หลังจากลูกบอลสีทองสว่างวาบออกมา ทันใดนั้นกลุ่มควันก็รวมตัวกันอยู่ด้านล่าง จากนั้นก็หมุนวนเป็นวงกลมกลายเป็นพายุหมุนสีทองขนาดใหญ่
แรกเริ่มมีขนาดไม่กี่ชุนเท่านั้น แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ มันก็รวมตัวกันจนมีขนาดมากกว่าหนึ่งหมู่ อักษรรูนสีทองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนลอยวนไปมา
ทันทีที่แสงสีดำของสายเข้ามาพายุหมุนนี้ มันก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนทันที ราวกับว่าโดนพลังที่มองไม่เห็นสูบลงไปจนหมดและโดนทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กรงเล็บขนาดใหญ่สีม่วงโดนอักษรรูนสีทองขวางทาง มันจึงสั่นเล็กน้อย นี่มันแค่เป็นการถ่วงเวลาเท่านั้น พายุหมุนสีทองก็หมุนวนแล้วมีระดับพลังแรงขึ้นอีก
พลังของกรงเล็บเหมือนโดนกดทับเอาไว้ หลังจากที่มันโดนกดทับ เล็บทั้งห้าของมันก็สั่นเล็กน้อย จากนั้นมันก็ค่อยๆ เลือนรางแล้วหายไปในที่สุด
ในเวลาเดียวกัน มารทั้งห้ารู้สึกจมลงไปเรื่อยๆ ร่างกายของพวกมันถูกมัดด้วยสิ่งที่มองไม่เห็น เขาไม่สามารถขยับกายได้เลย
ในตอนนั้นมารทั้งห้าตนยืนอยู่นิ่งๆ พวกมันจึงโกรธอย่างมาก
แต่ระดับของพวกมันอยู่ในระดับสูง จะมาถูกมัดมือมัดเท้าแบบนี้ได้อย่างไร เขาโมโหจนคำรามออกมา รัศมีลำแสงสีดำก็ระเบิดออกมาจากมารทั้งห้าพร้อมกัน จึงทำให้สิ่งที่รัดเขาไว้หายไปทันที
แต่ในตอนนั้นหานลี่กลับยิ้มอย่างน่ากลัวออกมา สองมือร่ายคาถาพร้อมกัน ด้านหลังของเขาปรากฏเป็นปีกนกคู่หนี่งโผล่ออกมา สายฟ้าก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง ประจุสายฟ้าสีขาวเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็ไหลออกมาจากปีกของเขาไม่หยุด พวกมันผสานกันอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นลูกบอลสายฟ้าขนาดยักษ์สองลูก
หานลี่ชี้นิ้วไปที่ชายชราสวมชุดคลุมและมารสาวมีปีก ลูกบอลสายฟ้าสั่นเล็กน้อย และหายไปกลางอากาศอย่างน่าประหลาด
วินาทีนั้นเองชายชราและหญิงสาวรู้สึกตกใจอย่างมาก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ลูกบอลสายฟ้าขนาดใหญ่ทั้งสองก็ปรากฏขึ้น ประจุสายฟ้าจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็ไหลออกมา กลายเป็นสายฟ้าขนาดใหญ่สองสาย
แล้วบังเอิญว่าชายชราสวมชุดคลุมและมารสามตนอยู่กลางรัศมีฟ้าผ่าพอดี
“แย่แล้ว นี่มันเขตอาคมส่งตัว”
“สายตาของชายชรามองเพียงค่ายกลอัสนีที่อยู่ใต้เท้าเขาเท่านั้น เขาพูดอะไรไม่ออกสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เปลวเพลิงสีม่วงลอยออกมาจากร่างกายของเขา
จากนั้นร่างกายของชายชราก็ค่อยๆ เลือนราง และลอยหายไปจากค่ายกลอัสนี
แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคำรามดังลั่นอยู่ในศีรษะของเขา
ทันทีที่ได้ยินเสียงคำรามนั้น เขารู้สึกปวดหูอย่างมาก ราวกับจิตวิญญาณของเขาจะฉีกขาด
