“ขอแค่ข่าวน่าเชื่อถือ ราคาสูงแค่ไหน ก็ไม่เป็นไร ข่าวนี้ ข้าจะซื้อ” หานลี่เองก็คิดไม่ถึงว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ง่ายดายเช่นนี้ จึงเอ่ยขึ้นอย่างดีใจทันใด
“เยี่ยม ข้อมูลในคัมภีร์นี้ส่วนหนึ่งมีราคาอยู่ สหายดูก่อนเถิด หากคิดว่าไม่มีปัญหา ข้าก็จะนำข้อมูลส่วนที่เหลือมาทำการแลกเปลี่ยนทันที” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านโยนสมบัติทรงศิลาสีดำสนิทมาแล้วเอ่ย
หญิงสาวผู้นี้กระทำการอย่างไร้ช่องโหว่
“เยี่ยม ผู้แซ่หานจะตรวจสอบดูก่อน” หานลี่ยกมือขึ้นคว้าแผ่นหินไว้แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ
จากนั้นเขาก็แตะแผ่นศิลาที่หน้าผาก กวาดจิตสัมผัสเข้าไปข้างใน
ส่วนหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านที่นั่งอยู่รงข้ามก็รอคำตอบของหานลี่อย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งกาน้ำชา ใบหน้าของหานลี่ก็ฉายแววถึงบางอ้อ นำแผ่นศิลาออกจากหน้าผากและเอ่ยอย่างแช่มช้า
“คิดไม่ถึงว่าจวนเจ้าเมืองจะมีคนขายเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตจำนวนมากอย่างลับๆ อยู่ จากข่าวนี้คนผู้นี้คงจะมีอำนาจมาก และมีตำแหน่งที่ไม่ต่ำต้อยในจวนเจ้าเมือง ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นเรื่องจริง ข้าจะซื้อข่าวนี้ ราคาข้าก็รับได้ เซียนหลันบอกวิธีติดต่อกับข้าเถิด”
“ในเมื่อสหายกล่าวว่าไม่มีปัญหา เช่นนั้นการแลกเปลี่ยนนี้ก็นับว่าสำเร็จ” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพยักหน้า สะบัดแขนเสื้อไปทางหานลี่ แผ่นศิลาบินออกมา
ครั้งนี้หานลี่คว้าแผ่นศิลาเอาไว้ แค่กวาดจิตสัมผัสไปก็รู้วิธีติดต่อทันที
เขาร่ายมือทั้งสองไปมาด้วยสีหน้าราบเรียบ
เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น!
แผ่นศิลากลายเป็นผงสีขาว จากนั้นก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง กล่องหยกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือปรากฏออกมา
“ของที่วางอยู่ด้านใน น่าจะพอกับข่าวนี้ได้เหลือเฟือ สหายหลันดูสิว่าพอใจหรือไม่? หากไม่มีปัญหา ข้ามีอีกเรื่องอยากถามเซียน” หานลี่โยนกล่องหยกและเอ่ยอย่างราบเรียบ
“อ๋อ สหายหานมีอีกเรื่อง? มีอันใดให้น้องหญิงช่วย ก็ถามมาเถิด” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านยกมือเรียวขึ้น ดูดกล่องหยกเข้ามาอยู่ในมือ เปิดฝากล่องกวาดตามองของด้านในแวบหนึ่ง แล้วเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
“สิ่งนี้เซียนหลันรู้ที่มาของมันหรือไม่?” หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ดีดนิ้วหนึ่ง เส้นไหมสีเขียวพุ่งออกไป ล้อมเครื่องปั่นด้ายเอาไว้ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วม้วนวนกลับมา สุดท้ายก็รวมตัวกันกลายเป็นไอสีเขียวขนาดเท่าเมล็ดถั่ว หมุนติ้วๆ อยู่ตรงปลายนิ้วอย่างรวดเร็วไม่หยุด
และครู่ต่อมาฉับพลันนั้นเครื่องปั่นด้ายก็เปล่งเสียงอึกทึกออกมา กลายเป็นควันกองหนึ่งแล้วสลายหายไป
หญิงสาวสวมผ้าป่านที่เดิมมีสีหน้าราบเรียบ รูม่านตาพลันหดเล็กลง
