อาคมในมือของเขาเปลี่ยนไปโดยมีสัญญาณอันใดบอก
เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์พลันโยนกระบี่ยักษ์ในมือออกไป ผิวมีลำแสงสีทองไหลวนโคจร คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนจากเงาลวงตาเป็นร่างทองเที่ยงแท้ อักขระยันต์สีทองจำนวนนับไม่ถ้วนรายล้อมรอบกายเขา
ร่างทองอ้าปากทั้งสามออกอย่างเงียบเชียบ แต่ระลอกคลื่นสีขาวพลันม้วนวนออกมา และเปล่งแสงสว่างวาบ พลางจมหายเข้าไปในทะเลหมอก
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น!
ระลอกคลื่นสีขาวระเบิดออกท่ามกลางฝุ่นหมอก คลื่นเสียงโปร่งแสงแผ่ออกมาถึงทะเลหมอกทั้งผืน จุดที่คลื่นเสียงกวาดผ่านไป ทหารสีเทาทีเรียงแถวอยู่ในทะเลหมอกพลันกลายเป็นผุยผงในพริบตา
แต่ต่อมาเมื่อทะเลหมอกม้วนวนอีกครั้ง ทหารนับร้อยนับพันนายปรากฏออกมาอีกครั้งอย่างไม่ได้รับความเสียหาย โบกสะบัดอาวุธในมือไปมา เสียงแหวกอากาศดังขึ้น!
ลำแสงสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งลงมา ปกคลุมทั้งอากาศเอาไว้ ทุกสายล้วนเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงออกมา ราวกับว่าทำลายไม่ได้
หานลี่เห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี ปากก็ร้องตะโกนต่ำๆ ออกมา นิ้วชี้ไปที่ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์
ร่างทองสามเศียรหกกรหยุดระลอกคลื่นสีขาวในปากทันที ก้าวเท้าออกมาก้าวหนึ่ง กรทั้งหกโบกสะบัด ชั่วขณะนั้นฝ่ามือพลันเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า
หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น ก็พ่นเสาลำแสงหนาๆ หกสายออกมา และผนึกรวมร่างกับทะเลหมอกด้านล่าง กลายเป็นพายุหมุนสีทอง
พายุหมุนนี้มีความสูงสองสามร้อยจั้ง แค่หมุนคว้าง อักขระสีทองก็ทะลักออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน ในเวลาเดียวกันก็มีพลังแรงดูดที่น่าเหลือเชื่อม้วนวนออกมาจากพายุ
ลำแสงสีเหลืองที่พุ่งลงมาด้านล่างถูกพลังมหาศาลฉีกออก แค่สั่นเทาแล้วทยอยกันเปลี่ยนทิศทางไปหาพายุหมุน และส่งเสียงอึกทึกพลางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนฝุ่นหมอกตรงขอบฟ้าและทหารนับร้อยนายที่สร้างขึ้นกลางอากาศก็ได้รับผลกระทบจากพลังแรงดูดมหาศาลไม่อาจควบคุมตนเองบินเข้าไปราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเช่นกัน ยามนั้นฝุ่นหมอกพลันหมุนวน เงาร่างคนทยอยกันทะลักออกมา
ทว่าหลังจากผ่านไปสองสามชั่วลมหายใจ อากาศก็สดใส นอกจากเมฆสีดำทมิฬและพายุหมุนสีทองแล้วก็ไม่มีสิ่งใดอีก
พายุหมุนสีทองยังคงหมุนวนโคจรอยู่กลางอากาศ ด้านในมีเสียงดังขึ้นไม่ขาดสาย ดูไม่ออกว่าสามารถบรรจุฝุ่นหมอกจำนวนมากได้เลยสักนิด
หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง ในที่สุดใบหน้าก็เผยสีหน้ายินดีออกมา
เขาสะบัดแขนเสื้อไปทางพายุหมุน อาคมหลากสีสันพุ่งออกมาเป็นสายๆ กะพริบวาบอย่างต่อเนื่อง แล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในพายุอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมากลางอากาศก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้น!
