หานลี่มองดูสถานการณ์ประหลาดตรงหน้า ลึกเข้าไปในม่านตาของเขา แสงสีน้ำเงินวาบ ด้วยกำลังดูเงาร่างทั้งสองที่ถูกอสูรมารสีเงินสิบว่าตัวล้อมไว้ตรงกลางให้ชัดเจนขึ้นอีกนิด
กลับเป็นมารร่างใหญ่ราวกับเจดีย์เหล็กก็มิปานตนหนึ่ง และมารชราผู้มีลายมารสีน้ำเงินสลักอยู่บนแก้มอีกตนหนึ่ง
ทั้งสองล้วนบำเพ็ญเพียรอยู่ในขั้นปลายระดับหลอมสุญตา!
มารร่างใหญ่ในตอนนี้ ไอมารคุกรุ่นทั่วร่าง สองมือควงไม้พลองยักษ์สีดำเล่มหนึ่ง ส่งเสียงลมฟ้าคะนองออกมาเบาๆ
ขณะไม้พลองยักษ์พร่ามัว ไอดำเป็นสายๆ ม้วนตัวออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงคำรามดัง กั้นขวางอสูรสีเงินกว่าครึ่งไว้ด้านนอก
ส่วนมารชราซึ่งเกิดมาพร้อมดวงตาสีเขียวรูปสามเหลี่ยมคู่หนึ่ง กลับใช้ฝ่ามือพยุงโถทรงกลมสีดำใบหนึ่งไว้ พลางเสกเงาร่างนกประหลาดขนาดราวหนึ่งฉื่อตัวแล้วตัวเล่าออกมาจากโถ
เงาร่างเหล่านี้พอสัมผัสถูกอสูรสีเงินที่พุ่งเข้ามาใกล้ พลันกลายเป็นแสงสีเทาระเบิดออกเป็นกลุ่มๆ ทำให้เหล่าอสูรสีเงินถอยออกในทันที
แต่ไม่ว่าจะเป็นไอดำที่แปลงมาจากไม้พลองยักษ์ หรือเงาร่างนกประหลาดที่จู่โจมด้วยการระเบิด ถึงแข็งใจต้านทานอสูรมารสีเงินเหล่านั้นไว้ แต่ก็ไม่สามารถทำให้พวกมันเจ็บหนัก
ความดื้อรั้นของอสูรมารเหล่านี้ดูเหมือนไม่ได้ด้อยไปกว่าของวิเศษทั่วไปเลย พอกระเด็นออกมา ก็พุ่งเข้าไปอีกโดยไม่สนใจใดๆ แม้แต่น้อย
ถ้าเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ รอจนพลังภายในของมารทั้งสองหมดลง ย่อมได้เวลาเสียชีวิตของพวกเขาแล้ว
ศพอสูรมารเขาประหลาดห้าสีที่อยู่ข้างๆ ถ้าดูจากลมหายใจอันทรงพลังที่เหลืออยู่ น่าจะเป็นราชามารที่ตนกำลังตามหา
ในที่สุดก็ถูกฆ่าตายแล้ว! หรือเป็นฝีมือของมารสองตนนั่น สองตนนี้แม้พลังยุทธ์ไม่อ่อนด้อย แล้วเหตุใดถึงทำเรื่องเช่นนี้เล่า
แม้หานลี่ไหวพริบดี แต่พอเห็นทั้งหมดนี้ ก็ยังสงสัยอยู่บ้าง
ราชาอสูรไม่อยู่แล้ว อสูรมารเหล่านี้กลับไม่ได้แยกย้ายไปทั้งหมด นี่เป็นเรื่องที่ผิดคาด
