“เป็นไปได้หรือไม่ว่าเผ่าพฤกษาจะถูกพวกเผ่ามารกำจัดไปจนสิ้นแล้ว ไม่เห็นแม้แต่คนเดียว” สีหน้าของจูกั่วเอ๋อร์เปลี่ยนไป เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล
“กำจัดไปหมดแล้วเช่นนั้นหรือ เป็นไปไม่ได้ ประชากรในเผ่าพฤกษามีเป็นร้อยพันล้านคน ยังรวมผู้แข็งแกร่งอยู่ไว้ก็ไม่น้อย ถึงแม้จะแพ้เผ่ามาร ก็ไม่สามารถฆ่าจนหมดสิ้นได้ง่ายขนาดนั้น และอีกอย่างเผ่าพฤกษากับพวกเรา รวมถึงเผ่าอื่นๆ ได้มีการทำพันธะสัญญากันไว้ เผ่าอื่นๆ ก็คงไม่นิ่งเฉยมองดูเผ่าพฤกษาถูกทำลายไปเฉยๆ เสียหรอก คิดไปคิดมาก็แค่พลังของเผ่ามารที่อยู่ในเขตนี้อาจจะเหนือกว่า ชาวเผ่าพฤกษาเดิมที่เคยอยู่ที่นี่ก็เลยต้องย้ายออกไปทั้งหมด” หานลี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบ
“ที่ศิษย์พี่พูดมีเหตุผล แค่ต้องหนีไปจากเส้นทางปริภูมินั้นไกลหน่อย ก็อาจจะพบกับชาวเผ่าพฤกษาแล้ว” จูกั่วเอ๋อร์ที่พอฟังแล้วรู้สึกว่าดูมีเหตุผล อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าตาม
หานลี่ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เร่งบังคับหัวยานรีบไปให้ถึงที่หมายต่อ
…
สามวันต่อมา บนท้องฟ้าเหนือป่าทึบสุดลูกหูลูกตา ตัวยานได้หยุดลง ลอยนิ่งอยู่กลางเวหา
สถานที่ที่อยู่ด้านหน้าของตัวยานไกลกว่าหนึ่งร้อยจั้ง ตรงนั้นมีเผ่ามารระดับสูงอยู่เจ็ดแปดตนยืนขวางทางอยู่
พวกเผ่ามารเหล่านี้ข้างหลังของมันมีเนื้อสีเขียว คลุมด้วยเสื้อขนนก ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ บ่งบอกถึงความดุร้ายเป็นอย่างยิ่ง
และหลังถัดจากพวกเผ่ามารนี้ไป อัดแน่นไปด้วยปีศาจมีปีกสองหัวเต็มไปหมด ขนาดเล็กใหญ่ปะปน กันไป สีสันของมันงดงามทั้งตัว บนหัวดำสนิทของมันมีเขาเดียว ตัวที่มีลักษณะแบบนี้มีประมาณห้าถึงหกร้อยตัว
“นี่คือชุดที่เท่าไรแล้ว” หานลี่ยืนอยู่หน้ายาน ถามขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“ศิษย์พี่ กลุ่มที่เจ็ดแล้ว” จูกั่วเอ๋อร์ตอบอย่างระมัดระวัง
“อื้ม ดูเหมือนว่าเผ่ามารระดับสูงพวกนี้จะยังไม่เคยได้รับการสั่งสอน อย่างนั้นไว้ค่อยจัดการทีหลัง หลังจากจัดการชุดแรกก่อน ก็คงจะสงบลงได้ชั่วขณะหนึ่ง ” ดวงตาทั้งคู่ของหานลี่หลี่ลง และเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นเขาก็ได้สะบัดแขนเสื้อทั้งสอง ลำแสงสีเขียวยาวเป็นนิ้วก็พุ่งออกมา ที่จริงมันคือกระบี่เล็กสีฟ้าอมเขียว มีมากถึงเจ็ดสิบสองคม