เสียงด้านในพายุหยุดลง แต่ตัวกลับหดเล็กลงท่ามกลางลำแสงสีทองอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ สุดท้ายพายุหมุนกลางอากาศก็สลายออกแล้วหายวับไป ลูกบอลผลึกสีทองขนาดเท่าศีรษะร่อนลงมาจากกลางอากาศ
หานลี่ที่อยู่ด้านล่างแววตาเปล่งประกาย มือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศ ดูดลูกบอลผลึกเข้ามาในมือ
แต่เมื่อสิ่งนี้ร่อนลงกลางฝ่ามือ ข้อมือของหานลี่ลดระดับลงมาอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้ว่าจะยกขึ้นอีกครั้งทันทีแต่ใบหน้าก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา
ลูกบอลผลึกสีเหลืองดูเหมือนจะไม่สะดุดตาเลยสักนิด แต่ความหนักของมันคาดไม่ถึงว่าจะมากกว่าล้านชั่ง
จากพลังจิตสัมผัสของหานลี่ในยามนี้ เมื่อสัมผัสกับมันก็เกือบจะไม่อาจคว้ามันเอาไว้ได้
แม้จะไม่รู้ว่าทะเลหมอกทั้งผืน ถูกเขาใช้พลังปราณมหาศาลฝืนกดสิ่งนี้เอาไว้ ควรจะเรียกวัตถุดิบใด แต่หากจากสมบัติวิเศษที่เขาหลอมขึ้น อานุภาพจะมากแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว
หานลี่ขบคิดในใจ พลังปราณฟ้าดินกลางอากาศซัดสาดมา มีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง!
จากนั้นเหนือบ่อพลันมีเมฆสีดำม้วนวนออกมา แล้วแยกออกเป็นซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าจะมีรูยักษ์ปรากฏขึ้น รูนี้มีขนาดยี่สิบสามสิบหมู่ ด้านในมีเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินดีดตัวออกมาไม่หยุด ลูกบอลอัสนีเปล่งประกาย และยิ่งไปกว่านั้นขยายใหญ่อยู่ตรงขอบไม่หยุด ราวกับว่าแดนอัสนีกำลังแหวกเขตแดนมา
“เคราะห์อัสนีเที่ยงแท้!”
หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็เอ่ยพึมพำด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ฝ่ามือพลิ้วไหวเล็กน้อย ชั่วขณะนั้นของในมือพลันเปล่งแสงสว่างวาบเก็บเข้าไป ในเวลาเดียวนิ้วทั้งสิบก็ชี้ไปรอบด้าน อาคมสีเขียวดีดออกมาเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเขตอาคมที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้น
ชั่วขณะนั้นรอบด้านพลันมีเสียงอึกทึกดังขึ้น เขตอาคมที่เหลือเปล่งแสงสว่างวาบกระตุ้นอานุภาพจนถึงขีดสุด กระตุ้นม่านลำแสงจนหนาแน่น
สิ่งที่น่าสะดุดตายิ่งกว่าก็คือภูเขาสามลูกที่เดิมนิ่งสนิทอยู่รอบด้านของหานลี่ ในที่สุดก็บินขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
พวกมันหยุดชะงักอยู่เหนือม่านลำแสง แล้วกลายเป็นสามเหลี่ยมลอยอยู่กลางอากาศต่ำๆ คุ้มครองหานลี่เอาไว้อย่างแน่นหนา
แต่หานลี่ยังไม่วางใจ จากนั้นก็ร่ายอาคมกระบี่ในใจ กระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มเปล่งแสงสว่างวาบอยู่ใต้ภูเขาหยิน หลังจากหมุนวนโคจรรอบหนึ่งก็กลายเป็นดอกบัวสีเขียวดอกยักษ์ ลอยนิ่งอยู่เหนือศีรษะไม่ขยับเขยื้อน
มิน่าล่ะเขาถึงได้ระมัดระวังเช่นนี้!
