เห็นได้ชัดว่าทั้งห้องโถงยักษ์ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
ครึ่งหนึ่งเป็นร้านค้าทั่วๆ ไป มีโต๊ะหินวางเรียงเป็นแถว ด้านบนมีวัตถุดิบต่างๆ วางเรียงอยู่
ทุกระยะห่างสิบจั้งจะมีสาวใช้วัยดรุณีหน้าตางดงามยืนอยู่หลังโต๊ะคนหนึ่ง
ใกล้ๆ กับโต๊ะเหล่านั้นจะมีบุรุษสตรีสิบกว่ากำลังเลือกซื้อของที่ต้องการ สาวใช้หน้าตางดงามเหล่านั้นจะคอยอธิบายด้วยรอยยิ้มพริ้มพรายอยู่ด้านข้างเป็นบางครั้งคราว
อีกครึ่งหนึ่งของห้องโถงกลับถูกม่านลำแสงสีเขียวเลือนรางชั้นหนึ่งขวางเอาไว้ ตรงที่ดูเหมือนทางเข้าม่านลำแสงมีองครักษ์สวมชุดสีเขียวสองคนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ในม่านลำแสงมีโต๊ะอยู่รางๆ บนโต๊ะมีสิ่งของวางเรียงอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่ามูลค่าน่าจะสูงกว่าด้านนอก
หานลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันแผ่พลังแรงกดมหาศาลออกมา
แม้ว่าจะมีพลังยุทธ์แค่ระดับหลอมสุญตาขั้นปลาย แต่ก็เพียงพอจะทำให้คนทั้งห้องโถงสัมผัสได้ จึงอดที่จะกวาดสายตาไปไม่ได้ ใบหน้าเผยสีหน้าเคารพนบน้อมออกมา
ยามนี้ม่านลำแสงสีเขียวพลันพลิ้วไหว หญิงสาวเผ่ามารที่มีพลังยุทธ์เหนือกว่าสาวใช้ที่อยู่ด้านนอกเดินออกมาคนหนึ่ง
ท่าทางอายุยี่สิบสามยี่สิบสี่ปี สวมชุดผ้าไหม ท่าทางเยือกเย็น!
สตรีผู้นี้ขยับเท้าเรียวบาง สาวเท้าไปอยู่ข้างกายหานลี่ แล้วก้มหน้าลงเอ่ยว่า
“ยินดีต้อนรับท่านอาวุโสเข้าสู่หอไฉ่เซวียน ชนรุ่นหลังเสี้ยวเหยียน เป็นตัวแทนเถ้าแก่ของหอเรา ไม่ทราบว่ามีอันใดให้รับใช้ท่านอาวุโสหรือเจ้าคะ”
หญิงสาวผู้นี้กลับเป็นเผ่ามารระดับสูงระดับเทพแปลงคนหนึ่ง
สตรีผู้นี้ขยับเท้าเรียวสาวเท้าไปอยู่ข้างกายหานลี่ แล้วก้มหน้าลงเอ่ยว่า
“ข้าได้ยินว่าหอของท่านเป็นร้านค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองน้ำตกสีคราม เป็นความจริงหรือ” หานลี่พิจารณาหญิงสาวเผ่ามารสองแวบ แล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“รายงานท่านอาวุโส ใหญ่ที่สุด หอของเราคงมิกล้าเรียกเช่นนั้น แต่หากจะบอกว่ามีของครบครัน ร้านของเราก็อยู่แนวหน้าแน่นอน” เสี้ยวเหยียนตอบกลับด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“อ่า หากเป็นเช่นนั้น ข้าก็น่าจะไม่ได้มาผิดที่ ข้ามีของที่อยากซื้อจำนวนมากที่ร้านเจ้า” หานลี่พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ท่านอาวุโสให้ความสำคัญกับหอของเราได้ ย่อมเป็นเกียรติแก่ชนรุ่นหลังแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะพูดคุย ท่านอาวุโสโปรดตามชนรุ่นหลังไปที่ห้องรับแขกชั้นสองเถิด” เสี้ยวเหยียนพลันรู้สึกดีใจ แล้วเอ่ยอย่างรีบร้อน
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ จากพลังยุทธ์ของอีกฝ่าย หากบอกว่า ‘จำนวนมาก’ ย่อมหมายถึงจำนวนมหาศาลอย่างแน่นอน
หานลี่ไม่ได้โต้เถียง หลังจากพยักหน้า ก็เดินไปที่บันไดตามหญิงสาวผู้นี้
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หานลี่ก็นั่งอยู่ในห้องที่ถูกตกแต่งอย่างดูดีมีระดับ และลิ้มรสชาสีเงินอ่อนที่มีกลิ่นหอมโชยมา
หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมกลับยืนอยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยอันใดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอาวุโส ชาบุกเป็นของขึ้นชื่อของทะเลสาบน้ำตกสีคราม มีสรรพคุณในการรวบรวมจิตวิญญาณแม้ว่าปีหนึ่งหอของเราจะรวบรวมมาได้แค่ยี่สิบสามสิบชั่งเท่านั้น นับว่าเป็นสิ่งที่หายากมากๆ”
“อืม ไม่ธรรมดาจริงๆ แต่แค่ผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับข้า สรรพคุณแค่นี้กลับไม่เพียงพอ” หานลี่ลิ้มรสชาแล้วก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ผู้ที่มีพลังยุทธ์ระดับท่านอาวุโสย่อมไม่เห็นชาจิ๊บจ๊อยนี้อยู่ในสายตา แต่ไม่ทราบว่าที่ท่านอาวุโสมาที่หอของเราในครั้งนี้และอยากซื้อของจำนวนมากคือสิ่งใด หากหอของเรามี ชนรุ่นหลังจะต้องตอบแทนข้อเรียกร้องของท่านอาวุโสแน่!” ในที่สุดหญิงสาวสวมชุดผ้าไหมก็เอ่ยถามเข้าเรื่อง
“ทองคำมาร ข้าวเม็ดโลหิต!” หานลี่กลับไม่มีเจตนาจะเสียเวลา จึงเอ่ยทั้งสองสิ่งออกมา
เมื่อได้ยินชื่อแรก เสี้ยวเหยียนก็มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่หลังจากที่ได้ยินชื่อที่สอง สีหน้ากลับอดที่จะเปลี่ยนสีไม่ได้ ไม่ได้พูดอันใดออกมาเนิ่นนาน
“อันใด ของสองสิ่งนี้ หอของเจ้ามีปัญหาหรือ?” หานลี่กลับแสร้งเอ่ยถามราวกับมองไม่เห็น
“ไม่ปิดบังท่านอาวุโส ทองคำมารนั้นพูดง่าย แม้ว่าจะค่อนข้างหายาก แต่ในคลังของเราก็มีอยู่ไม่น้อย หากท่านอาวุโสอยากได้ ก็ไปเลือกดูได้ ส่วนข้าวฟันโลหิตนั้นต้องทำให้หอของเราลำบากแล้ว” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมเผยสีหน้าปั้นยากออกมา
“ก่อนข้าจะมาก็ได้ยินว่าข้าวฟันโลหิตเป็นสิ่งที่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในเมืองน้ำตกสีคราม ต่อให้พลังยุทธ์สูงแค่ไหน ปีหนึ่งก็ซื้อได้แค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น แต่จากพละกำลังของหอเจ้า ข้อจำกัดแค่นี้ก็ห้ามแตะต้องหรือ?” หานลี่เลิกคิ้วพลางเอ่ยถาม
“ดูแล้วท่านอาวุโสคงไม่รู้สถานการณ์ของข้าวฟันโลหิตที่เกิดในขึ้นในเมืองของเราจริงๆ ดั่งที่ท่านอาวุโสคิดเมื่อครู่ เป็นสิ่งที่ผิดมาก” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา
“ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ จึงไม่ค่อยรู้จริงๆ สหายลองอธิบายได้หรือไม่” หานลี่เงียบขรึมไปเล็กน้อย ถึงได้ซักถามอย่างราบเรียบ
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอันใด ย่อมบอกท่านอาวุโสได้ ไม่ใช่ว่าชนรุ่นหลังพูดเกินจริง! หากพูดถึงวัตถุดิบอื่นหอไฉ่เซวียนของพวกเรามิกล้าบอกว่ามีทั้งหมด แต่ย่อมมีช่องทางการซื้อขาย ดังนั้นจึงมีสินค้าคงคลัง มีเพียงข้าวฟันโลหิตที่เป็นของประจำถิ่นกลับถูกควบคุมอยู่ในมือของท่านเจ้าเมือง ในทุกๆ ปีตามกฎจะรับมาจากท่านเจ้าเมืองได้ในจำนวนจำกัดเท่านั้น แม้ว่าหอของเราจะจัดอยู่ในร้านค้าอันดับต้นๆ ของเมืองแต่ข้าวฟันโลหิตกลับมีไม่เท่าไหร่และยิ่งไปกว่านั้นตามกฎของท่านเจ้าเมืองการขายข้าวฟันโลหิตจะต้องบันทึกเอาไว้และจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดทุกปี” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมเอ่ยตามความจริง
