ไห่ต้าเซ่าได้ยินคำนี้ ชั่วขณะนั้นพลันเข้าใจทันทีว่าหานลี่ต้องการจะรับความกดดันทั้งหมดเพียงลำพัง ทันใดนั้นพลันรู้สึกซาบซึ้งใจ หลังจากคารวะหานลี่สองครั้งอีกคราย่อมไม่คัดค้านเลยสักนิด
หานลี่พยักหน้าส่งสัญญาณให้ไห่ต้าเซ่าที่ยืนอยู่ด้านข้าง แล้วชี้ไปที่อิ๋นเย่ว์และนักพรตเซี่ย พลางเอ่ยกับทุกคนอย่างราบเรียบ
“นี่คือท่านอาจารย์อาอิ๋นเย่ว์และท่านอาวุโสเซี่ยของพวกเจ้า จากนี้ต้องปฏิบัติดูแลเหมือนกับข้า เข้ามาคารวะสิ”
“คารวะท่านอาจารย์อาอิ๋นเย่ว์และท่านอาจารย์ลุงเซี่ย!”
“คารวะอิ๋นเย่ว์ท่านอาจารย์อาอิ๋นเย่ว์และท่านอาวุโสเซี่ย!”
ชี่หลิงจื่อที่สังเกตเห็นอิ๋นเย่ว์และนักพรตเซี่ยตั้งนานแล้วได้ยินคำพูดของหานลี่ ก็พาลูกศิษย์ใต้อาณัติเข้ามาคารวะอย่างนอบน้อม
อิ่นเย่ว์หัวเราะน้อยๆ แล้วโบกมือ นักพรตเซี่ยพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“แม่นางผู้นี้คือจูกั่วเอ๋อร์ หึๆ ชื่อแตกต่างจากศิษย์น้องไป๋ของพวกเจ้าเพียงตัวเดียว ตอนแรกที่ข้าได้ยินชื่อนี้ก็ประหลาดใจมาก ทว่านางและศิษย์น้องไป๋ของพวกเจ้าไม่เกี่ยวข้องอันใดกัน แต่มีต้นกำหนดมาจากแดนลึกลับที่ไม่ค่อยมีผู้ใดรู้จัก หลังจากนี้ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าฟังอย่างละเอียด แต่ยามนี้นางต้องติดตามข้าชั่วคราว เจ้าก็ปฏิบัติต่อนางเหมือนศิษย์น้องหญิงที่อยู่ในระดับเดียวก็พอแล้ว” หานลี่ชี้ไปที่จูกั่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย แล้วแนะนำอย่างเคร่งขรึม
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์น้องหญิงจู หากศิษย์น้องไป๋พบเจ้า จะต้องดีใจมากแน่” ชี่หลิงจื่อมีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน แต่หลังจากที่คารวะจูกั่วเอ๋อร์ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที
“เกรงว่ากั่วเอ๋อร์คงต้องพักอยู่กับท่านอาวุโสหานชั่วคราว หากมีจุดใดที่เสียมารยาทก็หวังว่าศิษย์พี่ทั้งสองจะไม่ถือสา” จูกั่วเอ๋อร์คารวะชี่หลิงจื่อและพวกทั้งสองอย่างคล่องแคล่วพลางเอ่ยขึ้น
ชี่หลิงจื่อและพวกทั้งสองย่อมเอ่ยว่า “มิกล้า” เป็นพัลวัน
จากนี้หานลี่ก็ซักถามเรื่องที่เกิดขึ้นยามที่เขากักตนกับชี่หลิงจื่อและพวก
หนึ่งในนั้นมีเรื่องที่เผ่ามารถอนทัพออกจากแดนวิญญาณอย่างแปลกประหลาดด้วย หานลี่ย่อมถามอย่างละเอียดยิบ
แต่สิ่งที่น่าเสียดายก็คือชี่หลิงจื่อและไห่ต้าเซ่าไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้เช่นกัน
รู้เพียงว่าจู่ๆ สมาคมอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ก็ส่งข่าวมาว่าเผ่ามารจะหยุดสงครามชั่วคราว ไม่นานกองทัพเผ่ามารที่ยึดครองที่มั่นของมนุษย์ก็กลับไปยังแดนมารผ่านทางเชื่อมราวกับสายน้ำ
จากนั้นเผ่ามนุษย์และปีศาจก็ได้ดินแดนที่สูญเสียไปคืนมา มีเพียงเผ่ามารส่วนน้อยที่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้
ในช่วงเวลานี้ยอดฝีมือของเผ่ามนุษย์และเผ่ามารก็พากันฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเคราะห์มารของเผ่ามาร นับเป็นความเจริญรุ่งเรืองหลังมีภัยพิบัติเป็นอย่างยิ่ง
หานลี่ฟังชี่หลิงจื่ออธิบายอย่างละเอียดด้วยสีหน้าราบเรียบ ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอันใดอยู่เลยสักนิด
เมื่อชี่หลิงจื่อเพิ่งอธิบายเสร็จ หานลี่ครุ่นคิดชั่วครู่ กลับเอ่ยถามด้วยแววตาที่เปล่งประกาย
“เช่นนั้นใต้เท้าม่อเจี่ยนหลีและเอ๋าเสี้ยวก็หายตัวไปหลังจากที่เคราะห์มารจบลงได้ไม่นาน”
“ใช่แล้วขอรับท่านอาจารย์ แม้ว่าเราสองคนจะพลังยุทธ์ต่ำต้อย แต่ปกติแล้วก็มีความสัมพันธ์กับศิษย์ของอาวุโสต่างๆ ในเมืองเทวะสวรรค์อยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น ศิษย์ก็รู้ทันที สาเหตุที่เกาะศักดิ์สิทธิ์บีบให้เมืองเทวะสวรรค์ส่งศิษย์น้องไปอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกันการที่ท่านอาวุโสทั้งสองหายตัวไป มิเช่นนั้นจากอำนาจของท่านอาวุโสทั้งสอง คนของเกาะศักดิ์สิทธิ์อาจหาญเพียงไหน ก็ไม่อาจไม่สนใจความสัมพันธ์ของท่านอาจารย์กับท่านอาวุโสทั้งสองแน่ จะกล้ามารังแกกันถึงบ้านได้อย่างไร” ชี่หลิงจื่อครุ่นคิดแล้วตอบกลับอย่างมั่นอกมั่นใจ
“อืม ข้าจะไปเกาะศักดิ์สิทธิ์ดูสักครั้ง นอกจากนี้ข้ามีเรื่องหนึ่งต้องให้เจ้าไปจัดการ หานลี่หัวเราะอย่างเย็นชาออกมาแล้วเอ่ยขึ้น
“เชิญท่านอาจารย์กำชับมาได้เลย ศิษย์จะไปจัดการให้เหมาะสมขอรับ” ชี่หลิงจื่อพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็ก้มหน้าตอบ
“นี่คือรายการ เจ้าให้ศิษย์ไปรวบรวมและสืบหามาให้ข้า ของเหล่านี้นับว่าเป็นของหายากในแดนวิญญาณ ต่อให้พวกเจ้าไม่อาจเอามาได้ ก็หาเบาะแสที่ชัดเจนมาให้ได้ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง” หานลี่เอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ขอรับ ศิษย์น้อมรับคำสั่งท่านอาจารย์” ชี่หลิงจื่อตอบอย่างไม่ต้องขบคิด
นักพรตเซี่ยที่อยู่ด้านข้างได้ยินศิษย์ทั้งสองคุยกันก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากอันใด
“เยี่ยม เจ้าสองคนออกไปก่อนเถิด ข้าและท่านอาจารย์อาอิ๋นเย่ว์ของพวกเจ้าจะปรึกษากันสักหน่อย” หานลี่พยักหน้าแล้วออกคำสั่ง
ชี่หลิงจื่อและไห่ต้าเซ่าไม่กล้ามีข้อโต้แย้งจึงเอ่ยตอบรับ แล้วพาศิษย์ถอยออกไป
จูกั่วเอ๋อร์ไม่รอให้หานลี่ออกคำสั่ง ก็เดินตามออกไปจากห้องโถงอย่างรู้จักวางตัว
ชั่วพริบตาในห้องโถงจึงเหลือเพียงหานลี่ นักพรตเซี่ยรวมทั้งอิ๋นเย่ว์สามคน
“อิ๋นเย่ว์ ก่อนที่เจ้าจะจากบรรพชนของเจ้ามา เคยได้ยินท่านอาวุโสเอ๋าเสี้ยวเอ่ยถึงข่าวการหายตัวไปหรือไม่?” หานลี่เอ่ยถามอิ๋นเย่ว์อย่างเคร่งขรึม
“ไม่เคยได้ยิน หากมีเรื่องที่เกี่ยวข้องถึงแก่ชีวิต ข้าคือชนรุ่นหลังสายตรงเพียงคนเดียวของท่านปู่ จะไม่แพร่งพรายกับข้าได้อย่างไร ยามที่ข้าจากมาท่านปู่ไม่ได้มีท่าทีผิดปกติเลยสักนิด” อิ๋นเย่ว์เองก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย แต่ก็ใช้น้ำเสียงมั่นใจตอบกลับ