หานลี่เปลี่ยนความคิด ขบคิดไปโดยปริยายว่าควรทำอย่างไรต่อดี
ส่วนอสูรมารตัวเขียวที่อยู่ด้านหน้าเหมือนรู้ว่าหานลี่ยากตอแย จึงได้แต่ขวางทางไว้ ไม่เหมือนอสูรมารทั่วไปที่พุ่งเข้ามาอย่างดุร้ายไม่กลัวตาย
ระหว่างพวกมันกับหานลี่ รักษาสภาวะนิ่งค้างไว้ชั่วคราว
ขณะที่หานลี่ยังคงลังเลใจอยู่นั้น ไกลออกไป มารร่างใหญ่ที่ถูกล้อมจู่โจมพลันตะโกนบอกคู่หู
“ผู้อาวุโส รอต่อไปไม่ได้แล้ว ฤทธิ์ของธูปไล่อสูรกำลังจะหมดลง ต้องรีบออกไปจากที่นี่ ข้าจะใช้พลังปราณพัวพันเดียรัจฉานพวกนี้ให้ถึงที่สุด ท่านรีบร่ายอาคม ส่งเราออกไป”
สิ้นเสียง มารร่างใหญ่พลันคำรามอย่างขุ่นเคือง พลังปราณพลันเปลี่ยนเป็นรุนแรงไร้ที่เปรียบ เงาของไม้พลองในมือที่ควงอยู่ก็หนาแน่นกว่าเมื่อครู่เท่าตัว จึงเข้าสกัดกั้นเหล่าอสูรสีเงินที่กระโจนใส่มารชราให้อยู่นอกวง
“ได้ สหายเถี่ยต้องระวังตัวดีๆ ด้วย”
เมื่อมารชราได้ยิน ก็รับปากพลางครุ่นคิด แล้วจึงพลิกฝ่ามือ โถทรงกลมหายวับไปกับตา กลับมีหินผลึกใสสีดำก้อนหนึ่งมาแทนที่ ถูกโยนไปด้านหน้าทันที พลางท่องคาถา
ปรากฏภาพพิลึกพิลั่นขึ้นภาพหนึ่ง
ผลึกหินหมุนอยู่รอบหนึ่ง แล้วพ่นเส้นแสงสีดำนับไม่ถ้วนออกมา ขณะถักทอและสั่น จากรูปลักษณ์ใหญ่โตสิบกว่าจั้ง กลายเป็นเขตอาคมสีดำขนาดราวหนึ่งจั้ง
เสียงคำรามดัง!
เขตอาคมสีดำค่อยๆ หมุนกลางอากาศ สภาพการเคลื่อนที่คล้ายถูกเร่งเร้า
“เอาละ ไปกันเร็ว!”
มารชรารีบเรียกมารร่างใหญ่ขณะร่างสั่น และพุ่งเข้าไปในเขตอาคมอย่างไม่ลังเลใจแต่อย่างใด
มารร่างใหญ่ที่อยู่อีกด้านเห็นดังนี้ พลันควงพลองยักษ์ในมืออย่างบ้าคลั่งสองสามครั้ง แล้วแข็งใจถอยออกจากอสูรสีเงินสองสามตัวที่อยู่ใกล้ กลายเป็นไอดำกลุ่มหนึ่ง วาบเข้าไปในเขตอาคมเช่นเดียวกัน
เห็นชัดว่าทั้งสองต้องใช้พลังจากเขตอาคมเข้าช่วย ในการหนีออกจากวงล้อมฝูงอสูร
แต่ขณะที่มารทั้งสองกำลังจะสมปรารถนาตามแผนที่วางไว้เห็นๆ เหตุไม่คาดฝันก็บังเกิด!
