แววตาของปีศาจหน้าฟ้าเขี้ยวยาวฉายความดุร้าย เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาโยนกระจกสำริดขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นเขาก็อ้าปากพ่นเลือดบริสุทธิ์ออกมา กลายเป็นหมอกโลหิตพุ่งเข้าไปในกระจกสำริด
เสี้ยววินาทีต่อมากระจกสำริดบานนั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นออกมา มีปีศาจตัวนึงขนาดใหญ่เท่าบ้าน หน้าตาดุร้ายโผล่ออกมา ดวงตาทั้งสองข้างของมันปิดอยู่ ตัวมันกำลังลอยอยู่กลางอากาศเบาๆ
มารหน้าฟ้าตะโกนเสียงดังลั่นแล้วพุ่งเข้าหาปีศาจตัวนั้น
เมื่อปีศาจตัวนั้นลืมตาขึ้น แววตาของมันเต็มไปด้วยความมืดมิด ในขณะเดียวมันก็ส่งเสียงหัวเราะเย็นเยียบชวนน่าขนหัวลุกดังขึ้น แต่ในตอนนั้นเองมันก็อ้าปากพ่นลูกไฟสีดำออกมทันที และเหมือนว่าแสงสีเขียวจะปกป้องตัวเองไม่ทันจึงโดนดูดกลายเข้าไปในร่าง
“รนหาที่ตายจริงๆ เมื่อมาอยู่ต่อหน้าข้า ไม่ว่าเจ้าจะมีของวิเศษมากแค่ไหน ก็ตายอยู่ดี” มารหน้าฟ้าเขี้ยวยาวยังคงกระตุ้นปีศาจตัวนั้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขาพูดไปด้วยเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งไปด้วย
ภายใต้การกระตุ้นของเขาเปลวไฟสีดำสนิทก็ได้รวมกันเป็นก้อน และควบแน่นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ากลายเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ ล้อมรอบลำแสงสีเขียวไว้ โดยที่กองเพลิงยังคงโหมกระหน่ำ
“อย่างงั้นหรือ หากเป็นคนอื่นที่ติดอยู่กองเพลิงเช่นนี้ เกรงว่าพวกมันจะทนได้ไม่นานแน่ๆ แต่กับข้าแล้วมันง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือเลย”
เสียงของชายหนุ่มดังออกมาจากในกองเพลิงเบาๆ จากนั้นก็ได้ยินเสียงนกร้องหวานหูดังขึ้น ลำแสงก็ระเบิดเจิดจ้าออกมา จนมองไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร แสงไฟกะพริบเบาๆ เหนือกองเพลิง ต่อด้วยเสียง
“จิ๊บๆ” จากนี้นกยักษ์สีเงินขนาดสิบจั้งตัวหนึ่งก็ปรากฏออกมา
สีของนกตัวนี้เป็นสีเงินวิบวับ เมื่อมันสยายปีกบินเปลวเพลิงสีเงินก็ปรากฏอยู่ที่ใต้ปีกของมัน อุณหภูมิโดยรอบก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขากำลังอยู่ในเตาหลอม ท้องฟ้าทั้งผืนก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสด เมื่อมองจากไกลๆ จะคิดว่ากองเพลิงสีดำคือดวงอาทิตย์ โดยมีดวงอาทิตย์สีเงินโผล่มาอีกหนึ่งดวง
“แย่แล้ว!”
เมื่อปีศาจหน้าฟ้าเห็นดังนั้น ในใจก็เริ่มกังวล มันรีบใช้อีกมือกระตุ้นให้มีคาถาอื่นๆ ออกมาอีกแต่มันก็สายไปเสียแล้ว
หลังจากนกเพลิงสีเงินโก่งคอกู่ร้องเสียงดัง จากนั้นมันก็ก้มหัวลง อ้าปากดูดเปลวเพลิงที่เหลือเข้าไปทันทีภาพๆ นี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
เขาเห็นเพียงแค่กองไฟที่ลอยอยู่บนอากาศ กลายเป็นเส้นด้ายเล็กๆ สีดำ แล้วลอยเข้าไปในปากของนกเพลิงสีเงินตัวนั้น นกเพลิงตัวนั้นใช้เวลาไม่กี่นาที กองเพลิงสีดำก็บางลงอย่างมาก จากนั้นเงาร่างของคนคนนึงก็ปรากฏกายขึ้น
เหมือนว่าเงาร่างของคนคนนี้ไม่ได้ใช้ของวิเศษชิ้นไหนเลย เขายืนอยู่กลางอากาศโดยใช้ลำแสงวิญญาณปกป้องตนเองเท่านั้น เมื่อมารหน้าฟ้าเห็นเงาร่างนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความตกใจ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย
ใครจะรู้จักเปลวเพลิงปีศาจเหยียนโตว ไปดีกว่าไม่มีเขาอีกแล้ว…
อีกฝ่ายใช้เพียงลำแสงวิญญาณปกป้องตนเองหนำซ้ำยังป้องกันโจมตีจากเปลวเพลิงนี้ ในคราแรกเขาคิดว่าคนผู้นี้จะต้องอยู่ในระดับมหาเมธีแน่นอน
เกรงว่าจะมีเพียงสัตว์ประหลาดที่อายุหมื่นปีถึงจะสามารถไปอยู่ในระดับนั้นได้
“หรือว่าเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดที่ว่านั้นจริงๆ และเขาก็ผ่านมาเจอพอดี แต่ต่อให้ไม่ใช่ อีกฝ่ายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแน่นอน”
เมื่อเผ่ามารคิดได้ดังนั้น สีหน้าก็ซีดลง เหงื่อออกท่วมเต็มหลัง
อยู่ๆ เขาก็กระโดดขึ้นสูง จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้แตะเข้าไปที่หน้าผากของปีศาจสีดำ และตะโกนคำว่า
“ระเบิด” สิ้นเสียงคำพูดไหล่ของมันก็สั่นไหว แขนสองข้างหลุดออกมา และเสียงดัง “ฟู่ๆ” ก็ดังขึ้น จากนั้นก้อนเลือดสองก้อนก็รวมกันเป็นก้อนเดียว ในตอนนั้นเองรอยแตกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏบนผิวหนังของปีศาจสีดำ และมีแสงสีดำโผล่ออกมาตามรอยแยกเหล่านั้นด้วย
เงาคนร่างสีเขียวคนนั้นก็คือหานลี่ที่เพิ่งมาถึง
“วิชาโลหิตล่องหน”
เมื่อเขาเห็นมารหน้าฟ้าทำท่าเช่นนั้น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย สะบัดมือหนึ่งขึ้นท้องฟ้า
ฝ่ามือยักษ์สีทองขนาดหนึ่งหมู่ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า คว้าตาข่ายยักษ์ครอบตัวออกไป
“ฟิ้ว” หลังจากเสียงนั้นดังขึ้น เส้นด้ายสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็หลุดออกจากฝ่ามือสีทอง ตาข่ายยักษ์ก็ขาดออกจากกันง่ายๆ ดังนี้
หานลี่สะบัดแขนออก จากนั้นก็มีเสียงดังโครม ประจุสายฟ้าสีทองก็พุ่งออกมา แต่แสงของมันก็หายไปในทันที ในตอนนั้นเผ่ามารที่อยู่ในหมอกโลหิตก็มีเลือดอาบผิวกาย เสียงฟ้าผ่าดังโครมประจุสายฟ้าสีทองก็พุ่งออกมาอย่างเร็วจนแทบจะมองไม่ทัน
มารหน้าฟ้ารู้สึกได้ถึงแสงสีทองเหล่านั้นได้พุ่งมาอยู่ด้านหน้าของเขาแล้ว จากนั้นประจุสายฟ้าสีทองก็โจมตีลงมาที่กลางศีรษะอย่างไม่เกรงใจ
“ไป!”
