ทว่าสองชั่วลมหายใจเสียงกรีดร้องก็หยุดลง เงาลำแสงถูกเปลวเพลิงสีเงินทำให้กลายเป็นควันสีเขียว
หญิงสาวผมสีม่วงที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์นี้ใบหน้าก็เผยสีหน้าทั้งตกตะลึงระคนดีใจออกมา ในใจอดที่จะครุ่นคิดว่าหรือว่าตำนานผิดพลาด ความจริงแล้วมารวิญญาณเหล่านี้กลัวพลังของเปลวเพลิง
หลังจากที่หญิงสาวครุ่นคิดเล็กน้อย ทันใดนั้นก็ลงมือกับมารวิญญาณอีกตนอย่างไม่ลังเลอีก
โยนง้าวยาวในมือขึ้นไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น ง้าวยาวกลายเป็นเงาพยัคฆ์เขาเดียว อ้าปากออกพ่นเสาลำแสงสีดำออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่วิญญาณมารอีกตน
เห็นเพียงกายเนื้อที่มารวิญญาณยึดครองและหัวลำแสงถูกฉีกทึ้งแล้วทำลายท่ามกลางเสียงอึกทึก ชั่วพริบตาก็กลายเป็นชิ้นๆ
จากนั้นหญิงสาวก็ถูมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันแล้วชูขึ้นอีกครั้ง
เปลวเพลิงอัสนีสีดำพุ่งออกมาราวกับห่าฝน กลายเป็นเปลวเพลิงสีดำม้วนเศษวิญญาณมารเข้าไปแล้วลุกไหม้
หญิงสาวผมสีม่วงพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา กวักมือเรียกกลางอากาศ ดึงง้าวยาวกลับมา เมื่อเห็นสถานการณ์ของเปลวเพลิงมารหมุนวนที่อยู่ไกลออกไป ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมา
ดูเหมือนว่ามารวิญญาณเหล่านี้จะไม่ได้รับมือยากเหมือนที่บันทึกไว้ในตำรา หากจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้ นั่นก็เป็นเรื่องที่โชคดีแล้ว!
หญิงสาวอดที่จะคิดเช่นนั้นไม่ได้!
แต่ความคิดนี้เพิ่งจะผ่านไป ฉับพลันนั้นไกลออกไปก็มีเปลวเพลิงสีดำระเบิดออก เปลวเพลิงมารพุ่งออกมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน และยิ่งไปกว่านั้นยังแฝงไว้ด้วยลำแสงขนาดเท่าหัวแม่มือจำนวนนับไม่ถ้วน
เมื่อลำแสงเหล่านี้แยกออกมาจากเปลวเพลิงมาร ก็เปลี่ยนทิศทางไปรวมตัวกันทันที หลังจากลำแสงสีขาวเปล่งแสงสว่างวาบก็กลายเป็นเงาสีขาวอ่อนสายหนึ่ง
หญิงสาวผมสีม่วงปล่อยเปลวเพลิงมารสีดำออกมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนไม่อาจทำร้ายวิญญาณตนนี้ได้เลย!
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
หญิงสาวหน้าเปลี่ยนสี อดที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปไม่ได้ นี่ถึงได้รู้ว่าเปลวสีเงินที่หานลี่ปล่อยออกมาเมื่อครู่ดูเหมือนจะมีความลึกลับซ่อนอยู่
แต่ยามนี้มารวิญญาณที่กลายเป็นเงาสีขาวกลับร่างกายยืดยาวขึ้นโดยไม่ส่งเสียงใดๆ กลายเป็นลำแสงสีขาวสายหนึ่งพุ่งไปหาหญิงสาว แค่เลือนรางก็มาอยู่ห่างจากหญิงสาวผมสีม่วงไปสองสามจั้ง
หญิงสาวผมสีม่วงพลันรู้สึกตกตะลึง แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่เชื่องช้าเลยสักนิด สะบัดง้าวยาวในมือกลายเป็นลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งไปหาลำแสงสีขาว ในเวลาเดียวกันอีกมือก็ร่ายอาคมแล้วชูไปตรงหน้าอีกครั้ง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
ลำแสงสีเขียวบินออกมาจากฝ่ามือหลังจากกะพริบวาบกลับขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่าล้อรถ คาดไม่ถึงว่าเป็นใบมีดแหลมคมรูปทรงจันทร์ครึ่งเสี้ยว
แต่เงาสีขาวที่กระโจนเข้ามากลับไม่มีเจตนาจะหลบหลีกเลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันแล้วปะทะเข้ากับลำแสงสีดำและลำแสงสีเขียว
เสียงปริแตก “แควกๆ” ดังขึ้น!
เงาสีขาวบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะแฉลบผ่านลำแสงสีดำและลำแสงสีเขียวไปเพราะเหตุใดก็สุดจะรู้ได้แล้วกระโจนไปหาหญิงสาวผมสีม่วง
หญิงสาวผมสีม่วงเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ใบหน้าเรียวพลันเปลี่ยนสี ปากก็ผิวปาก ร่างกายสูงขึ้นสองสามชุ่น ในเวลาเดียวกันก็โยนง้าวยาวในมือออกไป นิ้วเรียวทั้งห้าง้างออกแล้วโจมตีไปที่เงาสีขาวฝั่งตรงข้าม
กำปั้นที่ดูเหมือนโปร่งใส แต่พริบตาที่ทำการโจมตี ตรงหน้าพลันมีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ห่างออกไปสองสามจั้งระเบิดรัศมีสีเทาออกมาราวกับอากาศพังทลาย อากาศรอบด้านทะลักเข้ามาด้านในอย่างบ้าคลั่ง
“พลังของห้วงเวลา!”
หานลี่ที่อยู่รอบๆ เห็นฉากนี้ ดวงตาก็อดที่จะหรี่ลงไม่ได้ ใบหน้าฉายแววแปลกประหลาดออกมา
ส่วนวิญญาณมารที่กลายเป็นเงาลำแสงก็อยู่ในรัศมีลำแสงพอดิบพอดี มันดิ้นรนสุดชีวิตเพราะรู้สึกว่าแย่แล้ว ร่างกายเดี๋ยวยาวเดี๋ยวสั้นบิดเบี้ยวไปมาไม่หยุดราวกับอสรพิษไร้กระดูก แต่ท่ามกลางรัศมีลำแสงพลันมีพลังแรงดูดประหลาดๆ ระเบิดออกมา ยังคงถูกดึงเข้าไปในใจกลางรัศมีลำแสงทีละนิดๆ
หญิงสาวผมสีม่วงเห็นเคล็ดวิชามารได้ผล ย่อมดีใจยิ่งและยิ่งไม่ยอมปล่อยไป อีกมือหนึ่งโจมตีลำแสงสีเทาออกไปที่กลางอากาศเช่นกัน
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น รัศมีลำแสงสีเทาที่เดิมสั่นเทา ทะลักเข้าไปกลางอากาศรอดบ้านก็ทยอยกันกลายเป็นพายุหมุน ระเบิดพลังแรงดูดเพิ่มขึ้นสองสามเท่า
แม้ว่ามารวิญญาณจะไร้รูปร่าง แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้
เห็นเพียงเสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น!
เงาลำแสงสีขาวถูกดูดเข้าไปในใจกลางของรัศมีลำแสงสีเทา และถูกพลังแปลกประหลาดบีบแตกเป็นชิ้นๆ ราวกับใบมีดแหลมคมก็ไม่ปาน
หญิงสาวผมสีม่วงแววตาเปล่งประกาย มุมปากหยักขึ้น มือหนึ่งร่ายอาคม ไอสีดำบนผิวหนังหมุนวน นิ้วเรียวชี้ไปที่รัศมีลำแสงสีเทา คิดจะสำแดงเคล็ดวิชาลับอันร้ายกาจ จัดการมารวิญญาณที่ถูกกักเอาไว้ชั่วคราว
แต่ในยามนั้นเองหานลี่ที่อยู่ด้านข้างกลับเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “ระวัง”
หญิงสาวผมสีม่วงพลันตะลึงงัน ไม่ทันได้เข้าใจว่าหานลี่หมายความว่าอย่างไร รัศมีลำแสงสีเทาตรงหน้าก็ระเบิดเสียง “พรึ่บๆ” ดังออกมา!