ฮูหยินเผ่ามารที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี
เครื่องปั่นด้ายดูเหมือนจะธรรมดามาก ความจริงแล้วกลับเป็นอาวุธมารช่วยเสริมระดับไม่ต่ำต้อย มีประสิทธิภาพลึกลับที่ไม่อาจอธิบายได้
มิเช่นนั้นหญิงสาวสวมชุดผ้าป่านคงไม่ใช้เจ้าสิ่งนี้ทอผ้าธรรมดาธรรมดาๆ โดยไม่มีสีหน้าหมดความอดทน
สาเหตุที่ทำให้หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านหน้าเปลี่ยนสีก็คือเจ็บปวดที่อาวุธมารชิ้นนี้ถูกทำลาย และวัตถุดิบที่ใช้สร้างอาวุธมารชิ้นนี้ก็เป็น ‘พฤกษามารเกรียม’ ที่หายากชนิดหนึ่งในแดนมาร หลังจากถูกปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธใช้วิธีวิเศษหลอมขึ้น ระดับความทนทานก็แทบจะอยู่ในจุดที่ไม่อาจทำลายได้
แต่เมื่อครู่หลากลับถูกไอสีเขียวที่ไม่สะดุดตาทำลายจนเป็นผุยผง ความน่ากลัวของมันไม่ต้องคิดก็รู้แล้ว
หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านหรี่ตาทั้งสองข้างลงและใช้สายตาแปลกประหลาดจ้องเขม็งไปยังไอสีเขียวที่ปลายนิ้วของหานลี่ แล้วเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
หานลี่สัมผัสได้ชัดเจนว่าจิตสัมผัสของหญิงสาวผู้นี้ห่อหุ้มไอสีเขียวในพริบตา แล้วตรวจสอบมันอย่างระมัดระวัง
เขามีสีหน้าราบเรียบ ปล่อยให้หญิงสาวสวมชุดผ้าผ่านทำเช่นนั้น
จิตสัมผัสของฮูหยินเผ่ามารก็แทรกเข้าไปในไอสีเขียวเช่นกัน
แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านก็หน้าเปลี่ยนสีไปหลายครั้ง และมีท่าทีแปลกประหลาดเล็กน้อย ส่วนฮูหยินเผ่ามารก็ยังคงมีสีหน้าฉงน
และในยามนั้นเองนิ้วของหานลี่ก็สั่นน้อยๆ ไอสีเขียวส่งเสียง “สวบ” ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะจมหายเข้าไปในปลายนิ้วอย่างไร้ร่องรอย
“ขอโทษจริงๆ ข้าน้อยเองก็ไม่อาจควบคุมเจ้าสิ่งนี้ได้ ทำได้เพียงบีบมันให้ออกมาจากร่างในระยะเท่านี้เท่านั้น แต่ข้าคิดว่าเวลานานขนาดนี้ก็เพียงพอให้เซียนตรวจสอบไปรอบหนึ่งแล้ว ไม่ทราบว่าเซียนแยกแยะที่มาของมันได้หรือไม่?” หานลี่เอ่ยขอโทษ คนกลับจ้องเขม็งไปที่หญิงสาวสวมชุดผ้าป่าน ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ไอสีเขียวคือสิ่งที่เหลืออยู่จากพลังลึกลับที่เขาดูดซับจากไข่มุกซ่อนผลึกจากมารทองคำในวันนั้น
พลังในไข่มุกผลึกทำให้พลังยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วกลายเป็นพลังปราณที่บริสุทธิ์ได้อย่างง่ายดาย แต่ไอสีเขียวที่เหลืออยู่ก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับแมลงที่เกาะอยู่บนกระดูก ตอนแรกทำได้เพียงผนึกมันไว้ในร่างของทารกมารที่สองเพื่อรอหาวิธีจัดการในภายหลังเท่านั้น
ในเมื่อยามนี้มาถึงเรือนก่วงหยวนที่มีชื่อเสียงว่ารู้ทุกเรื่อง หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเองก็ดูแล้วมีที่มาที่ไปลึกลับ เขาย่อมต้องถือโอกาสลองถามดู
หากแก้ไขได้แน่นอนว่าย่อมดีที่สุด ต่อให้ไม่ได้ มากสุดเขาก็กลับไปหาวิธีที่แดนมนุษย์ก็ยังไม่สาย