เคราะห์สวรรค์ระดับมหายานที่มนุษย์พูดถึง ความจริงแล้วไม่ได้หมายถึงเคราะห์เบญจธาตุที่อยู่อันดับแรก แต่หมายถึงเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ที่ตามมาติดๆ กัน
ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายคนอื่นๆ ในอดีตที่ทะลวงระดับมหายาน หากเพลี้ยงพล้ำแปดเก้าส่วนก็ต้องมอบชีวิตไว้ให้กับเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ มีเพียงต้องผ่านเคราะห์นี้ไปได้ถึงจะมีคุณสมบัติรับการทดสอบจากเคราะห์จิตใจ
แม้ว่าความยากของเคราะห์จิตใจจะมากกว่าเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติแม้ว่าจะไม่อาจข้ามผ่านเคราะห์นี้ได้ ก็มีโอกาสที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ไม่เหมือนกับเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ หากไม่โชคดีข้ามเคราะห์ไปได้ ก็ต้องสลายหายไปท่ามกลางพลังอัสนี ไม่มีทางเลือกที่สาม
หานลี่กระตุ้นเขตอาคมและสมบัติต่างๆ ไปพลาง ย้อนนึกถึงประสบการณ์การฟาดเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ของบรรพชนเอ๋าเสี้ยว ม่อเจี่ยนหลีสิ่งมีชีวิตระดับมหายานทั้งสอง ใบหน้าก็เคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง
…
อิ๋นเย่ว์ จูกั่วเอ๋อร์และนักพรตเซี่ยที่อยู่บนยอดเขาไกลออกไปพลันมีสีหน้าแตกต่างกัน
อิ๋นเย่ว์ยังคงดวงตาสดใส แต่ใบหน้ามีสีหน้าร้อนใจปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ จูกั่วเอ๋อร์มองหานลี่ต้านทานเคราะห์เบญจธาตุเสร็จ ใบหน้าเล็กๆ ก็ตกตะลึงจนตาค้าง
ส่วนนักพรตเซี่ยก็เอาสองมือไพล่หลังยืนอยู่บนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นในบ่อด้วยสีหน้าราบเรียบ
ฉับพลันนั้นเขาพลันหน้าเปลี่ยนสีหันหน้าไป สายตามองไปยังยอดเขาที่อยู่ไกลออกไปใต้ฝ่าเท้า ยามนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อิ๋นเย่ว์ที่อยู่บนยอดเขาอีกลูกก็เหมือนจะสัมผัสอันใดได้ แววตาคู่งามเปล่งประกายมองไปยังทิศทางเดียวกัน
“ดินแดนรกร้างเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะมีผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ฝึกฝนอยู่ที่นี่ มีเพียงต้องไล่พวกเขาออกไปแล้วค่อยว่ากัน” อิ๋นเย่ว์เอ่ยพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา ร่างพลิ้วไหว คนก็หายวับไปจากที่เดิม
จูกั่วเอ๋อร์มองฉากนี้อยู่ด้านข้าง ยามแรกพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถึงบางอ้อ แต่ครุ่นคิดแล้วก็ยังอยู่ที่เดิมอย่างลังเล ไม่ได้รีบร้อนตามไป
กลางอากาศห่างจากบ่อไปหมื่นลี้ ลำแสงหลีกหนีสองระลอกไล่ตามกันอยู่ด้านหน้าและด้านหนึ่ง ทั้งสองบินไปด้วยความรวดเร็ว นั่นคือจุดที่หานลี่กำลังฟาดเคราะห์สวรรค์
ลำแสงหลีกหนีที่พุ่งหนีไปอย่างรวดเร็วด้านหน้ามีประมาณสิบกว่าสาย ดูจากกลิ่นอายของเคล็ดวิชา ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ และยิ่งไปกว่านั้นส่วนใหญ่ยังอยู่ในระดับก่อกำเนิด มีเพียงสตรีผู้บำเพ็ญเพียรที่ขับเคลื่อนลำแสงหลีกหนีแวววาวด้านหน้าสุด ที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับเทพแปลงขั้นปลาย
ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ขาวนวลและงดงาม อายุยี่สิบกว่าปี สวมชุดชาววังสีฟ้า บางครั้งก็หันหน้ามองกลับไปด้านหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าร้อนใจ
ส่วนระลอกคลื่นอีกระลอกที่ไล่ตามมาด้านหลังติดๆ ลำแสงหลีกหนีล้วนเป็นสีดำเทาขาว และมีกลิ่นอายมารพายุมารที่ไม่อ่อนแอขนาบอยู่ ด้านในมีมารหน้าตาโหดเหี้ยมอยู่ลางๆ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นกองกำลังยอดฝีมือเผ่ามาร
เผ่ามารระดับเทพแปลงขึ้นไปล้วนมีมากกว่าครึ่ง หนึ่งในนั้นมีแม้กระทั่งมารร่างกายสูงใหญ่ระดับหลอมสูญที่หัวเป็นคนตัวเป็นอสรพิษ
จากระดับพลังยุทธ์ที่ห่างชั้นกันของทั้งสอง ระยะห่างระหว่างพวกของหญิงสาวสวมชุดชาววังและกลุ่มที่อยู่ด้านหลังจึงเข้าใกล้ขึ้นอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวสวมชุดชาววังสีฟ้าผู้นั้น เห็นผู้ที่ตามมาด้านหลังอยู่ห่างจากพวกของตนไปแค่สองสามลี้ จะลงมือขัดขวางพวกเขาได้แล้ว ทันใดนั้นก็กัดฟัน ลำแสงหลีกหนีผ่อนกำลังลงเล็กน้อยพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ชั่วขณะนั้นในมือพลันมีหม้อใบเล็กสีขาวโปร่งแสงใบหนึ่งปรากฏขึ้น
มือเรียวข้างหนึ่งตบไปด้านบนอย่างรวดเร็ว หม้อใบเล็กส่งเสียงหึ่งๆ ฝาหม้อบินออกไปทันที ด้านในมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ทันใดนั้นเส้นไหมผลึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ม้วนวนออกมา และแผ่ออกห่อหุ้มเผ่ามารด้านหลังเอาไว้ เส้นไหมสีขาวเหล่านี้บางเบาและแวววาว เย็นเยียบเป็นอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นม้วนวนและมีสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นลางๆ
เผ่ามารที่อยู่ด้านหลังไม่ทันได้ระวังตัว ชั่วขณะนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นท่ามกลางไอมาร ทยอยกันกระตุ้นเคล็ดวิชาต้านทานไว้ แต่ยังคงมีเผ่ามารระดับก่อกำเนิดสองคนถูกเส้นไหมสีขาวทะลวงผ่านร่าง กลายเป็นกรวยน้ำแข็งสองกรวยร่วงลงไป เผ่ามารที่เป็นผู้นำเห็นเช่นนั้นพลันเกรี้ยวโกรธ แล้วอ้าปากออกพ่นหมอกสีเขียวดำออกมา
เมื่อเส้นไหมสีขาวสัมผัสกับหมอกสีเขียว คาดไม่ถึงว่าจะถูกกัดกร่อนจนผิวสีเขียวมรกตหม่นแสงลง ชั่วขณะนั้นพลันไม่มีอานุภาพเหมือนก่อนหน้าอีก
เผ่ามารหัวอสรพิษชูแขนขึ้นปล่อยสามง่ามสีดำสิบกว่าเล่มออกมา กลายเป็นลำแสงสีดำสิบกว่าสายพุ่งไปที่เส้นไหมสีขาวสองสามครั้ง
เมื่อสัมผัสกับเส้นไหมสีขาวเหล่านั้นก็ทยอยกันสั่นเทาแล้วดีดตัวกลับมา ไม่อาจต้านทานได้เท่าใดนักหญิงสาวสวมชุดชาววังเห็นเช่นนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสี เก็บหม้อใบเล็ก กลายเป็นลำแสงหลีกหนีคิดจะกลับตัวหนี
แต่กลับสายไปเสียแล้ว!
เผ่ามารระดับเทพแปลงขั้นปลายสองตนด้านหลังกลับกระตุ้นเคล็ดวิชามาร คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศไป กะพริบวาบๆ ชิงมาขวางมนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มนี้เอาไว้ หญิงสาวสวมชุดชาววังพลันหน้าเปลี่ยนสีเป็นปั้นยาก แต่ก็จำใจต้องนำลุกหนึ่งหยุดลำแสงหลีกหนีตั้งท่าป้องกัน
มนุษย์ผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ล้วนหน้าซีดเผือด ไม่อาจปกปิดแววตาหวาดกลัวได้ ถึงอย่างไรเสียพละกำลังของพวกเขากับเผ่ามารเหล่านี้ ก็ไม่แตกต่างกันมากเกินไป แม้ว่าจะพยายามสุดชีวิต แต่โอกาสรอดชีวิตก็เกือบจะไม่มี
เผ่ามารคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังจึงถือโอกาสนี้กรูกันเข้ามากระตุ้นไอมารล้อมผู้บำเพ็ญเพียรกลุ่มนี้เอาไว้จนไร้ซึ่งช่องโหว่
เผ่ามารหัวอสรพิษร่างมนุษย์เผยสีหน้าโหดเหี้ยมปากก็ร้องตะโกนคำว่า ‘สังหาร’ ออกมา และกระตุ้นสามง่ามบินสิบกว่าด้าม ชิงกระโจนล่วงหน้าไป
เผ่ามารตนอื่นๆ ก็ทยอยกันลงมือตามไปติดๆ