A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน – ตอนที่ 2179 อัสนีเทวะไล่มาร

แววตาของหานลี่ฉายแววระมัดระวัง ก้มหน้าลง กวาดสายตาไปบนเรือนร่างของตนอย่างรวดเร็ว ใบหน้าพลันเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

เห็นเพียงเขาในยามนี้ร่างกายซูบผอม แม้ว่าเสื้อผ้าบนร่างจะเหมือนกับก่อนหน้าทุกระเบียบนิ้ว แต่กำไลเก็บของบนข้อมือและแหวนอสูรวิญญาณกลับหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

สิ่งที่แปลกประหลาดกว่านี้ก็คือหลังจากที่กวาดจิตสัมผัสไปบนใบหน้าของเขา กลับพบว่าใบหน้าของตนกลับมามีอายุประมาณสิบสามสิบสี่ปี แค่ผิวไม่ไหม้เกรียมอีก แต่เปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยก

“ทารกวิญญาณออกจากร่าง! ดูแล้วเคราะห์จิตมารคงเริ่มแล้ว” หานลี่ใช้มือลูบใบหน้าของตนเอง แล้วเอ่ยพึมพำด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ

ในยามนั้นในหัวของเขาหานลี่พลันมีเสียงหัวเราะประหลาดๆ ของหญิงสาว

“เด็กเอ๋ย พวกเราได้พบกันอีกแล้ว ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเดินมาถึงขั้นนี้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นเพียงเท่านั้น ทว่าครั้งนี้ข้ามาด้วยร่างเที่ยงแท้ ต่อให้เจ้าเป็นเทพเซียนต้าหลัวกลับชาติมาเกิด ก็หนีเคราะห์จิตมารได้ยาก”

ระหว่างเสียงหัวเราะประหลาดๆ ท้องฟ้าสีเทาพลันแยกออก ศีรษะภูตหน้าเขียวขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมพลันดิ้นรนออกมา จากนั้นก็แลบลิ้นยาวสองสามจั้งมาเลียริมฝีปากหนาๆ ทางหานลี่ แล้วส่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมา

ศีรษะภูตยักษ์นี้คือมารเหนือฟ้าที่มีความแค้นกับหานลี่ในตอนนั้น และยิ่งไปกว่านั้นอาศัยพลังเคราะห์จิตมารเลยพาร่างเที่ยงแท้มาที่นี่

“งั้นหรือข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาจนมาปรากฏตัวต่อหน้าข้า!” หานลี่ตอบกลับด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

“ยามนี้ยังกล้าพูดเช่นนี้! อีกเดี๋ยวข้าจะให้เจ้าลิ้มรสว่าอันใดที่เรียกว่าร้องขอชีวิตก็ไม่ได้ร้องขอความตายก็ไม่ได้…” มารเหนือฟ้าเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ยังไม่ทันเอ่ยจบ ชั่วขณะนั้นศีรษะภูตก็หมุนคว้างกลางลำแสงสีดำแล้วขยายใหญ่ขึ้น

หานลี่รูปร่างเด็กหนุ่มด้านล่างพลันมีสีหน้าเย็นชาปรากฏขึ้น ฉับพลันนั้นพลันอ้าปาก พ่นลำแสงสีทองขนาดเท่ากำปั้นสามลูกออกมา

ลำแสงสีทองแค่ลางเรือน มารก็ปรากฏอยู่ใกล้กับศีรษะภูตห่างไปแค่คืบ

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสิ่งของรูปทรงสามเหลี่ยม!

ผิวเปล่งแสงสีทองเรืองรอง มีอักขระยันต์สีแดงสดเรียงตัวอย่างหนาแน่น ราวกับหัวหอกสีทองที่หดเล็กลง

“แย่แล้ว”

แม้ว่ายามนั้นมารเหนือฟ้าจะไม่รู้จักสามสิ่งนี้ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอันตราย กลับทำให้เขารู้สึกตกตะลึง ศีรษะภูตรีบพลิ้วกาย กลายเป็นหมอกสีดำหมายจะหลบหลีก

แต่ยามนี้หานลี่พลันใช้นิ้วหนึ่งชี้ไปที่ลำแสงสีทองสามลูก ในเวลาเดียวกันปากก็พ่นคำว่า “ระเบิด” ออกมา

ยามนั้นหัวหอกสีทองสามหัวพลันระเบิดออก เปลวเพลิงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนและประจุไฟฟ้าสีทองบริสุทธิ์พลันทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็กลืนกินศีรษะภูตที่กลายเป็นไอสีดำเข้าไปข้างใน และส่งเสียงร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง

“ไม่…นี่คืออัสนีวัชระกำจัดมาร…เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไร…” ไอสีดำที่อยู่กลางลำแสงสีทองสลายหายไปอย่างรวดเร็ว มีเสียงกรีดร้องแหลมสูงของมารเทวะดังออกมา ท่าทางไม่อยากจะเชื่อ

“เรื่องนี้ต้องรอให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านไปก่อน แล้วค่อยขบคิดก็แล้วกัน” หานลี่กลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา อ้าปากออกอีกครั้ง พ่นลำแสงสีทองอีกสี่ดวงออกมา

“เจ้าเลิกคิดว่าจะประสบความสำเร็จไปได้เลย คิดจริงๆ หรือว่าอัสนีกำจัดมารสองสามลูกนี้จะกำจัดข้าได้จริงๆ!” มารเหนือฟ้าตะโกนด้วยเสียงอันดัง ร่างที่กลายเป็นไอสีดำบิดเบี้ยว คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเส้นไหมสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออก กะพริบวาบแล้วพุ่งไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านพร้อมกัน

แต่หานลี่กลับดูเหมือนจะเตรียมการป้องกันเองเอาไว้แล้ว หลังจากมีสีหน้าเคร่งขรึม นิ้วก็สั่นระริกพลางชี้ไปกลางอากาศอีกครั้ง

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีทองพลันพลิ้วไหวมาปรากฏตรงหน้าเส้นไหมสีดำทั้งสี่ที่กำลังหนีไปคนละทิศทาง และในเวลาเดียวกันก็เปล่งแสงสว่างวาบระเบิดออก

เปลวเพลิงสีทองและประจุไฟฟ้าแผ่ออกมาทั่วท้องฟ้า

เส้นไหมสีดำแปดเก้าส่วนที่พุ่งออกไปเหล่านั้นกลายเป็นเถ้าถ่านท่ามกลางลำแสงสีทอง มีเพียงสิบกว่าเส้นที่โชคดีหนีรอดออกจากวงล้อมการโจมตีได้ และรวมตัวกันห่างออกไปร้อยจั้งอีกครั้ง กลายเป็นศีรษะภูตใหม่

แต่แค่ศีรษะภูตไม่เพียงขนาดหดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากระถางดอกไม้ ร่างกายยิ่งลางเรือน เกือบจะเป็นภาพลวงตา เห็นได้ชัดว่าสูญเสียปราณแท้ไปจำนวนมาก

และเมื่อศีรษะภูตปรากฏตัว ก็ระเบิดสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา ชูคอขึ้นส่งเสียงกรีดร้องแหลมๆ คาดไม่ถึงว่าจะหมุนวนกลายเป็นเงาลวงตาภูตที่ชั่วร้ายยี่สิบสามสิบหน้า แล้วกระโจนมาหาหานลี่

แต่ใบหน้าของหานลี่กลับเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา สะบัดแขนเสื้อ คาดไม่ถึงว่าจะมีลำแสงสีทองเจ็ดดวงปรากฏขึ้น เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปหาลำแสงสีดำ

หลังจากที่ท้องฟ้ามีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นสองสามครั้ง ลำแสงสีดำก็สลายหายไปจากกลางอากาศ

แต่ครู่ต่อมาท้องฟ้าสีเทากลับมีเสียงทั้งบุรุษและสตรีของมารเหนือฟ้าดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว

“เจ้าเด็กเผ่ามนุษย์ ครั้งนี้ข้าถูกเจ้าวางแผนทำร้าย แต่เจ้าอย่าดีใจเร็วไป รอเจ้าฟาดเคราะห์สวรรค์บรรลุขึ้นมา ข้าจะต้องเชิญจอมมารทั้งหมดในละแวกนี้มาขัดขวางการฟาดเคราะห์ของเจ้า ถึงยามนั้นแม้ว่าเจ้าจะมีอัสนีวัชระกำจัดมาร ก็เข้าสู่แดนเซียนได้ยาก”

เสียงพูดดังสนั่นเพิ่งจะเอ่ยจบ เสียงกลางท้องฟ้าก็หายไปไม่มีเสียงใดอีก

หานลี่หน้าเปลี่ยนสี แต่ก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง

เขาใช้มือหนึ่งกวักออกไป ลำแสงสีทองเจ็ดดวงบินออกมาหมุนวนแล้วบินกลับไป แต่เมื่อหานลี่ผสานมือทั้งสองเขาด้วยกันถูลำแสงสีทองเหล่านั้นไปแล้ว ก็กลายเป็นลูกบอลทรงกลมสีทองเจ็ดลูก ผิวมีประจุไฟฟ้าสีทองแล่นเปรี้ยงปร้าง แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่ใช่อัสนีวัชระกำจัดมารที่แท้จริง

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา สะบัดแขนเสื้อเก็บลูกบอลสีทองเจ็ดลูกเข้าไป

ไข่มุกสีทองเจ็ดดวงเองก็ไม่อาจเรียกว่าของปลอมได้ เป็นแค่อัสนีวัชระกำจัดมารกึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น

หลังจากที่เขาบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ขอแค่มีเวลาว่าง ก็เริ่มหลอมอัสนีเทวะนี้อย่างลับๆ

ทว่าการหลอมอัสนีนี้มันยากเย็นมาก แม้ว่าหานลี่จะมีใบไผ่อัสนีทองเพียงพอ แต่วัตถุดิบอื่นๆ ก็รวบรวมมาได้อย่างยากเย็น และยิ่งไปกว่านั้นอัตราการหลอมสำเร็จก็ต่ำเตี้ยมาก

จากอิทธิฤทธิ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายของหานลี่ ประกอบกับเวลานานเช่นนี้ ก็หลอมอัสนีเทวะออกมาได้แค่เจ็ดดวงเท่านั้น ส่วนเจ็ดลูกที่เป็นกึ่งสำเร็จลูกสุดท้ายนั้น กลับไม่มีกำลังหลอมให้สำเร็จได้ต่อ

หานลี่เริ่มขบคิดว่าจะจัดการกับมารเหนือฟ้าอย่างไรก่อนที่จะทะลวงจุดคอขวดระดับมหายานตั้งนานแล้ว

เดิมเคราะห์จิตมารก็ผ่านได้ยากอยู่แล้ว หากมารเหนือฟ้าคอยสอดมือเข้ามายุ่งอีก อัตราการข้ามผ่านได้ก็มีน้อยแสนน้อย

ดังนั้นหลังจากที่เขาขบคิดแผนการณ์อย่างหนัก ถึงได้คิดแผนปล่อยอัสนีกำจัดมารออกมาทีเดียวเพื่อทำให้มารตนนี้ได้รับบาดเจ็บหนัก แล้วใช้อัสนีเทวะปลอมขู่ให้อีกฝ่ายหวาดกลัว

จากอานุภาพที่น่ากลัวที่สามารถควบคุมศีรษะมารได้ของอัสนีวัชระกำจัดมาร แม้ว่ามารเหนือฟ้าจะอิทธิ์เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตระดับมหายาน แต่เมื่อสำแดงฝีมือทั้งจริงและปลอมพร้อมกัน แปดเก้าส่วนก็ต้องตกใจจนหนีไป