“แค่การตรวจสอบเมื่อครู่ น้องหญิงยังบอกผลที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ แต่จากความทรงจำของข้า มีอยู่สองสามสิ่งที่เข้าเค้า แต่การวินิจฉัยในเชิงลึกนั้นต้องขอถามสักหน่อย พี่หานจะยอมตอบคำถามสักสองสามข้อหรือไม่” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านขมวดคิ้วดำขลับเล็กๆ ครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วถึงได้เอ่ยถามด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ได้อยู่แล้ว เซียนหลันอยากถามอันใด ก็ถามมาเถิด” หานลี่ได้ฟังก็มีสีหน้ามีชีวิตชีวา แล้วตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“เช่นนั้นน้องหญิงก็ไม่เกรงใจแล้ว สิ่งแปลกประหลาดนี้สหายไปได้มันมาอย่างไร? นอกจากอานุภาพที่น่าตกตะลึงจากการสำแดงเมื่อครู่ ยังมีจุดพิเศษจุดอื่นหรือไม่? สิ่งนี้อยู่ในร่างของสหายมานานเท่าไหร่แล้ว?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเอ่ยถามออกมารวดเดียว
“ได้มาอย่างไร เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความลับของผู้แซ่หานจึงขอยังไม่บอก ทว่าข้ากลับบอกจุดพิเศษของมันได้? ส่วนระยะเวลาที่อยู่ในร่างข้า ก็ไม่นานนัก ยังไม่ถึงร้อยปี” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วตอบกลับอย่างจริงจัง
“ได้ สหายหานบอกจุดพิเศษของมันมาก่อนเถิด น้องหญิงจะดูว่าจะตัดสินจากสิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านมีท่าทีไม่ใส่ใจ
หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา ยามที่กำลังจะเอ่ยต่อหน้า จู่ๆ พลันหน้าเปลี่ยนสี คาดไม่ถึงว่าจะหุบปากทันใด
หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเห็นเช่นนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่รอให้นางกลอกตาไป ยามที่กำลังจะเอ่ยปากถาม ฮูหยินที่อยู่ด้านข้างก็สาวเท้ามาข้างหน้า ในเวลาเดียวกันก็ตะปบมือข้างหนึ่งออกไป คาดไม่ถึงว่าจะคว้ายันต์สีขาวสายหนึ่งเอาไว้
ฮูหยินแค่กวาดจิตสัมผัสไปที่ยันต์ใบนั้นเล็กน้อย ก็หน้าเปลี่ยนสี และหันกายมาเอ่ยกับหญิงสาวทันที “คุณหนู เป็นคุณหนูม่วงมาเยี่ยมเยียน และยิ่งไปกว่านั้นยังมาอยู่ด้านล่างแล้ว”
“เป็นคุณหนูม่วง นางมาได้อย่างไร หรือว่าครั้งที่แล้วที่ข้าทำนายให้เกิดความผิดพลาด?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดได้ จึงเปลี่ยนเป็นสีหน้าทุกข์ใจ
“เพราะคุณหนูเคยออกคำสั่งเอาไว้ว่า หากคุณหนูม่วงมาถึง ไม่ต้องขวาง ดังนั้นนางจึงอยู่ด้านล่างและส่งข่าวมา จะมาถึงชั้นหนึ่งแล้วเจ้าค่ะ” ฮูหยินเอ่ยไปพลางใช้สายตาแปลกประหลาดพิจารณาหานลี่สองแวบไปพลาง
“ในเมื่อเซียนหลันมีแขกอื่น เช่นนั้นผู้แซ่หานก็ขอตัวก่อน” หานลี่หยัดกายลุกขึ้น แล้วเอ่ยอย่างรู้จักวางตัว
“ไม่ต้องหรอก เป็นสหายสนิทคนหนึ่งเท่านั้น น่าจะมาถามเรื่องหนึ่ง แค่ประโยคเดียวไม่มีข้อห้ามอันใด สหายหานแค่รออยู่ด้านข้างสักประเดี๋ยวก็ได้แล้ว” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านครุ่นคิดแล้วเอ่ยอย่างไม่ต้องขบคิด
“หากเป็นเช่นนั้นข้าน้อยก็จะรอให้เซียนหลันพบแขกแล้วค่อยคุยกันก็แล้วกัน” หานลี่พยักหน้าและเอ่ยอย่างไม่บังคับ
หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านพยักหน้า แล้วไม่เอ่ยอันใดอีก
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ตรงบันไดก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น คนยังไม่ปรากฏตัว เสียงไพเราะเสนาะหูราวกับเสียงเพรียกของวิหคก็ดังมาก่อน
“อิ่งเอ๋อร์ ครั้งนี้เจ้าต้องชดใช้ให้ข้านะ ข้าจ่ายไปตั้งมากมายเหตุใดการทำนายครั้งที่แล้วถึงไม่เป็นจริงเลย วันนี้น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่เจ้าพูดถึงแล้ว แต่คนที่ข้าอยากพบยังไม่เคยได้พบแม้แต่เงา เจ้าไม่ได้จงใจหลอกพี่หญิงอยู่สินะ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็ทุบป้ายตัวเองแล้ว สมุนไพรที่ข้าให้ต้องชดใช้เพิ่มให้เท่าหนึ่ง”
สิ้นเสียงเงาร่างคนพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ปรากฏขึ้นที่บันไดชั้นสี่ เป็นหญิงสาววัยดรุณีเรือนร่างผอมเพรียวมีหมอกสีดำปกคลุมใบหน้าคนหนึ่ง
มองผ่านหมอกสีดำมองเห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงได้รางๆ ดวงตาคู่งามเปล่งประกายราวกับดวงดารา ทำให้ผู้คนที่ประสานสายตาด้วยมีความรู้สึกมึนเมา
หญิงสาวผู้นี้กำลังส่งเสียงหัวเราะ “คิกๆ” เบาๆ ออกมา คำพูดเมื่อครู่ก็เผยแววหยอกเย้าอยู่หลายส่วน
หานลี่ที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นเงาร่างของหญิงสาวที่มีหมอกสีดำปกคลุมใบหน้า คาดไม่ถึงว่าจะตัวแข็งค้างราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่ครู่ต่อมาใบหน้ากลับเปลี่ยนเป็นลังเล
หญิงสาวสวมกระโปรงสีม่วงเข้ามาก็กวาดสายตาไปรอบด้าน แน่นอนว่าย่อมมองเห็นหานลี่ ดวงตาคู่งามตะลึงงันไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะฉายแววตาตกตะลึงระคนฉงนออกมา
“น้องหญิงหลัน ผู้นี้คือ…” หญิงสาวสวมชุดสีม่วงเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจเล็กน้อย
“พี่หญิงม่วง ผู้นี้คือ ‘สหายหาน’ แขกผู้สูงศักดิ์ของเรือนข้า พลังยุทธ์ไม่ด้อยไปกว่า ‘น้าจู’ พี่หญิงเคยพบหรือ?” หญิงสาวสวมชุดผ้าป่านเห็นหานลี่และหญิงสาวมีท่าทีแปลกประหลาด ก็นึกอันใดได้ ใบหน้าพลันเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา
“อันใด เขาแซ่หาน?” หญิงสาวสวมชุดสีม่วงตัวสั่นเทา แววตาคู่งามจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหานลี่อย่างไม่พะว้าพะวังใดๆ อีก
เมื่อเห็นหญิงสาวสวมชุดสีม่วงมีสีหน้าเช่นนี้ ความฉงนในใจของหานลี่ก็หายวับไป หลังจากที่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็สูดลมหายใจลึกๆ เข้าไปเฮือกหนึ่ง สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเขียวม้วนไปที่เรือนร่าง
ในร่างส่งเสียง “กร๊อบ” ดังขึ้น!
ร่างกายของเขาหดเล็กลง ในเวลาเดียวกันใบหน้าก็รางเลือน และฟื้นฟูกลับมาเป็นใบหน้าเดิม กลายเป็นชายหนุ่มท่าทางอายุยี่สิบกว่าปีอีกครั้ง
“วิญญาณม่วง ไม่ได้พบกันเสียนาน เจ้าสบายดีหรือ?” หานลี่จ้องเขม็งไปยังหญิงสาวสวมชุดสีม่วง พลางเอ่ยถามอย่างแช่มช้าด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งอย่างน่าประหลาด