จากพละกำลังระดับมหายานของหานลี่ในยามนี้ก็มั่นใจว่าในเผ่ามนุษย์แทบจะไม่มีเรื่องใดที่ไม่อาจแก้ปัญหาได้ ดังนั้นการถามอย่างราบเรียบเมื่อครู่ก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด
“พี่หาน ในเมื่อเจ้านั่งอยู่ที่นี่แล้ว ผู้แซ่กู่ย่อมจะบอกทุกอย่างให้หมด สหายตู้ ในเมื่อสหายหานกลับมาในเมืองแล้ว ตาเฒ่าจะบอกเรื่องนี้กับเจ้า สหายคงไม่มีความเห็นอันใดหรอกกระมัง ถึงอย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับศิษย์ของเจ้า” ชายชราผมสีเงินกระแอมไอเบาๆ แล้วเอ่ยกับหานลี่และชายหนุ่มชุดขาวด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ศิษย์ของข้า?”
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา!”
หานลี่ได้ยินพลันตกตะลึง
ตู้อวี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว กลับเอ่ยปากเห็นด้วย
“ใช่แล้ว เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศิษย์ของสหายหาน พี่หาน เจ้ามีศิษย์ใต้อาณัติคนหนึ่งที่มีข่าวลือว่ามีรากเร้นอัสนีใช่หรือไม่?” ชายชราผมสีเงินเองก็ไม่ได้ลังเลอันใด พลันเอ่ยถามหานลี่อย่างตรงไปตรงมา
“พวกเจ้าหมายถึงไห่เย่ว์เทียนศิษย์ของข้า ใช่แล้วเขามีรากวิญญาณเร้นอัสนี ทว่าเรื่องนี้ข้าไม่เคยแพร่งพรายกับภายนอก เหล่าสหายรู้ได้อย่างไร” หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย กลับเอ่ยถาม
“เรื่องนี้…ดูเหมือนว่าศิษย์ของพี่หานผู้นี้จะบังเอิญแพร่งพรายออกมาเองตอนที่เมาสุราในงานชุมนุม” ปรมาจารย์จินเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างไม่รอให้ชายชราตอบอันใด ก็กระแอมไอเบาๆ พลางชิงตอบ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ศิษย์ของข้าผู้นี้มีนิสัยประมาทเลินเล่อ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด พี่กู่ เจ้าพูดต่อเถิด” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างจนปัญญา
ชายชราผมสีเงินได้ยินพลันหัวเราะแห้งๆ ออกมา จากนั้นก็ฝืนทำให้มีชีวิตชีวาแล้วเอ่ย
“ข้อดีของผู้บำเพ็ญเพียรที่มีรากวิญญาณเร้นอัสนี ข้าว่าสหายหาน่าจะรู้ดีกว่าพวกเรา และเมื่อเหล่าอาวุโสของเกาะศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่องนี้เข้า ดังนั้นจึงได้ส่งคำเรียนเชิญมาที่เมืองของเราโดยเฉพาะเมื่อสองสามวัน อยากเชิญศิษย์ของพี่หานไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์สักครั้ง เพราะอยากให้เขาใช้พลังของรากวิญญาณเร้นอัสนีสักหน่อย เรื่องต่อจากนี้ตาเฒ่าคงอธิบายได้ไม่ละเอียด ให้สหายตู้อธิบายต่อก็แล้วกัน”
ชายชราผมสีเงินพูดได้ครึ่งหนึ่งก็โยนเรื่องนี้ไปที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว
เซียนอิ๋นกวงและอาวุโสเมืองเทวะสวรรค์คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ก็ร้องว่า ‘เยี่ยม’ อยู่ในใจ
