A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2127 ปะทะอสูร

ในยามนี้อสูรยักษ์ด้านล่างกลับทนไม่ไหว ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมา ฉับพลันนั้นสองแขนก็ตบไปกลางอากาศพร้อมกัน

มือยักษ์รางเลือนไปจากกลางอากาศ เสียงเพรียกแสบแก้วหูดังขึ้น ระลอกคลื่นสีขาวพุ่งม้วนไปทางหานลี่

หานลี่ขมวดคิ้วเล็กๆ ร่างกายหลบหลีกไปก้าวหนึ่งจากกลางอากาศ ฝ่ามือข้างหนึ่งกลับพลิกฝ่ามือ รัศมีลำแสงสีเทาเปล่งแสงสว่างวาบ ยอดเขาสีดำลูกหนึ่งขวางอยู่เบื้องหน้า

ยอดเขานี้เป็นสีดำสนิท สูงประมาณสองสามจั้ง นั่นก็คือภูเขาดูดปราณ!

เห็นเพียงระลอกคลื่นสีขาวโจมตีไปบนนั้นราวกับพายุคลื่น ระเบิดเสียงกรีดร้องออกมา แต่ยอดเขาสีดำกลับมั่นคงดุจภูเขาไท่ซาน

ในเวลาเดียวกันอสูรมิคาทนแขนทั้งสี่ขาและลำตัวพลันรางเลือนกลายเป็นเงาลวงตาที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วสิบกว่าสาย กระโจนลงไปหาอสูรผลึกลำแสงด้านล่าง

พริบตานั้นเงาลวงตาสิบกว่าสายพลันปรากฏขึ้นรอบด้านอสูร กรงเล็บยื่นออกไป เงากรงเล็บพุ่งออกมาจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันสับลงมาที่ร่างมหึมาของอสูรยักษ์

ลำแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากร่างอสูรยักษ์ เศษศิลาหลากสีสันส่งเสียงอึกทึกแล้วร่วงลงมา คาดไม่ถึงว่าอสูรดูดลำแสงจะปลอดภัย

อสูรตัวนี้กลับโกรธเกรี้ยว ดวงตาสิบกว่าดวงจ้องเขม็งไปที่เงาลวงตาอสูรมิคาทนที่อยู่ใกล้เคียงพร้อมกัน

ดวงตาเปล่งแสงห้าสีสว่างวาบ เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น!

พ่นเสาลำแสงห้าสีสิบกว่าสายออกมา หลังจากกะพริบวาบ เงาอสูรสีทองก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ข้างใน

ฉากที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้น!

ทุกแห่งที่เสาลำแสงห้าสีกวาดผ่านไป อสูรมิคาทนกลายเป็นเงาลวงตาทยอยกันสั่นเทาแล้วถูกตรึงเอาไว้กลางอากาศ แม้กระทั่งเปลือกตาก็ไม่อาจขยับได้

ครู่ต่อมาใบหน้าของอสูรยักษ์ก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา เสาลำแสงห้าสีที่พ่นออกมาจากดวงตาแค่หมุนคว้างรอบหนึ่ง เงาลวงตาอสูรมิคาทนที่ถูกห่อหุ้มไว้ราวกับถูกสับออกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน ชั่วพริบตาก็ถูกสับเป็นชิ้นๆ

ทว่าแม้ว่าเงาลวงตาทั้งหมดจะสลายหายไป กลางอากาศก็ยังคงไม่มีโลหิตสดๆ เลยสักหยด

เห็นได้ชัดว่าเงาลวงตาเหล่านี้กลับไม่ใช่ร่างเที่ยงแท้ของอสูรมิคาทนเลย!

เห็นได้ชัดว่าอสูรดูดลำแสงเองก็สัมผัสได้ถึงจุดนี้ ความโกรธในใจมิได้ลดลง ดวงตากลับพ่นเสาลำแสงห้าสีเจิดจ้ายิ่งกว่าเดิม หนาขึ้นเท่าหนึ่งและกวาดไปทั่วบริเวณ

หลังจากที่เสาลำแสงห้าสีสายหนึ่งหยุดชะงัก บรรยากาศรอบๆ ก็มีระลอกคลื่นก่อตัวขึ้น เงาอสูรสีทองสายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างโซซัดโซเซ

นั่นก็คือร่างเที่ยงแท้ของอสูรมิคาทน!

