แม้หานลี่จะรู้ว่าเมื่อปูทองคำลงมือ มันจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าการลงมือของมันจะเฉียบคมขนาดนี้!
แม้กระทั่งคลื่นในอากาศก็ไม่ได้แผ่ออกมาแม้แต่น้อย แสงสีทองของก้ามสีทองอยู่ใกล้แค่เอื้อม และสายเกินไปที่จะใช้เคล็ดวิชาหลบเลี่ยง
ด้วยการปรากฏอันน่าสะพรึงกลัวของก้ามสีทอง เกรงว่าสมบัติป้องกันตัวใดก็ไม่สามารถต้านทานได้
ภายใต้ความโกรธของหานลี่ จิตใจของเขาสั่นไหว และทันใดนั้นเขาจึงตะโกนออกมาดังๆ ทันใดนั้นเขาจึงยกแขนที่มีรอยประทับสมบัติสวรรค์ทมิฬขึ้น อักขระอาคมเขียวเข้มบนผิวหนังหลั่งไหลออกมา จากนั้นดาบพุ่งออกมาจากมือ ทะยานไปในอากาศธาตุ ทันใดนั้น แสงดาบสีเขียวส่องประกายออกมา
หานลี่พลิกฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงทองเพื่อโจมตีแสงสีทองฝ่ายตรงข้าม
ห้านิ้วรวมเป็นหนึ่ง เปลวไฟเย็นห้าสีแผ่ออกมา ภายในช่วงเวลาสั้นๆ มันกลายเป็นเกราะน้ำแข็งห้าสี ขวางกั้นด้านหน้าของร่างกาย และในขณะเดียวกัน ผิวกายก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเทา จากนั้นจึงกลายเป็นชั้นม่านแสงเพื่อปกป้องร่างกาย
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเปิดปากของเขาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลูกไฟสีเงินจึงพ่นออกมา มุ่งตรงไปยังลำแสงที่อยู่ด้านหน้า
“ตูม” เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
แม้ว่าแสงสีทองจะฟาดฟันกับแสงสีครามของดาบจนแตกกระจาย ทว่าเมื่อกระทบแขนที่ปกคลุมไปด้วยอักขระอาคมสีเขียวเข้ม มันก็เด้งกลับอย่างน่าประหลาด และไม่ทำให้แขนของเขาบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
แสงสีทองอีกด้านหนึ่งบุกโจมตีเกราะน้ำแข็งห้าสีและม่านแสงสีเทาอย่างบ้าคลั่ง ทว่าเมื่อถูกลูกไฟสีเงินพุ่งชนมันกลับแข็งตัวเล็กน้อย ทันใดนั้นจึงเกิดแสงสว่างวาบจากเอวหานลี่ แสงแห่งการปกป้องร่างกายราวกับเศษกระดาษที่ไม่สามารถต้านทานได้
เมื่อพละกำลังแผ่ซ่าน ทันใดนั้นร่างจึงร่วงลงมาจากฟ้า
ครั้นเมื่อแสงสีทองหมุนวนไปมา ร่างทั้งสองจึงถูกบดเป็นชิ้นๆ ในทันที จากนั้นเลือดจึงโปรยปรายลงมาราวกับสายฝน
ชายชุดคลุมสีทองหัวเราะเมื่อเห็นเช่นนั้น “ฮ่าๆ คิดว่าจะมีความสามารถมากกว่านี้ แต่กลับตายเพราะการโจมตีของปูศักดิ์สิทธิ์เพียงครั้งเดียว และเจ้ายังสามารถคุกคามเป่าฮวากับหยวนเหยี่ยนได้ ดูเหมือนว่าไม่ได้เจอกันหลายปี พวกเขาทั้งสองกลับกลายเป็นขยะไปเสียแล้ว”
“ห้าส่วนของการโจมตีครั้งแรกไม่ใช่การสังหารเป้าหมาย แต่เป็นการโจมตีครั้งที่สอง!”
ทว่าในขณะนั้น คำพูดนี้ กลับทำให้เสียงหัวเราะของชายชุดคลุมสีทองหยุดลงกะทันหัน
ครั้นเมื่อสิ้นเสียง ก้ามยักษ์ทั้งสองของปูยักษ์สีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาเดียวกัน อักขระอาคมสีทองพุ่งออกมาจากร่างกาย หลังจากหมุนวนอยู่ในอากาศอย่างบ้าคลั่ง จึงกลายเป็นกลุ่มอักขระอาคมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ หนึ่งร้อยจั้ง
ขนาดของกลุ่มอักขระน่าตื่นตระกนกมาก พื้นผิวเป็นสีทองเปล่งประกายพร่างพราย!
ในขณะนี้ ความว่างเปล่าที่อยู่ห่างจากสายฝนโลหิตไปมากกว่าร้อยจั้งก็ผันผวนกัน และร่างสีครามอ่อนๆ จึงปรากฏขึ้น
ร่างนั้นมองไปยังสายฝนโลหิตที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นมองไปยังปูสีทองและอักขระอาคมสีทองในอากาศด้วยใบหน้าซีดเผือด
นั่นคือหานลี่ที่ควรจะตายไปแล้ว
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองตกตะลึงไปชั่วขณะ ทว่าทันใดนั้นเขาจึงเรียกสติกลับมา พลางแสยะยิ้มและพูด “แม้เจ้าจะมีสมบัติวิเศษแทนที่ความตาย ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดี แต่เมื่อปูศักดิ์สิทธิ์โจมตีอีกครั้ง เจ้าก็ถึงทางตัน ทำเช่นนี้ เพียงแค่รอดชีวิตชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น”
หานลี่เพิกเฉยต่อคำพูดประชดประชันของชายสุดคลุมสีทอง เขาเพียงแค่จ้องไปยังกลุ่มอักขระอาคมที่ลอยอยู่เหนือหัวของปูสีด้วยแววตาขุ่นเคือง
การโจมตีของสัตว์ใหญ่มหึมาเมื่อสักครู่นี้ แม้การโจมตีครึ่งหนึ่งจะถูกขัดขวางด้วยพลังดาบของสวรรค์ทมิฬ ทว่าการโจมตีอีกครึ่งหนึ่งกลับทำลายการป้องกันได้อย่างง่ายดาย
หากไม่ใช่เพราะเขารีบกระตุ้นแก่นโลหิตภายในร่างกายเพื่อปลุกระดมหุ่นเชิดไม้โลหิตให้รับการโจมตีครึ่งหนึ่งแทนตนเอง เกรงว่าเมื่อสักครู่หากไม่ตายก็อาจจะพิการ
ในตอนนี้ปูสีทองไม่รีรอที่จะปล่อยกลุ่มอักขระอาคมสีทองออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าพลังของการโจมตีครั้งต่อไปนั้นยากจะหยั่งถึง เขาทั้งโกรธและตื่นตระหนก จากนั้นเขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และใช้วิธีการปกป้องชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเล
หานลี่ส่งเสียงคำราม พร้อมทั้งยกมือข้างหนึ่งในท่าสวดภาวนา จากนั้นแสงสีทองจึงปรากฏขึ้นบนร่างกาย ทันใดนั้นร่างของเขาจึงพองตัวขึ้นกลายเป็นลิงยักษ์ขนสีทองสูงกว่าหนึ่งร้อยจั้ง และในขณะเดียวกันก็มีแสงสีทองหมุนวนอยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงปรากฏสามเศียรหกกรออกมา
นอกจากนี้ ลิงยักษ์ยังใช้มือข้างหนึ่งตบหัวของมัน จากนั้นฝาครอบวิญญาณสวรรค์ถูกเปิดออก ปราณก่อกำเนิดสีทองสูงครึ่งไม้บรรทัดก็พุ่งออกมา
ปราณก่อกำเนิดพึมพำคาถาดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นแสงโดยรอบจึงสว่างจ้า ทันใดนั้นคาถาเจินหลง ไฉ่เฟิ่ง เหลยเผิงและอื่นๆ ต่างหลั่งไหลออกมา
คาถาต่างๆ วนเวียนอยู่ในอากาศธาตุ พร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่ร่างของปราณก่อกำเนิด
แสงสีทองเปล่งประกาย หลังจากเสียงดังสนั่น!
