนัก ในเวลาเดียวกันม่านลำแสงหลากสีสันและอักขระยันต์สีทองและเงินก็ทะลักออกมารอบด้าน ผนึกทั้งตำหนักเอาไว้จนไร้ซึ่งช่องโหว่
ภายในหอคอยแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับตำหนัก ผู้พิทักษ์ร้อยกว่าคนที่กำลังนั่งสมาธิอยู่บนพื้นดินกระโดดโหยงขึ้นมาอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน กลายเป็นสายรุ้งพุ่งออกไปยังหอคอย
เขตอาคมส่งตัวส่งเสียงอึกทึกและแผ่ระลอกคลื่นเป็นสายๆ ออกมา ลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างคนสีเขียวสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ
หานลี่ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น สิ่งที่มองเห็นคือผู้พิทักษ์ตำหนักสิบกว่าคนกำลังมีท่าทีพร้อมรบอยู่ตรงประตู ทันใดนั้นมุมปากก็กระตุก เผยรอยยิ้มบางๆ ออกมาแล้วเอ่ยว่า
“อันใด ผู้แซ่หานไม่ได้กลับมาแค่สองสามปี ก็จำข้าไม่ได้แล้วหรือ”
“อ่า ท่านอาวุโสหาน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นท่านที่กลับมา เยี่ยมจริงๆ ข้าจะไปรายงานเหล่าอาวุโส เหล่าอาวุโสได้ออกคำสั่งกับบริเวณไว้แล้ว หากมีข่าวคราวของท่านให้รายงานทันที” ผู้พิทักษ์ทองที่เป็นผู้นำ มองปราดเดียวก็จดจำหานลี่ได้ ชั่วขณะนั้นพลันเข้ามาคารวะด้วยความยินดี และเอ่ยอย่างนอบน้อม
“ดูแล้วเหล่าสหายคงจำข้าได้ขึ้นใน เอาล่ะ มีเรื่องอันใดข้าจะไปคุยกับเหล่าอาวุโสเอง อีกเดี๋ยวจะมีคนส่งตัวมา พวกเจ้าก็จัดการเถิด” หานลี่พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ยังมีคนอีก? ขอรับ น้อมรับคำสั่งของท่านอาวุโสหาน!” ผู้พิทักษ์ทองผู้นี้ได้ฟังแม้ว่าจะรู้สึกงงงวย แต่เมื่อหานลี่กวาดสายตามา ก็ยังคงค้อมตัวลงตอบรับทันที
Related