“เจ้ค่ะ น้าจู!” หญิงสาวสวมชุดสีเขียวได้ยินหานลี่ปิดบังพลังยุทธ์ ใบหน้าก็ฉายแววตกตะลึง แต่เมื่อได้หญิงฮูหยินกล่าวเช่นนี้ ความกังวลใจก็สลายหายไป ก้มหน้าลงตอบรับอย่างนอบน้อม และถอยออกไปจากชั้นสองอย่างเงียบเชียบ
“สหายเชิญตามข้ามาเถิด ในเมื่อแขกผู้มีเกียรติอยู่ในระดับจอมมาร ผู้ที่จะพบท่านย่อมไม่ใช่ตัวแทนของคุณหนูอีก แต่เป็นคุณหนูมาต้อนรับด้วยตัวเอง”
ฮูหยินเอ่ยกับหานลี่อย่างราบเรียบหนึ่งประโยค และสะบัดแขนเสื้อไปทางตีนบันไดขึ้นไปชั้นสามเบาๆ
ชั่วขณะนั้นกลางอากาศทางฝั่งนั้นพลันมีลำแสงสีเหลืองเปล่งแสงสว่างวาบ ระลอกคลื่นแผ่ออก ดูเหมือนจะมีเขตอาคมอันใดถูกกำจัดทิ้งไป
ทว่าชั่วพริบตาที่เขตอาคมถูกทลายออก อักขระยันต์สีเทาก็บินออกมาจากแขนเสื้อของฮูหยิน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปกลางอากาศ
หานลี่กลับไม่ได้เอ่ยอันใด หลังจากพยักหน้าก็เดินตามฮูหยินขึ้นบันไดไป
ชั้นสามของหอคือห้องโถงยักษ์ที่ถูกตกแต่งจากวิจิตรงดงาม
ใจกลางมีโต๊ะบูชาหยกแวววาววางอยู่ ด้านบนมีอาวุธที่ดูเหมือนปากั้วและเซียมซีวางอยู่สองสามชิ้น ด้านข้างมีเตาหลอมเล็กๆ ที่วิจิตรงดงามวางอยู่เตาหนึ่ง และมีหมอกสีขาวแผ่ออกมา ทำให้กลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วห้อง
ด้านหลังโต๊ะบูชากลับมีหญิงสาวสวมชุดคลุมสีเหลืองหน้าตาสวยสดงดงามคนหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ พลางควงพัดหยกขนาดเท่าฝ่ามือเล่นไปมา สีหน้าราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสองฝั่งของห้องโถงมีบุรุษสี่คนและสตรีสี่คน ทั้งสี่คนล้วนแต่งกายเป็นเผ่ามารวัยเยาว์ บุรุษร่างกายสูงใหญ่ สตรีร่างกายอรชรอ้อนแอ้น ล้วนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเคารพนบน้อม
คาดไม่ถึงว่าทั้งสี่คนจะมีพลังยุทธ์ระดับเทพแปลง
แต่ฮูหยินไม่มีเจตนาจะหยุด พาหานลี่เดินตรงไปที่ชั้นสี่ทันที
และเมื่อหญิงสาวสวมชุดสีเหลืองและพวกเห็นฮูหยินและหานลี่ปรากฏตัว กลับหยัดกายลุกขึ้นคารวะจากที่ไกลๆ พร้อมกัน
ฮูหยินโบกมือโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไป หญิงสาวสวมชุดคลุมสีเหลืองและพวกถึงได้กลับมาอยู่ในท่าทางเดิมอีกครั้ง
หานลี่หยุดชะงักฝีเท้าเล็กน้อย สายตากวาดไปที่เรือนร่างของคนเหล่านั้น ใบหน้าแปลกประหลาดใจเล็กน้อย
จากท่าทางและหน้าตา เกรงว่าไม่ว่าผู้ใดก็คงคิดว่าหญิงสาวสวมชุดคลุมสีเหลืองคือ ‘คุณหนู’ ของเรือนก่วงหยวน ผู้ใดจะคิดว่าเป็นแค่ตัวแทนคนหนึ่งเท่านั้น
เขาขบคิดในใจประกอบกับก่อนหน้าที่จะมาเรือนก่วงหยวนได้ตรวจสอบมาแล้ว จึงอดที่จะสนอกสนใจ ‘คุณหนู’ ผู้นี้อยู่หลายส่วน
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ในที่สุดหานลี่ก็ตามฮูหยินมาถึงชั้นสี่ของหอ
เมื่อเข้ามาที่ชั้นนี้หานลี่พลันกวาดตาไปรอบๆ แล้วอดที่จะเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาไม่ได้
ไม่ได้แปลกใจที่ชั้นนี้มีเขตอาคมวางอยู่จำนวนมาก แต่ทุกอย่างที่มองเห็นเป็นเหมือนกับบ้านไร่ทั่วไปทุกระเบียบนิ้ว
บ้านหลังคาฟางขนาดไม่ใหญ่หนักตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก ด้านในมีโต๊ะเก้าอี้เรียบๆ วางอยู่สองสามตัว เตียงไม้ค่อนข้างเก่าเตียงหนึ่ง ด้านบนมีผ้าไหมหยาบๆ วางอยู่