อสูรยักษ์พลันรู้สึกยินดี สะบัดหัวอย่างไม่ต้องครุ่นคิด ชั่วขณะนั้นดวงตาทั้งสิบพลันมองไปทางอสูรมิคาทนเขม็ง

เสาลำแสงห้าสีสิบกว่าสายผนึกรวมตัวกัน คาดไม่ถึงว่าจะหลอมรวมเป็นร่างเดียวกลายเป็นเสาลำแสงหนาๆ ต้นหนึ่งม้วนไปทางอสูรน้อย

อสูรมิคาทนพลันตกตะลึง ร่างกายพลิ้วไหว หมายจะกลายร่างอีกครั้ง

แต่เสาลำแสงห้าสียังไม่ทันร่อนลงมา เงาลวงตารอบด้านก็รัดแน่น ชั่วครู่ก็แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า จากอิทธิฤทธิ์ของมันคาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจหลบหลีกหนีไปได้

อสูรน้อยมองเสาลำแสงหนาๆ จะมาถึงเกราะป้องกันของตนถึงได้เกิดความหวาดกลัว ปากก็รีบร้องขอความช่วยเหลือทันที

“หึ ยามนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ อิทธิฤทธิ์ของอสูรดูดลำแสงตัวนี้ แม้แต่ข้าหากไม่ทันระวังก็ต้องเสียเปรียบ จากพลังยุทธ์ของเจ้าย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”

ในยามสำคัญเสียงของหานลี่พลันดังขึ้นจากที่สูง!

สิ้นเสียงฉับพลันนั้นกระบี่ลำแสงสีทองยาวร้อยจั้งเศษสายหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศมาก ชั่วครู่ก็ผ่าเสาลำแสงสีทองออกจากตรงกลาง

อสูรมิคาทนแค่รู้สึกว่ารอบด้านผ่อนคลายลง ชั่วพริบตาก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นอิสระ

มันร้องดีใจทันใด ร่างกายรางเลือน กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งพุ่งไปหาหานลี่

แค่กะพริบวาบ เงาอสูรสีทองก็ปรากฏขึ้นข้างกายหานลี่อีกครั้ง ท่าทางท้อแท้

หานลี่ใช้มือหนึ่งถือกระบี่ยักษ์สีทองยาวสองสามจั้งเอาไว้ อีกมือหนึ่งกุมก้อนหินสีเขียวก้อนนั้นเอาไว้ เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของอสูรมิคาทน กลับหัวเราะน้อยๆ ออกมา ยังไม่รอให้เขาคิดจะพูดอันใดอีก อสูรดูดลำแสงด้านล่างกลับเต้นเร่าๆ เพราะการลงมือเมื่อครู่ของหานลี่

ร่างอสูรสั่นเทา ไม่เพียงดวงตาสิบกว่าดวงเหนือศีรษะจะปล่อยเสาลำแสงห้าสีสิบกว่าสายออกมาอีกครั้ง ก้อนหินบนร่างกายอันใหญ่โตยังสั่นเทากลายเป็นฝนศิลาราวกับฝนดาวตก ทุบลงมาที่หานลี่

แม้ว่าจะนำแผ่นหินเหล่านี้มาเทียบกับอสูรดูดลำแสงก็ไม่คุ้มค่า! แต่ต่อให้เล็ก ขนาดก็มีขนาดเท่าคนทั่วไป ใหญ่หน่อยก็ขนาดเท่าบ้าน กลิ้งลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน ท่าทางน่าตกตะลึงยิ่ง

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด แค่สะบัดมือข้างหนึ่งไป กระบี่ยักษ์สีทองสลายหายไป จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้ชี้ไปที่ยอดเขาสีดำตรงหน้าอย่างไม่รีบร้อน

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น!

ผิวของยอดเขาสีดำมีอักขระยันต์สีเงินสองสามตัวเปล่งแสงสว่างวาบ ขนาดขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า กลายเป็นยอดเขาสูงร้อยจั้งสองสามลูก ต้านทานอยู่หน้าหานลี่และอสูรมิคาทน และคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา

ไม่ว่าเสาลำแสงห้าสีหรือว่าก้อนหินยักษ์ เมื่อปะทะกับยอดเขาสีดำ ก็ถูกรัศมีลำแสงสีเทาม้วนวนเข้าไป ล้วนถูกต้านทานเอาไว้ด้วยเสียงอึกทึก

ไม่ใช่แค่นี้หานลี่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง แล้วอ้าปากออก พ่นไอบริสุทธิ์สีเขียวออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในยอดเขาสีดำ

ครู่ต่อมายอดเขาทั้งลูกก็ส่งเสียงอึกทึกดังขึ้น รัศมีลำแสงสีเทาทะลักออกมาราวกับคลื่นน้ำ แล้วรวมตัวกันกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวงแหวนเมฆายักษ์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางสองสามลี้ มีลำแสงสว่างวาบ รวมตัวกันจนหนาแน่น ราวกับของจริงก็ไม่ปานพลางร่อนลงมาด้านล่าง

วงแหวนเมฆาดูเหมือนจะร่อนลงมาอย่างเงียบเชียบ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับน่าหวาดกลัวยิ่ง ชั่วพริบตาที่ร่อนลงมาบรรยากาศรอบด้านก็ถูกม้วนไปรอบด้านอย่างน่าตกตะลึง

กลางอากาศในรัศมีสิบลี้ได้รับผลกระทบทำให้ท้องฟ้ามืดมัว

แม้ว่าภูเขาดูดปราณจะเป็นภูเขาลูกเก่าแต่เมื่อพลังปราณของหานลี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกระตุ้นมันเต็มอัตราในยามนี้อานุภาพก็เปลี่ยนไป ไม่เหมือนยามที่เพิ่งบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย

อสูรลำแสงด้านล่างรีบใช้ดวงตาเหนือศีรษะและผลึกศิลาบนร่างโจมตีราวกับห่าฝน หลังจากที่เห็นว่าไม่อาจต้านทานวงแหวนเมฆายักษ์ได้ ในที่สุดดวงตาก็ฉายแววหวาดกลัว

ดูเหมือนว่ามันจะรู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว ปากก็ร้องคำรามออกมา แขนขาทั้งสี่โค้งงอ ร่างอันใหญ่โตหมอบลงบนพื้น

จากนั้นผิวของอสูรยักษ์ก็มีรัศมีลำแสงห้าสีหมุนวน ร่างกายเปลี่ยนเป็นโปร่งแสง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นผลึกศิลาโปร่งใสขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง!

ใจกลางของผลึกศิลามีลำแสงสีเขียวขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง

ท่ามกลางลำแสงนี้มีก้อนศิลาสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบรางๆ คล้ายคลึงกับที่หานลี่กุมเอาไว้ในมือ ทว่าไม่เพียงขนาดจะใหญ่ขึ้นหลายเท่า สีก็ยังอ่อนกว่าเป็นอย่างมาก

“หากจะสู้สุดชีวิต! ข้าก็อยากเห็นจริงๆ ว่าลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้และลำแสงเทวะดูดปราณ ลำแสงใดจะร้ายกาจกว่ากัน” หานลี่มองเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันแววตาเปล่งประกาย เอ่ยพึมพำด้วยความดีใจ

จากนั้นเขาก็เคลื่อนจิตสัมผัสไปกระตุ้นภูเขาลูกนั้น รัศมีลำแสงของยอดเขาสีดำเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง วงแหวนเมฆาสีเทาเปล่งเสียงร้องพร้อมกันแล้วขยายใหญ่ขึ้น ขนาดเล็กขึ้นกว่าครึ่ง แทบจะปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้

ยามที่เห็นวงแหวนเมฆายักษ์กดลงมาที่ร่างของอสูรดูดลำแสง ในที่สุดอสูรยักษ์ก็เตรียมอิทธิฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว ร่างกายหดเล็กลง ก้อนหินสีเขียวในร่างเปล่งแสงสว่างวาบ ลำแสงห้าสีเจิดจ้าระเบิดออกมา

ร่างที่โปร่งใสของอสูรยักษ์ ลำแสงเจิดจ้าเหล่านี้ขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า จากนั้นก็หมุนวนรวมตัวกันด้านอก คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นจานทรงกลมสวยงามขนาดไม่ด้อยไปกว่าวงแหวนเมฆา ส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงแล้วรองอยู่ด้านล่าง

วงแหวนเมฆาสีเทา จานทรงกลมสวยงาม อันหนึ่งไร้สุ้มเสียง อันหนึ่งมีเสียงแหลมเสียดแก้วหู!

ครู่ต่อมาเสียงปริแตกดังสนั่นก็ดังขึ้น!

