ผู้เฒ่าได้เพียงแต่ร้องครวญครางอยู่สองสามที ร่างกายก็ถูกแมลงกลืนทองแทะกินจนไม่หมด เหลือเพียงแต่ทารกปราณที่ปกคลุมไปด้วยแสงโลหิตดวงหนึ่งเท่านั้น กำลังตะเกียกตะกายเรียกใช้ป้ายคำสั่งสีดำแปดหน้าจนเลือดกระอักปาก
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะหานลี่สั่งให้แมลงกลืนทองออมมือ ยังไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เกิดจากการใช้พลังทั้งหมด
ทารกปราณของผู้เฒ่าในเวลานี้กำลังตื่นเต้นลนลาน กำลังอ้อนวอนเรียกร้องขอชีวิตกลับหานลี่
แต่หานลี่ไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เพียงแต่ตวัดมือหนึ่งที
เสียงดังขึ้น ‘พรึ่บ’ วงแหวนสีเลือดวงหนึ่งก็ลอยพุ่งออกไปยังเขา แล้วคว้าเอามาไว้กลางฝ่ามือ
สิ่งที่เหลืออยู่เมื่อร่างของผู้เฒ่าหายไป คือกำไลเก็บของที่อยู่กลางฝูงแมลง
เมื่อหานลี่ใช้จิตสัมผัสกวาดส่องสำรวจ ก็ย่นคิ้วเล็กน้อย
ด้านในถึงแม้จะมีสมบัติวิเศษอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยของอิฐศักดิ์สิทธิ์อีกสามก้อนที่ต้องการ
“สหาย หากเจ้าปล่อยข้าไป ข้ายินดีที่จะมอบอิฐศักดิ์สิทธิ์ให้กับเจ้า” ทารกปราณเจ้าเมืองเซวี่ยยาเห็นเช่นนั้น ก็รีบคว้าโอกาสที่เป็นดั่งเส้นฟางเส้นสุดท้ายร้องขึ้นเสียงแหลม
“อิฐศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก้อนจำเป็นให้เจ้ามอบให้ข้าด้วยหรือ ข้าตามหาเองก็ได้ไม่ใช่หรือ” หานลี่กวาดสายตามองไปยังทารกปราณ แล้วยิ้มเยาะด้วยแววตาสีน้ำเงินอันเยือกเย็นที่พุ่งออกจากนัยน์ตา
ทันทีที่เขาพูดจบ แมลงกลืนทองที่ล้อมอยู่นิ่งไม่ขยับในตอนแรก ทันใดนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นมา จากนั้นก็รุมกัดกินทารกมารของผู้เฒ่าทั้งหมดไปจนไม่เหลือซากใดๆ
ป้ายคำสั่งสีดำทั้งแปดแผ่นนั้น ถึงแม้จะดูน่าอัศจรรย์ แต่ไม่อาจต้านทานแมลงกลืนทองที่สามารถกลืนกินได้ทุกสรรพสิ่งแต่อย่างใด พริบตาเดียวก็ระเบิดแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
ทารกมารส่งเสียงโหยหวนดังยิ่งขึ้น ถูกแมลงกลืนทองกัดกินจนหมด แต่เมื่อฝูงแมลงถอยออก ที่นั่นมีก้อนอิฐผลึกขนาดไม่กี่นิ้วสามก้อนปรากฏอย่างเด่นชัด
“ของสิ่งนี้ซ่อนอยู่ในตัวทารกปราณอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย ถ้าไม่ใช้เนตรวิญญาณกวาดสำรวจก่อน คงโดนเขาปกปิดจนไม่รู้ได้แน่” หานลี่เห็นอิฐผลึกปรากฏ เมื่อใช้จิตสัมผัสกวาดสำรวจแล้ว ใบหน้าก็เผยความยินดีออกมา พูดขึ้นเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งที แสงสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งออกมา รวบเก็บเอาอิฐผลึกสามก้อนนั้นเอาไว้
อิฐผลึกทั้งสี่ก้อนนี้ไม่เพียงมีอิทธิฤทธิ์ของบรรพชนแดนมาร ซ้ำยังมีแผนที่ลับด้วย ในเมื่อเขาได้พบมัน ย่อมไม่มีทางที่จะปล่อยให้หลุดมือไปอันขาด
ในเวลานี้ ด้านหลังเขามีเสียงร้องดึงกึกก้องอยู่ไม่ขาด และดูจะดังขึ้นเรื่อยๆ
หานลี่สีหน้าเปลี่ยน ค่อยๆ หันกายกลับ แล้วกวาดสายตามองเบาๆ
เห็นห่างจากที่นั่นไปประมาณกว่าสิบจั้ง หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทองสองตน กำลังถูกหม้อยักษ์สามขาสีม่วงที่ปล่อยตัวอักษรโบราณขนาดใหญ่จำนวนมากมายออกมากลางอากาศ กักตัวเอาไว้ในที่แห่งนั้น
อักษรโบราณเหล่านี้ลอยว่อนเปล่งแสงกลางอากาศ อักษรยันต์สีทองเงินจำนวนไม่ถ้วนลอยออกมา พร้อมกันนั้นแสงสีม่วงหลายชั้นก็แผ่กระจายไปรอบด้านทั้งสองตน
นั่นก็คือหม้อคำพูดสีม่วง!