ร่างของลิงยักษ์หดตัวในทันที และหลังจากที่แสงค่อยๆ จางลง ร่างกลับกลายเป็นขนาดเกือบจะสูงเท่ามนุษย์ธรรมดา
มีแสงที่ทองเปล่งประกายปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวกายหรือใบหน้าก็เต็มไปด้วยเกล็ดสีทอง บนหัวมีเขาสีครามหนึ่งอัน และมีดวงตาปีศาจปรากฏขึ้นระหว่างคิ้ว
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้เกล็ดสีทองนั้นคือใบหน้าของหานลี่!
ทว่าในเวลานี้ เขากลับดูน่ากลัวอย่างน่าประหลาด นอกจากนี้รูม่านตาของเขายังมีแสงสีฟ้าและสีทองเป็นประกายระยิบระยับ
วินาทีต่อมา แสงสีทองส่องประกายบนไหล่ข้างหนึ่งของหานลี่ และมีหัวกะโหลกสีทองปรากฏขึ้นอย่างน่าประหลาด ในขณะเดียวกันนั้น เมื่อมีเสียง “แกร็ก” ดังขึ้นสองครั้ง ทันใดนั้นแขนสีทองสองข้างจึงปรากฏ
ภายในเสี้ยววินาที เขาจึงแปลงร่างนิพพานขั้นสองเป็นปีศาจที่ดุร้าย
“ร่างนิพพาน!”
เมื่อชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีทองเห็นภาพที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า เขาแทบจะพูดไม่ออกและไม่เชื่อสายตาตนเอง
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในสามของการแปลงร่างบรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์แห่งนิพพาน เมื่อเขามาถึงเกาะวิญญาณขมขื่น หานลี่ได้เข้าไปในพื้นที่ที่บ่อชำระวิญญาณเป็นเวลานาน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าหานลี่ก็ฝึกฝนวิชาร่างนิพพานศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน อีกทั้งยังสามารถแปลงกายขั้นสองของนิพพาน เมื่อเห็นว่าหานลี่ได้แสดงพลังอาคมที่ควรจะเป็นของเขา เขาจึงมีท่าทีที่ไม่อยากจะเชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นปูยักษ์สีทอง หรือหานลี่ก็ไม่ตกใจกับการแปลงร่างนิพพานศักดิ์สิทธิ์ ต่างคนต่างลงมือในทันที
ก้ามยักษ์ทั้งสองของปูยักษ์จับกลุ่มอักขระอาคมไว้แน่น เมื่อแสงสีทองสว่างวาบ กลุ่มอักขระอาคมสีทองก็พุ่งเข้าหาหานลี่
หลังจากที่หานลี่แปลงร่าง หัวกะโหลกทั้งสองหัวเราะเย้ยหยันพร้อมกัน พร้อมทั้งยกแขนที่ประทับอักขระสีเขียวเข้ม
วินาทีต่อมา อักขระอาคมสีเขียวเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากแขน เมื่อรวมกลุ่มกันจึงกลายเป็นเงาดาบสีเขียวเข้ม
เงาดาบยาวสามฉื่อ แต่หานลี่คว้ามันไว้ในมือของเขาและพุ่งไปที่กลุ่มอักขระอาคมสีทอง พร้อมทั้งฟันอย่างไม่ลังเล
แม้ว่าสาเหตุการฝึกฝนและเวลา หานลี่จึงยังไม่สามารถเปิดใช้งานเคล็ดวิชาดาบสวรรค์ทมิฬได้อย่างแท้จริง สิ่งที่เขาถืออยู่ในมือเป็นเพียงเงาของดาบที่เปลี่ยนจากพลังส่วนหนึ่ง ทว่าทันทีฟาดดาบออกมา ก็เกิดเสียงดังสนั่นและท้องฟ้าแปรปรวนในทันใด!
ท้องฟ้าในรัศมีหลายสิบลี้ก็มืดครึ้มลงทันที!
เสียงคำรามดังกึกก้องในอากาศธาตุ ปราณแท้แปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มแสงห้าสีโปรยปรายรอบๆ ตัวราวกับสายฝน จากนั้นจึงเหมือนกระแสน้ำที่ไหลลงสู่เงาดาบสีเขียวเข้ม
เมื่อฟาดฟันเงาดาบสีเขียวเข้ม แสงดาบสีเขียวเข้มแผ่ซ่านออกไปกว่าสิบจั้ง ทว่าภายใต้ปราณแท้ จึงขยายวงกว้างไปอีกกว่าร้อยจั้ง และหลังจากเสียงคำรามดังกึกก้อง เส้นโค้งสีครามปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของแสงดาบขนาดใหญ่ ช่างเป็นพลังที่น่าตื่นตระหนก!