เส้นไหมสีขาวสองสามร้อยสายพุ่งออกมาแค่กะพริบวาบก็โจมตีไปที่ร่างของหญิงสาว
หญิงสาวระเบิดรัศมีลำแสงสองสามชั้นออกมาโดยอัตโนมัติ แต่เส้นไหมสีขาวนั้นกลับทะลวงผ่านราวกับมองไม่เห็น โจมตีไปที่เกราะสงครามสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกของหญิงสาวตรงๆ
ไม่รู้ว่าเกราะสงครามชิ้นนั้นสร้างขึ้นจากวัตถุดิบได้ เส้นไหมสีขาวโจมตีเข้าไปคาดไม่ถึงว่าจะระเบิดลำแสงสีขาวออกมา
ท่ามกลางลำแสงสีขาวเหล่านั้นมีอักขระยันต์สีเงินขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น แล้วต้านทานเส้นไหมสีขาวนั้นไว้ด้านนอกชั่วคราว
แต่เส้นไหมสีขาวสองสามร้อยสายกลับดูเหมือนจะแฝงไว้ด้วยพลังอันน่ากลัวยิ่ง หลังจากสะบัดออกคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเป็นพลังมหาศาลที่ทำให้หญิงสาวผมสีม่วงไม่อาจต้านทานได้
หลังจากที่ร่างของหญิงสาวสั่นเทา คาดไม่ถึงว่าจะกระเด็นออกมาด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว
จากนั้นเส้นไหมสีขาวสองสามร้อยสายก็ผนึกรวมตัวกัน หญิงสาวผมสีม่วงที่เดิมยืนอยู่พลันกลายเป็นเงาลำแสงสีขาว และสองมือก็ตะปบไปทางหญิงสาวผมสีม่วง
เสียงอึกทึกดังขึ้น!
มือลำแสงขนาดสองสามจั้งสองข้างปรากฏขึ้นกลางอากาศ และตะปบไปหาหญิงสาวที่อยู่ด้านล่างอย่างแรง ยังไม่ทันได้โดนตัวหญิงสาวผมสีม่วงจริงๆ พลังมหาศาลสองกลุ่มก็กลายเป็นพายุหมุนกรีดร้องมาถึง
หญิงสาวผมสีม่วงใช้เคล็ดวิชามารห่อหุ้มร่าง แต่เมื่อเห็นความน่ากลัวของมือลำแสง ใบหน้างดงามก็อดที่จะซีดขาวไม่ได้ ในใจรู้ว่าหากรับการโจมตีแม้ว่าจะโชคดีไม่เพลี่ยงพล้ำ แต่ก็ต้องได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย ทันใดนั้นก็กัดฟัน พยายามสุดชีวิต
หลังจากที่ใบหน้าของหญิงสาวมีไอสีโลหิตปรากฏขึ้น แผ่นหลังก็มีลำแสงสีดำสว่างวาบ กลายเป็นเทวรูปมารหัวพยัคฆ์ร่างคนตนหนึ่ง จากนั้นเทวรูปก็ร้องคำรามต่ำๆ ชั่วขณะนั้นกรงเล็บมารขนาดใหญ่สองกรงเล็บก็แยกออกเป็นซ้ายขวาแล้วทะลวงผ่านพายุหมุนตรงไปหามือลำแสงสองข้าง
แต่หญิงสาวผู้นี้ก็ยังดูถูกวิญญาณมารไปหน่อย!
ชั่วพริบตาที่เห็นกรงเล็บมารสัมผัสกับมือลำแสง มือลำแสงก็บิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่ากรงเล็บมารจะเปล่งแสงสว่างวาบด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมาปรากฏอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาวผมสีม่วง และพลิกฝ่ามือตบไป
หญิงสาวผมสีม่วงร้องว่า “แย่แล้ว” ในใจ คิดจะทำอันใดก็สายไปแล้ว ทำได้เพียงบรรจุพลังปราณเข้าไปในร่าง เกราะสงครามสีขาวเปลี่ยนเป็นเจิดจ้า คิดจะใช้กายเนื้อรับการโจมตีนี้
เมื่อเห็นว่ามือลำแสงขนาดยักษ์จะโจมตีมาฉับพลันนั้นบรรยากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินสองลูกพุ่งออกมา โจมตีไปที่มือลำแสงยักษ์สองข้างอย่างคาดไม่ถึง
เสียง “ปัง” ดังขึ้น มือลำแสงหยุดชะงักแล้วถูกเปลวเพลิงสีเงินกลืนกิน ชั่วพริบตาก็หายวับไปท่ามกลางเพลิงลำแสง
และครู่ต่อมาเปลวเพลิงสีเงินสองกลุ่มก็พ่นออกมาอย่างแปลกประหลาด คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามจั้ง สยายปีกทั้งสองข้างออก แล้วพุ่งไปหาร่างเดิมของมารวิญญาณ
นั่นก็คือหานลี่ที่อยู่ด้านข้างเห็นหญิงสาวตกอยู่ในอันตรายในที่สุดก็ลงมืออีกครั้ง