วงแหวนเมฆาจานทรงกลมสองสิ่งก็ปะทะกันกลางอากาศ ระลอกคลื่นกระจายตัวออก ชั่วพริบตาก็กลายเป็นพายุหมุนสีขาวพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกันรัศมีลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปจากทั่วท้องฟ้า

ยามนั้นเสียง “ครืนๆ” พลันดังขึ้นทั่วท้องฟ้า

แต่วงแหวนเมฆาและจานทรงกลมพลันสั่นเทา คาดไม่ถึงว่าเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปจากกลางอากาศ

หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันใจหายวาบ

อสูรดูดลำแสงด้านล่างมีพลังยุทธ์แค่ระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง แต่ควบคุมลำแสงหยินหยางเบญจธาตุเที่ยงแท้ให้ทำการโจมตี คาดไม่ถึงว่าจะไม่ด้อยไปกว่าตนที่กระตุ้นลำแสงเทวะดูดปราณเต็มกำลังเข้าต้านทาน นั่นไม่ได้หมายความว่าแม้ว่าไม่ต้องคิดว่าลำแสงเบญจธาตุเที่ยงแท้จะแทรกเข้าไปในทุกสรรพสิ่งได้หรือไม่ แค่นำมาเป็นเครื่องมือโจมตีธรรมดาๆ อานุภาพก็เหนือกว่าลำแสงเทวะดูดปราณเท่าหนึ่งแล้ว

มิน่าล่ะยามที่เอ่ยถึงวิธีหลอมภูเขาผสานปราณ ยอดเขาหยินหยางเบญธาตุถึงเป็นยอดเขาที่หลอมยากที่สุด

หานลี่ขบคิดในใจคนเดียว แต่ในใจกลับยิ่งร้อนแผดเผา มือหนึ่งร่ายอาคมโดยไม่ปริปาก!

ผิวของเขามีลำแสงสีทองแผ่ออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทองความสูงร้อยจั้งเศษ และยิ่งไปกว่านั้นมือหนึ่งยังตะปบออกไปกลางอากาศ

ยอดเขาสีดำตรงหน้ารางเลือนแล้วหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว มีขนาดแค่สิบจั้งเศษ และส่งเสียง “สวบ” บินเข้าไปในมือที่มีขนปุกปุยของวานรยักษ์

อสูรยักษ์ร้องคำรามเสียงดังสนั่น แผ่นหลังมีเทวรูปมารยักษ์สามเศียรหกกรเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น

เทวรูปมารสามเศียรมีสีหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนกันทุกระเบียบนิ้ว แต่ไอสีดำที่หมุนวนอยู่พลันแข็งตัว คาดไม่ถึงว่าหว่างคิ้วจะมีเนตรปีศาจสีดำสนิทปรากฏขึ้น และลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันก็จ้องเขม็งไปยังอสูรยักษ์ผลึกลำแสงด้านล่าง

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้นสามครั้ง เส้นไหมสีดำบางๆ สามสายก็พุ่งออกมาจากเนตรปีศาจพร้อมกัน แค่สั่นเทาเล็กน้อย ก็กลายเป็นเสาลำแสงสีดำหนาๆ ขนาดเท่าแขน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

แทบจะในเวลาเดียวกันแขนของวานรยักษ์ที่กุมภูเขายักษ์เอาไว้พลันกวัดแกว่ง แล้วเขวี้ยงไปด้านล่างอย่างแรง

เสียงระเบิดดังขึ้น!

ยอดเขาดูดปราณสั่นเทาแล้วหายวับไปจากหว่างนิ้วของวานรยักษ์

ครู่ต่อมากลางอากาศเหนืออสูรดูดลำแสงไม่ถึงสองสามจั้งพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เสาลำแสงสีดำสามสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมาพร้อมกัน อีกแห่งที่อยู่ใกล้แค่คืบ ยอดเขาสีดำกลายเป็นลำแสงสีดำกลุ่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศไป

อสูรดูดลำแสงพลันตะลึงงัน ร่างกายหดเล็กลงอีกครั้งอย่างไม่ต้องขบคิด หินสีเขียวก้อนนั้นเปล่งแสงเจิดจ้า ปล่อยลำแสงที่เปลี่ยนเป็นแสงเจิดจ้าจนแสบตาออกมา

หลังจากที่ร่างของอสูรตัวนี้โปร่งแสงมากขึ้น มองจากไกลๆ ยามนั้นราวกับดวงอาทิตย์ห้าสีกำลังขึ้นจากในร่างของมันก็ไม่ปาน!

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset