ไม่ว่าจะเป็นมังกรทองของบรรพชนตระกูลหล่ง หรือเกราะรบบนร่างของสาวน้อยเสื้อคลุมขนนก ล้วนไม่นำพามือมารที่สยบไว้ พวกเขามีพลังจิตอย่างหนึ่งที่กระตุ้นให้ใช้วิธีปกป้องชีวิตทันที ความล้ำลึกเช่นนี้ ไกลเกินกว่าที่จะเทียบกับสมบัติวิเศษและอิทธิฤทธิ์ทั่วไป
มังกรทองเงยศีรษะขึ้น เปล่งแสงสีทองตลอดทั้งร่าง แล้วพ่นลำแสงสีทองขมุกขมัว หนาเท่าชามข้าวออกมาสายหนึ่ง พอวาบหาย ก็จู่โจมใส่มือมารขนาดใหญ่
หลังมังกรทองจู่โจม คล้ายกินพลังวิญญาณไปมาก จึงพร่ามัวและหายวับไป
ชุดเกราะห้าสีบนร่างของสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกก็มีแสงผลึกไหลเวียนอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ บนศีรษะก็ควบแน่นร่างกระบี่ยักษ์ยาวสิบกว่าจั้งออกมาหนึ่งเล่ม สว่างกระจ่างใส พอวาบ ก็กลายเป็นเส้นแสงห้าสีหนึ่งสายฟันไปที่มือมารสะท้านฟ้าเช่นกัน
‘ตูม’ เสียงดังกึกก้อง!
มือมารดำสนิทที่แทบจะปกคลุมสระน้ำไปกว่าครึ่ง สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอยู่สักพัก ก็พร่ามัวไม่ชัดเจนขึ้นมา แรงมหาศาลที่ส่งจากด้านบนจึงผ่อนลงเล็กน้อย
แม้แรงมหาศาลอ่อนกำลังลงแค่สองสามส่วนแต่เพียงครู่เดียว ทว่าบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ที่มีชื่อเสียงมานานหลายปี บวกกับเป็นผู้สืบสายเลือดมังกรแท้และหงส์ฟ้า ทั้งร่างมีอิทธิฤทธิ์เหนือว่าคนทั่วไปที่ดำรงอยู่ในระดับเดียวกัน ย่อมไม่พลาดโอกาสดีในการหลบหนีที่อยู่ตรงหน้า
ร่างของคนคนหนึ่งพลันเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า ร่างขยายใหญ่หลายเท่าในพริบตา ค่อยกลายเป็นร่างมังกรครึ่งตัวสูงสี่ถึงห้าจั้ง แขนทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเกล็ดสีทองทุบลงบนพื้นข้างๆ อย่างแรง
เสียงดังลั่น!
พื้นดินสั่นสะเทือน!
คลื่นอากาศขุมหนึ่งระเบิดออกจากร่างบรรพชนตระกูลหล่ง แล้วม้วนตัวกระจายออกรอบทิศอย่างรวดเร็ว
อาศัยแรงป้องกันการสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากแขนทั้งสองข้าง ท่ามกลางเสียงคำรามดังของบรรพชนตระกูลหล่ง ในที่สุดก็ผ่านด่านการจองจำของแรงมหาศาลจากมือมารสำเร็จ
เสียงดัง ‘ซู่’!
เขาพุ่งตัวออกจากพื้นดินอย่างรวดเร็วดุจธนูหลุดออกจากแหล่ง และวาบร่าง ปรากฏตัวอยู่กลางอากาศด้านหลังห่างออกไปหลายสิบจั้ง ลอยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน
บรรพชนตระกูลหล่งใช่ว่าไม่อยากวาบหนีในทันที แต่เพราะรู้ดีว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ การกระทำเช่นนี้ รังแต่จะยิ่งทำให้ตายและสลายเร็วขึ้น
เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ปล่อยสมบัติวิเศษหลากหลายรูปแบบเจ็ดแปดชิ้นออกมา บ้างกลายเป็นสายรุ้งตื่นตาหลายสาย บ้างเปลี่ยนเป็นแสงวิญญาณหลายกลุ่ม ลอยวนอยู่รอบตัวเขาไม่หยุด
ในนี้ ตราหยกขนาดไม่กี่นิ้วชิ้นหนึ่ง กับแหวนทองขนาดเท่ากำปั้นวงหนึ่ง พอปล่อยเส้นแสงออกรอบทิศก็คลับคล้ายชักนำให้พลังฟ้าดินในบริเวณใกล้เคียงมีชีวิตชีวาไม่หยุด คล้ายทั้งสองชิ้นเป็นของเลียนแบบสมบัติสวรรค์ทมิฬ
เห็นทีเพื่อปกปักรักษาชีวิต บรรพชนตระกูลหล่งท่านนี้ถึงกับนำของที่เป็นไม้เด็ดออกมาอย่างไม่คิดสำรองใดๆ แล้วจริงๆ
ส่วนสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่อยู่อีกด้าน กลับเคลื่อนไหวอีกอย่าง
ชุดเกราะห้าสีบนร่างนาง เพียงมีแสงสวยงามไหลเวียน แล้วปะทุออกจากด้านหลัง
เสียง ‘ปุ’ ‘ปุ’ ดังสองครั้ง ด้านหลังพลันกลายเป็นปีกนกขนาดใหญ่สองปีก ยาวหลายจั้งอย่างน่าพิศวง
ผิวสัมผัสของปีกนกคู่นี้ ไม่เพียงมีแต่ขนห้าสีที่ยาวหลายศอก ปลายปีกยังมีเปลวแสงกลุ่มหนึ่งวูบไหวและเปลี่ยนสีไม่หยุดด้วย
หลังจากสั่นปีกน้อยๆ เปลวแสงทั้งสองกลุ่มก็ ‘ปัง’ ระเบิดออกพร้อมกัน กลายเป็นจุดเปลวแสง เผาไหม้ปีกทั้งสองข้าง
ทันทีที่ปีกนกขนาดใหญ่เปล่งแสงสว่างโร่ ก็กลายเป็นปีกเปลวแสงคู่หนึ่งในพริบตา ดูน่าทึ่งมาก!
สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกส่งเสียงเล็กๆ พร้อมสีหน้าอันเยือกเย็น กระพือปีกแห่งเปลวแสงแรงๆ ความผันผวนรุนแรงแผ่ออก!
ที่ว่างใกล้เคียงบิดเบี้ยวและทรุดตัวลงกะทันหัน ปรากฏเป็นหลุมสีขาวขมุกขมัวที่มีสาวน้อยอยู่กลางหลุม
เส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึงสิบจั้ง!
แล้วร่างของสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกก็พร่ามัว วาบหายไปจากกลางหลุม
เด็กหนุ่มชุดดำซึ่งยืนอยู่กลางอากาศด้านบน พอเห็นวิธีการของบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนก ดวงตาก็เปล่งประกายเล็กน้อย กลับดีใจแทนที่จะโกรธ
“ไม่ผิด ข้าว่าแล้ว ด้วยระดับบำเพ็ญเพียรต๊อกต๋อยอย่างพวกเจ้า ยังริอ่านล่วงลึกเข้ามาในเขตต้องห้ามของแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้สืบสายเลือดวิญญาณแท้มาบ้างนี่เอง จุ๊ๆ มังกรแท้กับหงส์ฟ้า! เป็นการดำรงอยู่ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหมู่วิญญาณแท้ โลหิตแท้ของพวกเจ้าทั้งสอง ข้าก็ไม่เกรงใจที่จะเก็บไว้แล้ว”
สิ้นเสียง กริชสีดำที่ลอยอยู่ใกล้ๆ ก็กะพริบน้อยๆ สองครั้งติดต่อกัน
บรรพชนตระกูลหล่งหน้าถอดสี ร่างพุ่งถอยหลังทันที สมบัติวิเศษที่อยู่ตรงหน้าก็ส่งเสียงดังหึ่งๆ พร้อมจัดหนัก ระเบิดรัศมีแสงแยงตานับไม่ถ้วนออกมา ซ่อนร่างมังกรครึ่งตัวของเขาไว้ด้านใน
เสียงฉีกขาดพลันดัง!
หลังจากรัศมีแสงทั้งหมดผันผวนอย่างรุนแรงครู่หนึ่ง ก็ยุบตัวเข้าไปเป็นก้อนใหญ่ทันที ด้านในมีเสียงดัง
ติดต่อกันออกมา ราวกับถูกพลังไร้รูปฟันลงอย่างแรง
สมบัติวิเศษสองสามชิ้นในรัศมีแสงกะพริบถี่ๆ แล้วทยอยกันระเบิดออกเป็นกลุ่มแสงวิญญาณ เหลือเพียงตราหยกกับแหวนทองขนาดเท่ากำปั้น ที่ยังปล่อยแสงวิญญาณอันน่าทึ่งออกมา ด้วยท่าทางที่ต้านทานไว้อย่างยากลำบาก
บรรพชนตระกูลหล่งหน้าถอดสี สองมือร่ายมนตร์อย่างไม่ต้องคิด พออ้าปากอีกครั้ง ก็พ่นไอสีขาวสองกลุ่มออกมา แล้ววาบหายเข้าในสมบัติวิเศษที่เหลืออยู่เพียงสองชิ้น
แสงสว่างที่พวกมันเปล่งออก พลันขยายใหญ่ขึ้น นับว่ามีความเสถียรอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง ที่หลุมสีขาวขมุกขมัว พอเสียงทึบตันดัง เส้นสีดำเส้นหนึ่งก็วาบหายเข้าไปในหลุม หลุมสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง กลางหลุมก็ถูกฟันกลางอากาศ
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงเล็กๆ ที่โกรธเคืองดังจากที่ว่างซึ่งห่างออกไปสิบกว่าจั้ง คลื่นอันน่าสะพรึงกลัวกลุ่มหนึ่งระเบิดออก
เส้นสีดำที่หายไปพลันพุ่งออกจากที่ว่าง แล้วเปลวแสงห้าสีกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏวูบวาบ
ในเปลวแสงขนาดใหญ่ มีร่างเพรียวบางที่ด้านหลังมีปีกเปลวแสงขนาดใหญ่หนุนอยู่ ซึ่งก็คือสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกในชุดเกราะห้าสี
ทว่านางในตอนนี้ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นกลัวขณะจ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำ ไหล่ข้างหนึ่งว่างเปล่า แขนข้างหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่รู้สาเหตุ
เส้นสีดำเมื่อครู่ ไม่เพียงทำลายอาคมลับในที่ว่างของนาง ยังใช้อิทธิฤทธิ์ที่เป็นไปตามคาด ฟันร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ว่างของนางออกเป็นสองท่อน
ช่วงคับขัน ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนางมีไหวพริบ รีบใช้วิชามหายุทธ์โจรกรรมร่าง ยอมเสียแขนข้างหนึ่งแทน เกรงว่าคงตายและสลายไปอย่างสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวแล้ว
สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกจึงหันขวับไปมองบรรพชนตระกูลหล่งกับไป๋ชีที่อยู่อีกด้านทันที
ผลก็คือ เห็นบรรพชนตระกูลหล่งหน้าซีดขาวผิดปกติ สีหน้าแม้ยังถือว่าเยือกเย็น แต่ลึกๆ ในแววตามีประกายความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้งอยู่ ส่วนไป๋ชีท่านนั้น มาจนถึงขั้นนี้กลับยังคงยืนนิ่งดุจตอไม้ ไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้น คล้ายตัดสินใจปล่อยวางในการต่อกรกับเด็กหนุ่มชุดดำอย่างสิ้นเชิงแล้ว
สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกจึงเคร่งขรึมลง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหวัง
ขณะนั้น พอเด็กหนุ่มชุดดำกลางอากาศเห็นว่าการจู่โจมเมื่อครู่ไม่เป็นผล ก็ผิดคาดอยู่บ้าง แต่ก็รีบแค่นเสียงเย็นชาอย่างเหยียดหยามออกมา แล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับที่ว่าง จับกริชสีดำเล่มนั้นไว้ในมือ
เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นได้ว่า บรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกพอเห็นภาพนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้สุดๆ
เห็นชัดว่าการจู่โจมต่อจากนี้ไปของบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ จะไม่พื้นๆ เหมือนเมื่อครู่อีกเป็นอันขาด ความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะรับมือได้มีอยู่ไม่มากอย่างแน่นอน
ขณะที่ทั้งสองกำลังอกสั่นขวัญแขวนอยู่นั้น เด็กหนุ่มชุดดำก็ยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย พลางขยับข้อมือ จับ
กริชให้อยู่ในแนวตั้ง
พื้นผิวกริชพลันปรากฏอักษรโบราณสีเงินหนึ่งแถว หลังจากสั่นน้อยๆ ปลายแหลมก็พ่นลำแสงสีดำออกมาหนึ่งสาย พุ่งขึ้นสู่เมฆาชั้นเก้า หายวับไป
ถัดมา เกิดเสียงฟ้าผ่าขณะฟ้าใส!
ทำให้ท้องฟ้าสีฟ้าเหนือสระน้ำเกิดพายุหมุนทันที แล้วหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏออกจากที่ว่างกลางท้องฟ้า
หลังจากลมเย็นพัดมาจนหนาวเข้ากระดูก ไอมารสีดำเป็นกลุ่มๆ ก็พวยพุ่งออกจากหลุมดำเหมือนแสนรู้ จากนั้นก็ควบแน่นเป็นอักขระยันต์สีดำตัวเล็กพริกขี้หนูมากกว่าร้อยตัว
เด็กหนุ่มชุดดำใช้นิ้วๆ หนึ่งจิ้มกลับขึ้นไปบนฟ้าอย่างไม่ต้องคิด
อักขระยันต์สีดำเหล่านั้นหมุนวนอยู่รอบหนึ่ง ราวกับได้รับแรงดึงดูดอะไรสักอย่าง ทยอยกันกลายเป็นฝนดาวตกสีดำ ตกลงจากฟากฟ้า และพอวาบ ก็หายเข้าไปในกริชสีดำเล่มนั้น
ที่แท้กริชที่ยาวไม่ถึงคืบ หลังจากดูดซับอักขระยันต์สีดำเข้าไป ก็ส่งเสียงใสๆ ดังลั่น ขณะที่อักขระสีเงินบนพื้นผิวไหลเวียน ก็สั่นไหว ขยายใหญ่ขึ้นมา
พริบตาเดียว ในแสงมารสีดำ กริชก็กลายเป็นกระบี่สีดำขนาดใหญ่ยาวราวหนึ่งจั้งเล่มหนึ่ง!