แม้ว่าชายชราผู้นี้จะอยู่เหนือพวกผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไป แต่ความเจ็บปวดระดับนี้ เขาต้องเอามือทั้งสองมากุมหัวเอาไว้ ร่างกายสั่นสะท้าน จนเกือบจะล้มลงไปแล้ว
ในช่วงที่โดนถ่วงเวลาเช่นนี้ ค่ายกลอัสนีด้านล่างก็เริ่มทำงาน ประจุสายฟ้าที่พัวพันกับชายชราก็หายไปแล้ว
ไม่เพียงแต่ชายชราสวมชุดคลุมผู้เดียว มารสาวที่มีปีกก็ถูกเคลื่อนย้ายไปที่ใจกลางของค่ายกลอัสนีโดยไม่รู้สึกตัวเช่นกัน
หานลี่หัวเราะออกมา ปีกด้านหลังของเขากระพือเล็กน้อย จากนั้นประจุสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา จนกลายเป็นสายฟ้าสีเงิน
ทันทีที่เขาโจมตี ตัวของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ทันทีที่หานลี่หายตัวไป พายุหมุนสีทองก็หายไปพร้อมกันด้วย
ตอนนั้นเองมารอีกสามตนก็หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่ใบหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความโกรธ
มารตัวเล็กพูดขึ้นมาอย่างโล่งอกว่า
“ยังดีที่พวกเขาถูกส่งตัวไปในที่ที่ไม่ไกลมากนัก หากอยากรวมตัวกันอีกล่ะก็สามารถมารวมตัวกันใหม่ได้”
“สหายทั้งสองไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว โชคดีที่วิชาของแม่นางอู๋สามารถติดต่อกับพวกเขาได้โดยตรง ไม่เช่นนั้นข้าจะต้องห่วงหน้าพะวงหลังแน่นอน” ชายสวมชุดเกราะสีทองถอนหายใจยาว แล้วพูดออกมาอย่างอ่อนโยน
เมื่อมารสามตาได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกโล่งอกอย่างมาก
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเสียงดังลั่นเกิดขึ้นบริเวณใกล้เคียง
การโจมตีต่างๆ โดนม่านสีทอง แสงสีทองจำนวนมากมายไหลออกมา
ตอนนั้นเองผึ้งโลหิตจำนวนมากก็หล่นลงพื้นราวกับฝนตก พริบตาเดียวก็เหลือเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้นที่เหลือรอด แต่มันตกใจอยู่จึงบินกระจัดกระจายไปตามท้องฟ้า
นอกจากระเบิดแสงสีทองนั้นแล้ว ก็ยังมีปราณที่แรงกดดันสูงทำให้คนหายใจลำบากแผ่ออกมา
หลังจากเสียงกรีดร้องจบลง ทันใดนั้นก็มีปูยักษ์สีทองขนาดเท่ากับภูเขาปรากฏออกมา
“อะไรกัน นี่มันปูศักดิ์สิทธิ์จากทะเลกำเนิดมาร”
“ทำไมบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ระดับเซียนถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หลังจากมารสาวร่างเล็กกับชายสวมชุดเกราะสีทองเห็นร่างที่แท้จริงของนักพรตเซี่ย พวกเขาก็ตกใจจนร้องเสียงหลง เขาก็รีบแผ่ปราณมารออกมาจากร่างกาย เขาหวาดกลัวจนต้องเดินถอยหลังกลับไป หมายความว่าเขาพร้อมจะวิ่งหนีไปทันทีที่ปูยักษ์ตัวนั้นลงมือ
แม้ว่ามารสามตาจะไม่มีความคิดที่หลบหนี แต่เมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของนักพรตเซี่ยเขาก็ตกใจอย่างมาก แต่หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แววตาของเขาเปล่งประกาย