“เช่นนั้นดูแล้วการที่บรรพชนของเจ้าและท่านอาวุโสม่อหายตัวไปน่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่ามาร ส่วนข่าวที่เป็นรูปธรรมกว่านี้เมืองเทวะสวรรค์เองก็น่าจะไม่รู้ มีเพียงเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่อาจจะรู้ ดูแล้วคงต้องไปเกาะศักดิ์สิทธิ์ดูสักครั้งแล้ว” หานลี่ลูบใต้คาง แล้วเอ่ยอย่างมีแผนการณ์
“พี่หานไม่ต้องเป็นห่วงท่านปู่นัก ข้าและท่านปู่มีสายเลือดเดียวกัน หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้าย่อมสัมผัสได้ หากท่านปู่ไม่เป็นไร คิดดูแล้วใต้เท้าม่อเจี่ยนหลีก็น่าจะไม่เป็นไร” อิ๋นเย่ว์กลับเลิกคิ้วแล้วเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“ท่านปู่ของเจ้าและท่านอาวุโสม่อล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตระดับมหายาน ในสถานการณ์ปกติแล้วจะตกอยู่ในอันตรายง่ายๆ ได้อย่างไร ข้าแค่กังวลว่าท่านอาวุโสทั้งสองจะติดกับแผนการณ์ของเผ่ามาร และถูกกักอยู่ในที่ๆ หนีออกมาได้ยากเท่านั้น ถึงอย่างไรเสียการกักสิ่งมีชีวิตระดับมหายานสองคนก็ง่ายกว่าการสังหารทิ้งมาก” หานลี่ขมวดคิ้วแล้วตอบกลับอย่างกังวล
“ท่านปู่และท่านอาวุโสม่อล้วนเป็นคนรอบคอบ น่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้กระมัง” อิ๋นเย่ว์ได้ยินสีหน้าก็อดที่จะเปลี่ยนสีไม่ได้
“บางทีข้าอาจจะคิดมากไปเอง พรุ่งนี้ข้าจะไปถามอาวุโสของเมืองเทวะสวรรค์ให้ละเอียด บางทีอาจจะพบอันใดก็เป็นได้” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง
อิ๋นเย่ว์พยักหน้า สีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสไม่แน่นอน
แต่ในยามนี้หานลี่กลับหันหน้าไปเอ่ยถามนักพรตเซี่ย
“พี่เซี่ยข้าสั่งให้ศิษย์ใต้อาณัติคอยจับตาดูของที่เจ้าขอแล้ว แต่ก่อนที่จะรวบรวมทุกอย่างได้ครบหวังว่าสหายจะช่วยข้าอีกแรง”
“ก่อนที่เจ้าจะผ่านการทดสอบ เดิมข้าก็ไม่ไปจากเจ้าอยู่แล้ว” นักพรตเซี่ยตอบกลับด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หานลี่ได้ยินกลับรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เวลาต่อจากนั้นหานลี่และอิ๋นเย่ว์ก็ปรึกษาเรื่องที่เผ่ามารถอนทัพออกจากแดนมนุษย์และเรื่องที่ระดับมหายานเอ๋าเสี้ยวทั้งสองคนหายตัวไป แต่สุดท้ายก็ยังคงไม่ได้ผลลัพธ์
พวกเขาทำได้เพียงวางเรื่องนี้ลงชั่วคราว และนั่งสมาธิพักผ่อนอยู่ในห้องลับ
เช้าตรู่วันที่สองอาวุโสกู่และภิกษุจินและพวกอาวุโสระดับผสานอินทรีย์ของเมืองเทวะสวรรค์ แทบจะมารอหานลี่ที่ด้านนอกหอคอยหินกันอย่างครบครัน และส่งบัตรคารวะมาตั้งนานแล้ว
หานลี่รับรายงานของชี่หลิงจื่อแล้วฉีกยิ้มบางๆ
ดูแล้วเมื่อคืนเกรงว่าอาวุโสเมืองเทวะสวรรค์กลุ่มนี้คงไม่อาจหลับตานอนได้ มิเช่นนั้นก็คงไม่มาแต่เช้าตรู่เช่นนี้
หานลี่ออกคำสั่งทันใดนั้นก็ให้ชี่หลิงจื่อหาทุกคนเข้าไปในห้องโถงเมื่อวาน
เขาคอยต้อนรับอาวุโสเมืองเทวะสวรรค์เพียงลำพัง
การคุยครั้งนี้เป็นความลับมาก และต่อเนื่องไปตั้งแต่เช้าจนถึงยามเที่ยง อาวุโสกู่และพวกถึงได้เดินออกจากห้องโถงด้วยสีหน้าหลากหลาย
หลังจากนั้นไม่นานในที่สุดข่าวที่หานลี่บรรลุระดับมหายานก็ถูกปล่อยออกไปจากเมืองเทวะสวรรค์อย่างเป็นทางการ
เผ่ามนุษย์และปีศาจในเมืองที่ได้ยินข่าวนี้ยามแรกพลันไม่อยากจะเชื่อ แต่จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดีอกดีใจเป็นอย่างยิ่ง และทยอยกรูกันมาแสดงความยินดีจนเต็มท้องถนน
มีสิ่งมีชีวิตระดับมหายานคนใหม่อย่างหานลี่ ก็รับประกันได้ว่าในระยะเวลาสองสามหมื่นปีนี้ทั้งสองเผ่าจะยืนหยัดได้
และยามที่หานลี่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ก็สร้างชื่อเสียงเกรียงไกร และเคยอาศัยอยู่ในเมืองเทวะสวรรค์มานาน นี่จึงทำให้ทุกคนในเมืองเทวะสวรรค์ล้วนรู้สึกเป็นเกียรติ
ข่าวนี้แพร่กระจายไปตามสายสืบจำนวนมากที่อยู่ในเมือง และแพร่กระจายไปตามดินแดนมนุษย์และปีศาจอื่นๆ ด้วยความเร็วที่ยากจะเหลือเชื่อ
แน่นอนงานฉลองของหานลี่ที่จะจัดขึ้นในหนึ่งปีให้หลังรวมทั้งสถานที่ในการจัดงานที่เมืองเทวะสวรรค์ก็ถูกแพร่งพรายไปพร้อมกับข่าวนี้ด้วย
ขุมอำนาจเล็กๆ ที่ได้รับข่าวนี้ล้วนตกตะลึงเช่นกัน และทยอยกันส่งคนมายืนยันข่าวนี้อย่างเร็วที่สุด
ขุมอำนาจเหล่านี้ล้วนมีความคิดต่างๆ มากมาย แต่เมื่อยืนยันว่าข่าวนี้เป็นความจริง ทันใดนั้นก็ส่งคนมาแสดงตัวว่าจะเข้าร่วมพิธีฉลองด้วยตัวเองที่เมืองเทวะสวรรค์
ดินแดนที่อยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองเทวะสวรรค์ก็เริ่มเตรียมของขวัญทันที และเริ่มคัดเลือกทูตที่จะรับตำแหน่งได้
สรุปแล้วภายในระยะเวลาสั้นๆ สองสามเดือน เผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจแทบจะทุกที่ล้วนกำลังยินดีกับผู้บำเพ็ญเพียรที่เพิ่งบรรลุระดับมหายานคนใหม่ รวมทั้งหลังจากนั้นไม่นานก็จะจัดงานฉลองระดับมหายานขึ้น
แม้กระทั่งเผ่าวิญญาณรอบๆ เผ่าสามงามราตรีรู้ข่าวแล้วก็ส่งข่าวมาเช่นกัน และแสดงออกว่าจะส่งทูตมาเข้าร่วมงาน
พวกที่พิเศษหน่อยก็มีเพียงปฏิกิริยาตอบสนองของเกาะศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนว่าเย็นชาเล็กน้อย และไม่ได้ส่งเสริมอันใดกับเรื่องนี้
นอกจากขุมอำนาจน้อยใหญ่และชนนอกเผ่าที่อยู่ใกล้เคียงแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรสันโดษที่ฝึกฝนด้วยตนเองของเผ่ามนุษย์และเผ่าปีศาจที่มีชื่อเสียงก็ทยอยกันหยุดการกักตนและเตรียมเดินทางมาที่เมืองเทวะสวรรค์
เพราะตามประเพณีแล้วในงานฉลองผู้ที่บรรลุระดับมหายานคนใหม่ ก็จะมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบรรลุระดับมหายานของตนเอง
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากมากสำหรับผู้ที่เตรียมจะทะลวงจุดคอขวดหรือติดอยู่ในจุดคอขวดมาตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว
ไม่แน่ว่าเมื่อได้ฟังผู้ที่เพิ่งบรรลุระดับมหายานคนใหม่พูด ก็อาจจะบรรลุสิ่งที่ตนฝึกฝนมาแล้วทะลวงจุดคอขวดได้อย่างง่ายดาย
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นในพิธีฉลองระดับมหายานในอดีต