ด้านหน้าบ้านหลังคาฟางมีฟางขาวอยู่สองสามกองและมีเครื่องปั่นด้ายวางอยู่บนที่ว่างบนพื้น
ด้านหลังเครื่องปั่นด้ายหญิงสาวดูอ่อนแอสวมเสื้อผ้าหยาบๆ ทำมาจากป่านนั่งตัวตรงอยู่บนตอไม้เตียงๆ และกำลังจับจ่อมุ่งมั่นอยู่กับเครื่องมือที่กำลังแกว่งไปมาตรงหน้า
ผ้าป่านค่อยๆ ไหลออกมาจากบนนั้น และกองกันเป็นชั้น วางอยู่บนพื้นอีกด้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชั่วพริบตานั้นหานลี่พลันกวาดจิตสัมผัสไปบนเรือนร่างของหญิงสาว ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
หญิงสาวมีพลังยุทธ์ไม่สูงหนัก เพิ่งจะบรรลุระดับเทพแปลง ทว่าเมื่อจิตสัมผัสของเขาจะตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ฉับพลันนั้นพลันถูกพลังไร้รูปร่างของอีกฝ่ายผลักออกไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเข้าใกล้ได้อีกแม้เพียงนิด
นี่จึงทำให้หานลี่ตกตะลึง และเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงมีสมบัติคุ้มครองร่างอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะสามารถกีดกันจิตสัมผัสที่จะตรวจสอบได้
ฮูหยินเดินมาอยู่ด้านข้างหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านอย่างเงียบเชียบ คาดไม่ถึงว่าจะยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ไม่ได้ส่งเสียงอันใดรบกวน
หานลี่หยุดฝีเท้าและยืนอยู่ตรงบันได สายตามองการเคลื่อนไหวของหญิงสาวสวมชุดหยาบๆ ผู้นั้นอย่างราบเรียบ
เขาในยามนี้มองเห็นใบหน้าของหญิงสาวอย่างชัดเจนแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาธรรมดา ธรรมดาสามัญมาก
ไม่ ต้องบอกว่ามีจุดใดที่ไม่เหมือนคนปกติ ก็คือหน้าผากของหญิงสาวผู้นี้ดูเหมือนจะกว้างกว่าคนทั่วไป และท่านั่งที่ตั้งอกตั้งใจนั้นก็ให้ความรู้สึกสบายอย่างแปลกประหลาด
หานลี่พิจารณาหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านไปพลาง วิจารณ์อีกฝ่ายอยู่ในใจไปพลาง
หญิงสาวทอผ้าอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่ว แค่หนึ่งกาน้ำชา ผ้าหนาๆ บนเครื่องปั่นด้ายก็หายไปจนหมด
หลังจากที่ผ้าป่านหยาบๆ ก้อนสุดท้ายร่วงลงมาจากเครื่องปั่นด้าย หญิงสาวก็พ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเบาๆ พิจารณาผ้าป่านกองใหญ่บนพื้น คาดไม่ถึงว่าจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา จากนั้นก็เลื่อนสายตามาถึงได้เอ่ยกับฮูหยินที่อยู่ข้างกายอย่างรู้สึกผิด
“น้าจู ขอโทษด้วย ให้ท่านรอนานอีกแล้ว”
เสียงของหญิงสาวไม่นับว่าไพเราะ แต่มีความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทำให้ผู้คนที่ได้ยินอดที่จะถูกดึงดูดไม่ได้
“คุณหนูวางใจ บ่าวไม่ได้รอนานอันใด และยิ่งไปกว่านั้นขอให้คุณหนูไถ่โทษให้ด้วย ยังไม่ทันให้คุณหนูอนุญาต บ่าวก็พาแขกมาที่นี่เสียแล้ว” ฮูหยินเผชิญหน้ากับหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านที่พลังยุทธ์ห่างไกลตนเอง คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้านอบน้อมเป็นอย่างมากออกมา แถมยังมีท่าทางเป็นลูกน้อง
หานลี่เห็นฉากนี้ก็ใจเต้น อดที่จะพิจารณาหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านอีกสองสามแวบไม่ได้ แล้วรู้สึกกังขาอยู่ในใจว่าหรืออีกฝ่ายคือร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เผ่ามาร?
“น้าจูพาคนมาพบข้าจะต้องเป็นแขกผู้มีเกียรติอย่างไม่ต้องสงสัย น้องหญิงหลันอิ่ง ไม่ทราบว่าพี่ชายมีนามว่าอย่างไร?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านหัวเราะน้อยๆ ออกมา ถึงได้หันหน้าไปเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ข้าน้อยแซ่หาน เซียนคือเจ้าของเรือนก่วงหยวน ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าน้อยจริงๆ”
อันใด หรือพี่หานคิดว่าน้องหญิงไม่คู่ควรที่จะรับตำแหน่งเจ้าของเรือนก่วงหยวนหรือ?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านหยักมุมปาก เผยรอยยิ้มที่เงียบสงบออกมา
“ไม่ว่าพลังยุทธ์หรือหน้าตา ตัวแทนที่อยู่ชั้นล่างก็ดูเหมือน ‘คุณหนู’ ของเรือนก่วงหยวนมากกว่า ทว่าตัวแทนก็คือตัวแทน ต่อให้เหมือนขนาดไหน ก็ไม่อาจช่วยข้าน้อยได้” หานลี่เองก็ไม่ได้เกรงใจ ตอบกลับตามความจริง
“หากพี่หานคิดเช่นนั้นก็ผิดแล้ว ความจริงแล้วสาวใช้ที่ชั้นสามของข้า ไม่ใช่แค่เครื่องประดับ ปกติแล้วก็รับมือกับแขกธรรมดาได้ แน่นอนว่าแขกที่สูงศักดิ์ระดับเดียวกับสหายนั้น นางกลับมีใจแต่หามีความสามารถไม่” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้นนี่เอง ดูแล้วชื่อเสียงเกรียงไกรของเรือนก่วงหยวน คงมาจากสาวใช้ผู้นั้นของคุณหนูไม่น้อยสินะ” หานลี่หัวเราะหึๆ ออกมา พลางตอบกลับอย่างไม่คิดเช่นนั้น
“น้องหญิงทำเช่นนี้ เป็นเรื่องที่จำใจ ถึงอย่างไรเสียแขกทั่วไป นางก็รับมือได้ และสิ่งที่เหมาะสมกับเงื่อนไขของแขกผู้สูงศักดิ์ได้ก็มีไม่มาก สหายหานเองก็เป็นแขกคนที่สามที่ข้าได้พบในปีนี้เท่านั้น เอาล่ะ สหายหานเชิญนั่งเถิด มีเรื่องอันใด พวกเรามาคุยกันดีกว่า ขอแค่จ่ายค่าตอบแทนเพียงพอ เรือนของเราย่อมทำให้นายท่านพอใจได้” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพยักหน้า แล้วเชิญหานลี่นั่งลงอย่างสบายๆ
หานลี่กวาดสายตาไปรอบๆ มือหนึ่งตะปบออกไปกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นเก้าอี้เก่าๆ ตัวหนึ่งก็บินมาโดยไร้ซึ่งแรงลม และร่อนลงบนพื้นตรงหน้าอย่างมั่นคง
เขาพลิ้วกายนั่งลงตรงข้ามหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านอย่างสบายๆ
“สหายหานมาที่นี่ย่อมเข้าใจเรือนของเรามาบ้าง แต่ตามกฎแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้าแขกผู้สูงศักดิ์ ก็ต้องบอกกฎเกณฑ์ก่อน หวังว่าพี่หานจะไม่ถือสา!” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ข้าน้อยเพิ่งมาที่ทะเลสาบน้ำตกสีครามได้ไม่นาน จึงรู้จักเรือนของท่านไม่มาก เซียนหลันอธิบายให้ละเอียดย่อมเป็นสิ่งที่ดีมาก” หานลี่ตอบกลับอย่างไม่ถือสาเลยสักนิด