หากให้ท่านอาวุโสผมสีเงินพูดทุกอย่าง แม้ว่าคนของเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นี่จะไม่สะดวกพูดอันใด แต่เรื่องหลังจากนี้เกรงว่าคงไม่น่าภิรมย์นัก
และยามนี้การอธิบายหลังจากนี้ก็ให้ตู้อวี่เป็นคนอธิบาย แม้ว่าสุดท้ายจะทำอันใดไม่ได้ แต่ในที่สุดก็ประจบเอาใจคนของเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ทำให้พวกเขาไม่โกรธพวกตนในภายหลัง
ตู้อวี่ได้ยินคำนี้ แววตาพลันเปล่งประกายเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมองเจตนาประจบเอาใจของอาวุโสกู่ออกในพริบตา ทันใดนั้นก็พยักหน้าแล้วเอ่ย
“ในเมื่อพี่กู่กล่าวเช่นนี้ เรื่องต่อจากนี้ให้ข้าน้อยอธิบายเถิด รากเร้นอัสนีของศิษย์พี่หานสำคัญกับทั้งเผ่าของพวกเรามาก ท่านอาวุโสระดับมหายานของสองเผ่ามนุษย์และปีศาจของพวกเรา นอกจากท่านอาวุโสม่อเจี่ยนหลีและท่านอาวุโสเอ๋าเสี้ยวแล้ว ก็ไม่มีคนที่สามอีก และอายุขัยของทั้งสองท่านก็เหลืออีกไม่นานแล้ว จึงเป็นที่พักพิงให้กับสองเผ่าของเราได้อีกไม่กี่แล้ว”
เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ คำพูดของตู้อวี่พลันหยุดชะงักเล็กน้อย
และเมื่อผู้บำเพ็ญเพียร ณ ที่นั่นได้ยิน ก็อดที่จะมีสีหน้าเคร่งขรึมไม่ได้
“และหากไม่มีสิ่งมีชิวีตระดับมหายาน ตำแหน่งของเผ่ามนุษย์และปีศาจในแดนวิญญาณจะเป็นอย่างไรแค่คิดก็รู้แล้ว ดังนั้นก่อนหน้านี้เกาะศักดิ์สิทธิ์ นอกจากจะฟื้นฟูความเสียหายของทั้งสองเผ่าที่เกิดจากเคราะห์มารแล้ว ยังพยายามสร้างสิ่งมีชีวิตระดับมหายานให้ทั้งสองเผ่า ไม่ว่าเผ่ามนุษย์หรือเผ่าปีศาจ ขอแค่มีสิ่งมีชีวิตระดับมหายานปรากฏตัวขึ้น แม้ว่าสองเผ่าของพวกเราจะยังคงไม่อาจเทียบกับเผ่าที่ยิ่งใหญ่อื่นได้ แต่อันตรายหลังจากนี้อีกสองสามหมื่นปี กลับมีการรับประกันได้แล้ว ดังนั้นครั้งนี้อาวุโสเกาะศักดิ์สิทธิ์จึงปรึกษากันแล้วเตรียมจะรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมด ให้ผู้บำเพ็ญเพียรของทั้งสองเผ่าไปถึงระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย ในเวลาเดียวกันก็เริ่มทะลวงจุดคอขวด ดังนั้นจึงต้องใช้ศิษย์ของสหายหาน ผู้แซ่ตู้หวังว่าสหายหานจะเห็นแก่ความสำคัญ ให้ศิษย์ผู้นี้ไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราสักครั้ง
เห็นได้ชัดว่าตู้อวี่รู้ว่าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในยามนี้ก็คือหานลี่ ดังนั้นจึงไม่ได้เอ่ยถึงสมาคมอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์เลยสักนิด ท่าทางเหมือนคิดจะชักจูงหานลี่
“เช่นนั้น เกาะศักดิ์สิทธิ์ส่งสหายตู้และพวกทั้งสามมา คาดไม่ถึงว่าจะแค่ศิษย์ของผู้แซ่หานคนเดียว” หานลี่เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไม่ว่าผู้ใดก็ฟังความไม่สบอารมณ์ของเขาออก!