กลุ่มอักขระสีทองขนาดใหญ่ส่งเสียงอู้อี้ก่อนที่จะสัมผัสกับแสงดาบขนาดใหญ่ และอักขระนับพันก็ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของร่างกาย
แสงสีทองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง
ครั้นเมื่อเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทันใดนั้น แสงสีเขียวและสีทองก็สว่างวาบขึ้นในช่องว่างระหว่างหานลี่และปูสีทอง ในขณะที่คลื่นลมพัดไปในทิศทางอื่น ท้องฟ้าทั้งหมดจึงแยกตรงกลางออกเป็นสองซีก
ครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงดาบสีเขียว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีทองและมีอักขระอาคมหมุนวนไปมา
ทว่าเมื่อลมหายใจของทั้งสองเผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นอักขระอาคมสีทองที่อยู่อีกฟากหนึ่งของท้องฟ้าสีทองจึงรวมตัวกันอยู่ตรงกลาง จากนั้นอักขระอาคมสีทองขนาดเท่าเนินเขานับสิบจึงปรากฏขึ้น และค่อยๆ พุ่งเข้าหาหานลี่
แม้ว่าทุกๆ การโจมตีจะทำให้อักขระอาคมขนาดใหญ่หายไป ทว่ายังคงหลงเหลือร่องรอยของพลัง
เป็นผลให้หลังจากการโจมตีแต่ละครั้ง อีกครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่หลังจากความวุ่นวาย ท้องฟ้าสีครามอีกครึ่งหนึ่งก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ และไม่สามารถต้านทานแสงสีทองที่หมุนวนไปมาได้อีกต่อไป
ใบหน้าของหานลี่ที่เฝ้าดูจากด้านหลังเปลี่ยนไปมาก โดยไม่ทันคิดว่าเงาดาบสีเขียวเข้มในมือของเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ทันใดนั้นแขนทั้งสี่จึงพุ่งออกไปด้านหน้าพร้อมๆ กัน
ทันใดนั้นฝ่ามือสี่อันสีทองขนาดเท่าห้องใต้หลังคาจึงปรากฏขึ้น ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง และด้านหลังมีแสงสีครามแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมทั้งตบไปข้างหน้าอย่างดุเดือดในเวลาเดียวกัน
แสงสีครามที่พังทลายลงมา กลับกลายเป็นน้ำแข็งและบดบังแสงสีทองอีกครั้ง
ทว่าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น!
เมื่ออักขระอาคมที่เหลือพังทลาย ฝ่ามือสีทองทั้งสี่แตกสลาย แสงสีทองจึงกลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
ทว่าช่วงเวลาแห่งการกีดขวางนี้ หานลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งได้กลิ้งไปที่พื้นแล้ว
หลังจากเสียงสายฟ้าฟาด ทันใดนั้นนกยักษ์สองตัว ตัวหนึ่งสีทอง อีกตัวหนึ่งสีเงิน ทั้งสี่ปีกกระพือพร้อมๆ กัน จากนั้นกลายเป็นแสงสีเงินและสีทองแล้วหายวับไป
ต่อมา แสงสีทองขนาดใหญ่หมุนวนเข้ามา ปกคลุมไปทั่วอากาศธาตุ และยังคงหมุนไปด้านหน้าด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
ภายในชั่วพริบตา อากาศธาตุรัศมีกว่าหนึ่งร้อยลี้ ซึ่งไกลสุดลูกหูลูกตา เต็มไปด้วยสีทอง
ทว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เมื่อปูสีทองดูดอย่างแรงด้วยปากอันใหญ่ของมัน แสงสีทองบนท้องฟ้าจึงถูกดูดกลับราวกับคลื่นยักษ์ จากนั้นท้องฟ้าจึงกลับมาใสดังเดิม
ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนที่สวมชุดคลุมสีทองลอยอยู่เหนือปูยักษ์ ดวงตาของเขาสั่นไหวพร้อมทั้งกวาดมองไปรอบๆ