ก่อนที่จะทะลวงจุดคอขวดระดับมหายาน เขาก็หลอมอัสนีเทวะจริงเท็จและจิตวิญญาณเข้ากับร่าง ถึงได้สำแดงอัสนีเทวะออกมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

สถานการณ์ทุกอย่างหลังจากนี้ ก็เหมือนกับที่เขาคิดไว้

มารเหนือฟ้าถูกอัสนีเทวะเจ็ดลูกทำให้ได้รับบาดเจ็บหนักก่อน จากนั้นอัสนีเทวะปลอมเจ็ดลูกก็ทำให้เขาตกใจจนหนีไปทันที

แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะเดิมอัสนีเทวะปลอมเจ็ดดวงก็เป็นอัสนีวัชรกำจัดมารกึ่งสำเร็จรูปอยู่แล้ว มิเช่นนั้นอาวุธที่ดูเหมือนทั่วๆ ไป คงไม่อาจปิดบังหูตาของเขาได้

ยามนี้มารเหนือฟ้าล่าถอยไปแล้ว หานลี่อาศัยจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของตนเองก็มั่นใจได้ว่าจะผ่านเคราะห์จิตมารหลังจากนี้ได้สองสามส่วน

ส่วนที่มารเหนือฟ้ากล่าวว่ายามที่เขาบรรลุขึ้นไปจะมาขัดขวางอีกครั้ง แม้ว่าจะทำให้เขาหนักใจ แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องในอนาคต ยามนี้จึงไม่ต้องกังวลมากนัก

สำหรับหานลี่แล้วยามนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องผ่านเคราะห์จิตมารสุดท้ายให้ได้ ทำให้ตนเหยียบย่างเข้าสู่ระดับมหายาน

หลังจากที่หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็วก็เก็บจิตสัมผัสกลับมาทันที ดวงตาฉายแววสีฟ้าสว่างวาบแล้วมองไปรอบด้าน

ยามนี้บรรยากาศสีเทารอบด้านเริ่มหมุนวน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่กลางอากาศก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะมีดวงตายักษ์สีเทาขนาดสองสามจั้งจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏรอบด้าน ทุกดวงจ้องเขม็งไปที่หานลี่ และมีรัศมีลำแสงห้าสีแผ่ออกมา

เมื่อสายตาของหานลี่สัมผัสกับรัศมีลำแสง ชั่วขณะนั้นก็รู้สึกจิตสัมผัสหนักอึ้ง หลังจากที่เบื้องหน้าลางเรือน ฟ้าดินรอบด้านก็เปลี่ยนไป คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภูเขาและวารีสีเขียวมรกต

ชั่วพริบตายอดเขาลูกที่ไม่ใหญ่หนึ่งในนั้นทั้งไกลและใกล้ หานลี่รู้สึกเพียงว่าวิงเวียนศีรษะ คนมาปรากฏในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายดินโคลน ตนเองก็กลายเป็นเด็กอายุประมาณหกเจ็ดปี สวมชุดหยาบๆ ที่เต็มไปด้วยรอยปะจนแทบจะมองไม่เห็นสีเดิม และกำลังล้อเล่นหยอกล้อกับเด็กคนอื่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “ลูกหมา ไข่ดำ เสาเหล็ก…”

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หานลี่แทบจะเรียกความทรงจำที่ฝังลึกอยู่ตั้งไม่รู้กี่ปีออกมา แทบจะร้องเรียกชื่อเด็กชายอื่นๆ ออกมาตามจิตสำนึก

แต่ไม่รอให้ก้นบึ้งของหัวใจของเขามีความสงสัยผุดขึ้นมา พลังลึกลับที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งก็มีผลกับจิตวิญญาณของเขา ทำให้จิตใจของเขาร้อนรุ่ม ชั่วพริบตาก็ลืมเลือนทุกอย่าง จมเข้าสู่ภวังค์ตรงหน้าเล่นสนุกกับเด็กคนอื่นๆ และเริ่มหัวเราะร่าออกมา