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเคยเห็นร่างที่แท้จริงของข้ามาแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าจะไม่พูดมาก หากพวกเจ้าทั้งสามรอสหายหานสู้ชนะกลับมา ข้าจะไม่ทำอะไรพวกเจ้าในตอนนี้ แต่ถ้าไม่ล่ะก็ ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” ปูยักษ์สีทองยกก้ามขึ้นมา
มารร่างเล็กและชายชุดเกราะตกใจอย่างมาก เขาเดินถอยหลังไปไม่หยุด
“สหายทั้งสองไม่ต้องกลัวไป แม้ว่าเขาจะเก่งกว่าเดิมมาก แต่เขายังไม่ได้อยู่ในระดับมหาเมธี อีกทั้งปราณของเขาก็น้อยกว่าตอนที่อยู่ทะเลกำเนิดมารมากนัก ดูเหมือนว่าเขากำลังมีปัญหากับระดับเซียนของเขา พลังอ่อนแอลงมาก พวกเราสามคนผสานพลังกัน ไม่แน่ว่าอาจจะชนะได้” แสงจากดวงตาของมารสามตาได้หายไปแล้ว เขาพูดอย่างเสียงดัง จากนั้นก็ตบลงที่กระเป๋าที่คาดเอวอยู่
จากนั้นรัศมีลำแสงเจ็ดสีก็โผล่ออกมาจากกระเป๋าหนัง โครงกระดูกคริสตัลสีใสก็ปรากฏขึ้นมาสามตัว มือหนึ่งถือโล่สีขาวเหมือนหยก อีกมือถือค้อนที่มีปราณสีดำแผ่กระจายออกมา
ปราณของพวกมันไม่ได้อ่อนแอเลย ระดับของพวกมันเทียบเท่ากับระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง
“เจ้าคงดูไม่ผิดใช่หรือไม่ ที่ปูสีทองตัวนี้กำลังมีปัญหาอยู่” มารร่างเล็กรู้สึกแปลกใจอย่างมาก จึงรีบถามต่อ
“สหายหมิงมีวิชามองทะลุสรรพสิ่ง น่าจะดูไม่ผิดหรอก อีกทั้งตอนที่พวกเราจะจากไป ปูตัวนี้คงไม่ปล่อยพวกเราไปโดยง่ายแน่นอน แทนที่จะถูกฆ่าทีละคน พวกเราสู้ลุยไปพร้อมกันเลยดีกว่า” แววตาของชายสวมชุดเกราะเปล่งประกายขึ้นมา เขากระชับขวานในมือให้แน่นขึ้น
“ข้าเคยได้ยินมาว่าปูศักดิ์สิทธิ์สีทองตัวหนึ่งโดนมนุษย์ลักพาตัวมา แต่กลับไม่คิดว่าจะได้มาเจอที่นี่ ในเมื่อมันเชื่องกับพวกมนุษย์ขนาดนี้ และสหายทั้งสองยังบอกว่าเราสามารถสู้มันได้ เช่นนั้นน้องสาวก็จะขอช่วยอย่างเต็มที่เช่นกัน” หลังจากที่มารร่างเล็กเงียบไปนาน ในที่สุดนางก็พูดอย่างนิ่มนวลขึ้น
“ได้ ในเมื่อพวกเราทั้งสามคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน เช่นนั้นก็จับมันมัดไว้ก็ไม่น่ามีปัญหา รอสหายทั้งสองจัดการเจ้าเด็กนั้นเสร็จ พวกเราทั้งห้าคนค่อยผสานพลังจัดการมันพร้อมกัน เมื่อคิดเช่นนี้แล้วไม่น่าจะยากเท่าไหร่” มารสามตากล่าวอย่างมั่นใจ “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” มารร่างเล็กตอบอย่างฝืนๆ
ตอนนี้พวกเราได้เจอกับศัตรูตัวใหญ่เข้าแล้ว นี่มันเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย
แต่ว่ามารร่างเล็กจำได้ว่ามนุษย์ที่ลักพาปูศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้มา เป็นคนที่ค่อนข้างมีฝีมืออยู่บ้าง แต่เพราะว่านางไม่ได้อยู่ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ แต่กำลังทำสงครามอยู่ที่แดนวิญญาณ นางจึงไม่ค่อยได้รู้ข่าวคราวของแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งข่าวลือที่มาก็เป็นเรื่องบิดเบี้ยวและเกินจริง ทำให้นางไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่