หานลี่ใช้เพียงมือเดียวในการร่ายเวทโดยใช้หัวแม่มือและนิ้วจับข้อนิ้ว เพียงชี้นิ้วเข้าใส่พวกกระบี่สีครามพวกนี้
ทันใดนั้นเสียงชัดเจนดุจมังกรคำรามก็พุ่งออกมาจากกระบี่เล่มนั้น หลังจากที่ทำให้สับสนแล้ว กระบี่ทั้งหมดก็แยกออกจากกันจากหนึ่งเป็นสองเล่ม สองเป็นสี่เล่ม จากสี่เป็นแปดเล่ม…
ชั่วเวลาหนึ่ง ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยกระบี่สีครามอัดแน่น มีมากกว่าพันกว่าด้าม
ตรงข้ามพวกเผ่ามารระดับสูงที่เห็นเหตุการณ์ ล้วนตกใจจนหน้าถอดสี แต่ดูเหมือนว่าจะได้รับคำสั่งจากบิดาและไม่มีทีท่าจะถอยกลับไป กลับกันกับมีกลุ่มกระแสสีดำกลิ้งไล่มา แต่ละคนเปลี่ยนร่างเป็นกองทัพมารรูปร่างประหลาด ในขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องคำรามเปล่งออกมา และเปลี่ยนเป็นกลุ่มลมสีดำโถมเข้าโจมตีตัวยาน
และข้างหลังปีศาจที่มีปีกห้าหกร้อยหัวนั่น ก็กระพือปีกขึ้นมาทันที เสียงนกส่งเสียงร้องดังเจี๊ยวจ๊าว ดั่งฝูงผึ้งบินตามหลังพวกเผ่ามารระดับสูงมา
“ไป”
หานลี่ที่ประสบกับสถานการณ์เช่นนี้ เจตนาชั่วร้ายแวบขึ้นมาในแววตา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
ในขณะเดียวกันกระบี่เล่มเล็กสีครามก็สั่นเทาขึ้น ทันใดนั้นก็เปลี่ยนพลันเปลี่ยนเป็นกระบี่แสงพุ่งยิงออกมา
ชั่วพริบตา “วือวือ” เสียงของการแตกของปริภูมิดังออกมา เงาทั่วท้องฟ้าฉับพลันหายไป เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นพวกเผ่ามารระดับสูงและเหล่าปีศาจนกหลายร้อยตัวทั้งหมดก็จมหายเข้าไปในนั้น
ทันใดเสียงกรีดร้องน่าเวทนาก็ดังขึ้น!
กลุ่มฝนเลือดและเศษชิ้นส่วนของร่างกายจากที่สูงตกลงมากระจายอย่างบ้าคลั่ง เผ่ามารและปีศาจนกเหล่านั้นถูกสังหารจนสิ้นในทันทีด้วยกระบี่เล่มนี้ที่แยกตัวออกไปมากกว่าหนึ่งพันเล่ม
หานลี่สะบัดที่แขนเสื้อของเขาอีกครั้ง หลังจากที่เงากระบี่สะท้อนจากระยะไกล มันก็ค่อยทยอยกลับเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไร้ร่องรอย
เวลานี้ ในท้องฟ้าอันกว้างไกลนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่แล้ว
หลังจากหานลี่กวาดสายตาไปมองเพียงเล็กน้อย เร่งบังคับยานต่อโดยไม่พูดอะไร และกลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวครามทะลุฟ้าออกไป
การเดินทางข้างล่างนั้น ที่จริงแล้วก็เป็นอย่างที่หานลี่คิดเอาไว้ ไม่มีเผ่ามารหรือสัตว์ประหลาดใดๆ ออกมาแล้ว
แต่ว่ากลางป่าทึบบางส่วนของเส้นทางของยาน ต้นไม้ใหญ่ดำและสีเขียวเหล่านั้นยังคงปรากฏขึ้นเป็นครั้งคราว คล้ายกับว่าอาณาเขตของเผ่าพฤกษาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ปีศาจแล้ว