“เช่นนั้นไม่มีจุดใดที่แตะต้องได้เลยหรือ?” หานลี่ได้ยินพลันขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามอย่างแช่มช้า
“ต้องขอประทานอภัยจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ชนรุ่นหลังจะเอ่ยถึงได้ ทว่าหากท่านอาวุโสต้องการสักสองสามเม็ดชนรุ่นหลังก็จะยอมโดนตำหนิแล้วหาวิธีให้หากมากกว่านั้นหอของเราก็ไม่มีความสามารถจริงๆ” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมลังเลเล็กน้อยแล้วตอบกลับมา
“หึๆ สองสามเม็ด? หากต้องการแค่นั้นข้าจะมาที่หอไฉ่เซวียนของพวกเจ้าทำไมกัน ช่างเถอะในเมื่อหอของเจ้าคิดว่าข้าวฟันโลหิตหายากเช่นนั้นทองคำมารล่ะหอของท่านมีอยู่เท่าไหร่ ราคาอย่างไร?” หานลี่หัวเราะหึๆ แล้วเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนา
“หากเป็นทองคำมารท่านอาวุโสโปรดวางใจ! สองสามวันก่อนหอของพวกเราเพิ่งจะมีของเข้ามาพอดีมีประมาณร้อยกว่าก้อนแต่ไม่ทราบว่าท่านอาวุโสต้องการเท่าไหร่ หากต้องการไม่น้อยจริงๆ ชนรุ่นหลังสามารถลดราคาให้ได้” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมได้ยินพลันมีชีวิตชีวาขึ้นแล้วตอบกลับด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
“ร้อยก้อน เช่นนั้นก็เอามาหมดเลย” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เอาหมดเลย? ชนรุ่นหลังฟังไม่ผิดไปสินะ!” แม้ว่าจะเป็นหญิงสาวสวมชุดผ้าไหมก็ยังสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกตะลึง
“อันใดสหายคิดว่าข้าล้อเล่นหรือ?” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
“ชนรุ่นหลังจะกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร ท่านอาวุโสโปรดรอสักครู่ชนรุ่นหลังจะเรียกคนไปหยิบของมาให้ท่านอาวุโสดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หญิงสาวสวมชุดผ้าไหมระงับความตื่นเต้นในใจแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ได้ เช่นนั้นข้าจะรออยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน!” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมาแล้วหยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ
……
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหารหานลี่ก็ถูกหญิงสาวสวมชุดผ้าไหมมาส่งที่หน้าประตูหอไฉ่เซวียนด้วยตนเอง
เขาเดินอย่างวางมาดอยู่ข้างถนนแล้วขวางรถอสูรคันหนึ่งไว้ออกคำสั่งให้พลขับไปยังร้านค้าอีกแห่งหนึ่งแล้วหลับตานั่งสมาธิอยู่ในรถ
เช่นนั้นหานลี่จึงวิ่งไปมาระหว่างร้านค้าใหญ่ๆ ห้าหกร้านทั้งวันแทบจะกวาดทองคำมารในคลังของพวกเขาไปจนเกลี้ยงแต่กับข้าวฟันโลหิตนั้นกลับไม่ได้อะไรเลย
ร้านค้าใหญ่ๆ เหล่านั้นปฏิเสธการขายข้าวฟันโลหิตจำนวนมากเป็นเสียงเดียวกัน
หานลี่ไม่ได้ถอดใจกับสิ่งนี้ยามเย็นก็ไปพักที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเช้าตรู่วันที่สองก็ไปเยี่ยมเยียนร้านค้าต่างๆ ในเมืองน้ำตกสีครามต่อ
ทว่าครั้งนี้ร้านที่หานลี่หากลับเป็นร้านค้าระดับกลาง
เช่นนั้นภายในระยะเวลาเจ็ดวันหานลี่ก็แทบจะวิ่งไปวิ่งมาระหว่างร้านค้าน้อยใหญ่ในเมืองรอบหนึ่งและรวบรวมทองคำมารได้จำนวนมาก
ทองคำมารจำนวนมากขนาดนี้ย่อมต้องจ่ายด้วยศิลามารจำนวนมหาศาลแต่สำหรับหานลี่แล้วกลับเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไม่ได้ใส่ใจอันใด
ทว่าแม้ว่าจะรวบรวมทองคำมารได้จำนวนมากหานลี่กลับไม่พบว่าก้อนใดจะมีไข่มุกผลึกลึกลับผสมอยู่จึงทำให้เขาผิดหวังเป็นอย่างมาก
ทว่าเขากลับไม่ได้ล้มเลิกความคิดที่จะซื้อทองคำมารและไปซื้อทองคำมารตามร้านค้าต่างๆ ต่อ
ส่วนข้าวฟันโลหิตนั้น หลังจากที่พบกับข้อจำกัดตามร้านต่างๆ หานลี่ก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับร้านค้าขนาดกลางและเล็กอีก
ผลของการกระทำเช่นนี้แน่นอนว่าย่อมทำให้ผู้ที่มีหูตาว่องไวในเมืองรู้ว่าในทะเลสาบน้ำตกสีครามมีเผ่ามารจากภายนอกมากว้านซื้อทองคำมารไปทั่ว
ทว่าคนส่วนใหญ่ล้วนไม่ได้สนใจอันใด
จากชื่อเสียงของเมืองน้ำตกสีครามและจำนวนพ่อค้าเผ่ามารจากภายนอกที่เข้าออกเมือง เรื่องเช่นนี้แทบจะเกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่เมื่อตกไปถึงหูของคนที่สนใจกลับไม่เหมือนกัน
วันที่แปดหานลี่เพิ่งจะเดินออกมาจากที่พักยามที่คิดจะขวางรถอสูรคันหนึ่งฉับพลันนั้นด้านหน้าก็มีเงาร่างคนพลิ้วไหวบุรุษเผ่ามารไว้เครายามคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าและเอ่ยกับหานลี่ด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม
“ได้ยินว่าท่านอาวุโสกำลังหาซื้อทองคำมารจำนวนมาก ชนรุ่นหลังและสหายก็มีอยู่พอดีไม่ทราบว่าท่านอาวุโสสนใจหรือไม่?”
“ข้าซื้อแค่จำนวนมากเท่านั้น หากมีแค่ไม่กี่ก้อนก็อย่ารบกวนข้า” หานลี่พิจารณาอีกฝ่ายสองสามแวบพบว่าอีกฝ่ายมีพลังยุทธ์แค่ระดับก่อกำเนิดก็ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ใต้เท้าโปรดวางใจหากมีทองคำมารแค่นั้นชนรุ่นหลังจะกล้ามากวนท่านอาวุโสได้อย่างไร ชนรุ่นหลังและสหายมีทองคำมารอยู่จำนวนมากต้องทำให้ท่านอาวุโสพอใจแน่นอน” บุรุษเผ่ามารเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยสหายของเจ้าอยู่ที่ใดหากออกไปจากเมืองแล้วก็ช่างเถิด” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะสนใจเล็กน้อยแต่ก็มีท่าทีสงสัย
“ท่านอาวุโสโปรดวางใจชนรุ่นหลังและสหายรอท่านอาวุโสอยู่ที่หอพัดเซียนที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง” บุรุษเผ่ามารรีบร้อนอธิบาย
“ดูจากท่าทีของเจ้าเหมือนจะมิได้โกหก เอาล่ะข้าจะลองไปดู” หานลี่แววตาเปล่งประกายพลางเอ่ยด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
บุรุษเผ่ามารได้ยินย่อมดีอกดีใจรีบใช้มือหนึ่งกวักไปทางด้านข้างรถอสูรที่เตรียมเอาไว้นานแล้วพุ่งเข้ามาทันที
บุรุษเผ่ามารและหานลี่จึงขึ้นไปบนรถคันนั้นแล้วมุ่งตรงไปยังถนนที่ทอดยาว
สองสามชั่วยามต่อมาภายในห้องโถงลึกลับแห่งหนึ่งในที่สุดหานลี่ก็ได้พบกับบุรุษและสตรีเผ่ามารแปลกหน้าสองสามคน