“ได้ ในเมื่อพวกเรามีใจสู้ เช่นนั้นก็อย่าพูดจาไร้สาระอีกเลย ลงมือกันเถอะ” ชายหนุ่มเกราะทองหัวเราะ ทันทีที่เขาเปิดปากเขาก็พ่นเลือดออกมาจำนวนหนึ่ง
เลือดบริสุทธิ์พัดออกมากลายเป็นหมอกสีเลือด แต่หลังจากเสียง “แค่ก” จบลง หมอกสีเลือดเหล่านั้นก็ลอยเข้าไปในขวาน
ในตอนที่ชายเกราะทองกำลังร่ายคาถาอยู่นั้น ขวานก็ส่งเสียงร้องดังลั่น จากนั้นมันก็เปล่งแสงสีแดง และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลังจากแสงสีเลือดหายไป ขวานที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
แต่ในตอนนั้นเองเสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้น เมฆฝนไม่รู้ลอยมาจากไหน มันลอยมารวมตัวกัน จนท้องฟ้ากลายเป็นสีดำสนิท
งูยักษ์ตัวใหญ่สีเงินลอยผ่านไปมาอยู่กลางอากาศ กลางเมฆดำเห็นขวานอันใหญ่สีแดงได้อย่างชัดเจน ขนาดมากกว่าร้อยจั้ง มันแผ่ปราณมารออกมา ดูน่ากลัวอย่างมาก
เมื่อมารสามตาและมารสาวร่างเล็กเห็นดังนั้นก็เริ่มรู้สึกมีความหวังมากขึ้น ในตอนนั้นเองเขาก็ลงมือพร้อมกัน
โครงกระดูกสามตัวของมารสามตาก็ค่อยๆ เลือนราง จากนั้นมันก็ไปปรากฏอยู่ข้างกระดองของปูยักษ์สีทอง มันกำลังล้อมรอบตัวปู มันจะใช้ค้อนในมือโจมตีลงไปอย่างไม่ลังเล
ทันใดนั้นเองเสียงของค้อนผีก็ร้องคำรามขึ้น ปราณสีดำพวยพุ่งออกมา กลายเป็นเชือกขนาดใหญ่นับสิบ รัดตัวปูเอาไว้อย่างโหดร้าย
ทางด้านของมารสาวร่างเล็กก็อ้าปากคายน้ำเต้าสีเงินออกมา หลังจากนั้นนางก็แตะนิ้วลงไปเบาๆ รัศมีลำแสงสีชมพูจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมากลายเป็นอีกาสีชมพู
ปากสีทอง ตาสีเงิน ดูท่าทางอันตรายอย่างมาก
หลังจากที่มารร่างเล็กกรีดร้องเสียงแหลม อีกาตัวนั้นก็บินออกไปพร้อมตอบรับด้วยเสียงแปลกๆ
ปูศักดิ์สิทธิ์เห็นสถานการณ์เหล่านั้นทั้งหมด มันกลับยกก้ามทั้งสองมาชนกันเท่านั้น หลังจากเสียงฟ้าร้องคำราม ประจุสายฟ้าสีเงินจำนวนนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งออกมา กลายเป็นตาข่ายไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ปกคลุมร่างของเขา
ในขณะเดียวกันที่ปูศักดิ์สิทธิ์กำลังรวบรวมประจุสายฟ้า ลูกบอลสายฟ้าสองลูกขนาดเท่าบ้านก็ปรากฏขึ้น แรงระเบิดของพวกมันทำให้คนหวาดกลัวอย่างมาก
สงครามของนักพรตเซี่ยและมารทั้งสามก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
กลางเทือกเขาที่ห่างออกไปหมื่นลี้หานลี่กำลังยืนยิ้มอยู่บนท้องฟ้า ด้านหลังของเขาคือพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรที่แข็งแกร่งเปล่งประกายสีทองจนคล้ายจะเป็นร่างจริง ด้านล่างของพวกเขามีกระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มบินวนไปวนมาสลับซ้อนกันจนคล้ายกับชั้นของดอกบัว
แต่ด้านของชายชราสวมชุดคลุมและมารสาวมีปีกกลับดูเคร่งเครียด พวกเขาจ้องหานลี่อย่างไม่วางตา ราวกับต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่