มารตนนี้ไม่สนใจเรื่องการใช้วิชาโลหิตล่องหนอีกต่อไปแล้ว ร่างของเขาเริ่มเลือนราง จากนั้นเขาก็หลบถอยหลังออกมาอย่างเร่งรีบหลังจากที่เขาอ้าปาก มีดบินเล่มสีเหลืองก็พุ่งออกมาจากปากของเขา มันติดตามเข้าไปปะทะกับประจุสายฟ้าสีทองอย่างดุเดือด
“ตู้ม!” เสียงโจมตีดังสนั่น
ประจุสายฟ้าสีทองหายไปแล้ว แต่มีดบินยังคงอยู่หลังจากที่มันส่งเสียงดังออกมาเกิดอาการสั่นไหว จากนั้นมันก็ทิ้งตัวตกลงไปด้านล่าง ด้วยระดับของหานลี่ในตอนนี้หลังจากที่เขาใช้วิชาอัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายแล้ว เขาก็ยังสามารถปัดป้องอาวุธมารได้อย่างสมบูรณ์ด้วย
อีกทั้งจิตวิญญาณของมารหน้าฟ้ากับมีดบินเชื่อมต่อกัน ใบหน้าขาวซีดพร้อมกระอักเลือดออกมาคำโต ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เปล่งแสงสีดำของมาเป็นจำนวนมาก จากนั้นก็กลายเป็นแค่ไอแล้วถอยทัพไป เขาไม่สนใจมีดบินที่ตกลงไปแล้ว
“ไม่เลว ต่อให้ใช้วิธีนี้เพียงวิธีเดียว ไม่ว่ายังไงเขาก็อยู่ในกำมือของข้าอยู่ดี” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย จากนั้นเขาก็ติดตามอีกฝ่ายไป
ก่อนที่เท้าจะแตะพื้น ด้านล่างก็มีเสียงฟ้าผ่าดังไล่ขึ้นมา ประจุไฟฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา ภายใต้การผสานกัน ทำให้เกิดค่ายกลอัสนี้สีขาวเงินขนาดใหญ่ หลังจากที่เท้าข้างนึงเหยียบเข้าที่ค่ายกลอัสนี หานลี่ก็ส่งเสียงคำรามดังลั่นแล้วหายตัวไป เขาได้หายตัวออกมาจากจุดเกิดเหตุประมาณร้อยจั้ง
มารหน้าฟ้าได้กระอักเลือดออกมา สีหน้าดูอ่อนลง ด้านหน้าของเขาเกิดเสียงฟ้าผ่าดังโครมคราม ค่ายกลอัสนีสีขาวเงินก็ปรากฏขึ้นโดยไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้าแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน หานลี่ก็เดินออกมาจากใจกลางของค่ายกลอัสนีนั้น
“แย่แล้ว!”
มารหน้าฟ้าตกใจจึงหน้าถอดสี จากลำแสงที่กวัดแกว่างอยู่นั้น มันหันออกมาแล้วโจมตีไปยังทางอื่นแต่ในตอนนั้นเองมีเสียงดังฮึ่มๆ อยู่ด้านหลังของหานลี่ วิชายักษ์สามเศียร หกกรก็ปรากฏออกมา ทันทีที่ยักษ์ตนนั้นปรากฏตัวออกมา ดวงตาทั้งหกข้างของเศียรทั้งสามก็ลืมตาขึ้น แขนทั้งหกข้างก็ยกขึ้นพร้อมกัน
จากนั้นก็มีแสงสีทองส่องวาบ กระบี่ยาวหกจั้งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา เขาเพียงตวัดดาบครั้งเดียวพลังก็พุ่งออกไปไกล ปราณกระบี่หกวิถีก็เปล่งแสงขึ้น ปรากฏเป็นสีด้ายสีทองที่มัดมารที่กำลังจะหนีไป
เสียงโหยหวนดังขึ้น
มารหน้าฟ้าและของวิเศษปกป้องตนเองหลายชิ้น แต่ตอนนั้นเองมีลำแสงสีทองพุ่งออกมาจาก ด้านในมีจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดสีดำอยู่ แต่ก่อนที่จิตวิญญาณก่อกำเนิดของมารตัวนั้นจะหนีไปได้ ประกายของกระบี่หกวิถีก็พุ่งวนเข้าไปหาด้วยความเร็ว และเขาก็เดินหันหลังออกมาในวินาทีเดียวกัน หลังจากลำแสงสีทองดับลง จิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดก็ถูกลำแสงของกระบี่ทำลายด้วย ดวงวิญญาณของเขาแตกสลายจากโลกนี้ไปแล้ว