ร่างวิญญาณมารเห็นวิหคเงินกระโจนมาเห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวมาก มันขยับกายพุ่งออกไปสิบกว่าจั้งราวกับภูตผี และอ้าปากออกพ่นลำแสงผลึกสีม่วงแดงออกมา
เมื่อลำแสงผลึกออกจากปากคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่ลำแสงสีม่วงยี่สิบสามสิบสายตัดสลับกันไปมา แค่กะพริบวาบก็สับลงมาที่ร่างของวิหคเพลิงสีเงิน
วิหคเพลิงสีเงินแผ่เปลวเพลิงสีเงินทั่วเรือนร่างออกมา รับกระบี่ลำแสงสีม่วงเหล่านี้เอาไว้ราวกับไม่เป็นอันใด เรือนกายไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
กลับเป็นกระบี่ลำแสงสีม่วงเหล่านั้นที่ถูกเปลวเพลิงสีเงินม้วนวนเข้าไป ก็ทยอยกันกลายเป็นควันสีเขียว
แต่วิหคเพลิงสีเงินที่ถูกกระบี่ลำแสงต้านทานเอาไว้ ร่างกายเองก็หยุดชะงักสองสามครั้ง และพริบตานั้นวิญญาณมารกลับกะพริบวาบอย่างต่อเนื่อง จมหายเข้าไปในกำแพงหินอย่างไร้ร่องรอย
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ยกมือขึ้นกวักไปทางวิหคเพลิงสีเงิน ชั่วขณะนั้นทำให้วิหคตัวนี้เปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา แล้วกลายเป็นเปลวเพลิงสีเงินบินกลับมาอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างของเขาอย่างไร้ร่องรอย
ยามนี้หญิงสาวผมสีม่วงพลันรู้สึกผ่อนคลายลง และรีบเอ่ยขอบคุณหานลี่
“ขอบพระคุณพี่หานที่ช่วยเหลือ มิเช่นนั้นข้าคงเกือบจะถูกมารวิญญาณตนนี้ทำร้ายจริงๆ บุญคุณนี้กลับไปข้าจะต้องตอบแทนแน่”
“สหายเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อผู้แซ่หานได้รับการเรียนเชิญเป็นครั้งแรก ลงมือช่วยเหลือย่อมเป็นเรื่องที่สมควร แต่แค่น่าเสียดายมารวิญญาณนี้ดูเหมือนจะมีสติปัญญาไม่ต่ำต้อย หากคิดจะจับมันเกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” หานลี่กลับตอบกลับด้วยรอยยิ้มจางๆ
“บุญคุณที่ช่วยชีวิต ข้าจะลืมได้อย่างไร! ไม่เพียงจะต้องกำจัดวิญญาณมารตนนี้ มิเช่นนั้นสายแร่นี้ก็ยังคงไม่อาจเข้ามาขุดได้ ทว่ายามนี้ต้องต่อกรกับอสูรมารตัวนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” หญิงสาวผมสีม่วงหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา จากนั้นก็หันหน้าไปที่การต่อสู้อีกด้าน แล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางพุ่งไป
เห็นเพียงทางนั้นร่างของมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวปล่อยเปลวเพลิงสีแดงสดออกมาอย่างมากมายจนนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะถูกชายร่างใหญ่และพวกจอมมารสามตนร่วมมือกันกดจนเป็นรอง แต่เปลวเพลิงก็ยังไม่ลดลง กลับใช้กำปั้นยักษ์สองข้างต่อกรกับมารทั้งสาม ลูกเพลิงสีเขียวขนาดเท่าเจดีย์บินออกมาราวกับดาวตกไม่หยุด
อานุภาพที่น่ากลัวที่แฝงอยู่ในเปลวเพลิงขนาดยักษ์ ทำให้จอมมารทั้งสามมิกล้ารับมือตรงๆ ทำได้เพียงเดี๋ยวหลบเดี๋ยวหลีกไปเท่านั้น!
อสูรมารตนนี้คู่ควรกับที่เป็นตัวตนระดับจอมมารขั้นปลาย หากแค่ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและพวกทั้งสาม คิดจะทำร้ายอสูรตัวนี้ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย
หานลี่ย่อมเห็นทุกอย่างในสายตา หลังจากหัวเราะออกมาเบาๆ มือหนึ่งพลันร่ายอาคม แผ่นหลังมีไอมารม้วนวนออกมา เทวรูปสีทองสามเศียรหกกรปรากฏขึ้น และสาวเท้ายาวๆ ตรงไปการต่อสู้ทางนั้น