หานลี่ได้ฟังคำนี้สายตาก็กวาดไปทางจูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง สีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส
“ท่านอาวุโส ข้าไม่รู้ว่าถูกตรวจสอบตอนไหน ช่วงนั้นชนรุ่นหลังเอาแต่หลับใหลไม่ได้สติ” จูกั่วเอ๋อร์รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แล้วรีบร้อนอธิบาย
“จากอิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่าย เจ้าไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ข้าเองก็ไม่โทษเจ้า ไม่ต้องกังวล” หานลี่สั่นศีรษะ กลับปลุกปลอบหญิงสาวสองประโยค แต่จากนั้นก็มีน้ำเสียงเคร่งขรึม แล้วเอ่ยถามเป่าฮวาอย่างเย็นชา
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องสวรรค์วิญญาณที่เจ้าพูดถึงเป็นความจริง หากเจ้าเอาหลักฐานที่ทำให้ข้าเชื่อออกมาไม่ได้ อยากให้ข้าช่วยเจ้าออกจากกองไฟในครั้งนี้คงเป็นเรื่องเพ้อฝัน ข้ายอมหาวิธีในภายภาคหน้า ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายเพราะคำพูดไม่กี่คำของเจ้าแน่”
เอ่ยจบหานลี่ก็กวาดตาไปทางบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูและหญิงสาววัยดรุณีอย่างราบเรียบแวบหนึ่ง
ยามนี้หญิงสาวทั้งสองเห็นเป่าฮวาเอ่ยรั้งหานลี่ไว้ และทำการแลกเปลี่ยนกัน ก็มีสีหน้าปั้นยาก
ทว่าทั้งสองเองก็ไม่ใช่เผ่ามารธรรมดาๆ รู้ว่าหานลี่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะช่วยเป่าฮวาจริงๆ ดังนั้นจึงไม่ได้บุ่มบ่ามทำอันใด แค่มองพวกเขาคุยกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ในเมื่อข้ากล่าวเช่นนี้ ย่อมมีหลักฐาน ยามนี้ข้าจะให้เจ้าดูของสิ่งหนึ่ง จริงหรือเท็จเจ้าก็ตัดสินเองเถิด” เป่าฮวากลอกตาคู่งามไปมา ริมฝีปากขยับเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะถ่ายทอดเสียงมา
หานลี่พลันตะลึงงัน จากนั้นเบื้องหน้าพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น รัศมีลำแสงสีชมพูปรากฏออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปมาที่ใบหน้าของเขา
กวาดจิตสัมผัสไปในนั้น รู้สึกเพียงว่ามีจิตสัมผัสธรรมดาๆ สายหนึ่งห่อหุ้มของสิ่งหนึ่งเอาไว้ หานลี่ขยับฝ่ามือคว้าลำแสงนั้นมาจากนั้นก็ถูมือเข้าด้วยกันแล้วจ้องเขม็งมอง
“นี่คือ……”
ในมือมีกระบองสั้นสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกปรากฏออกมา ผิวกลับมีลายสีทองชั้นหนึ่งปรากฏขึ้นรางๆ
หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว แต่กลับว่าตนเองไม่มีความทรงจำมาก่อน คาดไม่ถึงว่าจะเป็นของที่ไม่เคยเห็น
“อ่า นี่คือพฤกษาดาราทมิฬหรือ?” จูกั่วเอ๋อร์เห็นของสิ่งนี้กลับร้องอุทานเสียงหลงออกมา
“เจ้ารู้จักของสิ่งนี้?” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลงแล้วเอ่ยถามอย่างราบเรียบ
“ท่านอาวุโสพฤกษาดาราทมิฬนี้คือพฤกษาวิญญาณที่มีแค่ที่สวรรค์ทมิฬของพวกเรา ร้อยปีจะโตขึ้นครึ่งฉื่อ พันปีจะผลิใบ หมื่นปีถึงจะออกดอก เป็นวัตถุดิบที่หายากที่สุดในการหลอมสมบัติเหาะเหิน เลื่องชื่อว่าเป็นพฤกษาเทวะในสวรรค์วิญญาณของพวกเรา ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็นแค่ท่อนเล็กๆ ขนาดเท่าเมล็ดถั่ว พฤกษาดาราทมิฬใหญ่ขนาดนี้ เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก” จูกั่วเอ๋อร์เบิกตาทั้งสองข้าง จ้องเขม็งไปที่กระบองสั้นๆ ในมือของหานลี่ ด้วยท่าทีตื่นตะลึง