“ข้าน้อยรับประกันได้ ศิษย์ของสหายไปถึงเกาะศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเสร็จเรื่องเกาะศักดิ์สิทธิ์ของพวกเราย่อมตอบแทนอย่างหนัก” ตู้อวี่ใจหายวาบ แต่ใบหน้ากลับไม่ยอมเผยสีหน้าถอดใจพลางเอ่ยอย่างแช่มช้า
“รับประกันได้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต! ศิษย์ของข้าผู้นั้นติดตามข้ามาได้ไม่นาน พลังยุทธ์ไม่ถือว่าสูงนัก หากเขาใช้รากเร้นอัสนีช่วยคนอื่นต้านทานเคราะห์อัสนีเที่ยงแท้ระดับมหายาน เกรงว่าอย่างน้อยระดับก็ต้องเพิ่มขึ้นก่อน ถึงจะมีประโยชน์ได้ และการฝืนเพิ่มระดับพลัง จากที่ข้ารู้มาอย่างน้อยก็มีอยู่หกเจ็ดวิธี แต่ทุกวิธีล้วนต้องกำลังเกินตัวและอายุขัยล่วงหน้า และหากจะเพิ่มพลังยุทธ์ทั้งระดับทีเดียว เกรงว่าแม้ศิษย์ของข้าจะโชคดีไม่ถึงแก่ชีวิต หลังจากนี้ก็ไม่อาจใช้ค่าตอบแทนของเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้” หานลี่น้ำเสียงเคร่งขรึม คำพูดเปลี่ยนเป็นเย็นชา
ไม่ว่าผู้ใดก็ฟังเจตนาเยาะเย้ยของเขาออก
“การไปครั้งนี้ของศิษย์ของสหายหานอาจจะเกิดผลร้ายจริงๆ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใหญ่ของทั้งสองเผ่า คนหนึ่งตกอยู่ในอันตรายกับทั้งเผ่าอันใดสำคัญกว่ากัน สหายหานน่าจะรู้ดี ไม่ต้องให้พวกเราพูดอันใดให้มากความ” ในที่สุดชายร่างใหญ่เรือนผมสีเหลืองดวงตาสีเขียวมรกตที่อยู่ข้างกายตู้อวี่ก็ทนไม่ไหว ฉับพลันนั้นพลันชิงเอ่ยขึ้น
“อันใดสำคัญกว่า ข้าย่อมรู้ดี แต่ข้าขอถามหน่อยหากศิษย์ของข้าลงมือ จะต้องให้เกาะศักดิ์สิทธิ์มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานเพิ่มขึ้นคนหนึ่ง หากทั้งสามกล้าสาบานด้วยโลหิตมารกับข้า ข้าจะให้ศิษย์ไปกับพวกเจ้าก็ไม่มีปัญหา หากไม่มั่นใจ เหตุใดจะต้องให้ศิษย์ของข้าพลีชีพอย่างเปล่าประโยชน์ หรือคิดว่าจะรังแกผู้แซ่หานได้ง่ายๆ?” หานลี่เอ่ยอย่างเย็นชาอย่างไม่มีมารยาทเลยสักนิด
เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ตู้อวี่และทูตจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีสีหน้าดูไม่ได้
ส่วนอาวุโสกู่และพวกอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ล้วนมองสบตากันแวบหนึ่ง แล้วเผยสีหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จา
ดูแล้วอาวุโสเหล่านี้คงไม่ยอมเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ล้วนตัดสินใจปกป้องตนเองอย่างชาญฉลาดเท่านั้น
“พี่หาน ผู้แซ่ตู้คิดว่าขอแค่ทำให้สองเผ่ามีโอกาสเพิ่มระดับมหายานขึ้นมา ศิษย์ใต้อาณัติของสหายก็ไม่นับว่าพลีชีพไปอย่างเปล่าประโยชน์ แล้ว สหายหานคงไม่คิดว่าจะไม่สนใจคำสั่งของเกาะศักดิ์สิทธิ์และทั้งเผ่าหรอกกระมัง หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราสามคนคงไม่อาจกลับไปรายงานกับอาวุโสทุกคนที่เกาะได้” ฮูหยิน
หน้าตาอัปลักษณ์เท้าเปลือยเปล่าผู้นั้นเบะปากขณะเอ่ย คำพูดแฝงไว้ด้วยเจตนาบีบบังคับ
“อันใด ทุกท่านคิดจะข่มขู่ข้า ทั้งสามท่านเอาแต่พูดถึง ‘เกาะศักดิ์สิทธิ์’ และ ‘ทั้งเผ่า’ ไม่หยุด คงไม่คิดว่าแค่พวกเจ้าสามคนก็เป็นตัวแทนของสองเผ่าของพวกเราได้แล้วกระมัง แม้ว่าผู้แซ่หานจะฝึกฝนมาได้ไม่นาน แต่หากอาศัยแค่คำพูดหรูหราก็ทำให้ผู้แซ่หานมอบศิษย์ให้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ มิเช่นนั้นคนอื่นๆ จะมองว่าข้าเป็นอาจารย์ที่ไม่อาจปกป้องได้แม้กระทั่งศิษย์ของตัวเอง!” หานลี่ค้อนปะหลักปะเหลือก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
ฮูหยินหน้าตาอัปลักษณ์พลันหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกอับอายยามที่เอ่ยปากคิดจะเอ่ยอันใด หานลี่กลับโบกมือ ตัดบทฮูหยินแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา
“ยามนี้ผู้แซ่หานจะขอพูดกับสหายทั้งสามให้ชัดเจน นอกเสียจากเกาะศักดิ์สิทธิ์จะมั่นใจสิบส่วนว่าหากพลีชีพศิษย์ใต้อาณัติของข้า แล้วจะสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตระดับมหายานแทนสองเผ่าของพวกเราได้ มิเช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางให้ศิษย์ตามพวกเจ้าไป”
“มั่นใจสิบส่วน สหายหานคิดว่าการทะลวงระดับมหายานเป็นเรื่องอันใดกัน หากผู้บำเพ็ญเพียรระดับมหายานปรากฏตัวได้ง่ายดายเช่นนั้น เกาะศักดิ์สิทธิ์คงไม่วางแผนอย่างหนักมาเนิ่นนาน ถึงเพิ่งจะเริ่มเลือกผู้บำเพ็ญเพียรที่บ่มเพาะมานานให้ทะลายระดับนี้ พี่หานจงใจกลั่นแกล้งกันแล้ว” ตู้อวี่หน้าเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาดจนหาที่เปรียบมิได้ ปากก็พ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา น้ำเสียงไม่เป็นมิตร
“พวกเจ้าคิดจะเอาศิษย์ของข้าไปพลีชีพโดยเปล่าประโยชน์ เหตุใดถึงไม่พูดถึงเรื่องกลั่นแกล้งเหล่านี้ สหายตู้ของเราพลังยุทธ์ไม่นับว่าอ่อนแอ ตัวเลือกในการทะลวงจุดคอขวดของเกาะศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ เจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้นสินะ?” หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง กลับหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามชายหนุ่มชุดขาว
“ใช่แล้ว ผู้แซ่ตู้ได้รับความกรุณาธิคุณจากเหล่าอาวุโส เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะทะลวงระดับมหายานในครั้งนี้ หรือสหายหานคิดว่าผู้แซ่ตู้ไม่คู่ควร?” แววตาของตู้อวี่ฉายแววเย็นชา แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“คู่ควรหรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะตัดสินได้ แต่ในเมื่อสหายหานเอ่ยอย่างเที่ยงตรง ยามที่ผู้แซ่หานทะลวงจุดคอขวดระดับมหายาน นายท่านจะยอมนำยาและสมบัติทั้งหมดที่เตรียมไว้มาให้ข้าน้อย และทำให้ข้าน้อยมีโอกาสทะลวงระดับมหายานสำเร็จเพิ่มขึ้นสองส่วนหรือไม่ หากสหายทำเรื่องนั้นได้จริงๆ ผู้แซ่หานก็ไม่มีอันใดต้องพูดแล้ว” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เรื่องนี้…เกรงว่าข้าน้อยคงไม่อาจตอบรับสหายหานได้ ยาลูกกลอนและสมบัติที่ผู้แซ่ตู้เตรียมไว้ทะลวงจุดคอขวดล้วนเป็นสิ่งที่เกาะศักดิ์สิทธิ์จัดเตรียมให้ ข้าน้อยไม่มีอำนาจในการตอบรับ”
เห็นได้ชัดว่าผู้แซ่ตู้ไม่คิดว่าหานลี่จะพูดเช่นนี้ หลังจากตกตะลึงไปชั่วครู่ถึงได้ตอบกลับอย่างขัดเขิน
“ช่างน่าเสียดายจริงๆ ในเมื่อสหายตู้เองก็มั่นใจว่าทำไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าจะให้ศิษย์ของข้าพลีชีพเพื่อคนอื่น หากทั้งสามไม่มีธุระอันใดในเมืองแล้ว ก็กลับไปเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว” หานลี่เผยรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก แล้วโบกมือขณะเอ่ย
ตู้อวี่และพวกทั้งสามได้ยิน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปส่วนหนึ่ง
“พี่กู่ ปรมาจารย์จินเย่ว์ พวกเจ้าและสหายหานมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่เลว ชักจูงสหายหานสักหน่อยเถิด ครั้งนี้หากข้าไม่ได้พาศิษย์ของสหายหานไป ก็ไม่อาจกลับไปรายงานกับเกาะศักดิ์สิทธิ์ได้ เมืองของเจ้าก็รับมือกับเกาะศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เหมือนกันสินะ” ตู้อวี่หน้าเปลี่ยนสีไปชั่วครู่ ฉับพลันนั้นก็หันหน้าไปหาชายชราผมสีเงินและพวกที่นิ่งเงียบอยู่ด้านข้าง พลางเอ่ยอย่างมีเลศนัย
“เรื่องนี้…เรื่องนี้พวกเราก็ไม่อาจยุ่งได้ ไม่อย่างนั้น สหายหานและทั้งสามท่านถอยคนละก้าวเป็นอย่างไร?” ชายชราผมสีเงินด่าในใจ แต่ใบหน้ากลับลังเลเล็กน้อย ถึงได้หัวเราะอย่างขมขื่นแล้วเอ่ยออกมา