หนึ่งในนั้นบรรพชนตระกูลหล่งย่อมเดินทางเดียวกันกับผู้บำเพ็ญเพียรสวมชุดคลุมสีดำแซ่ฮุย ส่วนหานลี่ก็ไปกับหญิงสาวสวมชุดขนนก
ส่วนทางฝั่งเผ่าวิญญาณจากการเป็นแกนนำของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและผู้นำไป๋ชีก็แยกออกเป็นสองทาง
หลังจากที่หานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกบินไล่ตามหลังกันไปประมาณหมื่นลี้เศษ ฉับพลันนั้นหญิงสาวก็หยุดลำแสงหลีกหนีลง สะบัดแขนเสื้อไปด้านข้าง
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้นของสิ่งหนึ่งก็บินออกมาจากแขนเสื้อ มันขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสำเภาเหาะสีดำลำหนึ่ง
อาวุธมารนั้นยาวสิบจั้งเศษ ผิวเป็นสีดำสนิท ไม่สะดุดตาเลยสักนิด
ยามนี้หญิงสาวสวมชุดขนนกเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นบนสำเภาเหาะ ยกมือขึ้นกวักไปทางหานลี่
หานลี่พลันหน้าเปลี่ยนสีแล้วกลายเป็นลำแสงหลีกหนีอย่างไม่เกรงใจ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วมาปรากฏตัวด้านข้างหญิงสาว
ยามนี้หญิงสาวสวมชุดขนนกถึงได้ฉีกยิ้มเบิกบานขณะเอ่ย
“สำเภาหยกสีดำคืออาวุธมารเหาะเหินที่ข้าซื้อมาจากเมืองเซวี่ยยา หากใช้มันความเร็วก็ไม่น้อยเลย และยิ่งไปกว่านั้นยังปิดบังหูตาผู้คนได้”
“อาวุธมารนี้ไม่เลวเลย ท่านเซียนเยี่ยมีใจแล้ว” หานลี่พิจารณาสำเภาเหาะสองสามครั้งแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“จากสายตาที่เฉียบแหลมของพี่หาน สำเภานี้จะมีค่าอันใด เราสองคนเข้าไปคุยกันข้างในดีกว่า” หญิงสาวสวมชุดขนนกหัวเราะน้อยๆ ออกมา ยกมือขึ้นปล่อยลำแสงสีเหลืองออกไป อันหนึ่งพลิ้วไหวแล้วกลายเป็นหุ่นเชิดจอมพลังผ้าสีเหลืองตนหนึ่ง ยืนนิ่งอยู่ส่วนหน้าสำเภาเหาะ ส่วนหญิงสาวกลับหันกายเดินไปใจกลางห้องผู้โดยสารของสำเภาเหาะ
เห็นได้ชัดว่านางจะใช้หุ่นเชิดตนนี้ควบคุมการเหาะเหินของสำเภาเหาะนี้แทนนาง
หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพลางพยักหน้า แล้วตามเข้าไปในห้องผู้โดยสาร
เมื่อเข้ามาในประตูห้องผู้โดยสาร ด้านในมีความกว้างสองสามจั้ง แต่โต๊ะเก้าอี้เตียงและสิ่งต่างๆ กลับมีอย่างครบครัน แม้กระทั่งมุมห้องก็ยังมีฟูกสีดำขนาดสองสามฉื่อวางอยู่สองสามใบ
สำเภาเหาะลำนี้น่าจะบรรจุคนได้สี่ห้าคนพร้อมกัน เทียบกับขนาดของมันแล้วก็นับว่ากว้างขวางมาก
หญิงสาวสวมชุดขนนกและหานลี่แยกกันนั่งลงบนเก้าอี้คนละตัว จากนั้นหญิงสาวก็เอ่ยปากด้วยสีหน้าราบเรียบ
“พี่หาน วันนั้นที่อยู่กับผู้อื่น น้องอยากคุยเรื่องนี้กับสหายเป็นการส่วนตัวแต่ก็ไม่สะดวก ยามนี้ก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอันใดแล้ว คำพูดต่อจากนี้จะเกี่ยวข้องกับเส้นทางที่พวกเราทั้งสองคนจะไป อย่าให้สหายหล่งและพวกรู้ได้หรือไม่”
“อ่า เช่นนั้นผู้แซ่หานจะตั้งใจฟัง”
ใบหน้าของหานลี่เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ชั่วครู่ก็นึกถึงวันนั้นดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะเป็นฝ่ายเลือกเส้นทางก่อน และยังเป็นฝ่ายเลือกคนที่จะเดินทางไปกับตน และมีเพียงเขาที่มีความสัมพันธ์กับนางไม่เลว ส่วนเส้นทางนั้นย่อมไม่มีความแตกต่างอันใดสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงตอบรับอย่างไม่ได้ขบคิดในทันที