เด็กหนุ่มชุดดำจับด้ามกระบี่ยักษ์ด้วยมือเดียว หลังจากเหลือบมองบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกอย่างเย็นชา ปากก็เปล่งคำว่า “ฟัน” ทันที!
กระบี่ยักษ์ขยับ แล้วฟันลงไปในที่ว่าง แสงสีดำรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ยาวกว่าสิบเมตรพลันม้วนตัวออก
สีหน้าของบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกนิ่งค้าง กำลังคิดโคจรพลังยุทธ์ทั้งหมดในร่างแล้วร่วมมือกันต่อสู้สุดชีวิต แต่พอเห็นทิศทางที่แสงสีดำฟันลงไป สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นแปลกใจยิ่ง
แสงสีดำกลับมิได้ฟันลงมาที่พวกเขา แต่เปลี่ยนทิศกะทันหันกลางทาง ม้วนตัวไปด้านข้าง
เป้าหมายกลับเป็นเพลิงมารสีดำ ที่เมื่อครู่หานลี่จมลงไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งตั้งแต่หานลี่ถูกเพลิงมารกลุ่มนี้ม้วนเข้าไป ก็มิได้ส่งเสียงใดๆ ออกมาอีก พลังของเพลิงมารก็มิได้ลดลงแม้แต่น้อย ตอนนี้พอเด็กหนุ่มชุดดำจัดหนักขนาดนี้ กลับไม่มีวี่แววว่าจู่โจมมาแต่อย่างใด
หลังจากเด็กหนุ่มชุดดำเปล่งคำว่าฟันออกมา ค่อยพูดเสียงเบา
“นึกจริงๆ หรือว่าวิชาปกปิดพลังปราณจิ๊บจ๊อยเหล่านี้ จะหลุดรอดไปจากหูตาของข้าได้! เห็นทีในบรรดาผู้ที่บุกรุกมาถึงนี่ เจ้าคือผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์มากสุด งั้นข้าก็ส่งเจ้าไปปรโลกก่อนก้าวหนึ่งแล้วกัน”
สิ้นเสียง พระจันทร์เสี้ยวสีดำที่เดิมทีสงบนิ่งตามปกติในแสงมารที่กำลังกะพริบ พลันบิดเบี้ยว กลายเป็นเส้นสีดำเรียวยาวหลายเส้น โดยมีมากเป็นพันเป็นหมื่น พอกระจายออก ก็พร่ามัว ทยอยกันหายไปในที่ว่าง
จากนั้น ที่ว่างรอบๆ เพลิงมารสีดำกลุ่มนั้นก็ผันผวน เส้นสีดำที่อยู่กันอย่างหนาแน่นปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ขณะถักทอและกะพริบ ตาข่ายยักษ์สีดำผืนหนึ่งพลันก่อตัวขึ้น และหดตัวเล็กลงอย่างรวดเร็วปานฟ้าแลบ
“ผนึก”
เสียงต่ำๆ ของหานลี่ดังออกมาจากเพลิงมารกะทันหัน จากนั้นแสงสีม่วงกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออก หมุนวนอยู่หนึ่งรอบ ค่อยกลายเป็นอักษรเล็กพริกขี้หนูคำว่า “ผนึก” และระเบิดออกเองในทันที
คลื่นประหลาดระลอกหนึ่งม้วนตัวไปรอบทิศ อากาศใกล้ๆ เพลิงมารพลันนิ่งค้าง ทำให้ตาข่ายสีดำที่กำลังหดตัวอย่างรวดเร็วแกว่งไกวไปโดยปริยาย เผยให้เห็นช่องโหว่จำนวนหนึ่ง แต่พอแสงสีดำวาบ ก็คืนกลับดังเดิมทันที
แต่ช่วงเวลาอันล่าช้านี้ ได้เกิดเสียงดังกัมปนาท เส้นแสงสีเขียวขุ่นสายหนึ่งวาบและพุ่งออกมาจากช่องโหว่ พอสั่นไหวอีกครั้ง ก็ปรากฏร่างตรงที่ว่างระหว่างบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนก
เป็นร่างที่มีประกายไฟสีทองหมุนวนไปทั่ว ปีกอัสนีสีเขียวขุ่นคู่หนึ่งที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงคำรามไม่หยุด สองตาจ้องมองเด็กหนุ่มชุดดำอย่างเคร่งเครียด ซึ่งก็คือหานลี่!