ไม่ไกลนักมีเงาร่างคนเล็กๆ ตัวผอมๆ เดินโซซัดโซเซมาทางนี้ เงาร่างนั้นคุ้นเคยจนทำให้หานลี่ต้องหันไปมอง แล้วร้องออกมาด้วยความดีใจว่า “น้องหญิง”

ตรงใจกลางบ่อกายเนื้อของหานลี่นั่งสมาธิอยู่บนพื้น หน้าผากเหนือศีรษะเปิดออก ทารกวิญญาณสีทองเรืองรองเองก็นั่งสมาธิอยู่เงียบๆ เช่นกัน

และระหว่างทั้งสองมีไอมารสีเทาหมุนวน ปิดล้อมรอบด้านไว้อย่างแน่นหนา และบางครั้งก็มีเงาภูตโครงกระดูกต่างๆ สีดำบ้างสีขาวบ้างพุ่งออกมา

แต่ขอแค่มารเหล่านั้นเข้าใกล้กายเนื้อของหานลี่ในระยะสามสี่จั้ง ก็จะมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากกายเนื้อของหานลี่ แล้วกวาดมารที่เข้าใกล้ออกไปจนเกลี้ยง

มารตนอื่นพลันตกตะลึงทยอยกันพุ่งกลับมาจากไอมารด้านหลัง แต่หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็มีมารยื่นออกมาอย่างอดไม่ไหว

บนยอดเขาที่ไกลออกไปอิ๋นเย่ว์และจูกั่วเอ๋อร์กำลังรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ล้วนมีสีหน้าตึงเครียดพลางมองไปยังใจกลางบ่อ

บนยอดเขาอีกลูกหนึ่งนักพรตเซี่ยกลับนั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินยักษ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ กำลังหลับตาทำสมาธิ ราวกับว่าไม่สนใจสถานการณ์ของหานลี่ในยามนี้เลยสักนิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

A Record of a Mortal s Journey to Immortality

Fan Ren Xiu Xian Chuan, Phàm Nhân Tu Tiên, RMJI, 凡人修仙传
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
เจ้าบื้อที่สอง หานลี่ เด็กหนุ่มธรรมดาสามัญผู้ได้รับวาสนาให้ไปเข้าทดสอบเป็นศิษย์ในสำนักเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้เขาได้รู้จักกับโลกใบใหม่ที่หนุ่มน้อยชนบทอย่างเขาใฝ่ฝันอยากสัมผัสกับมันมาโดยตลอด ในโลกแห่งเซียน เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรต่างฝึกฝนค้นหาเส้นทางเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นนิรันดร์ ทว่าเส้นทางที่แม้กระทั่งผู้บำเพ็ญเพียรซึ่งมีพรสวรรค์สูงส่งแต่กำเนิดยังต้องผ่านความยากลำบากเท่าไหร่กว่าจะไปถึงจุดนั้น แล้วเด็กหนุ่มปุถุชนเช่นเขาจะทำได้หรือ? ด้วยความสามารถอันธรรมดาสามัญของเขาจะเอาตัวรอดในโลกแห่งเซียนนี้ไปได้อย่างไร? เส้นทางแห่งความสำเร็จช่างอยู่ห่างไกลเสียเหลือเกิน… คัมภีร์วิถีเซียนเป็นนิยายจีนย้อนยุคเล่าเรื่องการเดินทางอันน่าติดตามของหานลี่ ผู้ต้องใช้ทั้งไหวพริบและพลังยุทธ์ในการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว มาร่วมเดินทางไปกับหานลี่ ผู้เย้ยฟ้าท้านรกเพื่อแสวงหาเส้นทางแห่งการเป็นเซียนด้วยกันเถอะ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset