จูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างอ้าปากเล็กๆ ออก ตะลึงค้างจนหลับตาไม่ได้
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้คิดไม่ถึงเลยว่าหานลี่จะออกจากเขตอาคมไปพลาง ให้ปูยักษ์สีเหลืองทองทำการโจมตีที่น่าตกตะลึงไปพลาง
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้น กลับหัวเราะเบาๆ ออกมาแล้วเอ่ยกับปูยักษ์สีเหลืองทอง
“ขอบพระคุณพี่เซี่ยที่ลงมือ มิเช่นนั้นหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่มองไม่เห็นจุดที่อ่อนแอที่สุดของเขตอาคมอัสนีหกตัดมรกต คงไม่อาจโจมตีอย่างมีประสิทธิภาพเช่นนี้ได้”
“หากเป็นเขตอาคมอัสนีหกตัดมรกตที่ไม่สมบูรณ์หรือตัวข้าอยู่ในเขตอาคม ก็คงทำเรื่องนี้ไม่ได้ ยามนี้กลับทำได้อย่างง่ายดาย ทว่าหลังจากลงมือครั้งนี้ อย่าลืมถวายของเหลววิญญาณให้ข้าล่ะ” ปูยักษ์สีเหลืองทองส่งเสียงอู้อี้ออกมา ท่าทางไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“พี่เซี่ยวางใจ ไม่ว่าจะลงมือกี่ครั้ง ข้าย่อมต้องชดเชยให้สหายไม่ขาดไปแม้แต่หยดเดียวแน่” หานลี่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ไม่ว่าจากนี้เจ้าจะถวายของเหลววิญญาณได้เท่าไหร่ หลังจากเจ้าใช้ที่สะสมไปก่อนหน้าหมดแล้ว ข้าก็จะหยุดทันที” ปูยักษ์สีเหลืองทองเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ
“เอาล่ะ ในเมื่อสหายไม่ยอมผ่อนผัน เช่นนั้นก็ทำตามที่ตกลงกันไว้ แต่ก่อนจะถวายก็ต้องช่วยข้าเต็มกำลังสักระยะหนึ่ง” หานลี่หัวเราะขมขื่นออกมาอย่างทำอันใดไม่ได้
ไม่ว่าปูยักษ์สีเหลืองทองจะดูมีไหวพริบขนาดไหน แต่ขอแค่เกี่ยวข้องกับของเหลวสีเขียวลึกลับที่จะให้เขา กลับเปลี่ยนเป็นคร่ำครึไม่ยอมปรับเปลี่ยนเลยสักนิด
ครั้งนี้ปูยักษ์สีเหลืองทองได้ยินก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ดวงตาทั้งสองจ้องเขม็งไปที่อากาศด้านล่าง
ยามนี้ช่องโหว่ของเขตอาคมที่ถูกทะลวงออกกำลังผสานกันดังเดิมอย่างรวดเร็ว มองจากไกลๆ ด้านบนพลันเป็นสีครามเข้มอีกครั้ง ทะเลหมอกที่ปรากฏขึ้นเมื่อครู่สลายหายไปอีกครั้ง
ในยามนั้นด้านข้างรถเหาะมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น รัศมีลำแสงสีชมพูเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบสีหน้าซีดขาวนั่นก็คือเป่าฮวา
เมื่อหญิงสาวผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น แค่มองหานลี่แวบหนึ่งก็ควักขวดเล็กๆ สีแดงเพลิงออกมาโดยไม่ปริปาก และเทยาลูกกลอนสีเขียวมรกตเม็ดหนึ่งออกมากินอย่างรวดเร็ว
แต่ไม่รอให้หานลี่เลิกคิ้วคิดจะเอ่ยอันใดกับหญิงสาวผู้นี้ ท้องฟ้าด้านล่างพลันเปลี่ยนสี เคล็ดวิชาลวงตาที่เดิมอำพรางอยู่เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป กลายเป็นทะเลหมอกสีขาว
แทบจะในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องยาวๆ ด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ระเบิดออกมาท่ามกลางทะเลหมอก
เงาร่างคนสองสายปรากฏขึ้นอีกครั้ง ฮูหยินชุดคลุมสีฟ้าและหญิงสาววัยดรุณีปรากฏตัวขึ้น
ทว่าสายตาของทั้งสองคนที่มองมาทางหานลี่ก็เคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบ และเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“เยี่ยม เยี่ยมมาก! เดิมข้ายังคิดจะปล่อยเจ้าไปสักครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเจ้าจะรนหาที่ตาย!” หญิงสาวร่างกายอรชรอ้อนแอ้นเอ่ยออกมาทีละคำๆ แล้วโยนบาตรสีเงินในมือขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด กลายเป็นบาตรสีเงินสูงสิบจั้งเศษ มือหนึ่งร่ายอาคมอีกครั้ง เปลวเพลิงมารสีดำหมุนวนอยู่ทั่วเรือนร่างเมื่อรวมตัวกันคาดไม่ถึงว่าแผ่นหลังจะมีอสูรมารสีดำที่หัวเหมือนโคแต่ก็ไม่ใช่ เหมือนม้าแต่ก็ไม่เชิงปรากฏขึ้น
อสูรมารตัวนี้มีเปลวเพลิงสีดำสนิทปกคลุมทั่วเรือนร่าง หัวมีเขาหงิกงอคู่หนึ่ง คอมีเปลวเพลิงมารสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นขนยาว มองไกลๆ ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
อีกด้านฮูหยินชุดคลุมสีฟ้ามีสีหน้าหนาวเหน็บจนเข้ากระดูก และยิ่งไปกว่านั้นก็ไม่อยากพูดกับหานลี่อีกแม้แต่ประโยคเดียว สองมือถูกันไปมา จู่ๆ รัศมีลำแสงสีฟ้าก็ม้วนวนออกมาจากเรือนร่าง จากนั้นผลึกลำแสงก็เปล่งแสงสว่างวาบ ยอดเขาน้ำแข็งยักษ์สูงสองสามร้อยจั้งก็ปรากฏขึ้นโดยมีหญิงสาวผู้นี้อยู่ตรงใจกลาง
หลังจากที่เต่ายักษ์สีฟ้าใต้ฝ่าเท้าตัวนั้นส่งเสียงคำรามต่ำๆ ออกมา ก็ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสิ่งมหึมาราวกับภูเขาน้ำแข็งท่ามกลางลำแสงสีฟ้า หลังจากดวงตาสีแดงฉานสองข้างเปล่งแสงวาววับ คาดไม่ถึงว่าจะเผยกลิ่นอายที่น่ากลัวไม่ด้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายออกมา
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็ไม่กล้าชักช้าอันใด ปากเปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา หลังจากที่เรือนร่างมีลำแสงสีทองเปล่งแสงเจิดจ้า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นวานรยักษ์ขนสีทองสูงหกเจ็ดจั้ง จากนั้นสองมือก็ตะปบไปกลางอากาศ ภูเขาสีเขียวและดำสองลูกปรากฏขึ้นในมืออย่างแปลกประหลาด
แทบจะในเวลาเดียวกันลำแสงสีทองและลำแสงสีมรกตทั้งสองฝั่งก็พลิ้วไหว เงาร่างคนสูงใหญ่อีกสองคนปรากฏขึ้นพร้อมกัน
คนหนึ่งเปล่งแสงสีทองเรืองรอง คนหนึ่งสวมชุดคลุมยาวสีดำอมเขียว ใบหน้ากลับเหมือนกับหานลี่ทุกระเบียบนิ้ว
นั่นก็คือร่างเที่ยงแท้ที่กลายเป็นร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์และร่างวิญญาณเซียนเห็ด
หานลี่มั่นใจว่ากายเนื้อที่ผ่านบ่อชำระวิญญาณและเปลี่ยนกระดูกจากดอกบัววิญญาณพิสุทธิ์แล้ว แถมยังมีร่างแยกทั้งสองคอยช่วยเหลือจะต่อกรกับร่างแยกบรรพชนแรกเริ่มคนหนึ่งได้อย่างสบายๆ
ส่วนบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูนั้นย่อมมอบให้ปูศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองทองจัดการ
เขาไม่หวังว่าปูยักษ์ที่ออกจากทะเลกำเนิดมารจะสังหารบรรพชนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งได้อย่างง่ายดาย แต่หากจะรั้งอีกฝ่ายไว้ก็น่าจะไม่ใช่ปัญหา
และหลังจากที่ร่างของปูยักษ์สีเหลืองทองมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมา ก้ามปูยักษ์ทั้งสองพลิ้วไหวเล็กน้อย เสียง “ปังๆ” ดังขึ้น ลูกบอลลำแสงสีทองสองลูกส่งเสียงหึ่งๆ ที่น่าตกตะลึงออกมาแล้วปรากฏขึ้นระหว่างก้ามปู
แม้ว่าลูกบอลลำแสงจะไม่ได้พุ่งออกมา จากอานุภาพอันน่ากลัวที่แผ่ออกมาก็ทำให้บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูและพวกทั้งสองที่อยู่ไกลออกไปสัมผัสได้แล้วหน้าเปลี่ยนสี การโจมตีที่เดิมเตรียมการเสร็จแล้วชะงักงัน คาดไม่ถึงว่ายามนั้นจะเกิดความหวาดกลัวจนไม่กล้าลงมือ
“ทั้งสองท่าน ต้องคิดให้ดี จะสู้กับผู้แซ่หานที่นี่จริงๆ หรือ ผลของสงครามครั้งนี้ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ ข้าว่าท่านอาวุโสทั้งสองน่าจะไม่มีโอกาสมานักทิ้งท่านอาวุโสเป่าฮวาไว้ที่นี่เถิด” ปากอันใหญ่โตของหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์ส่งเสียงอู้อี้ออกมา และหันหน้าไปมองเป่าฮวาแวบหนึ่งอย่างตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
และไม่รู้ว่ายาลูกกลอนที่เป่าฮวากินไปเมื่อครู่คือยาลูกกลอนชนิดใด! แค่ชั่วลมหายใจ แก้มของนางก็มีสีแดงระเรื่อ พลังปราณบนเรือนร่างฟื้นฟูกลับมา
“ต่อให้มีโอกาสแค่หนึ่งในร้อย เราสองคนก็จะลองดู ชนผู้น้อยหากเจ้าไม่อยากรับเคราะห์แทนผู้อื่นฟรีๆ ยามนี้ยังยั้งมือทัน ขอแค่เจ้ายอมจากไป ข้าไม่เพียงจะไม่ถือเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า และยิ่งไปกว่านั้นยังส่งข่าวให้จอมมารว่าให้ล้มเลิกการไล่ล่าสังหารเจ้าชั่วคราว ให้เจ้ากลับไปยังแดนวิญญาณได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นแม้ว่าเจ้าจะรักษาชีวิตในสงครามครั้งนี้ได้ แต่จากนี้ผู้ที่ไล่สังหารเจ้าก็ต้องมีข้าอยู่ในนั้นด้วย” หญิงสาววัยดรุณีเลิกคิ้วทั้งสองข้างแล้วร้องตะโกนเสียงเหี้ยมออกมา
“ยั้งมือย่อมไม่ได้ ในเมื่อข้าลงมือแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลต้องล้มเลิกกลางคัน ส่วนคำสั่งไล่สังหารข้าน้อยนั้น ถึงอย่างไรเสียก่อนหน้านี้ก็มีจอมมารอยู่แล้ว เพิ่มอีกคนจะเป็นไรไป” ดวงตาของวานรยักษ์เปล่งแสงสีฟ้าวาววับ แล้วเอ่ยอู้อี้ออกมา
เขาตัดสินใจว่ากลับแดนวิญญาณหลังจากนี้ไม่นานอยู่แล้ว แน่นอนว่าจึงไม่สนใจการข่มขู่ของอีกฝ่าย ต่อให้อีกฝ่ายคือบรรพชนแรกเริ่มอีกคนของแดนมาร
และยิ่งไปกว่านั้นจากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้ ต่อให้ร่างเดิมของอีกฝ่ายลงมาจุติ แต่การหนีเอาชีวิตรอดก็พอมั่นใจอยู่หลายส่วน
“เยี่ยมมาก ในเมื่อเจ้าจะเข้าร่วมเรื่องนี้จริงๆ ข้าก็จะไม่เสียดายร่างแยกต้องทำให้เจ้าอยู่ที่นี่ให้ได้ พี่หญิงหลัน เจ้าขวางปูศักดิ์สิทธิ์สีเหลืองทองไว้ก่อน ข้าจะสำแดงเคล็ดวิชาลับรั้งคนอื่นไว้ จากนั้นรอให้ร่างแยกของเจ้ามาถึง ค่อยสังหารพวกเขาเต็มกำลัง” ใบหน้าของหญิงสาววัยดรุณีฉายแววโหดเหี้ยม แล้วเอ่ยกับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูด้วยเสียงอันดัง
“เยี่ยม ข้ามีเจตนานี้พอดี มากสุดก็ใช้เวลาหนึ่งก้านธูป ร่างแยกของข้าและลูกน้องก็น่าจะมาถึง” บรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูตอบรับด้วยความเย็นชา และยกมือสองข้างขึ้นท่ามกลางภูเขาน้ำแข็งอย่างไม่ลังเลใดๆ แล้วผลักไปทางปูยักษ์สีเหลืองอีกครั้งอย่างช้าๆ
เสียง “ปัง” ดังสนั่นขึ้น!