สมบัติวิเศษชิ้นนี้ถูกอัญเชิญออกมาตอนที่หานลี่หันหน้าไปสู้กับเจ้าเมืองเซวี่ยยา
หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทองตอนแรกคิดจะฉวยโอกาสตอนที่หานลี่ต่อสู้กับผู้เฒ่าดวงตาสีเงินเพื่อหลบหนี แต่ก็ถูกหม้อคำพูดสีม่วงกักเอาไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ
ทั้งสองด้วยความตกใจและโมโห จึงได้ดิ้นรนใช้วิธีการต่างๆ นานา
คนหนึ่งผิวกายภายนอกเกิดเปลวเพลิงสีเขียวม้วนกลิ้ง กลายเป็นมังกรเพลิงสีเขียวหลายตัวพุ่งสู่กลางอากาศอ้าปากเหยียดกางกรงเล็บทั้งห้า อีกคนหนึ่งยกน้ำเต้าสีทองในมือทั้งคู่ขึ้นสูง พ่นแสงสว่างสีทองจ้าตาหลายลูกออกมาวนรอบตัวไม่หยุด
ไม่ว่าทั้งสองจะเรียกใช้สมบัติวิเศษใดๆ อย่างคลุ้มคลั่งออกมา แต่อักษรโบราณที่ลอยอยู่ในหม้อสีม่วงกลับมีอานุภาพมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงแค่ส่องแสงกะพริบอยู่กลางอากาศ ก็โจมตีทั้งสองจนสิ้นซากไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย พร้อมกันนั้นก็วางเขตต้องห้ามซ้อนกันหลายชั้นลงบนพื้นที่ว่างใกล้เคียง จนทั้งสองไม่อาจจะเคลื่อนที่ได้
หานลี่เห็นเช่นนั้น ความพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
หม้อคำพูดสีม่วงใบนี้สมแล้วที่เป็นสมบัติวิเศษที่หลอมขึ้นด้วยสมบัติสวรรค์ทมิฬ เพียงสมบัติวิเศษแค่ชิ้นเดียวก็สามารถสะกดจอมมารระดับผสานอินทรีย์สองตนเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย และนี่ยังเป็นสมบัติวิเศษที่เขาไม่เคยใช้ด้วยตัวเองมาก่อน มิเช่นนั้นแล้วอานุภาพคงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน
หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทอง ได้เห็นฉากหานลี่จัดการจิตสังหารและทำลายล้างแมลงมารกับตา และตอนที่ได้เห็นหานลี่สังหารทารกปราณเจ้าเมืองเซวี่ยยาไปแล้วหันมามองยังพวกเขา หัวใจก็ตกลงไปอยู่ตรงตาตุ่ม
สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่กล้าหวังว่าหานลี่จะไว้ชีวิตพวกเขา และอิทธิฤทธิ์ของหานลี่นั้น พวกเขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ด้วยเลยแม้สักนิด
“พี่จิน ถ้ายังไม่รีบหนี จะหนีไม่รอดจริงๆ แล้วนะ” หยางรองสีหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันทีตะโกนร้องไปยังสหาย
จากนั้นเปลวไฟสีเขียวบนร่างเขาก็แผดขยายขึ้นทันที อาวุธมารชั้นสูงหลากสีสันหลายสิบชิ้นพุ่งออกจากร่างพร้อมกัน และในเวลาเดียวกันนั้นก็ระเบิดแตกออกในพริบตา
เสียงสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นต่อเนื่อง!
อาวุธมารระเบิดตัวเองกลายเป็นกระแสคลื่นอันยิ่งใหญ่ แต่ก็ถูกเขตต้องห้ามที่อยู่ใกล้เคียงม้วนดึงเอาไว้จนสลายไปหมด
หยางรองรู้สึกว่าร่างกายที่หนักอึ้งราวกับภูเขาไท่ซานเบาหวิวขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็กลายร่างเป็นลำแสงสีเขียวลูกหนึ่งพุ่งออกไปอย่างไม่ลังเล
จอมมารน้ำเต้าทองที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้ยินคำพูดของหยางรองแล้ว ก็ขบฟันเริ่มใช้วิธีการเพื่อหาทางรักษาชีวิต
เขาเขย่าแขนทั้งสอง มือสองข้างที่ชูน้ำเต้าทองลูกยักษ์ในตอนแรก ก็ส่งเสียงดังอื้ออึงกลายเป็นร่างจำแลงกิเลนสีทองจ้าตาตัวหนึ่งท่ามกลางแสงสว่าง
ร่างจำแลงกิเลนตัวนี้ทันทีที่อ้าปาก ก็พ่นเปลวเพลิงน่าหวาดกลัวสีทองสลัวหลายลูกออกมา
ทุกที่ซึ่งเปลวเพลิงผ่าน พลานุภาพของเขตต้องห้ามที่กระจายอยู่ในหม้อคำพูดสีม่วงก็สลายไปตามกัน จอมมารน้ำเต้าทองถูกร่างจำแลงกิเลนห่อหุ้ม กลายเป็นแสงสีทองลูกหนึ่งพุ่งขึ้นสู่กลางอากาศเช่นกัน
“เอ๊ะ มีลมปราณกิเลนด้วยหรือนี่ ซ้ำยังเป็นธาตุไฟ น่าสนใจเสียจริง” หานลี่หรี่ตาทั้งคู่ สีหน้าดูประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ใช้มือข้างหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่เสียเวลาคิด พร้อมกันนั้นก็สะบัดแขนเสื้อหนึ่งที
เมฆแมลงสีทองหมุนม้วน พริบตาเดียวก็รวมกันเป็นคมดาบขนาดยักษ์ยาวหลายจั้งด้ามหนึ่ง เขย่าไหว แล้วทันใดนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งติดตามหยางรองไป
ทุกที่ที่ผ่าน เกิดเสียงหวีดแหลมแสลงหูดังรุนแรง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง กระบี่แสงสีเขียวเล่มหนึ่งก็ฟาดออกมาจากในแขนเสื้อของหานลี่เช่นกัน
แสงกระบี่กะพริบแล้วดับวูบลง จากนั้นก็ผ่าร่างจำแลงกิเลนพร้อมกับจอมมารน้ำเต้าทองที่อยู่ด้านในขาดเป็นสองท่อนราวกับสายฟ้าฟาด
แต่จอมมารน้ำเต้าทองกลับมีอิทธิฤทธิ์อยู่บ้าง เมื่อส่งเสียงกรีดร้อง ก็ใช้มือทั้งสองร่ายอาคม เลือดที่สาดพุ่งออกมากลายเป็นหมอกสีเลือดหลายกลุ่ม หลอมรวมเข้ากับเงาจำแลงที่อยู่ด้านนอก
ร่างจำแลงกิเลนที่ถูกฟันขาดในตอนแรกชั่วพริบตาเดียวก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และยังคงพาจอมมารน้ำเต้าทองบินแหวกอากาศหนี
“ออกมา!” หานลี่ขมวดคิ้ว แล้วร้องขึ้นเบาๆ เสียงหนึ่งที
ร่างจำแลงร่างหนึ่งดีดตัวออกมาจากร่างเขา แล้วหมุนวนอยู่บนพื้น จากนั้นก็ปรากฏร่างจริงออกมา
เห็นได้ชัดว่าเป็นอสูรน้อยสีทองตัวหนึ่ง
“ตามไป คิดดูแล้วสมบัติวิเศษในมือของมัน น่าจะมีประโยชน์กับเจ้าอยู่บ้าง” หานลี่พูดกำชับเสียงเรียบ
“ขอบคุณนายท่าน สมบัติวิเศษของเขานั้นดูเหมือนจะผสมด้วยกระดูกวิญญาณจำนวนหนึ่งของกิเลนไฟ มีประโยชน์กับข้าอย่างมากจริงๆ” แววตาอสูรกิเลนมิคาทนกวาดมองไปยังเงาจำแลงกิเลนที่อยู่ในแสงสีทองไกลออกไป แล้วพูดเป็นภาษามนุษย์ด้วยความชอบใจ
จากนั้นร่างของอสูรตัวนี้ก็วูบไหว ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่าในพริบตา รยางค์ทั้งสี่ขยับเคลื่อน แล้วกลายเป็นเงาจำแลงเลือนรางพุ่งตามออกไป
ด้วยความเร็วและอิทธิฤทธิ์ของอสูรกิเลนมิคาทน กับจอมมารที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บผู้นี้แล้ว ย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร
ชั่วพริบตาเดียว แสงสว่างทั้งสี่ก็แยกออกเป็นสองทางพุ่งแหวกอากาศออกไปไกล หายวับไปกลางความว่างเปล่าที่อยู่ใกล้ๆ อย่างไร้ร่องรอย
หานลี่ร่อนลงตรงไปยังบนก้อนหินก้อนยักษ์ที่อยู่ด้านล่าง แล้วนั่งขัดสมาธิหลับตาเข้าฌาน
เวลาเพียงชั่วหนึ่งกาน้ำชา หานลี่ก็ขยับแล้วลืมตาทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง ปลายสุดที่ขอบฟ้ามีแสงวิญญาณส่องกะพริบ เมฆแมลงปรากฏขึ้นมาส่งเสียงดังอึงมี่ แล้วบินกลับมาอยู่เหนือศีรษะเขาราวกับดาวตก
จิตสมผัสหานลี่กว่าสำรวจเมฆแมลงแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม แล้วยกแขนเสื้อขึ้น
เมฆแมลงทันใดนั้นก็แตกตัวกระจายออก กลายเป็นจุดสีทองหลายจุดบินพุ่งไปในแขนเสื้อเขา พร้อมพากันหายลับไม่เหลือร่องรอย
หานลี่เพิ่งจะลุล่วงไปหนึ่งเรื่อง บนท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งเองก็มีเสียงคำรามดังแว่วมา เงาร่างอสูรกิเลนมิคาทนเองก็ปรากฏขึ้น กำลังพุ่งดิ่งมายังหานลี่เช่นกัน
กะพริบอยู่สองสามครั้ง ร่างกายสีทองเจิดจ้าของอสูรกิเลนมิคาทนก็มาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าเหนือหานลี่ไม่ทันที แต่จากนั้นก็สั่นไหว กลายร่างเป็นเด็กสาวน่ารักอายุราวห้าหกขวบผู้หนึ่ง ดวงหน้าเล็กซีดขาวพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
“นายท่าน แย่แล้ว รีบหนี!” อสูรกิเลนมิคาทนทันทีที่ปรากฏตัว ก็ร้องออกมาด้วยใบหน้าที่ตกตื่นไปยังหานลี่
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือจอมมารที่ให้เจ้าตามไปจะหนีไปได้เสียแล้ว” หานลี่อึ้งไปเล็กน้อย ถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“มิใช่ คนที่ข้าตามไปนั้นถูกสังหารแล้วเรียบร้อย แต่มันคือคลื่นอสูร ไม่…ไม่ใช่ขึ้นอสูร มันเป็น…คลื่นแมลง แมลงมารจำนวนมหาศาล” หญิงสาวติดอ่าง พูดพลางทำมือพัลวัน
“คลื่นแมลง!” หานลี่สะดุ้ง ตวัดสายตาจากอสูรกิเลนมิคาทนกวาดมองออกไปทันที แต่ท้องฟ้าสีครามที่อยู่ไกลออกไปนั้นกลับดูปกติ ไม่มีร่องรอยของความผิดปกติ
หานลี่รู้สึกแปลกใจ กำลังคิดที่จะถามอสูรกิเลนมิคาทนต่อสักสองสามเรื่อง ทัศนียภาพที่ขอบฟ้าท่านใดนั้นก็เกิดความเปลี่ยนแปลง
ท้องฟ้าทันใดนั้นก็มืดลง แถบสีเขียวแถบหนึ่งที่ปลายฟ้าปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นกลุ่มหมอกสีเขียวกำลังหมุนม้วนมายังที่ซึ่งหานลี่อยู่
หานลี่ตกใจในทันที แล้วส่งจิตสัมผัสออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นพลังวิญญาณในกายก็พุ่งไปยังกลางนัยน์ตา รูม่านตาเปล่งแสงสีน้ำเงินสลัวอย่างคลุ้มคลั่ง
กลุ่มหมอกที่เลือนรางไม่ชัดเจนในตอนแรกทันใดนั้นก็ปรากฏชัดเจนขึ้นในสายตาทันทีอย่างน่าประหลาด และในกลุ่มหมอกนั้น มีเงาร่างอสูรอยู่มากมาย อสูรมารขนาดเล็กสีเขียวหลายตัวกระจายอยู่เต็มไปหมด
อสูรมารเหล่านี้มีหัวเป็นสิงโตตัวเป็นผีเสื้อ แต่ละตัวใหญ่ไม่ถึงฉื่อ แต่มีขนปุยสีเขียวอมเหลืองแผ่ไปทั่วทั้งตัว ดวงตาทั้งคู่แดงสดราวกับเลือด
“อสูรหางผีเสื้อ! พวกมันมาปรากฏตัวที่ได้อย่างไรกัน คลื่นแมลงที่เจ้าพูดถึงคือพวกมันหรือ” หานลี่คลายสีหน้าลงเล็กน้อยแล้วถามไปยังเด็กหญิง
ถึงแม้ว่าพิษอันร้ายกาจของอสูรหางผีเสื้อจะมีอันตรายต่อผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ทั่วไปอย่างรุนแรง แม้แต่ระดับบรรพชนตระกูลหล่งยังต้องกลัว แต่เขาได้บำเพ็ญยุทธ์ด้วยอิทธิฤทธิ์สารพัดพิษ พิษใดๆ ก็ไม่สามารถโจมตีได้ สำหรับอสูรหางผีเสื้อนี้ไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด
“ไม่ใช่พวกมัน ด้านหลังต่างหาก” สีหน้าหวาดกลัวของเด็กสาวไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย กลับชี้มือชี้ไม้ไปยังกลุ่มหมอกสีเขียวนั้นอย่างวุ่นวายพลางพูดจาตะกุกตะกักเสียงดัง
“ด้านหลังหรือ” หานลี่ชะงัก อดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองเมฆหมอกสีเขียวที่ไกลออกไปนั้นอย่างละเอียดอีกครั้ง และเพียงครู่เดียว ก็หน้าถอดสีเป็นการใหญ่
ด้านหลังของหมอกสีเขียวนั้นจู่ๆ ก็มีเมฆสีม่วงแถบหนึ่งปรากฏขึ้นมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ในตอนแรกเป็นเพียงชั้นบางๆ หนึ่งชั้น ขนาดกว้างเพียงไม่กี่ลี้ แต่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น เมฆสีม่วงก็แผ่กระจายไปทั่ว ปกคลุมท้องฟ้าไปกว่าครึ่ง ดูกว้างใหญ่อย่างไร้ที่สิ้นสุด
กลุ่มหมอกด้านล่างผสานรวมเข้ากับเมฆม่วงนี้ เกิดเสียงหวีดแหลมดัง “วี้ด”
ทั้งสองจำนวนลดลงไปพร้อมๆ กัน ซากอสูรหางผีเสื้อจำนวนนับหมื่นก็ร่วงหล่นลงมาจากกลุ่มหมอกสีเขียว และกลางไอสีม่วงซากแมลงอันเรียวเล็กความยาวพอๆ กับตะเกียบจำนวนมากก็ร่วงลงมาเช่นกัน