หานลี่ยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นการเคลื่อนไหวอะไรอีก หลังจากแสงสีทองด้านหลังของเขาหายไป เสียงรอบข้างก็พลันเงียบลงทันที
ตั้งแต่ตอนที่เขาปรากฏกายออกมาจนถึงตอนที่มารหน้าฟ้าระเบิดร่างตนเอง มันเหมือนจะยาวนาน แต่ความจริงแล้วเพิ่งผ่านไปครู่เดียวเท่านั้น ขอเพียงแค่จอมมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางนั้นตาย อีกทั้งจอมมารตนมีของวิเศษอยู่มากมาย ความจริงแล้วฝีมือของจอมมารตนนี้ก็เทียบเท่ากับระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย แต่น่าเสียดายที่เขาต้องมาสู้กับหานลี่ ที่เขามีฝีมือพอจะกล้าต่อกรกับระดับมหาเมธีแล้ว เขาจะทำได้แค่ตายเท่านั้น…ในมิติแปลกประหลาดที่มีลำแสงห้าสีปกคลุมอยู่ มีมารสี่ตนยืนลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า ทั่วทั้งร่างกายของมารทั้งสี่มีขนยาวรุงรัง ราวกับว่าเป็นปีศาจลิงยักษ์ที่มีเนื้อตัวเปรอะเปื้อนเลือด และยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ลอยออกมาด้วย นอกจากมารทั้งสี่ตัวนี้แล้ว โดยรอบของมันยังมีมนุษย์แดนพฤกษาผิวสีเขียวนับสิบยืนล้อมรอบมันอยู่
เหนือชาวพฤกษาขึ้นไป มีผู้หญิงคนนึงท่าทางเย็นชายืนกอดอกอยู่กลางอากาศ ด้านหลังของนางมีปีกนกสีแดงสดสยายบินอยู่ อักษรรูนสีเงินและสีทองลอยวนอยู่รอบๆ นางคือ เฟยเสี่ยวซีเผ่าเยี่ยชานั่นเอง
กลุ่มนี้เป็นการรวมตัวของเผ่าเยี่ยชา พวกเขามองมารทั้งสี่ด้วยแววตาเต็มไปด้วยความผ่าเผย
“วิชามารโลหิตอนันต์ ข้านึกว่าวิชานี้จะหายสาบสูญไปจากเผ่ามารเสียแล้วซะอีก คงไม่มีใครไปฝึกวิชามารที่ทำร้ายตนเอง และผู้อื่นเช่นนั้นหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เจอกับตาตัวเอง แล้วดูเหมือนวันนี้ข้าต้องจัดการกับพวกเจ้าเองเสียด้วย” เฟยเสี่ยวซีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ในเมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าฝึกวิชามารโลหิตอนันต์ ยังไม่ให้ขยะพวกนี้ถอยไปอีก พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าและน้องชาย มันจะเป็นการเสียเลือดเสียเนื้อเสียเปล่าๆ” หนึ่งในสี่มาร ตอบกลับเสียงต่ำ
“ฮ่าๆ หากพวกเจ้าอยู่ระดับผสานอินทรีย์ ต่อให้เป็นแค่ขั้นต้นก็ตาม ไม่ใช่พวกเขาหรอก ข้าสามารถหั่นคอเจ้าแล้วจากไปได้ แต่ตอนนี้พวกเจ้าไม่เพียงจะอยู่ในระดับหลอมสูญ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะเผยจุดบกพร่องออกมา พวกเราลุยทำให้เต็มที่ โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ข้าจะจัดการพวกเจ้าทั้งสี่พร้อมกัน”
หลังจากที่เฟยเสี่ยวซีหัวเราะ นางก็สั่งการอย่างเด็ดขาด
แม้ว่าเผ่าพฤกษาจะเป็นคนล้อมมารทั้งสี่เอาไว้ แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ แต่หลังจากได้ยินเสียงคำสั่งของเฟยเสี่ยวซี เขาก็ลงมือโดยไม่ลังเล เห็นเพียงเผ่าพฤกษายกสองมือขึ้น จากนั้นลำแสงสีเขียวลอยออกมาจากท้องฟ้า บางคนอ้าปากแล้วพ่นปราณสีฟ้าเหนียวๆ ออกมา กลายเป็นพวกมารโดนโจมตีจากทั่วทุกสารทิศ