“มีแค่ที่นั่น? เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าที่อื่นไม่มีพฤกษาวิญญาณนี้? หรือเจ้าดูผิด เป็นวัตถุดิบอื่นที่มีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายคลึงกัน?” หานลี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามอย่างฉงน
“จากคำพูดของท่านอาวุโสเผ่ามนุษย์ที่สวรรค์วิญญาณของพวกเรา พฤกษาดาราทมิฬไม่ได้ได้รับการถ่ายทอดมาจากแดนนอก แต่เกิดจากการผสมพฤกษาวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนถึงได้เกิดการกลายพันธุ์เป็นพฤกษาวิญญาณต้นนี้ โลกภายนอกไม่มีทางที่เหมือนกันแน่ และเพื่อการแย่งชิงพฤกษานี้ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เผ่ามนุษย์และเผ่าต่างๆ ในสวรรค์วิญญาณเกิดสงครามกันบ่อยครั้ง ดังนั้นชนรุ่นหลังจึงไม่มีทางจำพฤกษาดาราทมิฬผิด” จูกั่วเอ๋อร์ตอบกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” หานลี่ใช้นิ้วลูบไปที่พฤกษาวิญญาณในมือ แววตาเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา แต่ใบหน้าก็อดที่จะไตร่ตรองไม่ได้
“สหายหานหากเจ้าจะไป ทางเดินนี้มันอยู่ได้ไม่นานนัก” ในยามนี้ในที่สุดหญิงสาวก็เอ่ยปากขึ้น
แววตาฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าฉายจิตสังหารออกมาแล้วตะโกนด้วยเสียงเหี้ยมเกรียม
“หากไม่อยากไป ก็ไม่ต้องไปตลอดกาล”
แทบจะในเวลาเดียวกันธงยักษ์สีเขียวด้านหน้าของฮูหยินพลันส่งเสียงอึกทึกออกมา ทางเดินเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะพังทลายได้ตลอดเวลาก็ไม่ปาน
“ไป”
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นรูม่านตาก็หดเล็กลง พ่นคำพูดออกมาอย่างไม่ต้องขบคิด
ครู่ต่อมารถเหาะใต้ฝ่าเท้าก็ส่งเสียงร้องกลายเป็นลูกบอลลำแสงดวงหนึ่งพุ่งออกไป แค่กะพริบวาบไปตามทางเดินสองสามคราก็หนีเข้าไปในรูปลายทาง และสุดท้ายก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเห็นทุกอย่างฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าและหญิงสาววัยดรุณีก็มีสีหน้าดีใจ ส่วนแววตาคู่งามของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์เป่าฮวาก็เปล่งประกาย ใบหน้าไร้ความรู้สึก
ยามนี้ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าชี้นิ้วไปเบื้องหน้าอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นผิวของธงยักษ์พลันมีประจุไฟฟ้าสีเขียวปรากฏขึ้น ทางเดินและรูกลางอากาศส่งเสียงอึกทึก แล้วพังทลายออกเป็นเสี่ยงๆ
แดนอัสนีฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิมอีกครั้ง
หญิงสาววัยดรุณีเห็นทุกอย่างนี้ถึงได้เอ่ยกับเป่าฮวาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา
“พี่หญิงเป่าฮวา ดูแล้วเจ้าคงซื้อใจเผ่ามนุษย์ผู้นั้นไม่ได้ นั่นมันก็ใช่เปลี่ยนเป็นข้ากว่าครึ่งคงไม่ยอมเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ เอาล่ะ ยามนี้พี่หญิงคงไม่อาจประคับประคองพลังปราณต่อไปได้อีก จากนี้ให้เราสองคนส่งเจ้าไปเถิด”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก มือเรียวข้างหนึ่งตบไปที่พระพุทธรูปสีเงินอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
ชั่วขณะนั้นลำแสงสีเงินนับหมื่นสายพลันแผ่ออกมาจากพระพุทธรูป จากนั้นกลางอากาศพลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาลวงตาสีเงินความสูงสิบจั้งปรากฏขึ้น หลังจากรวมตัวกันก็กลายเป็นพระพุทธรูปสีเงินขนาดยักษ์ราวกับของจริง
อีกด้านบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูพลันอ้าปากออก พ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายเข้าไปในธงอีกห้าด้ามที่เหลือ
ครู่ต่อมาธงห้าด้ามก็ส่งเสียงอึกทึก กลายเป็นธงยักษ์สูงสิบจั้งเศษ หลังจากหมุนวนรอบธงด้ามเก่ารอบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอสรพิษอัสนีสีเขียวหนาเท่าถังน้ำหกตัวท่ามกลางสายฟ้าเจิดจ้า แยกเขี้ยวตะปบเล็กกระโจนไปหาเป่าฮวาที่อยู่ท่ามกลางรัศมีลำแสงสีเหลือง
ท่ามกลางรัศมีลำแสงสีเหลืองจระเข้ดำตัวนั้นที่กลายเป็นจระเข้ยักษ์ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว หมอกมารที่พ่นออกมากลายเป็นหนวดสีดำสิบกว่าสายรางเลือน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นงูเหลือมยักษ์สีดำสิบกว่าตัวพุ่งไปหาอสรพิษอัสนีสีเขียวหกตัว
เสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
ลำแสงสีเขียวหมอกสีดำพันรัดแล้วระเบิดออก คาดไม่ถึงว่างูเหลือมสีดำสิบกว่าตัวแค่ปะหน้าก็ถูกฉีกทึ้งออกเป็นชิ้นๆ
จระเข้ยักษ์ร้องครวญคราง หยุดพ่นหมอกมาร ร่างกายบิดเบี้ยวไปมาท่ามกลางรัศมีลำแสงสีเหลือง
เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันเมื่อครู่มันเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ส่วนอสรพิษอัสนีหกตัวก็ไม่อาจต้านทานได้อีก เปล่งแสงสว่างวาบ ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นด้านหน้ารัศมีลำแสงสีเหลือง และกระโจนเข้าไปพร้อมกัน
แต่ในยามนั้นเองเป่าฮวาพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม กระบองสั้นในมือสั่นเทา
เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังขึ้น ชั่วขณะนั้นวงแหวนลำแสงสีเหลืองพลันทะลักออกมาจากกระบอง
อสรพิษอัสนีสีเขียวที่กระโจนเข้ามาถูกรัศมีลำแสงสีเหลืองขวางเอาไว้ คาดไม่ถึงว่าจะเชื่องช้าลงเป็นร้อยพันเท่าอย่างไม่รู้ตัว อย่างนั้นแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
หญิงสาววัยดรุณีเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา สองมือพลันร่ายอาคม!
เงาลวงตาพระพุทธรูปสีเงินเบื้องหน้าของเขาพลันส่งเสียงร้อง ฝ่ามือสีเงินข้างหนึ่งแค่ยื่นออกมา ก็ร่นระยะทางสองสามร้อยจั้งไปได้เพราะเหตุใดก็สุดจะรู้ได้ ปรากฏขึ้นเหนือรัศมีลำแสงสีเหลืองและเมื่อลำแสงสีเงินขยายใหญ่ขึ้น ก็กดลงมาที่ภูเขาขนาดย่อมด้านล่าง
เงาลวงตาฝ่ามือสีเงินยักษ์ยังไม่ทันได้ร่อนลงมา พลังที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวก็หมุนวนลงมาก่อน หลังจากที่ลำแสงสีเหลืองพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะถูกกดจนเปลี่ยนรูปเป็นทรงกลม
เป่าฮวาที่อยู่ท่ามกลางรัศมีลำแสง ดวงตาคู่งามเปล่งประกาย มือเรียวข้างหนึ่งเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า ตะปบกระบองสั้นเข้ามาอยู่ในมือ และสะบัดข้อมือโจมตีไปกลางอากาศ
การโจมตีนี้ดูเหมือนจะแผ่วเบาไม่น่าสะพรึงกลัว แต่กระบองสั้นแค่กะพริบวาบ ก็โจมตีไปที่ใจกลางของเงาลวงตาฝ่ามือสีเงิน
พลันมีเสียงอึกทึก จากนั้นลูกบอลลำแสงเจิดจ้าลูกหนึ่งก็ระเบิดออกด้านล่างฝ่ามือยักษ์ พายุหมุนสีเหลืองแผ่ออกมารอบด้านราวกับระลอกคลื่น กวาดเงาลวงตาฝ่ามือยักษ์และอสรพิษอัสนีสีเขียวและลูกบอลอันสีอื่นๆ ในบริเวณรอบไปแล้วฉีกเป็นเสี่ยงๆ และใช้พลังดุดันคลี่ตัวไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านต่อ
“แย่แล้ว คาดไม่ถึงว่านางจะระเบิดกระบองสะเทือนปราณ!”
“ยามนี้น่าคิดจะสู้สุดชีวิตแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะแม้แต่สมบัติวิเศษที่หลอมมาหลายปีก็ไม่ต้องการแล้ว!”
บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูและหญิงสาววัยดรุณีเห็นสถานการณ์เช่นนี้พลันตกตะลึง ร่างกายถอยร่นไปไม่หยุดเปล่งแสงสว่างวาบแล้วแยกกันซ่อนตัวเข้าไปทะเลหมอกด้านหลัง
ทว่าแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ทั้งสองกลับไม่ได้มีท่าทางลนลานมากนัก
สำหรับพวกนางแล้วแม้ว่าเป่าฮวาจะระเบิดสมบัติก็ไม่อาจหนีออกจากเขตอาคมอัสนีหกตัดมรกตได้ ถึงอย่างไรเสียเป็นเพราะระเบิดสมบัติตัวเองทำให้พลังปราณสุดท้ายหมดไป
เช่นนี้รอทั้งสองคนลงมืออีกครั้ง ก็สามารถจับศัตรูผู้นี้ได้โดยไม่ต้องเสียแรงมาก
แต่ในยามที่หญิงสาวทั้งสองตัดสินใจจะรอให้การระเบิดตัวเองหายไปจนหมด ฉับพลันนั้นกลางอากาศพลันสั่นสะเทือนราวกับฟ้าถล่มดินทลาย จากนั้นทะเลหมอกก็สั่นเทา กลิ่นอายน่าหวาดกลัวม้วนลงมาจากด้านบน
แม้ว่าจากอิทธิฤทธิ์ของฮูหยินสวมชุดคลุมสีฟ้าและหญิงสาววัยดรุณีเมื่อสัมผัสกลับกลิ่นอายน่าหวาดกลัว ก็อดที่จะหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ ต่างกลายเป็นสายรุ้งพุ่งไปไกลอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
กลางอากาศเหนือแดนทะเลอัสนีมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ดวงอาทิตย์สีทองปรากฏขึ้นกลางอากาศที่ถูกแหวกออก หลังจากกะพริบวาบก็กลายเป็นเสาลำแสงหนาๆ สองสายพุ่งลงมา
เห็นเพียงลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นที่เดิมของฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าและหญิงสาววัยดรุณีถูกเสาลำแสงสีทองทะลวงผ่าน และหลังจากที่ลำแสงสีทองหม่นแสงลงอีกครั้ง รูสีขาวสองรูก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
เป่าฮวาที่อยู่ในรัศมีลำแสงเห็นเช่นนั้นมุมปากพลันเผยรอยยิ้มออกมา รวบรวมพลังปราณที่เหลืออยู่ในร่าง สะบัดแขนเสื้อ ชั่วขณะนั้นรัศมีลำแสงสีชมพูพลันลอยออกมา ม้วนเอาจระเข้ยักษ์สีดำไปจนสลายหายไป
ในเวลาเดียวแผ่นหลังของนางพลันมีเงาลวงตาของพฤกษาสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ร่างทั้งร่างหายวับไปท่ามกลางรัศมีลำแสงสีชมพูอย่างไร้ร่องรอย
กลางอากาศด้านนอกเขตอาคมระดับสุดยอด หานลี่กำลังยืนอยู่บนรถเหาะด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ด้านข้างห่างออกไปสิบจั้งเศษ ปูยักษ์สีทองขนาดร้อยจั้งเศษกำลังลอยอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางโหดเหี้ยม และยิ่งไปกว่านั้นปากใหญ่ๆ ที่น่ากลัวก็กำลังหุบเข้าหากันอย่างช้าๆ เห็นลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบอยู่ในนั้นรางๆ
การโจมตีที่น่ากลัวเมื่อครู่ เป็นผลมาจากนักพรตเซี่ยที่เผยร่างเดิมออกมาตามคำขอของหานลี่และโจมตีเต็มกำลัง!