แสงพระจันทร์เสี้ยวหนึ่งสายขนาดพอๆ กับก่อนหน้านี้ พุ่งออกจากกระบี่ยักษ์!
ที่ว่างเกิดความผันผวน เส้นสีดำที่อยู่กันหนาแน่นปรากฏขึ้นรอบตัวไป๋ชีในพริบตา และม้วนเข้าไปในร่างเขา
ส่วนเงาร่างชายชราชุดขาว พอไอมารที่อยู่ด้านบนคุกรุ่น มือมารสีดำสนิทข้างหนึ่งก็จับลงไปอย่างดุดัน
ชัดเจน ไป๋ชีนึกไม่ถึงว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนจะเปลี่ยนท่าที ลงมือฉับพลัน พอหน้าเปลี่ยนสี ร่างก็วาบ ปล่อยแสงวิญญาณสีขาวขมุกขมัวปกป้องร่าง แล้วอ้าปากพ่นโล่กำบังสีเขียวคล้ำขนาดเล็กออกมาหนึ่งอัน
พอโล่หลุดออกจากปากรับลม ก็ขยายใหญ่เป็นสิบจั้ง ผิวกะพริบแสงสีเขียว คลับคล้ายเงาร่างเต่ายักษ์ตัวหนึ่งลอยอยู่เหนือโล่ ปกป้องไป๋ชีไว้ด้านใน
ไม่เพียงเท่านี้ ร่างเดิมของไป๋ชียังส่งเสียงดังหึ่งๆ กลับมีระฆังยักษ์สีเงินปะทุออกจากร่างอีกหนึ่งใบ
ระฆังใบนี้มีขนาดราวหนึ่งจั้ง แต่ผิวแวววาวสุดๆ คล้ายมีอักขระยันต์สีเงินนับไม่ถ้วนระยิบระยับ!
พอเสียงระฆังดัง ระลอกคลื่นสีเงินเป็นชั้นๆ ที่ผิวก็ม้วนตัวออกอย่างคลุ้มคลั่ง
ขณะชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย ไป๋ชีกลับปลุกเสกอาวุธวิญญาณจากภูมิปัญญาออกมาช่วยต้านทานอีกแรง
หลังจากหานลี่ใช้อิทธิฤทธิ์เท่าที่จะทำได้ในตอนแรก จนสามารถหนีรอดจากการฟันของกริชอาคมทมิฬมาได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะทำได้ถึงขั้นนั้น
เห็นเพียงเส้นสีดำกลิ้งคุกรุ่นเข้าสู่ตรงกลาง เสียงเสียดแก้วหูดังลั่น!
ไม่ว่าจะเป็นระลอกคลื่นสีเงิน หรือเงาร่างเต่าทมิฬยักษ์ พริบตาที่สัมผัสเส้นสีดำ ล้วนถูกฟันขาดประหนึ่งเศษกระดาษ
พอเส้นสีดำทั้งหมดสั่นอีกครั้ง ก็วาบหายไปในทุกทิศทุกทาง
ถัดมา ระฆังเงินพลันแกว่งไกว เปล่งแสงสีดำนับไม่ถ้วนออกจากพื้นผิว
สีหน้าของไป๋ชีเพิ่งปรากฏแววแตกตื่น ร่างก็ถูกฟันเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับระฆังเงินในพริบตา
ส่วนเงาร่างของชายชราชุดขาว แม้มีวิญญาณบริสุทธิ์ของผู้ดำรงอยู่ในระดับมหาเมธีบรรจุไว้หนึ่งสาย แต่ร่างกลับไม่มีพลังยุทธ์แม้แต่น้อย พอถูกกรงเล็บมารสีดำที่หล่นลงคว้าจับ ก็สลายหายไปในอากาศ
ไม่ว่าจะหานลี่หรือบรรพชนตระกูลหล่ง พอเห็นฉากเปลี่ยนกะทันหัน ก็อึ้งกิมกี่
กลับเป็นเด็กหนุ่มชุดดำที่สะบัดแขนเสื้อไปยังชิ้นส่วนศพของไป๋ชีด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก แสงสีดำผืนหนึ่งม้วนออก พอวาบก็ม้วนแหวนเก็บของสะสมหลายวงมาอยู่ในมือ
หลังจากใช้พลังจิตกวาดตาดูของสะสมและอาวุธอาคมเหล่านี้อย่างรวดเร็ว บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนท่านนี้กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมลง
“เฒ่าประหลาดนั่นรอบคอบจริงๆ หินอุกกาบาตไม่ได้อยู่ในมือเจ้าหมอนี่”
พอพูดกับตัวเองสองคำ เด็กหนุ่มชุดดำก็เปลี่ยนมุมมอง หันมากวาดตาดูพวกหานลี่ ใบหน้าปรากฏความชั่วร้ายขึ้นวาบ
“พวกเจ้าทั้งสามคน ใครซ่อนหินอุกกาบาตไว้ ขอเพียงมอบมันออกมาดีๆ ข้าสามารถละเว้น ไม่เอาชีวิต!”
ทั้งสามพอได้ยิน ก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้าซึ่งกันและกัน
สักพัก หานลี่ก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วค่อยๆ พูด
“ผู้อาวุโสเข้าใจผิดแล้ว ในเมื่อกระทั่งบนร่างของสหายเผ่าวิญญาณยังไม่มีของที่ท่านต้องการ แล้วจะอยู่ในมือพวกเราไม่กี่คนได้อย่างไรกัน”
แม้เป็นไปตามที่บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนคาดไว้แต่แรก ทว่าพอได้ยินคำตอบเช่นนี้จริงๆ ดวงตาก็ยังคงอดไม่ได้ที่จะวาบแสงดุดันขณะพูด
“เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อ ล้วนสลายให้บรรพชนศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าก็แล้วกัน”
สิ้นเสียง เขาก็วาดกระบี่ยักษ์สีดำในมือเป็นแนวนอนตรงหน้าทันที กรีดใส่ที่ว่างซึ่งอยู่สูงขึ้นไปบนฟ้า
อักขระยันต์สีดำบนผิวกระบี่ยักษ์พลันปะทุออก แสงกระบี่สีดำสนิทดุจหมึกลอยออกจากตัวกระบี่ พุ่งขึ้นไปบนฟ้า
“แย่แล้ว รีบขวางเขาไว้ เขาคิดจะทำลายแนวป้องกันของที่นี่ แล้วดูดไอมารเข้ามา”
พอเห็นภาพนี้ สีหน้าบรรพชนตระกูลหล่งก็เย็นวาบขณะร้องบอก แล้วจึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างไม่ลังเลใจ ส้อมสีทองยาวราวหนึ่งนิ้วสามคันพุ่งออกจากมือ สั่น แล้วกลายเป็นสายรุ้งสีทองสามสายทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าส้อมสามคันเป็นสมบัติวิเศษอะไร พอพุ่งออกจากตรงนี้ ตรงนั้นก็มีพลังมหาศาลในแนวนอนยาวร้อยจั้งอย่างรวดเร็วจนน่าพิศวง สกัดกั้นท้องฟ้าเหนือแสงกระบี่สีดำได้พอดี
‘ตูม’ เสียงดังกึกก้อง!
แสงกระบี่สีดำเพียงชะงักเล็กน้อย ก็ฟันสายรุ้งสีทองให้ขาดออกจากตรงกลางได้อย่างง่ายดาย
พอสายรุ้งสีทองสามสายกลิ้งกระจายออก ซ้อมสีทองสามคันก็หักออกเป็นหกส่วน สิ้นแสงและตกลงด้านข้างทันที
ทว่าชั่วขณะที่แสงกระบี่ล่าช้าลง แสงโทนร้อนห้าสีซึ่งห่อลูกปัดผลึกสีแดงเข้มไว้หนึ่งเม็ด ก็วาบและพุ่งชนแสงกระบี่อย่างแรง
กลับเป็นสาวน้อยเสื้อคลุมขนนก ที่ทำเช่นเดียวกัน กัดฟันกันปลุกเสกสมบัติประหลาด ซึ่งเดิมทีเสียดายเพราะใช้ได้เพียงครั้งเดียว
พอลูกปัดผลึกสีแดงเข้มชนกับแสงกระบี่ ก็เกิดเสียงทึบตันดัง ไฟสีแดงเข้มขนาดราวหนึ่งหมู่ระเบิดออก ทำให้ท้องฟ้าเสี้ยวหนึ่งสะท้อนสีแดงก่ำทั้งแถบ
เมฆไฟต่างจากไฟสายฟ้าทั่วไปมาก นอกจากมีเปลวไฟสีแดงคุกรุ่นแล้ว ด้านในยังคลับคล้ายมีเส้นแสงสีเงินและทองสองชนิดระยิบระยับ ที่ว่างที่เมฆชนิดนี้ปรากฏ พลันเปลี่ยนเป็นพร่ามัว กระทั่งผิวน้ำของสระที่อยู่ด้านล่างก็สั่นน้อยๆ และส่งเสียงเดือดปุดๆ ขึ้นมา
กระทั่งหานลี่ที่ยืนอยู่กลางอากาศในระดับต่ำ ก็ยังรู้สึกได้ว่าอากาศรอบด้านคุกรุ่นขึ้นมา คล้ายหุบเขากัก
วิญญาณทั้งลูกกำลังจะลุกไหม้อย่างไรอย่างนั้น
“ลูกปัดนิพพาน!”
หานลี่พูดเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง พลางมีท่าทีแปลกใจยิ่ง
ลูกปัดเม็ดนี้มีชื่อเสียงไม่น้อยจริงๆ แม้แต่ในโลกวิญญาณก็ยังนับเป็นสมบัติประหลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว มันต่างจากลูกปัดไฟสายฟ้าทั่วไปตรงที่มีโลหิตแท้ของมนุษย์ ซึ่งต้องใช้วิชาลับเฉพาะ แปรธาตุของโลหิตแท้ส่วนหนึ่ง ให้ควบแน่นเป็นสมบัติวิเศษที่มีไฟแห่งนิพพานหนึ่งสาย
ราคาที่ต้องจ่ายให้สมบัติชิ้นนี้ก็คือ สละโลหิตแท้ในสายเลือด โดยไฟแห่งนิพพานนั่นเป็นไฟแห่งชีวิตส่วนหนึ่งซึ่งผู้มีวิญญาณแท้ธาตุไฟเท่านั้นที่มี แค่คิดก็รู้แล้วว่า เปี่ยมพลังมหาศาลเพียงใด
แม้หานลี่เห็นสมบัติชิ้นนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็เชื่อว่า ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายทั่วไป อาจไม่สามารถรับมือการจู่โจมในคราวเดียวของไฟแห่งนิพพานนี้
นี่น่าจะเป็นหนึ่งในไม้ตายที่สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกเก็บเอาไว้แล้ว แต่จะใช้ได้ผลจริงๆ กับแสงกระบี่ที่กริชอาคมทมิฬปล่อยออกมาหรือไม่นั้น ยังคงเป็นเรื่องส่วนบุคคล
หานลี่พลันเปลี่ยนความคิด มือที่พยุงสุดยอดภูเขาสองลูกไว้จึงส่งเสียงหึ่งๆ เบาๆ แล้ววานรยักษ์ก็ร้องเสียงดังสนั่นออกมาทีหนึ่ง ประกายไฟสีทองบนผิวกายพุ่งออกเป็นเส้นๆ ถักทอและกะพริบ ปกคลุมร่างอันใหญ่โตไว้ภายใน
ร่างวานรยักษ์ภายใต้การปกคลุมของกระแสแสงสีทองจึงพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน
ด้านเด็กหนุ่มชุดดำ พอเห็นลูกปัดนิพพาน ก็ขยับสีหน้าเล็กน้อย ฝ่ามือที่จับกระบี่ยักษ์สีดำพลันปรากฏแสงสีดำใสขึ้นมาหนึ่งชั้น ไหลเข้าไปในตัวกระบี่เงียบๆ
เสียงกระบี่ครวญดังบนฟ้า
ต่อด้วยเสียง ‘ปัง’!
ใจกลางเมฆไฟสีแดงเข้มหมุนอย่างดุเดือดชั่วขณะ แล้วจู่ๆ ก็ว่างเปล่า แสงกระบี่สีดำสนิทหนึ่งสายจึงแทงทะลุออกจากตรงนั้น พุ่งเข้าใส่ม่านแสงสีเขียวที่อยู่สูงขึ้นไป
แสงกระบี่นี้เรียวกว่าที่ปล่อยออกในตอนแรก ด้านในยิ่งแฝงพลังกดดันที่น่ากลัวกว่าหลายส่วน
แต่ในตอนนี้เอง ที่ว่างซึ่งอยู่ด้านล่างของม่านแสงสีเขียวเกิดความผันผวนขึ้น ร่างอันใหญ่โตมโหฬารของวานรยักษ์ในกระแสแสงสีทองที่วนอยู่รอบตัว วาบปรากฏอย่างน่าพิศวง ก่อนตะโกนเสียงดังอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย สุดยอดภูเขาสูงราวหนึ่งจั้งในมือทั้งสองลูกพุ่งเข้าชนแสงกระบี่อย่างแรง พลางกดมันลงไป
ด้วยแรงเทพจากร่างแปลงภูเขาและวานรยักษ์ของหานลี่ บวกกับการบำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย สุดยอดภูเขาสองลูกเพียงส่งเสียงแผดร้อง ก็กลายเป็นลูกบอลแสงเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้งสองลูก หนึ่งน้ำเงิน หนึ่งดำในทันที และพุ่งลงอย่างรวดเร็ว
ที่ที่มันพุ่งผ่าน ไอพลังปราณฟ้าดินคุกรุ่น ที่ว่างทั้งสองข้างพลันมีรอยสีขาวหนาเท่านิ้วหัวแม่มือเพิ่มขึ้นนับไม่ถ้วน เหมือนสุดยอดภูเขาทั้งสองลูกมีพลังรุนแรง ที่สามารถฉีกที่ว่างให้ขาดออกจากกันโดยตรงก็มิปาน
พอเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ไกลออกไปเห็นดังนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนเล็กน้อยเป็นครั้งแรก
พอแสงกระบี่สีดำสนิทเงื้อขึ้นฟันลงไปบนลูกบอลแสง เสียงระเบิดสองเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกัน!
ครึ่งบนของแสงกระบี่สั่นและงอกะทันหัน แต่หลังจากพลังมหาศาลสองสายที่ยากจินตนาการ พุ่งพรวดๆ ออกจากสุดยอดภูเขาราวกับกระแสน้ำ แสงกระบี่สีดำทั้งสายก็ส่งเสียงสะอื้น พลางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นจุดแสงสีดำหายไปในอากาศ
ขณะสุดยอดภูเขาสองลูกไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง พลันส่งเสียงดังหวีดหวิว พุ่งตรงไปทุบเด็กหนุ่มชุดดำที่อยู่ด้านล่าง
“เป็นวิชาแปลงกายที่อหังการมาก เหมือนเกี่ยวข้องกับวิชามารแท้ในแดนมารเราอยู่บ้าง แต่คิดใช้มันต่อกรกับข้า ก็เป็นได้แค่สอนจระเข้ว่ายน้ำเท่านั้น”
พอมุมปากเด็กหนุ่มชุดดำกระตุก ก็หัวเราะเย็นชาก่อนพูด
จากนั้นฝ่ามือที่ว่างเปล่าข้างนั้น นิ้วทั้งห้าพลันกำเป็นหมัด ต่อยตรงๆ ขึ้นไปบนฟ้าสองหมัด
เงาหมัดสีดำจางๆ สองกลุ่มพุ่งออกจากหมัดแทบจะพร้อมกันอย่างไร้สุ้มเสียง และพอวาบ ก็ต่อยโดนสุดยอดภูเขาสองลูกพอดี
หลังจากส่งเสียงร้องดังกัมปนาทสองเสียง สุดยอดภูเขาสองลูกที่มีพลังอันดุดัน พลันสั่นกลางอากาศอย่างรุนแรง ก่อนนิ่งค้าง จากนั้นก็ส่งเสียงดังหึ่งๆ พุ่งถอยหลังกลับไปหาหานลี่
หานลี่ตกตะลึง โดยไม่ต้องคิด วานรยักษ์ที่เขาแปลงร่างพลันวาดมือทั้งสองข้างเป็นรูปวงกลมตรงที่ว่างในทิศที่สุดยอดภูเขาสองลูกพุ่งกลับมา ก่อนรับมันไว้
‘ย๊ากก’ เสียงคำรามดัง พอฝ่ามือวานรยักษ์สัมผัสกับสุดยอดภูเขา ปากก็เปล่งเสียงคำรามต่ำออกมา ร่างที่ใหญ่โตมโหฬารก้าวถอยหลังดังตึงๆ สิบกว่าก้าวไปโดยปริยาย ซึ่งทุกย่างก้าว ได้ทำให้ที่ว่างใต้ฝ่าเท้ากระเพื่อมไม่หยุด ราวกับเหยียบลงบนพื้นจริงก็มิปาน
ดวงตาของหานลี่มีแววตื่นตระหนกวาบผ่าน ค่อยรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นหนึ่งในสามบรรพชนผู้บุกเบิก มีพลังที่ผู้ดำรงอยู่ในระดับมหาเมธีทั่วไปเทียบไม่ได้จริงๆ กระทั่งร่างที่เป็นเลือดเนื้อก็ยังบำเพ็ญเพียรถึงขั้นที่แกร่งกว่าตนหลายขุม
ขณะนั้น เกิดแสงล่องหนข้างกายเขาทั้งสองด้าน ร่างของสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกกับบรรพชนตระกูลหล่งพลันปรากฏออก
ทั้งสองกลัวว่าจะถูกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนจู่โจมจนร่างแหลกสลาย จึงรีบล่องหนมาที่นี่ แต่สายตาที่มองลงไปด้านล่าง ย่อมเคร่งเครียดสุดจะเปรียบ
ตอนนี้ เห็นชัดว่าพวกเขาชัดเจนแล้วว่า ในสามคนนี้ หานลี่เท่านั้นที่มีความสามารถจริงๆ ในการต้านทานอยู่บ้าง ส่วนพวกเขาก็ได้แต่ช่วยบ้างจากด้านข้างแล้ว
พอสองหมัดของเด็กหนุ่มชุดดำต่อยสุดยอดภูเขาจนกระเด็นไป ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา ขณะกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง เรื่องที่ไม่คาดฝันเรื่องหนึ่งพลันเกิดขึ้น!
ในเศษซากชิ้นส่วนระฆังเงินใกล้ๆ กับศพของไป๋ชีซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็นตั้งแต่แรก พลันมีเส้นสีขาวจางๆ ที่แทบจะมองไม่เห็น พุ่งออกจากชิ้นส่วนหนึ่ง และพอกะพริบ ก็ไปถึงตรงหน้า “หุ่นเซียนปลอม” ที่ลอยอยู่ข้างๆ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยน
ทำให้เขาตะลึงงันไปชั่วขณะ แต่ก็รีบตอบโต้ด้วยการคำรามเสียงดัง นิ้วทั้งห้ากางออก คว้าจับเส้นสีขาว
เคลื่อนไหวรวดเร็ว แทบจะดุจสายฟ้าแลบ!
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังช้าอย่างเห็นได้ชัด
พอเส้นสีขาววาบเล็กน้อย ก็หายเข้าไปในร่างหุ่นเซียนปลอมอย่างไร้สุ้มเสียง
สีหน้าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หยวนเหยี่ยนพลันแสดงความโกรธและตกใจออกมา แล้วนิ้วทั้งห้าก็เปลี่ยนทางอย่างไม่พูดไม่จา วาบไปจับหุ่นเซียนปลอมอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