“อีกนัยหนึ่งเรือนของข้านับว่าเป็นนักสืบชนิดหนึ่ง จะไม่มีทางยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องของแขก รับหน้าที่แค่รวบรวมข่าวให้เท่านั้น เรือนของข้านั้นก็นับว่าก่อตั้งมาเนิ่นนานแล้ว มิกล้ากล่าวได้ว่ารู้ทุกอย่างในแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างน้อยเรื่องใหญ่ๆ และเรื่องลึกลับก็รู้อยู่หลายเรื่อง และยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของเรือนก่วงหยวนในอดีตล้วนเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาการทำนาย แม้ว่าเรือนของเราจะไม่มีข้อมูลอยู่ในมือ แต่ก็ทำนายแทนแขกได้ เพราะเคล็ดวิชาการทำนายต้องสูญเสียอายุขัย ดังนั้นค่าตอบแทนจะสูงแค่ไหนแค่ก็รู้แล้ว โดยปกติแล้วเรือนของเราจะไม่แนะนำให้แขกทำการทำนาย นอกจากนี้ไม่ว่าแขกจะได้คำตอบที่พึงพอใจอันใด ก็ห้ามแพร่งพรายให้ผู้อื่นรู้ มิเช่นนั้นจะเข้าไปอยู่ในรายการแขกผู้ที่ไม่ถูกรับเชิญของเรือนเรา และไม่ทำการค้าใดๆ ด้วยอีก นอกจากจุดนี้กฎอื่นๆ ก็ไม่สำคัญอันใด เชื่อว่าสหายหานคงไม่จงใจละเมิด เอาล่ะ สหายมีอันใดไม่ชัดเจนหรือไม่?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยและจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหานลี่ แล้วเอ่ยซักถามอย่างแช่มช้า
“อืม เรื่องพวกนี้ไม่ต่างอันใดกับที่ข้าเข้าใจมากนัก ข้าแค่อยากรู้ว่าก่อนหน้านี้แขกผู้สูงศักดิ์ของเรือนเจ้า กลับไปอย่างพึงพอใจเท่าไหร่กัน”
เนื้อหาที่หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพูดทำให้หานลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็มีสีหน้าปกติพลางย้อนถามกลับ
“สถานการณ์ของเรือนเราในอดีตข้าไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่ตั้งแต่ที่ข้าดูแลเรือนก่วงหยวนมา ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้แขกผู้สูงศักดิ์ท่านใดผิดหวัง” แววตาของหลันอิ่งฉายแววเย่อหยิ่ง ใช้น้ำเสียงราบเรียบตอบกลับ
“ไม่เคยมีผู้ใดผิดหวัง? ดูแล้วเรือนของเจ้าคงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่มาก เช่นนั้นผู้แซ่หานก็วางใจ” แม้ว่าจะเป็นหานลี่ เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวสวมชุดผ้าป่าน ก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่กลับแค่พยักหน้า และเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ในเมื่อสหายไม่สงสัยหรือกังวลในตัวเรือนของเรา ยามนี้ก็บอกสิ่งที่ท่านอยากรู้มาได้แล้ว เรือนของเราจะบอกราคาจากความหายากและระดับความลับของข่าวกับเจ้าอีกที” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม
“ข้าอยากรู้ว่าทำอย่างไรถึงได้ข้าวฟันโลหิตระดับสูงจำนวนมากจากเมืองน้ำตกสีครามในครั้งเดียวได้!” ในที่สุดหานลี่ก็ไม่ลังเล เอ่ยถามตรงๆ ทีละคำๆ
“ข้าวฟันโลหิต! หึๆ คาดไม่ถึงว่าสหายหานจะอยากซื้อข่าวนี้” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านได้ยินพลันมีสีหน้าผ่อนคลายลง และฉีกยิ้มเบิกบาน
“อันใด ผู้แซ่หานอยากถามเรื่องนี้ มีอันใดแปลกหรือ?” หานลี่แววตาเปล่งประกายพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ไม่ใช่ สหายหานไม่จำเป็นต้องโมโห ไม่ปิดบัง แขกที่มาเรือนก่วงหยวนของพวกเรา สองในสิบคนล้วนมาถามเรื่องนี้ แน่นอนว่าย่อมมีข่าวอยู่แล้ว! แต่แค่แม้ว่าจะมีเวลาซื้อมาก แต่ราคาของข่าวก็ยังคงไม่น้อย” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยด้วยรอยยิ้ม