ยามนี้ดูแล้วหญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์อื่นจริงๆ
“ในร่างของสหายมีโลหิตหงส์สวรรค์สินะ พี่หานไม่ต้องปฏิเสธอันใด วันนั้นที่ถูกเผ่ามารล้อมโจมตีที่เมืองเทวะสวรรค์ ข้าเองก็ได้ยินมาบ้าง การแปลงร่างของสหาย มีสหายจำนวนไม่น้อยที่รู้ และยิ่งไปกว่านั้นระหว่างชีพจรโลหิตชนิดเดียวกัน หากใช้เคล็ดวิชาลับของตระกูลเยี่ยที่ได้รับถ่ายทอดกันมา ก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายหงส์สวรรค์ได้รางๆ ทว่าที่น่าแปลกก็คือในตัวของพี่หานนั้นนอกจากกลิ่นอายหงส์สวรรค์แล้ว ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายอื่นแฝงอยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ด้อยไปกว่ากลิ่นอายของหงส์สวรรค์ หากจะกล่าวให้เป็นรูปธรรม ข้าก็ยังไม่อาจแยกแยะได้ คิดดูแล้วคงเกี่ยวข้องกับการแปลงกายเป็นสิ่งอื่นในวันนั้น หรือว่าในตัวของพี่หานมีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้หลายชนิดที่ไม่เหมือนกัน!” หลังจากที่หญิงสาวสวมชุดขนนกจ้องมองหานลี่เขม็งชั่วครู่ กลับเอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่รู้สึกตกตะลึงออกมา
“ในเมื่อท่านเซียนเยี่ยรู้เรื่องนี้แล้ว ผู้แซ่หานก็ไม่มีอันใดต้องปิดบัง ยามที่หาประสบการณ์ในแดนรกร้างก่อนหน้านี้ข้าน้อยบังเอิญมีวาสนากับชนต่างเผ่า จึงได้โลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้มา ทว่าท่านเซียนเยี่ยเอ่ยเรื่องนี้กับข้าในยามนี้ เพราะเหตุใดหรือ” หานลี่ถามย้อนกลับอย่างพยายามรักษาสีหน้าให้ราบเรียบ
“พี่หานไม่ต้องกังวล น้องไม่ได้มีเจตนาจะซักถามที่มาของโลหิตเที่ยงแท้ แต่ในเมื่อพี่หานมีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่ไม่เหมือนกันผสมอยู่ในร่าง ไม่ทราบว่าจะยอมเพิ่มโลหิตเที่ยงแท้อีกชนิดหนึ่งหรือไม่” หญิงสาวสวมชุดขนนกตอบอย่างราบเรียบ
“คำนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่าท่านเซียนเยี่ยมีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดอื่น” หานลี่เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา พลางหรี่ตาทั้งสองข้างลงขณะเอ่ยถาม
“น้องไม่มีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ แต่จากนี้ต้องผ่านแดนของเผ่ามาร และมีสิ่งมีชีวิตที่มีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้อยู่” หญิงสาวกะพริบดวงตาคู่งาม แววตาฉายแววสดใส
“ที่ใด” ในที่สุดหานลี่ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
“เทือกเขาทรายเหล็ก” หญิงสาวสวมชุดขนนกตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ยอดเขาทรายเหล็ก นั่นไม่ใช่อาณาเขตของเผ่าปีกมรกตหรือ! ที่นั่นจะมีโลหิตเที่ยงแท้ได้อย่างไร” หานลี่ได้ยินก็ขบคิดอย่างรวดเร็ว ในหัวพลันมีข้อมูลหนึ่งปรากฏขึ้น
“หากพี่หานคิดอย่างนั้นก็ผิดแล้ว แม้ว่าเผ่าปีกมรกตจะไม่นับว่าแข็งแกร่งเท่าใดในแดนมาร แต่สิ่งมีชีวิตพิเศษในนั้นกลับสืบทอดชีพจรโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้มา แค่เรื่องนี้มีคนนอกล่วงรู้น้อยมาก” หญิงสาวสวมชุดขนนกกลับเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็นชา