สิ่งที่ทำให้หานลี่แปลกใจไปยิ่งกว่านี้คือ ถึงแม้ว่ายานจะเคลื่อนตัวออกห่างไปไกลแล้ว ก็ยังไม่พบเจอกับคนเผ่าพฤกษาเลยแม้แต่คนเดียว ราวกับว่าเผ่าพฤกษาทั้งหมดนั้นได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง
…
หนึ่งเดือนต่อมา ขณะที่ยานได้เคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ริมเทือกเขาเหนือหุบเขาลูกหนึ่ง ในที่สุดหานลี่ก็ได้พบว่าเผ่าไม้ชนเผ่าเล็กๆ ถูกเผ่ามารนับพันโอบล้อมโจมตีอยู่
ชนเผ่าพฤกษานี้มีประชากรไม่ถึงหมื่นคน มีเพียงสองถึงสามพันคนเท่านั้นที่มีความสามารถที่จะสู้รบได้ แต่กลับถูกพวกเผ่ามารนับพันจัดการจนพ่ายแพ้ยับเยิน อีกไม่นานคงล่มสลายหายไป
หานลี่ยินดีเป็นอย่างมาก ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อยที่จะใช้วิธีการล่อสายฟ้า จัดการฆ่าพวกเผ่ามารพวกนี้ให้สินซาก เพื่อช่วยเผ่าพฤกษาเหล่านี้ไว้
จากนั้นเขาจะไม่รีรอให้เผ่าพฤกษาแสดงออกถึงความแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด เขาจะเผยฐานะตนเองที่เป็นเผ่ามนุษย์ให้เห็นไปเลย
เช่นนี้ จึงอาศัยฐานะพันธมิตรของเผ่าพฤกษา ในที่สุดเขาก็ได้รู้จากปากผู้อาวุโสของชนเผ่าเล็กๆ ในเผ่าพฤกษา ว่าอาณาเขตเผ่าพฤกษานั้นไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ถึงได้รู้แจ้งกระจ่างขึ้นมาในทันที
เดิมทีเมื่อห้าหกปีก่อน เกิดสู้รบกันในขั้นเด็ดขาด เมื่อบรรดาเผ่าทหารพันธมิตรและกองทัพของเผ่ามาร รวมตัวกันต่างฝ่ายต่างยืนกรานและไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน ทางด้านฝ่ายเผ่ามารจึงใช้กลยุทธ์หมิงซิวจ้านเต้า อั้นตู้เฉินชางในการทำสงคราม โดยการแอบถอนกองกำลังหลักของทั้งสองฝ่าย ทั้งเผ่ามนุษย์ และเผ่ามารเกือบครึ่งออกจากสนามรบหลัก มายังฝั่งของเผ่าพฤกษาผ่านช่องปริภูมิ และเริ่มเปิดฉากการจู่โจมในทันที
ภายใต้กระแสการรุกรานของกองทัพปีศาจที่เพิ่มทวีคุณเข้ามาโจมตี กองทัพใหญ่ของเผ่าพฤกษาและเผ่ามารยังไม่สามารถเจรจายุติการสู้รบได้ จนถึงจุดหนึ่งในการทำสงครามพวกเขาแพ้ครั้งแล้งครั้งเล่า กองกำลังเกือบครึ่งทั้งหมดถูกทำลายอยู่ในนั้น
เนื่องจากเรื่องนี้มันเกิดขึ้นโดยกะทันหัน เผ่าพันธมิตรอื่นๆ จึงไม่สามารถที่จะเข้ามาช่วยเหลือได้ทัน สุดจนหนทาง ผู้อาวุโสของเผ่าพฤกษาที่ควรจะได้นั่งบัญชาการ ทว่ากลับต้องมาต่อสู้กับศัตรูด้วยตัวเอง
มีเรื่องที่ทุกเผ่าคิดไม่ถึงเกิดขึ้น!
ก่อนการปรากฏตัวของผู้อาวุโสเผ่าพฤกษาในสนามการต่อสู่ของทั้งสองฝ่าย ก็ถูกเทพปีศาจศักดิ์สิทธิ์ “ฮูลา”สามตนแอบซุ่มอยู่รอบๆ โจมตีเข้าเสียก่อน
แม้ว่าระดับความน่ากลัวของเทพปีศาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตนนี้จะไม่เหมือนกับบรรพบุรุษเหยียนม่อและลิ่วจี๋ยังอยู่ แต่ว่าการปรากฏตัวครั้งนี้ไม่ได้มีการกลายร่างแต่อย่างใด และเยื้องกายอย่างสมน้ำสมเนื้อในร่างเดิม ทันทีที่ศัตรูลงมือ ผู้อาวุโสเผ่าพฤกษาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนเกือบทำให้ท่านนั้นเสียชีวิตในทันที
โชคดีที่ในช่วงเวลาวิกฤตชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ ผู้อาวุโสเผ่าพฤกษาได้เรียกต้นไม้รวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเผ่าพฤกษาสักการบูชามาไม่น้อยกว่าพันปีออกมา ด้วยการช่วยเหลือจากพลังของต้นไม้ต้นนี้ จึงพอที่จะเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของเทพปีศาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามตน แต่ก็สูญเสียพลังในกายไปแปดถึงเก้าในสิบ และไม่เหลือพลังของระดับมหายานแล้ว
และไม่มีผู้อาวุโสเผ่าพฤกษาให้พึ่งพาแล้ว ยิ่งทำให้ขวัญกำลังใจของเผ่าลดลงอย่างถึงที่สุด ไม่มีแม้แต่พลังที่จะต่อต้านกับผู้รุกล้ำเข้ามาอย่างพวกเผ่ามาร ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เสียอาณาเขตไปถึงแปดในสิบ
ในวิกฤตชี้เป็นชี้ตายเช่นนี้ ในที่สุดกองกำลังสนับสนุนเผ่าอื่นๆ ก็มาถึงดินแดนเผ่าพฤกษา
แต่ภายใต้การคุกคามของเทพปีศาจศักดิ์สิทธิ์สามตนนี้ กองกำลังสนับสนุนและกองทัพเผ่าพฤกษาที่เหลือเพียงเล็กน้อยก็ทำได้เพียงปกป้องอาณาเขตที่เหลือไว้ พลังที่เหลืออยู่ก็ไม่สามารถฟื้นฟูอาณาเขตให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ชนเผ่าพฤกษาเดิมที่กระจัดกระจายไปแต่ละที่ก่อนหน้านั้น ก็ทยอยกลับไปยังเขตพื้นที่ที่แต่ละเผ่าคุ้มครอง แต่ว่าจะมีบางชนเผ่าที่ได้รับข่าวสารล่าช้าหรือการดำเนินการที่ล่าช้า ดังนั้นจึงถูกกองทัพใหญ่ของเผ่ามารตรงเข้ายึดครองอาณาเขตไป
อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าเหล่านี้ทำได้แค่หลบซ่อนตัวจากผู้คนในสถานที่ที่ห่างไกลจากผู้คนชั่วคราวเพื่อเอาชีวิตรอด หวังว่ากองทัพแต่ละเผ่าจะตอบกลับมาในสักวัน
ทว่าการค้นหาและสังหารเผ่ามารมาหลายครั้งต่อหลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชนเผ่าที่สามารถอยู่รอดได้นั้นกลับมีอยู่ไม่มาก
นี่คือเหตุผลว่าทำไมตลอดเส้นทางที่หานลี่ออกมาจึงไม่พบคนเผ่าพฤกษาเลยสักคน
และนี้คือชนเผ่าเล็กๆ ที่หานลี่ช่วยเอาไว้ เดิมทีก็เป็นกลุ่มชนเผ่าขนาดใหญ่ของเผ่าพฤกษา หลังจากที่ชนเผ่าเดิมแตกกระจาย ต่างคนต่างหนีเอาชีวิตรอด ถึงได้กลายมาเป็นเช่นเดียวกับตอนนี้
แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ คนเผ่าพฤกษาพวกนี้ก็จะถูกค้นพบโดยพวกเหล่าเผ่ามารอีกครั้ง ถ้าหานลี่ไม่บังเอิญมาพบแล้วละก็ จุดจบมีแต่จะถูกจับไปเป็นทาส และถูกฆ่าตาย
“ท่านอาวุโส ทั้งหมดที่ข้าน้อยเล่ามาล้วนเป็นความจริง หวังว่าท่านอาวุโสจะเห็นแก่ความเป็นพันธมิตร ช่วยพาข้ากลับไปยังเขตป้องกันในตอนนี้ ” ชายชราระดับเท่ากันผู้หนึ่งในชนเผ่าชั่วคราวของเผ่าพฤกษานี้ หลังจากที่เล่าทุกอย่างจบ ก็ขอร้องหานลี่ด้วยความขมขื่น
หลังจากที่หานลี่ได้ทำการกวาดสายตาไปยังพวกเผ่าพฤกษาเหล่านี้ เห็นเด็กผู้หญิงและคนชราในกลุ่มของพวกเขาที่มีมากกว่าสองในสาม อดไม่ได้ที่จะไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนค่อยๆ เอ่ยขึ้น
“พาพวกเจ้าไปด้วยกัน ข้าไม่ปฏิเสธและไม่ยืนยัน แต่ข้าอยากจะเตือนเจ้าก่อน ระหว่างทางข้าได้ฆ่าพวกเผ่ามารไปมากมาย พวกเผ่ามารฝั่งทางนั้นต้องเตือนเกี่ยวกับข้าแล้ว ที่มาเยือนถึงถิ่นเผ่ามารระดับสูง เรื่องราวไม่ช้าก็เร็ว ถึงเวลานั้นหากพวกเจ้าไปกับข้า ในทางกลับกันจะอันตรายยิ่งกว่า และยิ่งคนของพวกเจ้าเยอะแบบนี้ ในยามที่เริ่มต่อสู้ ข้าอาจไม่สามารถที่จะปกป้องพวกเจ้าได้ทั้งหมด”
“อะไรกัน มีเรื่องแบบนี้! ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ข้าน้อยก็จะไม่บังคับเรื่องนี้ แต่ข้ายังหวังว่าท่านอาวุโสจะนำเรื่องสถานการณ์ของข้าบอกกล่าวกับผู้อาวุโสในกลุ่มพันธมิตรท่านอื่นๆ หวังว่าเผ่าทั้งหลายจะส่งกองทัพมาช่วยพวกข้าให้หลุดพ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ในเร็ววัน หากมีวันนั้นจริง พวกข้าน้อยจะซาบซึ้งในบุญคุณจนหาที่สุดไม่ได้” สีหน้าของชายชราเผ่าพฤกษาแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังอย่างชัดเจน แต่สุดท้ายหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หันไปทางหานลี่ด้วยใบหน้าอ้อนวอนและกล่าวอย่างลึกซึ้งอีกครั้ง
“เอาล่ะ เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้าจะช่วยส่งสารให้พวกท่าน แต่ว่าตอนนี้ข้าไม่ค่อยแน่ใจว่า พวกกองทัพเผ่ามารกระจายไปยังเขตใดบ้าง เผ่าพวกเจ้าอาจจะมีข้อมูลด้านนี้และแผนที่” คราวนี้ หานลี่รับคำอย่างตรงไปตรงมา และถามกลับไปหนึ่งประโยค
“ถึงแม้พวกข้าน้อยจะหลบกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ว่ามีบางส่วนของข้อมูลส่วนนี้อยู่ ไม่ละเอียดนัก แค่คร่าวๆ เท่านั้น” ชายชราเผ่าพฤกษารีบตอบในทันที
“น่าจะเพียงพอแล้ว” หานลี่ยิ้มเบาๆ แสดงความรู้สึกพึงพอใจออกมา
จากนั้นหลังจากที่เขาได้หยิบข้อมูลและแผนที่ที่เกี่ยวข้องจากชายชราเผ่าพฤกษา ก็บินล่องหนีไปทันที
และพวกเผ่าพฤกษาพวกนี้ก็ไม่กล้าที่จะค้างอยู่ที่เดิมแน่นอน จึงทยอยย้ายไปยังที่หลบซ่อนตัวสำรองที่เตรียมไว้ทันที
…
หลายสิบวันถัดมา ขณะที่หานลี่เร่งยานผ่านเหนือทะเลสาบสีเขียวมรกต ทันใดนั้นทะเลสาบข้างล่างยังไม่ได้มีลางสังหรณ์เลยสักนิด มือขนาดใหญ่สีเขียวมรกตก็ยื่นออกมาจากแสงฟ้าแลบ และกำยานมาไว้ในกำมือ
นิ้วมือทั้งห้าของมือยักษ์ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงแตกร้าวดังออกมา ในพริบตายานก็กลายเป็นเปลวไฟสีเขียวครามแยกสลายออกไป