ภูเขาน้ำแข็งทั้งลูกกลายเป็นลำแสงสีฟ้าปริแตกออกแล้วเปล่งแสงสว่างวาบพลางหายวับไปจากกลางอากาศ
และครู่ต่อมารอบด้านของปูยักษ์สีเหลืองทองก็มีลำแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นหลังจากกะพริบวาบภูเขาผลึกน้ำแข็งก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้งอย่างเงียบเชียบ และกักปูยักษ์สีเหลืองทองเอาไว้ข้างใน
เต่ายักษ์สีฟ้าใต้ฝ่าเท้าของเขาก็อ้าปากออก พ่นไอสีขาวออกมา อันหนึ่งรางเลือน ไอสีขาวพันรัดผิวของภูเขาน้ำแข็งสองสามรอบอย่างรวดเร็วราวกับเชือก ปูยักษ์สีเหลืองทองเองก็ถูกมัดอยู่ในนั้น
คาดไม่ถึงว่าบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลันผูจะไม่คิดจะต่อกรกับปูยักษ์สีเหลืองทองตรงๆ แค่จะกักมันไว้ชั่วคราวเท่านั้น
หญิงสาววัยดรุณีเองก็ร่ายอาคมกระตุ้น บาตรสีเงินด้านหน้าขยายใหญ่ขึ้น สองมือปบไปทางหานลี่ที่กลายเป็นวานรยักษ์และเป่าฮวา อสูรประหลาดเปลวเพลิงสีดำที่แผ่นหลังอ้าปากออก เปลวเพลิงสีดำกลายเป็นกำแพงเพลิงสูงร้อยจั้งเศษม้วนวนไปกลางอากาศ
พริบตานั้นเป่าฮวาและวานรยักษ์พลันอยู่ใต้กำแพงเพลิงสีดำ
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นพลันแค่นเสียงอย่างเย็นชา ภูเขาสองลูกในมือของวานรยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วโยนออกไปกลางอากาศ ในเวลาเดียวกันร่างแยกทั้งสองที่อยู่ด้านข้างก็มีรัศมีลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วรวบรวมสมาธิหมายจะลงมือต้านทาน
แต่ในยามนั้นเองเป่าฮวาที่อยู่ด้านข้างซึ่งเดิมมีสีหน้าไร้ความรู้สึกกลับถอนหายใจออกมาเบาๆ!
“กลุ้มอกกลุ้มใจไปทำไมกัน!”
เสียงถอนหายใจยังไม่ทันสุด หญิงสาวชุดขาวก็ใช้มือหนึ่งรองไว้ด้านหน้า ปากบางเป่าปาก คาดไม่ถึงว่าจะพ่นลำแสงสีชมพูออกมา
เมื่อเพ่งพินิจมองดวงลำแสงคาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันจากอักขระยันต์ขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร หลังจากหมุนวนก็ระเบิดออกโดยอัตโนมัติ
พริบตานั้นอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนก็หมุนวนโคจรรอบด้านราวกับกลีบดอกไม้สีชมพู เปล่งแสงสว่างวาบ งดงามเป็นอย่างยิ่ง ใจกลางกลับมีแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ หลังจากรางเลือนไปก็กลายเป็นต้นไม้สีเขียวมรกตสูงสองสามฉื่อ และขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
ชั่วลมหายใจต้นไม้สีเขียวมรกตก่อตัวขึ้นบนมือของเป่าฮวา ส่วนรากรวมร่างเข้ากับฝ่ามือของเป่าฮวา ใบสีเขียวมรกต มีผลึกลำแสงไหลวนโคจรไม่หยุด ดูดซับพลังปราณในร่างของนางอย่างต่อเนื่อง
ในเวลาเดียวกันต้นไม้ใหญ่สีเขียวมรกตก็รางเลือน กิ่งไม้มีลำแสงสีชมพูปรากฏออกมา และครู่ต่อมาก็กลายเป็นดอกตูมสีชมพูชั่วพริบตาก็ปรากฏขึ้นทั่วต้นไม้
กลิ่นหอมตลบอบอวลโชยไปทั่ว
จากนั้นกลางอากาศก็มีเสียงสวนมนต์ภาษาสันสกฤตแว่วมา ทุกแห่งล้วนเป็นเงาบุปผา ในรัศมีพันจั้งล้วนกลายเป็นทะเลสีชมพู ราวกับกลายเป็นฟ้าดินก็ไม่ปาน
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าก็คือไม่ว่าภูเขาน้ำแข็ง ไอสีขาวหรือว่าฝ่ามือสีเงิน กำแพงเพลิง หลังจากที่เป่าฮวาใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ปากก็พ่นคำว่า ‘สลาย’ ออกมา รัศมีลำแสงสีชมพูที่รายล้อมอยู่พลันสลายหายไป
“เขตแดนวิญญาณสวรรค์ทมิฬ!”
จิตใจของหญิงสาววัยดรุณีหนักอึ้ง ปากก็พ่นคำพูดสองสามคำออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