“‘สิ่งมีชีวิตพิเศษ’ ที่สหายเยี่ยพูดถึงหมายถึง…” หานลี่ลูบใต้คางด้วยท่าทีครุ่นคิด
“แน่นอนว่าเป็นชนเผ่าหลักของเผ่าปีกมรกตเหล่านั้น จิตวิญญาณเที่ยงแท้ของเผ่าปีกมรกตก็เหมือนกับเผ่ามนุษย์ของพวกเรา และไม่ใช่ทุกคนที่สืบทอดชีพจรโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ได้ มีเพียงส่วนน้อยถึงจะมีวาสนานั้น และขอแค่ชนเผ่าหลักของชนเผ่าปีกมรกตถูกตัวสอบว่ามีชีพจรโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ ไม่ว่าชีพจรโลหิตจะบริสุทธิ์แค่ไหน ฐานะตำแหน่งก็จะอยู่สูงกว่าเผ่าปีกมรกตหลายเท่าทันที” หญิงสาวสวมชุดขนนกเอ่ยอธิบายสองสามประโยค
“ในเมื่อเผ่าปีกมรกตมีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ คงจะมีผู้ที่จับจ้องพวกเขาไม่น้อยสินะ เกรงว่าการคุ้มกันชนเผ่าหลักเหล่านั้นก็คงจะแน่นหนาสินะ ท่านเซียนมั่นใจว่าจะเอาโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้มาได้ขนาดนั้นเลยหรือ และยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเยี่ยก็มีโลหิตหงส์สวรรค์แล้ว เหตุใดถึงต้องเสี่ยงอันตรายอีก หรือว่าตระกูลเยี่ยเองก็รู้จักเคล็ดวิชาการผสานโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดอื่น” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามหญิงสาว
“แน่นอนว่าไม่มีเรื่องเช่นนี้ แต่สหายรู้ว่าเผ่าปีกมรกตสืบทอดชีพจรโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้ชนิดใดหรือไม่” หญิงสาวสวมชุดขนนกพลันเผยรอยยิ้มลึกลับที่มุมปากออกมาขณะเอ่ย
“หวังว่าท่านเซียนจะชี้แนะ” หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว แต่ใบหน้ากลับไม่เผยสีหน้าใดๆ ออกมาขณะเอ่ยถาม
“สหายรู้จักวิหคสวรรค์ระดับจิตวิญญาณเที่ยงแท้สองสามชนิดที่มีชื่อเสียงที่สุดในอดีตกาลหรือไม่” หญิงสาวสวมชุดขนนกไม่ได้ตอบตรงๆ กลับย้อนถาม
“เรื่องนี้ผู้แซ่หานรู้อยู่บ้าง นอกจากหงส์สวรรค์แล้ว วิหคคุนเผิงแหวกว่ายสวรรค์ นกเขาภูต หงส์มรกตเก้าวันล้วนเป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงมากที่สุด!” หลังจากที่แววตาของหานลี่เปล่งประกายก็ตอบกลับอย่างเชื่องช้า
“เผ่าปีกมรกตสืบทอดโลหิตหงส์มรกต และมีพรสวรรค์ของหงส์มรกต ยามนี้สหายรู้หรือยังว่าเหตุใดน้องถึงสนใจโลหิตเที่ยงแท้ชนิดนี้มากขนาดนี้ ข้าจะพูดอย่างไม่ปิดบัง ข่าวคราวของโลหิตเที่ยงแท้หงส์มรกตในแดนมาร ข้าสืบมานานตั้งแต่ยังไม่ได้มาที่แดนมารแล้ว หากไม่ใช่เพราะข่าวนี้น้องไม่มีทางยอมเสี่ยงอันตรายมาแดนมารแน่ แม้กระทั่งจากความหมายแล้ว โลหิตหงส์มรกตสำคัญต่อตระกูลเยี่ยมากกว่าบ่อชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์สามส่วน ข้าหวังว่าพี่หานจะช่วยน้องอีกแรง! จะว่าไปแล้วไม่ว่าตระกูลหล่งหรือว่าชนเผ่าวิญญาณเหล่านั้น การเข้ามาในแดนมารครั้งนี้ นอกจากบ่อชำระวิญญาณและดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์แล้ว เกรงว่าก็คงมีเป้าหมายอื่นเช่นกัน มิเช่นนั้นการแยกกันปฏิบัติการครั้งนี้ข้าจะร่วมมือโดยไม่ขัดแย้งเลยสักนิดได้อย่างไร” หญิงสาวสวมชุดขนนกอธิบายตามความจริง เผยความจริงใจเป็นอย่างยิ่งออกมา
“โลหิตเที่ยงแท้ของหงส์มรกต นั่นก็ไม่แปลก ว่ากันว่าหงส์มรกต หงส์สวรรค์มีต้นกำเนิดมาจากชีพจรโลหิตวิหคสวรรค์ แต่แค่ต่อมาฝึกฝนอิทธิฤทธิ์แตกต่างกัน ถึงได้กลายเป็นวิหควิญญาณสองชนิดที่แตกต่างกัน กล่าวเช่นนี้ท่านเซียนจึงตัดสินใจถือโอกาสนี้ให้คนของตระกูลเยี่ยมีโลหิตจิตวิญญาณในการสืบทอดที่เพิ่มขึ้นอีกชนิด” หลังจากที่หานลี่ตกตะลึงในใจแล้ว แต่ทันใดนั้นก็อดที่จะดีอกดีใจอย่างบ้าคลั่งไม่ได้ แต่ใบหน้ากลับยังตอบกลับด้วยสีหน้าเยือกเย็น
หากเป็นโลหิตเที่ยงแท้ชนิดอื่นย่อมไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่โลหิตเที่ยงแท้หงส์มรกต คือโลหิตเที่ยงแท้อีกชนิดหนึ่งที่สามารถดูดซับโลหิตเที่ยงแท้และนำมาหลอมได้ตามบันทึกในคาถาตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง หากได้มาก็จะพัฒนาคาถาตื่นจากจำศีลได้อีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
จากความชำนาญคาถาตื่นจากจำศีลของเขาในยามนี้ เกรงว่าโลหิตเที่ยงแท้ทุกชนิดล้วนสามารถใช้คาถาตื่นจากจำศีลทำให้แปลงกายได้ อานุภาพก็จะเพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง
“พี่หานพูดไม่ผิด ในเมื่อตระกูลเยี่ยของพวกเราถ่ายทอดโลหิตหงส์สวรรค์ได้ คิดดูแล้วโลหิตหงส์มรกตก็ไม่น่าจะข้อห้ามอันใดกับศิษย์ตระกูลเยี่ย หากถ่ายทอดได้ อนาคตก็กดตระกูลหล่งได้ง่ายๆ และยิ่งไปกว่านั้นพูดกันส่วนตัว หากน้องมีโลหิตหงส์สวรรค์และโลหิตมรกตในเวลาเดียวกัน แล้วใช้เคล็ดวิชาลับหลอมพวกมันจนบริสุทธิ์ ก็สามารถเพิ่มพลังยุทธ์และมีโอกาสพัฒนาระดับมหายานเช่นกัน” หญิงสาวสวมชุดขนนกเอ่ยไปพลาง แววตาคู่งามก็เปล่งประกายวาวโรจน์
“นอกจากแบ่งโลหิตวิญญาณที่ได้มาแล้ว ข้าจะได้ประโยชน์อันใดอีก” หานลี่ครุ่นคิดแววตาเปล่งประกายอยู่เนิ่นนาน ฉับพลันนั้นก็เอ่ยปากถาม น้ำเสียงไม่ร้อนไม่หนาว
แต่หญิงสาวชุดขนนกได้ยินกลับอดที่จะมีสีหน้ายินดีไม่ได้ และก็เอ่ยตอบทันใด
“นอกจากศิลาวิญญาณจำนวนมากที่ไม่น้อยไปกว่าสำนักธรรมดาๆ ที่สะสมมามากกว่าหมื่นปี ครั้งนี้ก็นับว่าตระกูลเยี่ยติดค้างพี่หานแล้ว จากนี้หากต้องการกำลังจากพวกเรา ตระกูลเยี่ยย่อมต้องช่วยพี่หานเต็มแรงสักครั้ง”
“ได้ ตกลงตามนั้น ปรบมือสาบานเถิด” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง มือหนึ่งยื่นออกมาจากแขนเสื้ออย่างแช่มชhา
หญิงสาวสวมชุดขนนกเห็นเช่นนั้น ก็ยกมือขึ้นรับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
เสียง ‘แปะๆๆ’ ดังขึ้นสามครั้ง ฝ่ามือสองข้างโจมตีไปสามครั้งแล้วแยกย้ายกันหดกลับไป
แต่หญิงสาวสวมชุดขนนกพลันมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดี
“ของตอบแทนที่ท่านเซียนเยี่ยยอมจ่ายในครั้งนี้ คิดดูแล้วโลหิตหงส์มรกตคงจะได้มายากจริงๆ ยามนี้ผู้แซ่หานตอบรับว่าจะลงมือแล้ว ความยากอยู่ที่ใดหรือ สหายเยี่ยพูดมาตามตรงเถิด” หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“พี่หานมองได้ทะลุปรุโปร่งนัก หากอยากได้โลหิตเที่ยงแท้หงส์มรกต เกรงว่าพวกเราก็คงต้องเผชิญกับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามารสักครั้ง” หญิงสาวชุดขนนกได้ยินสีหน้าดีใจก็หายไป เอ่ยสิ่งที่ทำให้หานลี่ตกใจจนสะดุ้งโหยงออกมา