ที่ว่างเหนือเขตอาคมเกิดความแปรปรวน กลับมีอสูรสีเงินอีกตัวโผล่ออกมาอย่างแปลกประหลาด มันก้มหน้าอ้าปาก แสงสีเงินขมุกขมัวสายหนึ่งวาบ จู่โจมเข้าใจกลางเขตอาคมทันที
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
แสงสีดำของเขตอาคมหดขยายไม่หยุด ก่อนปริแตก แปรปรวนรุนแรง แล้วม้วนหายไปในทุกทิศทุกทาง
ภาพนี้ พลันทำให้มารสองตนที่กระโจนเข้ามาแต่เดิม สะดุ้งและชะงัก หยุดนิ่งอยู่กับที่ เหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
แต่อสูรตัวอื่นๆ กลับไม่ชะล่าใจกับการนี้ โห่ร้องตามๆ กันแล้วพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ล้อมทั้งสองไว้ตรงกลางอีกครั้ง
แทบจะในเวลาเดียวกัน ควันสีเขียวจางๆ รอบด้านพลันกลายเป็นวงกลมขนาดใหญ่พลางส่งเสียงร้องเบาๆ ก่อนวาบหายไป
อสูรมารตัวอื่นๆ ที่เดิมทีหยุดชะงักอยู่นอกวง พลันแผดเสียงคำรามนับไม่ถ้วนดุจกระแสน้ำโหมกระหน่ำใส่มารทั้งสอง
ชั่วขณะนั้น เสียงร้องอย่างเกรี้ยวกราดของมารทั้งสองก็ดังออกจากฝูงอสูร ตามด้วยเสียงระเบิดและเสียงร้องดังลั่น
เห็นชัดว่าขณะที่มารทั้งสองกำลังตกอยู่ในภาวะคับขัน ก็ยังฮึดสู้สุดใจขาดดิ้น สู้ตายแบบไม่มีกักเก็บพลังยุทธ์กับพลังปราณเช่นเดียวกันอีก
หานลี่กำลังมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากระยะไกล หลังจากกะพริบตาปริบๆ พลันทำท่าร่ายอาคมด้วยมือเดียว พอแสงสีทองรอบตัวสว่าง ผิวหนังก็มีเกล็ดสีดำงอกออกมาเป็นชั้นๆ ขณะไอมารที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งเกิดการปะทุจากภายใน พอลอยออกก็กลายเป็นแรงกดมหาศาลน่าเกรงขามกลุ่มหนึ่ง พุ่งตรงไปกดทับพลังอันดุร้ายของอสูรที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ภายใต้แรงกดมหาศาล อสูรตัวเขียวที่ขวางทางอยู่ ต่างส่งเสียงขู่ฟ่อๆ เบาๆ แล้วพากันก้าวถอยหลังติดต่อกันตามจิตใต้สำนึก แต่แววตาที่มองหานลี่กลับแวววาวดุร้ายขึ้นมา
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสท่านใดอยู่ที่นี่ เราสองคนคือผู้คุมกฎแห่งเมืองเซวี่ยยา หวังให้ผู้อาวุโสยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เราจะตอบแทนบุญคุณของท่านในภายหลังอย่างแน่นอน”
“ผู้น้อยเป็นลูกชายคนเดียวของผู้อาวุโสเผ่าอีกายมโลก ถ้าผู้อาวุโสยอมช่วยเหลือ เผ่าเราย่อมไม่มีทางลืมบุญคุณของผู้อาวุโสเช่นเดียวกัน”
…..
ด้านหานลี่ที่เพิ่งกระตุ้นมุกปลอมตัวเป็นมารไป ก็นำมาซึ่งเสียงของทั้งสองแล้ว โดยมารทั้งสองที่อยู่ด้านนั้นพบการดำรงอยู่ของหานลี่อย่างรวดเร็ว ประดุจพบฟางเส้นสุดท้าย จึงร้องขอความช่วยเหลือทันที
หานลี่เห็นดังนี้ ก็ยิ้มน้อยๆ พอกวาดตามองอสูรตัวเขียวที่ขวางทางอยู่ตรงหน้า ก็ก้าวไปข้างหน้าทันที
เห็นเพียงภาพพร่ามัว จากนั้นเงาคนเงาหนึ่งก็วาบไปปรากฏอยู่เหนืออสูรตัวเขียว
อสูรตัวเขียวเห็นดังนี้ กลับไม่มีท่าทีถอยหนี หอนยาวๆ ออกมา พอขนเข็งๆ ของอสูรมารทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังสั่น ก็กลายเป็นแสงสีเขียวแน่นขนัด พุ่งเข้าใส่เงาคนที่อยู่ด้านบนตรงๆ
“น่าสนใจอยู่บ้าง!”
หานลี่หัวเราะเบาๆ พลางประสานฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกัน แสงสีดำชั้นหนึ่งพลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง แล้วกลายเป็นเงาหมัดสีดำนับไม่ถ้วน ต่อยลงด้านล่างอย่างแรง
แสงสีเขียวเหล่านั้นแม้มากจนน่าตกใจ แต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของร่างแปลงที่มีอิทธิฤทธิ์ของวิชามารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรกัน
ภายใต้พลังอันน่าสะพรึงกลัวของเงาหมัด แสงสีเขียวจึงทยอยกันระเบิดออกตามทาง
จากนั้นอสูรตัวเขียวหลายร้อยตัวก็ถูกเงาหมัดสีดำต่อยจนเละเทะเป็นเศษเนื้ออยู่ตรงนั้น ส่วนตัวหานลี่เองกลับไหล่สั่น แล้วคนก็วาบหายกลางอากาศอีกครั้ง
หานลี่ใช้วิชาหลีกหนีอันแปลกประหลาด เพียงกะพริบแสงไม่กี่ครั้ง ก็มาปรากฏบนท้องฟ้าเหนือมารร่างใหญ่กับมารชรา กอดอกพลางกวาดตามองด้านล่างอย่างใจเย็น
เห็นเพียงตอนนี้ มารทั้งสองต่างหันหลังชนกัน พลางกระตุ้นวิชามารกับของวิเศษหลายชิ้นอย่างสุดชีวิต ในการต้านอสูรมารจำนวนมากที่ดาหน้าเข้ามา
เหล่าอสูรมารธรรมดายังดี ที่นอกจากมีอาคมเล็กน้อยแล้ว ก็คุกคามทั้งสองไม่ได้มาก แต่เหล่าอสูรตัวเขียวกับอสูรสีเงินสิบกว่าตัวก่อนหน้า กลับรอให้ทั้งสองไม่เหลือเรี่ยวแรงต่อต้านอีก คล้ายมีท่าทางที่กำลังจะจมลงไปในฝูงอสูรอย่างสิ้นเชิงได้ทุกขณะ
“ช่วยพวกเจ้าน่ะได้ หลังจากนั้นพวกเจ้าต้องช่วยข้าจัดการเรื่องหนึ่ง” หานลี่กลับเจรจาอย่างไม่รีบร้อน
“ได้ ขอเพียงผู้อาวุโสยอมช่วยเหลือ ชีวิตของผู้น้อยทั้งสองก็เป็นของผู้อาวุโสแล้ว” ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ มารร่างใหญ่รีบร้องเสียงดังอย่างไม่ต้องคิดแม้แต่น้อย
และชั่วขณะนี้ อสูรสีเงินตัวหนึ่งได้ทะลวงแนวป้องกันอาคมของมารร่างใหญ่เข้ามา และฝากรอยกรงเล็บลึกๆ ไว้บนไหล่ของเขาอย่างโหดเหี้ยมหลายรอย จนแทบจะเห็นกระดูกอยู่รอมร่อ
มารชราจึงรับปากติดต่อกันไม่หยุดเช่นเดียวกัน
พอหานลี่ได้ยิน ก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย ได้ยินเสียงดังกัมปนาทที่ด้านหลัง พลันมีปีกขนนกผลึกใสสีเขียวอ่อนโผล่ขึ้น ขณะกระพือเบาๆ ลูกสายฟ้าสีเขียวอ่อนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างแน่นหนาทันที
แต่พอหานลี่ร่ายคาถา คนกับลูกสายฟ้าก็หายไปในที่ว่างพร้อมกัน
มารทั้งสองที่อยู่ด้านล่างเพียงได้ยินเสียงดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ประกายไฟสีเงินนับไม่ถ้วนถักทอระยิบระยับบนท้องฟ้า พริบตาเดียวก็จับตัวรวมกันเป็นตาข่ายไฟพยุงฟ้าขนาดราวหนึ่งลี้ผืนหนึ่ง ตกลงด้านล่างอย่างไม่ปรานี
ทันใด ประกายไฟเป็นสายๆ ก็กระเด้งกระดอนกลางฝูงอสูรมาร แล้วระเบิดออกทีละน้อย ทำให้กลุ่มดอกไม้ไฟจับตัวกันทันที และบานสะพรั่งทันที
ที่ว่างด้านล่างจึงกลายเป็นทะเลแห่งฟ้าร้องฟ้าผ่ากะทันหัน
แต่ที่เหลือเชื่อก็คือ มารร่างใหญ่กับมารชราซึ่งอยู่ท่ามกลางแสงสายฟ้าอันน่าตื่นตระหนกกลับไม่เป็นอะไรเลย ทั้งสองไม่เพียงไม่บาดเจ็บจากประกายไฟใดๆ ใกล้ๆ กันนั้นกลับมีม่านไฟชั้นหนึ่งก่อตัวขึ้นอย่างแน่นหนา ปกป้องพวกเขาไว้ด้านในอย่างรัดกุม
ส่วนอสูรมารชนิดต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การจู่โจมอย่างรุนแรงจากฟ้าร้องฟ้าผ่าอันน่าตื่นตะหนก กว่าครึ่งพลันกลายเป็นเถ้าถ่าน สุดท้ายเมื่อสายฟ้าถูกเก็บและหายไป อสูรมารระดับสูงส่วนหนึ่งแม้ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทั้งร่างก็ถูกเผา จนเหลือเพียงสองในสิบส่วนเท่านั้น
ซึ่งอสูรมารพิการเหล่านี้ หลังจากผ่านการจู่โจมจากสายฟ้าเช่นนี้ ก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าที่จะดุร้ายอะไรอีก พากันร้องครวญครางพลางหันกายหนีออกไป
“ผู้อาวุโส รีบสังหารอสูรคอเงินเหล่านี้เร็ว ขอเพียงสังหารอสูรมารระดับสูงเหล่านี้ให้เกลี้ยง คลื่นอสูรที่มีอยู่ในตอนนี้จะพังทลายลงทันที และราชาอสูรจะไม่ถือกำเนิดขึ้นในหมู่ฝูงอสูรอีกกว่าร้อยปี”
มารร่างใหญ่เห็นภาพนี้ย่อมยินดีปรีดายิ่ง แต่พลันนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบตะโกนบอกหานลี่อย่างนอบน้อม
“อสูรคอเงิน?”
พอหานลี่ได้ยินก็หรี่ตาลง ฉวยโอกาสปล่อยจิตสัมผัสเข้าสู่อสูรสีเงินที่บาดเจ็บสาหัสสิบกว่าตัว ซึ่งหนีออกไปไกลกว่าร้อยจั้งแล้ว
อสูรมารที่มารร่างใหญ่พูดถึง ย่อมเป็นอสูรมารระดับสูงที่โดดเด่นเหล่านี้แล้ว
อสูรสีเงินเหล่านี้ ทุกตัวล้วนมีพลังในระดับหลอมสุญตาขั้นต้นบวกลบ โดยเมื่อครู่ที่ถูกเสียงฟ้าร้องจู่โจมใส่ ก็ล้วนรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ถ้าคิดสังหารทั้งหมด กลับต้องลงมืออีกครั้งจริงๆ
ความคิดของหานลี่เปลี่ยนเพียงเล็กน้อย ใช้มือเดียวร่ายอาคมลงมืออีกครั้ง
เสียง ‘ปุ ปุ’ ดังเบาๆ แสงสีทองด้านหลังของเขาวาบ กลับปรากฏเทวรูปสามเศียรหกกรสีทองขึ้น
เทวรูปนี้ พอปรากฏตัว เพียงยักไหล่ ลมก็พัดแรงหลายเท่าตัว กลายเป็นร่างสูงใหญ่กว่าสิบจั้ง จากนั้นดวงตาสีทองทั้งหกก็ลืมขึ้นพร้อมกัน